(ตอนที่ 2) สองสาว ทัวร์เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ครั้งแรก (แบบ..งบจำกัดจ้า)

พาเที่ยว เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ 3 วัน 2 คืน (ตอนที่2)

วันนี้เริ่มต้นวันที่สองในเชจู ด้วยการไม่ได้ทานข้าวเช้าค่ะ มีอาการมึนเมานิดหน่อยถ้าเพื่อนๆได้ติดตามตอนที่1 จะทราบว่าหนึ่งได้ทานโซจูไปก่อนนอน รุ่นน้องรินเก่งมากๆเลยค่ะ แก้วไม่พร่องเลย อิอิ เริ่มแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรคะแค่ไม่สดใส แต่พอแต่งหน้าในรถไปสักพักเริ่มมึนหัว คลื่นใส้ หายใจไม่ออก ก็เลยต้องมีพี่ๆร่วมคณะ ช่วยเปิดกระเป๋าหายาดม แต่ไม่มีใครพกยาดมมาเลยค่ะ พี่เขาเลยเรียกหัวหน้าทัวร์ "น้องๆขอถุงใบนึง" เช้านี้ก็เลยนั่งรถแบบที่มีถุงดำเกาะหูไปด้วยค่ะ

-----------------------------------------------โปรแกรมวันที่ 2(28 เมษายน 2558)ยอดเขาซองซานอิลซุงโบล - ซอฟจิโกจิ - หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ - โขดหินหัวมังกร - แสดงม้า PONY VALLEY - ศูนย์น้ำมันสน-----------------------------------------------

"ยอดเขาซองซานอิลซุงโบล" คือจุดหมายปลายทางแรกของเราในวันนี้ค่ะ ยอดเขานี้ถ้าไปให้ถึงด้านบนสุดสูงมากค่ะ ทางคณะเลยให้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่ะ จุดเด่นของที่นี่คือ มีจุดสำหรับชมวิวที่สวยงามค่ะด้านบนค่ะ ไกลมว๊ากก ระหว่างทางเราก็เลย คุยกัน ต่อรองกันค่ะ จะไปดีไหมน้าาาา แค่นี้ดีไหมน้าาา เลี้ยวซ้ายเหอะ 55555 ก็เลยเดินไปไม่ถึงจุดสูงสุดค่ะ เลี้ยวซ้ายซะก่อน ก็ต้องขึ้นเขาและลงไปด้านล่าง เพื่อไปดูอาจุมม่า ขายของทะเลสดๆค่ะ

เมื่อไปถึง ริมทะเลที่เรา ขึ้นๆ ลงๆ เขากันมาเรื่อยๆ เริ่มเหนื่อยค่ะ ลักษณะการเดินมาจุดนี้เหมือนกับเราขึ้นเขาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อลงมาอีกฝั่งที่ติดทะเลค่ะ พอเห็นของทะเลแปลกๆเพียบ เลยสั่งมาทานสักหน่อยค่ะ

เพื่อนๆคงสงสัยใช้ไหมคะว่าหอยเป๋าฮื้อ ทานดิบๆ รสชาติเป็นอย่างไร ที่นี่ขายราคา 1 ตัว 10,000 วอนค่ะ (300 บาท) ไปดูน้องตั๊กอธิบายเลยค่ะว่า ถ้ากินฟรีจะกินอีกไหม?

ทานโชว์เลยค่ะ รสชาติกุบๆ มีกลิ่นแปลกๆค่ะ กลิ่นติดอยู่ที่คอค่ะ หอยคีบยากมาก เค้าจะลื่นมากๆคนจีนแถวนั้นหัวเราะกันใหญ่เลยค่ะ คนจีนเขาจะซื้อทีละเยอะมากๆ หลายๆอย่าง สงสัยจะชอบ ระดับความอร่อยให้สังเกตุได้จากสีหน้าหนึ่งได้เลยค่ะ

หลังจากที่ทานไปได้สักพัก น้องสาวบอกว่าไม่ไหวค่ะ มันมีกลิ่น ติดตอแปลกๆ สั่งโซจูมาทานซะหน่อยดีก่า 555+

ระหว่างทาง ก็เดินกัน ทุลักทุเลมากๆค่ะ เพราะต้องขึ้นลงๆ เขา ไปถ่ายรูปจุดชมวิวอื่นๆ และลงมาด้านล่าง(กลับทางเดิม-*-) เพื่อไปที่ลานจอดรถ นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ก็เลยแวะซื้อขนมหวานไปทานดับคาว ของสดที่เราเพิ่งกินมาซะหน่อยค่ะ

"ซอฟจิโกจิ " สถานที่นี้ก็เป็นจุดที่คนเกาหลีหรือนักท่องเที่ยวมากินลม ชมวิวกันค่ะ แต่เนื่องจากวันนี้มีฝนตกเล็กน้อยตั้งแต่เช้าแล้ว แต่มาตกหนักขึ้นที่นี่ค่ะ ก็เลยเดินไปไม่สุดทาง ถ้าหากเดินไปสุดทางจะเป็นประภาคารค่ะ ต้องเดินด้วยเท้าขึ้นไปค่ะ ลดเลี้ยวเคี้ยวคดพอสมควรแต่ว่าทางเดินสะดวกค่ะ เหมือนเดินขึ้นเขาขนาดย่อมๆ ที่มีวิวทะเลให้ชมระหว่างทางค่ะ

ใครมาถึงที่นี่สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ปลาหมึกลมเดียวค่ะ หนึ่งพิมพ์ไม่ผิดนะคะ ลมเดียวจ้าไม่ใช่แดดเดียว วิธีการซื้อก็มีดังนี้ค่ะ ถ้าไม่ทำตามขั้นตอน อดกินไม่รู้น๊าาา

1. เตรียมเงิน 10,000 วอนค่ะ(300 บาท) ถ้าเป็นแบงค์ 50,000 วอน จะรอนานค่ะ เขาจะให้คนจ่ายพอดีก่อน
2. จะมีคุณป้า 3 คน ยื่นเงินให้คนที่ไม่ได้ย่างหมึกค่ะ (ขวามือ) ยื่นออกไปเลยค่ะ เขาไม่สนใจก็ยื่นไปค่ะ ไม่งั้นเขาจะให้คนอื่นก่อนค่ะ
3. เมื่อคุณป้าเก็บเงินไป ก็จะให้ถุงมาหนึ่งใบค่ะ เราต้องอ้าปากถุงไว้ค่ะแล้วยื่นออกไป
4. ยื่นถุงไปทางคุณป้าคนที่หั่นหมึกค่ะ เขาใช้มือกอปหมึกที่หั่นแล้วใส่มาในถุงค่ะ มีแค่นี้ค่ะ

มาถึงอาหารกลางวันในวันนี้ เมนู "จิมดัก"

อิ่มท้องแล้วก็ต้องไปต่อกันค่ะที่ "หมู่บ้านวัฒนธรรม" ตอนแรกหนึ่งคิดว่าหมู่บ้านนี้คงเหมือน สถานที่ถ่ายหนังย้อนยุค คิดว่าจะได้เดินชิลๆ ถ่ายรูป ที่ไหนได้เข้าใจผิดหมดเลยค่ะ สถานที่แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ค่ะ ที่เขาพาเรามาชมและเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตคนเชจู และมีการนำเสนอขายสินค้าค่ะ เขาจะพาเราย้ายไปตามกระท่อมต่างๆ และแนะนำสินค้าไปด้วยค่ะ นั่นก็คือกระดูกม้า เขาบอกว่าเสริมสร้างกระดูกได้ค่ะ ป้องกันการสึกหลอของกระดูก ก็เลยจัดเซทเล็กมาให้พ่อ กับป้า และสามีค่ะ สินค้าอีกอย่างคือน้ำหมักโอมิจาค่ะ ช่วยให้ปึ๋งปั๋ง ผิวพรรณเปร่งปรั่งด้วยค่ะ รสชาติอร่อยดีค่ะหวานๆเปรี้ยวๆอันนี้เขาแถมฟรีค่ะ เพราะซื้อกระดูกม้ามารับประทาน

ที่หมู่บ้านวัฒนธรรม มีรูปปั้นหินเต็มไปหมดเลยค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่า คนชอบเดินทางมาขอพรกันค่ะ รูปปั้นนี้ขอได้ 3 เรื่องค่ะ คือขอสามี ขอลูก และขอให้รวยค่ะ

วิธีขอสามี (มีรูปปั้น 2 ตัว) ให้ลูปที่หัวรูปปั้นค่ะ ชอบสามีแบบไหนก็ลูบตัวนั้นค่ะ

• ตัวที่ยกมือซ้ายสูงกว่ามือขวา หมายถึง ต้องการสามีที่มีพละกำลังค่ะ นักมวย นักกีฬา ผู้มีอิธิพลต่างๆค่ะ
• ตัวที่ยกมือขวาสูงกว่ามือซ้าย หมายถึง ต้องการขอสามีที่มีสติปัญญาค่ะ นักปราช นักกฎหมาย นักธุรกิจ ประมาณนี้ค่ะ

• ลูบที่จมูกคือขอลูกชายค่ะ
• ลูบที่หู คือขอลูกสาวค่ะ

"โขดหินหัวมังกร" แบบเดิมเหมือนทุกที่ค่ะ เดินขึ้นเนินเพราะเชจูเป็นเกาะที่มีเขาเยอะมากกกกกกก พอมาถึงที่นี่ฝนไม่ตกแล้วค่ะ ก็เดินชิวๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจมากใช้เวลาแปปเดียว เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่ก็จะเจอรูปปั้นอีกค่ะ เราก็เลยลูบกันอีกค่ะ ลูบทั้งตัวเลยค่ะทีนี้ 555+

แวะซื้อของกินที่นี่สักหน่อยค่ะ เติมพลัง ไม้นี้ราคา 1,500 วอนค่ะ (45บาท)

แสดงม้า PONY VALLEY ที่นี่หนึ่งมีรูปแค่รูปเดียวค่ะ อีกรูปเป็นรูปในเนทค่ะ สถานที่เหมือนโรงละครสัตว์แบบปิดค่ะ และที่นี่เป็นที่ทรมานมาก กลิ่นแรงสุดๆ เบาะที่นั่งชมเป็นโซฟาคล้ายโรงหนังค่ะ ก็อมกลิ่นเหม็นไว้ที่เบาะชนิดที่ว่ากลิ่นติดหลังและกางเกงกันเลยทีเดียว ประกอบกับน้องตั๊กของเรา หอยเป๋าฮื้อทำงานค่ะ ท้องเสียก็เลยต้องออกมาส่งแฟกซ์ที่ห้องน้ำ เลยชมการแสดงไม่จบค่ะ

ศูนย์น้ํามันสนเข็มแดง ที่นี่เขาห้ามถ่ายภาพค่ะ ก็เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝาก มีการสาธิตน้ำมันที่สะกัดจากสนเข็มแดง ดูแล้วก็น่าทึ่งมาก่ะ แต่ราคาสูงมากค่ะเกินครึ่งแสน(บาท) แต่ถ้ามีเงินเยอะๆหนึ่งก็อยากลองซื้อมารับประทานค่ะ เขามีเจ้าหน้าที่ ตรวจเช็คเส้นเลือดให้เราด้วยค่ะ โดยการใช้กล้องส่องค่ะ ถือว่าเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะเพราะว่าเขาบริการฟรีค่ะ แล้วก็จะบอกว่าเส้นเลือดของเราเป็นลักษณะไหน มีแนวโน้มจะเป็นโรคอะไร เกิดจากอะไรค่ะ

ปิดท้ายวันนี้ด้วยเมนู "คาลบิ" จะพูดว่าปิ้งย่างสไตล์เกาหลีก็ยังไงๆอยู่ ขอใช้คำว่าปิ้งย่างสไตล์เชจูดีกว่าค่ะ

เที่ยว ชิม ชอป ย่านที่พัก และจัดกระเป๋า เตรียมเดินทางกลับพรุ่งนี้ค่ะ

น้องตั๊กมีของมาน้อย ก็เลยอาบน้ำ และเก็บกระเป๋าเสร็จก่อน หลังจากที่หนึ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเจอนางนั่งชิวๆ ปลายเตียง เปิดหน้าต่างรับลมหนาว จิบไวน์ข้าว (ขวดใหญ่มาก) สำหรับวันนี้หนึ่งขอบายไม่ดื่มค่ะ เพราะว่าเข็ดสุดๆ (คอยติดตามนางตอนที่3 นะคะ นางท้องเสียหลังจากกินหอยเป๋าฮื้อ แต่นางก็ดื่มไวน์ข้าวคนเดียวหมดขวด!!) ไม่เมาค่ะ แค่คลานกลับเตียงตัวเอง 555+

ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามค่ะ

ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ตอนที่ 3 (ตอนจบ) จะอัพเร็วๆนี้ค่ะ

ลิงค์ ตอนที่ 1 : http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=200956