" ปี นั ง " ปีไหนก็ไปเถอะ ... ชอบบบบบ
La Kikiz1311"ปีนัง" ชื่อเมืองที่ติดหูฉันมาตั้งแต่เด็ก ใครๆ ก็ไปปีนังกันเพราะบ้านของฉันไม่ได้ไกลจากชายแดนมาเลเซียมากมายนัก แต่ก็ยังไม่เคยไปซักทีเมืองนี้เลยเป็นเมืองที่เหมือนติดอยู่ในหัวมาตลอด แล้วก็วันนี้แหละที่ฉันได้ไปปีนัง 23 ปีแห่งการรอคอย ดูยิ่งใหญ่เว่อร์วัง 5555 ไปบุกปีนังกันเถอะค่ะ
ฉันออกเดินทางจากหาดใหญ่ในตอนเที่ยงของวันศุกร์โดยรถตู้ KST Travel เจ้าดังราคาเที่ยวละ 400 บาท ที่ออกเดินทางตอนเที่ยงเพราะว่าต้องรอเพื่อนชาย 2 คนบินมาจากกรุงเทพเพื่อที่จะไปปีนังด้วยกันนั่งกันไปเรื่อยๆ เมื่อยๆ นิดหน่อยเขาบอก 4 ชั่วโมงก็ถึงแต่ความจริงแล้ว 5-6 ชั่วโมง แล้วแต่ความดีที่ทำกันมา T^T แน่นอนว่าฉันเกือบ 6 ชั่วโมง
ตอนเย็นของวันศุกร์ ซึ่งเย็นเย็นมากเพราะนี่มันจะ 6 โมงแล้ว ฉันมาถึงปีนังบอกกับพี่คนขับว่า Lebuh Campbell ฉันจองที่พักไว้แถวๆ นี้ " Kimson Hotel " ห้องพักสำหรับ 3 คนกับ 2 คืน ราคาคนละ 460 บาท ห้องน้ำรวม ถือว่าเป็นตัวเลือกที่โอเคเลยสำหรับเวรี่โลว์บัดเจ็ท แน่นอนว่ามันใกล้จะมืดเต็มทีแผนเดินชมเมืองเอาไว้ก่อนละกันตอนนี้หิวมากกกก ขอพุ่งตัวไปหาของกินก่อนเนอะ
หาของกินเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นานข้าวมื้อแรกราคาประมาณ 150 บาท โอเคมากสำครับอิ่มนี้ ท้องฟ้ามืดสนิทถึงเวลาที่เราจะท่องราตรีปีนังกันแล้ว ร้านที่เลือกเดินจากที่พักไม่ไกล มายัง Labuh Chulia ถนนที่รวมร้านเหล้าผับบาร์ไว้ไม่น้อย แต่ละร้านก็แตกต่างกันไป ซึ่งร้านที่ฉันเลือกคือ Reggae Mansion ร้านนี้มีทั้งโซนนั่งชิลล์ข้างนอกที่เราสามารถทิ้งอารมณ์ไปกับชิชาและค็อกเทล Bloody Mary ของฉันหรือจะไปแดนซ์มันส์ๆ ด้านในก็แล้วแต่จะเลือก คืนนี้ฝันดีนะ
สวัสดีตอนเช้าเมืองปีนัง ได้เวลาทำความรู้จักเมืองแห่งมนต์ขลังแห่งนี้กันแล้ว มาม๊ะ ..
ปีนังเป็นเมืองที่เราว่าที่เที่ยวที่เดินเยอะ คือทั้งเมืองเก่าย่านจอร์จทาวน์เนี่ยสามารถเดินถ่ายรูปได้ทุกตรอกซอกซอยจะมีบ้านเก่าๆ แบบชิโนโปรตุกีสอยู่ตลอดทั้งถนนไหนจะมีภาพ Street Art ซ่อนตัวอยู่ในหลืบต่างๆ อีกเพราะฉะนั้นเรามาเที่ยวกันแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนอะเริ่มจากอะไรดีหละ จอร์จทาวน์เมืองเก่าก่อนละกัน
ภาพบ้านและตึกแบบชิโนฯ บนถนน Muntri (ต้องออกเสียงว่า "มนตริ๊ " ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง) ที่ส่วนมากกลายเป็นโฮสเทลให้เราได้เลือกเข้าพักกับราคาเริ่มต้นที่ไม่มากมายคืนละ 15 RM เท่านั้น
ที่จอดรถก็ยังต้องมีภาพนะเทอว์
ภาพนี้คือชอบมาก นางไม่ได้อยู่แถวโซน Street Art นะนางอยู่ Muntri หรือแถวๆ Love lane
ลุงคะอย่าตีหนู หนูไม่ได้ท้อง !!
เดินวนไปวนมาจนเริ่มรู้สึกโอเคกับตึกแบบชิโนฯ ละเราไปนั่งเรือข้ามฝากเล่นกันดีกว่า
เรือข้ามฝากที่นี่นั่งไปกลับจ่ายตังแค่รอบเดียว 1.2 RM คือจากปีนังไปบัทเตอร์เวิร์ธ ส่วนขากลับนั่งฟรี สนุกดีเหมือนกัน
เห็น Komtar ไหมทุกคนตึกกลมๆ สูงๆ ตรงนั้นนนนน .. ถ้าไปปีนังแล้วหลงหรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงให้แหงนหน้ามองฟ้าหา Komtar เข้าไว้แล้วเดี๋ยวจับทิศได้เอง
ระหว่างรอเรือข้ามฝากกลับ ขอขวดนึงละกันเนอะ ถูกดี 1 RM
ขอแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวที่นี่นอกจากแท็กซี่ก็มี Bus หรือรถเมล์นี่แหละ ราคาเริ่มที่ 1.4 RM ไปจนถึง 2.7 RM การขึ้นรถที่นี่ต้องเตรียมตังให้พอดี คนขับเขาไม่ทอนตัง เวลาขึ้นขึ้นประตูหน้า เวลาลงลงประตูหลังอีกอย่างที่ดีมากๆ คือรถเมย์ที่นี่มันเอียงได้ 555 ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรแต่เวลาจอดที่ป้ายมันจะลดระดับและเอียงให้เราลง ... เลิศศศ
อีกอย่างเกี่ยวกับการเดินทางคือเราสามารถขึ้นรถได้ที่ป้ายรถเมย์ตามทางต่างๆ แต่จะมี 2 ที่ที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมรถคือที่ Jetty แถวๆ ท่าเรือเมื่อกี้ถือว่าเป็นต้นสายรถเมย์ถ้าไปไหนไกลๆ แล้วอยากนั่งให้มาขึ้นที่นี่เพราะคนยังไม่เยอะ แต่ถ้าไม่อยากมาขึ้นที่นี่ให้ขึ้นที่ Komtar ซึ่งเป็นศูนย์รวมรถขนาดใหญ่ ที่นอกจากรถเมย์แล้วยังมีรถตู้รถทัวร์ต่างๆ ไว้ให้เลือกเดินทางไกลไปยังเคแอล หาดใหญ่ สิงคโปว์ หรือเมืองต่างๆ ในมาเลเซียก็ได้
พูดเรื่องรถเรื่องเรือกันไปแล้ว สุดท้ายมาเดินเที่ยวกันต่อค่ะโชคดีที่เป็นคนชอบเดิน เดินพีคสุดนี่ตอนไปเวียดนาม 35,000 กว่าก้าวใช้ Garmin Vivo fit นับก้าวโอ้วววเก๋กู๊ดดมากรู้สึกวิน ปีนังดูชิลล์ไปเลย
ตึกสำนักงานและธนาคารต่างๆ ก็สวยค่ะ ดูไม่หลุดธีมความเป็นเมืองเก่า
ปีนังรถติดบ้างแต่ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็แน่นอนค่ะว่าเขาชิลล์กว่าเยอะ ติดแค่ช่วงเช้าและตอนเลิกงานเท่านั้นแหละตอนอื่นนี่โล่งเลย
Little India ก็น่าไปเดินเล่นถ่ายรูปไม่น้อย มีสินค้าเสื้อผ้าอาหารของอินเดียขายอยู่ตลอดทาง ที่สำคัญถนนสายนี้เหมือนจะไม่เคยเงียบ ตอนเดินฉันได้ยินเสียงเพลงหรือดนตรีอินเดียดังอยู่ตลอดบิ๊วท์ดีเหมือนกันเนอะ คือมันใช่นะนาย
เดินฝ่าอุณหภูมิที่ร้อนทะลุปรอทของปีนังกันมาเกือบทั้งวันลองแวะเข้าไปร้านกาแฟ Signature ของมาเลเซียกันดูนะคะ Old Town White Coffee อร่อยเลิศทั้งกาแฟ ทั้งอาหาร
สำหรับ best choice ของฉันขอเสนอ Alam Laksa บะหมี่ยำปลากระป๋องสุดๆ ค่ะแปลกแต่อร่อย ทานคู่กับ Iced Honey Lemon คือเลิศสุดพลัง !!
ปิดท้ายช่วงนี้ด้วยภาพแบบ HipSter ที่ฉันคิด " Clan Jetty " หมู่บ้านชาวประมง
จากนี้เราไปยังที่ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์สุดๆ ของเกาะปีนังกันเลยดีกว่า" Street Art "ย่านที่รวมภาพศิลปะบนกำแพงไว้หลายภาพหลายแนวให้เราได้เดินแอ๋วๆ ถ่ายรูปกันขอบอกว่าบางภาพที่ฮิตเนี่ยจะถ่ายรูปต้องรอคิวนานอยู่ แต่ถ้าเราเป็นคนไฝว้สู้กับคนจีนหน่อยแขกหน่อยก็เลิศ
ภาพหนุ่มกังฟูนี่ชอบสุดละ
แนะนำร้านอาหาร ฉันชอบกินอาหารอินเดียหรืออาหารแขกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องแพะ เรื่องเครื่องเทศนี่ขอให้บอกทำใจมาได้นานแล้ว ซึ่งอาหารจีนก็เช่นกันต้มตุ๋นผัดนี่มาแนวนี้ก็ชอบจริงๆ ชอบลองทุกอย่างแหละ ถ้ากินแล้วอร่อยชอบหมด เพราะฉะนั้นปีนังนี่ถือว่าเป็นเดอะเบสซิตี้ของฉันเลยนะ อาหารอร่อยมากชอบแต่มี 3 ร้านที่คิดร้านไปปีนังแล้วห้ามพลาด
ร้านแรก " Ho Ping Cafe " เด็ดเลยคือ " บักกุ๊ดเต๋ " และ " หมี่ฮกเกี้ยน " โอ้ยเบสทรายด์ค่ะคุณผู้ชมขอให้ไปลองเด็ดจิงริงมายเบล ภาพไม่มีเอาความรู้สึกไปละกัน ซู๊ดดดยอดด คลิก Link ได้เลย
อีกร้านที่ขอแนะนำเลยคือ Nasi Kandar Line Clear อาหารอินเดียเจ้าดังที่คนชอบกินหรือไม่เคยลองกินอาหารอินเดียต้องไม่พลาด!! เพราะร้านนี้เด็ดจริงเป็นอารมณ์ข้าวราดแกงบ้านเราอยากกินอะไรก็ชี้ๆ แต่ถ้าจะให้ครบสูตรต้องเป็นข้าวคู่กับเนื้อสัตว์ 1 ชนิดแล้วราดด้วยน้ำแกงอีก 1 หรือ 2 ชนิดเขาจะออฟเฟอร์เรามาเอง อาหารรสชาติเข้มข้น บวกกับกลิ่นเครื่องเทศสไตล์อินเดียแท้ บอกเลยว่ากินร้านนี้ทุกวัน และก็ไม่พลาดที่เก็บมาฝาก 1 แอค
เขามีช้อนให้นะแต่อันนี้ลองทำตัวเป็นออริจินัลลลลล เล็บเหลืองกันไปทั้งทริป 5555
จานนี้ราคา 8 RM ประมาณ 80 บาท ถือว่าโอเคไก่ใหญ่มากกก
อาหารคาวมา 2 ร้านแล้วถึงเวลาหวานๆ กันบ้าง เรายังอยู่บนถนนเส้นเดิมที่เชื่อมระหว่าง Komtar กับย่านเมืองเก่าบนถนน Penang ยังมีอีกร้านที่อยากแนะนำอีกร้านคือร้าน " Teo Chew Chendol " เหมือนลอดช่องแถวบ้านต่างกันแค่รสชาดนิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็ต่างกันมากมายอยู่นะ ต้องไปลองค่ะมันก็อร่อยจริงตามเขาว่า เข้าซอยนิดนึงร้านด้านขวามือ อย่าซื้อผิดร้านเชียวนะ ;)
ปีนังเป็นเกาะที่มีสเน่ห์นะ ฉันว่ามันมีพร้อมทุกอย่างทั้งความเจริญและความไม่เจริญที่เขารักษาไว้ ความสโลว์ไลฟ์ความเป็นเมือง คือเราอยากจะเที่ยวแบบไหนก็ได้อยู่ที่เราวางแผน ฉันไปเที่ยวที่นี่ 4 วัน 3 คืน ยังไปไม่ทั่วเลย ที่หยิบมาเล่าเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของปีนัง นี่ยังไม่ได้พูดถึงตอนที่ไปเดินป่าที่ Penang National Park ไปหาของกินที่ตลาดโต้รุ่ง ไปเดินห้าง ไปเที่ยววัดเขาเต่า ไปเดินรับลมหนาวที่ Penang Hill โอ้ยยอีกเยอะแยะที่อยากจะเล่าแต่ดูจะมีอีกยาว เพราะฉะนั้นเจอกันใหม่กระทู้ถัดไปแต่ว่าเป็นที่ไหนยังไม่รู้
สำหรับทริปนี้ขอบคุณเพื่อนชาย(คนสนิท) ทั้ง 2 คนที่ไปด้วยกัน
และขอบคุณ Gapphard ที่ให้ยืมรูปบางส่วนมาลง
แล้วเจอกัน ... สวัสดีจ้า
Discussion (11)