How to: Chic Matte แต่งหน้าแมทสวยเก๋ไปพบลูกค้า

สวัสดีค่ะ นี่แจ๊คเองนี่แจ๊คไง ห่างหายกันมานานแรมเดือน คงไม่ลืมกันแล้วเนอะ กลับมาคราวนี้ก็ไม่ได้มามือเปล่านะคะะะะะ คุณเจ้พกเอา How to แซ่บๆ สวยชิค เผ็ดพริก 10 เม็ดมาฝากค่าาาา ตามชื่อเลยนะจ๊ะเธอ 'How to Chic Matte' เรามาอธิบายกันก่อน ครั้งนี้คุณเจ้เลือกใช้นางแบบผิวสีเข้มขึ้นมาหน่อย (แต่ยังไม่เข้มสุด มีเข้มมากกว่านี้!) คอนเซ็ปคราวนี้คือ ชิคและแมท ฉะนั้นแล้วงานนี้เจ้โนชิมเมอร์จ้ะ ใครชอบงานชิมเมอร์ข้ามงานนี้ไปโลดดดด เพราะบางทีเราก็เบื่อความวิ้งเนาะ ฮ่าๆๆๆ ต่อมาคือเจ้ต้องการให้ลุคชิคแมทนี้ไปพบลูกค้า!! ฮ่าๆๆ บางคนอาจจะเอามือทาบอกด้วยความตกใจว่า ทำไมแต่งหน้าไปนำเสนองานลูกค้าแน่นจริงเชียว แต่เดี่ยวก่อน เราลองคิดดูว่าเวลาลูกค้าเจอหน้าเรา เราควรจะหน้าแบบไหนนะ เอาแบบที่ง่ายและมั่นใจ เลยขอเน้นไปที่คิ้วสวยคมและสีปากสุดแซ่บแทน เพื่อให้ได้ลุคที่กล้า เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความStrong (ฟีลMV Britney spear-Stronger than yesterday-*-เกี่ยวมั้ย) ที่จะนำเสนองานให้ลูกค้าประทับใจ ปิดจ๊อบง่ายๆ ไม่รีรอล้าววว เรามาเริ่ม How to กันเลยแล้วกัน

เครื่องสำอางที่ใช้ทั้งหมดมีตามภาพด้านล่างเลยค่ะ

เรียงตามเลข อันได้แก่

  1. อายแชร์โดว์จาก KRYOLAN Eye Shadow Compact 18 Colors
  2. แป้งฝุ่น PALLADIO Rice Powder #RP03 Natural 787300
  3. มาสคาร่าปัดขนตา Lancome Grandiose Smudgeproof
  4. ไพร์เมอร์เปลือกตา CANMAKE Lasting Multi Eye Base #WP01
  5. ดินสอเขียนคิ้ว MILLE Dual 3D Eyebrow
  6. มาสคาร่าปัดขนคิ้ว MILLE 3D Brow Mascara
  7. รองพื้น CLINIGUE Pore Refining Solution #8 Golden Neutral
  8. ปัดแก้มจาก Wet n Wild Blusher #E832E Healther Silk Soie Chinee
  9. ลิปสติก CLIO Lipstick #1 Dangerous
  10. บลอนเซอร์ INGRID Cosmetics Bronzer Powder
  11. คอนซีลเลอร์ Collection Lasting Perfection Ultimate Wear Concealer #Warm Medium 3
  12. ดินสอเขียนขอบตา KATE Slim gel pencil #BK-1

ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการแต่งเราก็มาเอาหน้าสดก่อนแต่งกับภาพสวยชิคตอนแต่งเสดแล้วของนางแบบจำเป็นไปดูก่อนนนนน (บอกไว้เลยว่าอย่าตกใจแรง ฮ่าๆๆๆๆ)

เห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวกันแล้วใช่ไหมละคะ

งั้นเราก็มาเข้ากระบวนการแต่งสวยกันดีกว่าเนอะ

เริ่มด้วยการลงคอนซีลเลอร์ที่ใต้ตา จากนั้นใช้นิ้วเกลี่ยให้เนียนไปด้วยกันกับผิว (เน้นย้ำว่าเฉพาะใต้ตาเท่านั้นนะคะ) เมื่อลงแล้วเกลี่ยให้เนียนจะได้ดังรูปที่ 1

เสร็จจากการเกลี่ยคอนซีลเลอร์ในเนียนแล้ว เลือกรองพื้นที่ตรงตามสีของตัวเองมาลงตามจุดต่างๆ แล้วใช้แปรงเกลี่ยให้ผิวสม่ำเสมอทั่วทั้งหน้าจากนั้นใช้แปรงแตะแป้งฝุ่นขึ้นมาตบเบาๆ ให้ทั่วทั้งหน้าตามรูปที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

ซึ่งขั้นตอนนี้ในรูปถ่ายดูลอยๆ เพราะนางแบบเรามีปัญหาสีผิวชอบดรอประหว่างวัน แนะนำเลยสำหรับคนที่มีปัญหานี้นะคะ เวลาลงรองพื้นอาจเลือกเฉดที่สว่างกว่าหน้าซักเบอร์นึงค่ะ ตอนแต่งใหม่ๆจะรู้สึกลอยนิดๆ แต่ผ่านไปซักพักจะพอดี หน้าไม่ดรอป

เสร็จลงแป้งแล้วก็ต้องเขียนคิ้วกัน สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับคุณผู้หญิง ขาดไม่ได้เลย ยิ่งลุคนี้แล้วเน้นคิ้วมาอันดับสองลองจากปาก งั้นต้องเริ่มเขียนคิ้วจากหางแล้วขึ้นเป็นโครงคิ้ว จากนั้นใช้แปรงปัดระบายสีให้ทั่วคิ้ว (แต่หัวคิ้วไม่ต้องหนัก)

เมื่อได้คิ้วสวยเรียบร้อย ค่อยใช้มาสคาร่าปัดย้อมคิ้ว ให้สีของขนคิ้วกับสีของดินสอเขียนคิ้วกลมกลืนกัน จะได้ไม่โป๊ะ แถมทำให้คิ้วสวยเรียงเส้นอีกต่างหาก ภาพรวมจะได้เป็นคิ้วสีกลางๆคมๆนะคะ

จากนั้นใช้ไฮไลท์หรือคอนซีลเลอร์ตัวเดิมลงตรงโหนกคิ้ว เพื่อสร้างมิติให้คิ้วสวยชัดเจนขึ้น เกลี่ยคอนซีลเลอร์ให้เนียน แล้วลงไฮไลท์เนื้อแมทท์สีสว่างๆให้เรียบร้อย(คนผิวสีเข้มลักษณะนี้แจ๊คแนะนำว่าไฮไลท์ไม่ควรสีขาวหรืออ่อนเกินไป ให้เลือกสีที่ออกเหลืองเหมือนสีกล้วยค่ะ จะกล้วยหอมกล้วยไข่กล้วยเล็บมือนาง โตเกียวบานาน่าอะไรก็แล้วแต่) แล้วมาเข้าขั้นตอนการแต่งตาด้วยการลงอายไพร์เมอร์หรืออายเบสที่เปลือกตาทั้งสองข้างเพื่อความติดทน

เกลี่ยให้เรียบร้อย แล้วทิ้งไว้ในเซ็ตตัวสักคู่ แล้วเดี๋ยวมาลงอายแชร์โดว์กัน สีอายแชว์โดว์ที่เราจะใช้มีเพียงแค่ 2 สีเท่านั้น เอาให้ง่ายๆอย่าเยอะ เดี๋ยวจะเละเหมือนกล้วย สีที่ใช้คือ สีเทา และสีดำ ตามภาพด้านล่าง ในพาเลทท์ (พาเลทท์นี้สั่งมาจากร้านพรีออเดอร์นำเข้าจากอเมริกา ช่างแต่งหน้าเอฟเฟกท่านนึงแนะนำมา เพราะทั้งพาเลทท์เป็นสีแมทท์หมดเลย หายาก)

เพื่อความต่อเนื่อง เรามาลงอายแชโดว์กันเลยดีกว่า

ลงอายแชโดว์สีเทาเข้มเป็นพื้น เบลนให้เนียนให้ทั่วเปลือกตาเป็นครึ่งวงกลม จากนั้นลงแต้มอายแชโดว์สีดำมาเบลนคัดเบ้าตา เฉพาะส่วนปลายหางตาเท่านั้น เพื่อให้เปลือกตาดูลึกชัดมีมิติมากขึ้น เมื่อเบลนอายแชร์โดว์บนเปลือกตาทั้งสองข้างในสวยเนียนแล้ว ก็จะได้สีตามภาพที่ 3

จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดinner ด้านบน เพื่อขับเน้นให้ดวงตาดูคมชัดขึ้น แต่ลุคนี้เราจะไม่ใส่เส้นไลเนอร์ด้านบนเลยยยยย เน้นโชว์สีตากรุบๆ เก๋ๆ แล้วขอบตาจะสวยชัดขึ้นตามภาพ

จากนั้นให้ดัดขนตาให้งอน แล้วใช้มาสคาร่าปัดให้ยาวสุดหนาสุด เพราะลุคนี้เราจะไม่ติดขนตาปลอม เบื่อการติดขนตาจ้า(การแต่งหน้าไม่จำเป็นต้องเขียนไลเนอร์ติดขนตาปลอมเสมอไป) อาศัยการปัดมาสคาร่าให้ขนตาดูยาวหนาเป็นแพขึ้นพอ ฉะนั้นจำเป็นต้องเลือกมาสคาร่าที่ให้ผลลัพธ์ทั้งยาวและหนาอยู่ในตัวเดียวกัน

เมื่อปัดขนตาทั้งสองข้างเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมที่จะปัดขนตาล่างให้ดูหนาเรียงเส้นด้วยเหมือนกันนะคะ เพราะขนตาล่างจะช่วยส่งพลังให้ตาเราดูโต และขับเน้นดวงตาเราขึ้นไปอีก จัดให้หนัก จัดให้เต็มเลยค่ะ ถ้าไม่เชื่อให้ลองเปรียบเทียบดูภาพบนและล่างอีกที

เสร็จสรรพเรื่องตา มาเข้าเรื่องแก้ม สิ่งแรกที่ควรจะทำเลยคือปัดบลอนเซอร์ กลบจุดบกพร่องและความหน้าใหญ่ของตัวเองก่อน ฮ่าๆๆ หรือจะพูดง่ายๆ ว่ากลบส่วนด้อย เพื่อเผยส่วนเด่น ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ การปัดบลอนเซอร์ให้เลือกใช้แปรงเป็นกระพุ่มใหญ่ๆ ปัดเบาๆ ให้เนื้อบลอนเซอร์กระจายตัว อย่าให้เป็นแถบไหม้ๆ นะคะ ไม่งั้นจะโป๊ะเว่อ

จากนั้นให้ใช้แปรงปัดแก้ม แต้มบลัชออนสีชมพูเบอร์รี่จัดปัดไปที่แก้มให้ฟุ้งๆ กระจายตัว อย่าให้เป็นแถบ ไม่ต้องกลัวเรื่องความแรงของสีนะคะ ค่อยๆ ปัดเติมก็พอ ไม่ต้องลงหนักตั้งแต่ครั้งแรก สีนี้คนผิวเข้มก็ปัดได้ค่ะ ไม่เชื่อลองเจ้ก่อนนนนน พกลูกส้ม ลูกสตรอเบอร์รี่มาทั้งสวนเลยค่าาาา (ความจริงคนผิวเข้มๆแนะนำสีที่อมเบอร์รี่แบบนี้ ปัดเบาๆจะช่วยขับผิวให้ดูสดใสได้ดีกว่าสีพวกพาสเทลนะคะ)

เมื่อได้พวกแก้มงามหยอดย้อยอ่อนช้อยแล้วนั้น เราก็มาต่อด้วยการทาปากดีกว่า หน้าจะได้สวยชิคเสียที เริ่มด้วยเอาลิปสติกสีชมพูบานเย็นสุดแร๊งส์(ฟีลแม่ค้าขายส้มตำปูปลาร้า)ที่เราเตรียมไว้มาละเลงลงให้ทั่วริมฝีปาก ลุกส์นี้ขอจัดสีเปรี้ยวๆ เราจะนัดลูกค้าคุยงาน อยากให้คนมองที่ปากค่ะ จะได้เคลิ้มตามสิ่งที่เราพูดด้วย เมื่อเชื่อลองดู ปิดจ๊อบได้ง่ายๆสวยๆ

ตัวเนื้อลิปสติกแวววาวชุ่มชื้นเกินไป ไม่มีความแมทพอ ผิดคอนเซ็ปชิคแมทของเรา ฉะนั้นต้องใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ และแสนง่ายดายที่จะทำให้ลิปแมทขึ้น ด้วยการใช้กระดาษทิชชูแปะทับลงไปที่ริมฝีปาก จากนั้นให้แปรงแตะแป้งฝุ่นมากดๆ ลงผ่านกระดาษทิชชู ตามภาพเลยจ้ะ

ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวลิปสติกจะมีความแมทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลพวงนึงที่จะได้ตามมาคือตัวเนื้อลิปสติกจะติดทนริมฝีปากมากขึ้นด้วยนะ เทคนิคนี้ได้มาจากช่างระดับฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว

ขอเสริมอีกเรื่องนึงนะคะ เรื่องสีปากจัดๆ แซ่บๆ อย่างชมพูบานเย็น หรือส้มสดๆ แสบๆ เป็นสีที่สาวผิวเข้มค่อนข้างกลัวมาก อาจจะเพราะคิดว่าสีน่าจะเหมาะกับคนขาวมากกว่า แต่แจ๊คขอแก้ความเข้าใจตรงนี้เลยนะคะว่าที่คิดน่ะมันไม่ใช่นะเธออออ สีแซ่บๆ พวกนี้เนี้ยคนผิวสีทาแล้วเกิดและชิคมากนะเออ เพียงแต่พวกคุณๆ มักจะคิดว่าทาสีแดงแล้วจะเจิดกว่า บางทีงานๆ ชิคๆ แกลมๆ งานนึงทาสีแดงมาชนกันเกือบครึ่งงาน แจ๊คอยากจะให้ลองเปิดใจกับสีจัดๆ สีอื่นดูบ้าง อย่าให้ความเชื่อเดิมๆ มาจำกัดความคิดของเรา สีสันของเมคอัพยังมีอีกมากมายให้เราได้ลองแต่งแต้มลงบนหน้า งั้นมาดูฟินิชลุคกันค่ะว่านางแบบจำเป็นของแจ๊คเมื่อแต่งหน้าเสร็จ ทำผมเสร็จสรรพ จะออกมาเป็นยังไง พร้อมจะไปพบลูกค้าไหม จะรุ่ง จะรอด หรือจะร่วง มาลองดูกันค่ะ

ทาด๊าาาาาาาาาา!!!!!!!!~~~

เห็นไหมมมม ก็ได้อยู่นะตัวเธอ คือกำลังดี ดูมั่นใจ ดูเซลฟ์ขึ้นแบบไม่มุ้งมิ้งกุ้งกิ้งไม่แบ้วหวาน ฉะนั้นวันนี้นอกจากแจ๊คจะสื่อเรื่องการแต่งหน้าไปพบลูกค้าให้สวยชิคน่าสนใจมากขึ้น เต็มไปด้วยความมั่นใจและความกล้าที่จะนำเสนออะไรใหม่ๆ สไตล์สาวศตวรรษที่ 21 สวย เก๋ เปรี้ยว ซ่า ทันสมัย ดูแลตัวเองได้ครบครันแล้วนั้น แจ๊คอยากจะชวนสาวๆ ผิวเข้มทั้งหลายลุกขึ้นมาแต่งหน้าสไตล์แซ่บๆ ปากสีแสบๆ ดูบ้างนะคะ แจ๊ครับลองได้เลยว่าเราจะสนุกกับการนำเสนอสีสันใหม่ๆ บนใบหน้าตัวเอง พร้อมทั้งจะมีความสุขกับการแต่งหน้าในแต่ละวันมากขึ้นแน่นอนค่ะ สำหรับวันนี้แจ๊คขอจบ How to ไว้เพียงเท่านี้นะคะ คุณผู้อ่านที่กำลังอ่านกำลังชมกันอยู่ ก็ลองนำไอเดียไปปรับประยุกต์ใช้กับตัวเองให้เหมาะสมได้เลยนะ เอาที่มั่นใจ แต่งแล้วสบายใจเป็นตัวของตัวเอง ก็สวยได้เช่นกันจ้า

สุดท้ายนี่แจ๊คขอฝากไว้หน่อยสำหรับสาวๆ คนไทยที่สนใจข้อมูลด้านความสวยความงาม เครื่องสำอาง และเรื่องราวการดูแลตัวเอง ลองมาติดตามกันได้ที่ www.facebook.com/jackmakeup และยูทูปชาแนลของแจ๊คที่ลิ้งก์ www.youtube.com/jackmakup1 มากดไลค์กดติดตามเรื่องราวดีๆ และสาระอัพเดทของเราได้นะคะ ขอบคุณท่านผู้อ่านชาวจีบันทุกท่านค่าาาา สวัสดีค่ะ (กราบงามๆ เสมือนได้รับมง)

Discussion (10)

แหม~ นางแบบนี่นึกว่าคนละคนกันเลย กราบบบขุ่นแม่ !! 
ชอบทรงผมจังเลยคะ แค่แซกผมก็ทำให้ดูเก๋ได้