กลิ้งตามใจ กลิ้งไปกิน(ฉบับสาวไทยพาสาวเกาหลีไปกินส้มตำ และ มะม่วง ณ SIAM)

กลิ้งตามใจ กลิ้งไปกิน

(ฉบับพาสาวเกาหลีไปกินส้มตำไทยและมะม่วง)

อันยองอาเซโย สวัสดีค่ะ คำทักทายของสองประเทศดังขึ้นเมื่อเรากับเพื่อนสาวชาวเกาหลีได้มาเจอ

กัน แต่กลับกันเราสาวไทยครึ่งจีนพูดทักเค้าเป็นเกาหลี ส่วน"ซู" สาวชาวเกาหลีใต้ทักเราเป็นภาษาไทย การทักทายกันแบบสลับภาษาก็สร้างรอยยิ้มให้เราทั้งคู่ เรากับซูไปรู้จักกันที่วังเวียง เธอเป็นสาวชาวเกาหลีใต้หน้าตาน่ารัก ใสๆ แอคติ้งแรงเวลาดีใจ หรือพูดอะไรถูกใจเธอ

พอเรารู้ว่าซูจะมาเมืองไทยก็เลยนัดกินข้าวกัน เพราะด้วยเราทำงานเลยไม่สะดวกที่จะ พาซูไปเที่ยวได้เต็มที่ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับซู เพราะเธอแกร่งกว่าที่คิด เธอไปเที่ยวคนเดียวมาแล้ว 3 ประเทศ ลาว ญี่ปุ่น และไทย มาคราวนี่เธอบอกอยากกิน อาหารไทยอร่อยๆ แต่ไม่เอาที่ใส่ผักฉุนๆเช่น ผักชี เธอไม่ถูกกับมันเท่าไหร่ เธอรีเควสต์มาว่า อยากกินผัดไท ส้มตำ เรานัดเจอกันที่สยาม ตอนแรกเราจะพาซูไปกินตรงร้านข้างทางที่อยู่หัวมุมถนนอังรีดูนังต์ แต่ร้านยังไม่เปิดเราเลยคิดถึงร้าน ภูไท ส้มตำในห้าง siam one ขึ้นมาได้ เลยพาซูไปลอง เงื่อนไขคือ ไม่เผ็ด ไม่เหม็น(ตัดปูปลาร้า ตำป่า ออก) คงต้องเป็นตำไทยแล้วล่ะ และเราก็สั่งไก่ย่างมาอีกอย่างกินแนมกับส้มตำ ซูบอกเราเท่านี้ก่อน เพราะอยากเก็บท้องไว้กินผัดไท เราเลยสั่งไว้เท่านี้

ส้มตำไทยของที่นี่ถึงเราจะบอกทางร้านว่าไม่เผ็ดแต่รสชาติที่กินก็ยังกลมกล่อม มาชิตะ เป็นที่ถูกใจสาวเกาหลีอย่างซูมาก เธอกินแม้กระทั่งเปลือกมะนาว แต่ก็คายทิ้งออกมาพร้อมทำหน้าเหยเก (ซูคงคิดว่าอร่อยยันเปลือกมะนาว)

ไก่ย่าง ซูประทับใจมากกกกก หน้าตาเธอฟินยิ่งกว่าได้เจออปป้าเกาหลี เธอถูกใจน้ำจิ้มแจ่วเป็นที่สุด และยิ่งตกใจเข้าไปอีกพอเราบอกว่า น้ำจิ้มแจ่วเนี่ย เราก็ทำเป็นนะไม่ยาก ซูจึงขอสูตรเราไป บอกจะกลับไปทำที่บ้าน

ร้านแรกค่าเสียหายอยู่ที่ 200-250 โดยประมาณ รับได้เพราะเป็นร้านขึ้นห้าง และรสชาติก็ถูกใจ

หลังจากทานเสร็จซูบอกไปกิน mango tango ดีกว่า ผัดไทไว้กินพรุ่งนี้ เราก็เลยไปตบคาวด้วยหวานที่ร้าน mango tango ซูถามเราว่า เคยกินไหม เราบอกไม่อะ ซูสะบัดมือที่เดินจับกันมาและพูดว่า เฮ้!!!ทำไมละ คุณเป็นคนไทยนะ ไม่เคยกินหรอ (แปลได้ประมาณนี้)เราเลยอยากรู้มากขึ้นอีกว่า เห้ยยยยมันอร่อยขนาดนั้นเลยหรอแกร๊!!!

ร้านmango tango อยู่ตรงสยามที่หน้าซอยมีวัตสันเปิดใหม่อยู่ข้างหน้า หน้าร้านมีมะม่วงตัวเหลืองอ๋อยใส่หมวกใบเก๋ยืนอยู่หน้าร้าน ป้ายร้านเหลืองวาบแบบเห็นจากท้ายซอย บรรยากาศภายในร้านแต่งแบบเกร๋ๆ มีเคาน์เตอร์ทำออเดอร์อยู่กลางร้าน เราต้องสั่งเมนูก่อน จ่ายเงิน และไปนั่งพร้อมถือป้ายหมายเลข และ บิลติดตัวไปด้วย และจะมีพนักงานมาขอดูบิล เพื่อเอาไปทำเมนูที่สั่ง

เราจำชื่อเมนูไม่ได้เพราะซูสั่งขออธิบายลักษณะละกันนะ จานประกอบด้วยไอติมมะม่วง พุดดิ้งมะม่วงราดวิปครีม มีมะม่วงผ่าครึ่งซีก จานนี้เราเฉยๆนะ คือ เราว่าพุดดิ้งจืดไปหน่อย ไอติมหวานๆแต่แอบเหมือนซ่าๆปลายลิ้น ส่วนมะม่วงเราว่ายังไม่หวานเท่าไหร่ แต่ซูบอกนางฟินและปลื้มปริ่มกับจานนี้ อาจเป็นเพราะที่เกาหลีไม่ได้มีมะม่วงให้กินบ่อยๆอย่าบ้านเรา ถึงมีก็แพงมาก (ถือเป็นโชคดีของคนไทยเนาะ)

อีกเมนูเป็นน้ำมะม่วงปั่นใส่วุ้นสาคู ราดกะทิแทนวิปครีม หลังจากกินแก้วนี้ไป ซูก็ได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาไทยใหม่จากเรา คือคำว่า "จืด" 55555555แต่ถึงจะจืดยังไงก็หมดอยู่ดี :)

เราว่าต้องหวานกว่านี้นิดนึงน่าจะลงตัวกว่านี้

ค่าเสียหาย 225 บาท :)

การไปกินอาหารในวันนี้นอกจากความอร่อยที่ได้รับแล้ว เรายังได้มิตรภาพจากเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักมากขึ้น ถึงแม้จะพูดกันคนละภาษา คุยเป็นภาษาอังกฤษที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เราก็พยายามสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน มันเป็นเสน่ห์อย่างนึงนะ ทำให้เรารู้สึกกันได้ว่า เราพยายามอยากจะคุยกันมากแค่ไหน

ในวันพรุ่งนี้เราก็จะพาซูไปลุย ไชน่าทาวน์ เยาวราช ก่อนซูจะกลับเกาหลี

หวังว่าการพาไปเที่ยวในครั้งนี้จะทำให้ซู ติดใจและกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก :)

ตามไปกลิ้งด้วยกันอีกนะคะ

#กลิ้งตามใจ

Discussion (2)