เเชร์เรื่องราวชีวิตในค่ายทหาร 9 วัน พร้อมวิธีรับมือกับสภาวะที่ผิวโดนทำร้าย
ThepSkincrew เอะอะรีวิว2316สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจีบันทุกท่าน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจะเกริ่นเรื่องราวคร่าวๆก่อนเข้าเนื้อหาให้ฟังก่อนนะ คือเราก็เรียน รด. มา3ปี เเละเข้าใจเหมือนกันทั่วไปเเหละว่าไม่ ต้องไปเป็นทหารเเล้ว ผ่านมา6ปี เเละเเล้วก็ได้มีหมายเรียกมาที่บ้าน ให้ ไปรับการฝึกทหาร เป็นเวลา 9 วัน เฮ่นโหลลล OMG เอามือทาบ(อก) อยู่นานสองนาน จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะจะโดนหมายศาล
เราอาจไม่โดนจับหรอก เเต่อาจมีชื่ออยู่ในประวัติที่สถานีตำรวจ เวลาสมัครงาน หรือทำธุรกรรมอะไรต่างๆจะลำบาก
สุดท้ายก็เลยเเบบ เอาว๊ะ ไปก็ไป
ด้วยความที่เราชอบเขียนรีวิว เกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณอยู่เเล้ว
เลยอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผิวเราจะดำ จะไหม้ จะเเสบ จะเละไปได้ไกลเเค่ไหน โดยเราจะพยายามดูเเลให้ดีที่สุด
***ถ้าเราจำไม่ผิดคือตอนเรียน รด. จบเขาเหมือนจะบอกว่า จบ รด.ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารก็จริง เเต่เวลามีเรียกฝึกก็ต้องมา***
เเละนี่คือสภาพผิวหน้าสด ก่อนไปเข้าค่าย 2 วัน
ใช้เเอ๊ปเเค่เบลอพื้นหลัง กับลายน้ำ "เอะอะรีวิว" ที่เป็น Facebook Fanpage ของเราเเค่นั้น
[จะเห็นได้ว่าเราก็ไม่ได้ดำมาก เเต่ก็ไม่ได้ขาวโอโม่ ในรูปเฟรชอาจเเรงไปหน่อย เป็นคนมีสิวเเละรอยสิวประปราย]
Day 1
มาต่อกันเรื่องทหารดีกว่า เเละนี่คือข้าวมื้อเเรกของวัน หลังจากที่ได้รายงานตัวเรียบร้อย
เอาจริงๆนะ ยอมรับว่าเเอบขำ คือไม่คิดว่าจะได้กลับมาทานข้าวถาดหลุมอีก เนื่องจากเราเป็นคนทานง่าย อยู่ง่าย อาหารมื้อเเรกนี้ ขอให้ 7 เต็ม 10 ระกันนะ #ยิ้มอ่อน
งานตรวจฉี่ก็มา ซึ่งเขาให้เราหันเข้ากำเเพงเเล้วฉี่เลย คีบับ เฮ่นโหล เเต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีจ้า
จุดนี้เขาจะให้เราไปรับข้าวของเครื่องใช้ก่อนขึ้นโรงนอน ซึ่งตอนเเรกเขาเเจกเป้2ใบสีเขียว เเต่สุดท้ายเหลือใบเดียว
ซึ่งในนั้นก็จะมีกระติกน้ำ หม้อข้าว พรั่วสนาม สายเก่ง ซึ่งพอมันมารวมกันอยู่ในใบเดียว คือเเบบ หนักง่าา ยังไม่รวมของใช้ส่วนตัวเราอีก
ส่วนในถุงพลาสติกใหญ่นั้น ก็จะเป็นเครื่องใช้ที่เขาเเจกเรา เช่น ขัน สบู่ ยาสีฟัน เเปรง ถุงเท้า
เสื้อยืด3ตัว กางเกงขาสั้น2ตัว รองเท้าคอมเเบท รองเท้าผ้าใบ รองเท้าเตะ ผ้าขาวม้า ชุดทหาร
ประมาณนี้เเหละ **ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายเเยกเเต่ละอย่างมา รีบมว๊ากกก***
เเละเเละก็ถึงโรงนอน เอาจริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายนะ มีเตียงซึ่งมีเสียงนิดหน่อย มีพัดลมเพดานซึ่งลมอาจเฉียงๆหน่อย มีตู้ล็อคเกอร์ที่ล็อคไม่ได้ เเค่นั้นเอง ดี้ดี จะรออะไรหละ รีบจัดของเเพร๊บ ระหว่างนั้นก็มีเรียกรวมนี่นั่นโน้นเรื่อยๆงะ เเดดก็เเบบ นึกว่าพระอาทิตย์ห่าง1เมตร
เหยๆๆๆ เที่ยงเเล้ว ทานข้าวกัน ภาพอาจสั่นๆหน่อยนะ สงสัยจะหิว คือบอกก่อนว่าอาหารเนี่ย ก็พี่ๆทหารเขาเป็นคนทำนี่เเหละ รสชาติก็จะกลางๆ เเต่โดยรวมก็ทานได้ เเต่อยากตินิดนึงคือ ช้อนกับเเก้วไม่ควรคว่ำไว้บนโต๊ะ มันโดนเชื้อโรคงะ
โชคดีที่เราพกทิชชู่ใส่เป๋าไปด้วยตลอด ทันทีที่เช็ดก็มีหลายคนมอง คือเเบบ ก็มันเลอะฝุ่นนี่นา
จากนั้นก็มีเรียกรวมพล ประชุม บลาๆ คือวันเเรกยังไม่ได้ฝึกไรมาก เรามาดูสภาพตอนตกเย็นกันดีกว่า ว่าเป็นอย่างไร
พูดเลยว่าจุดๆนั้น คนดูเเลสุขภาพอย่างเรา ยังต้องกินโออิชิงะ ถึงจะรู้ว่ามีน้ำตาล เเต่ ณ จุดนั้น อะไรเย็นๆ จัดมา!!!
หลังจากนั้นเขาก็ให้เเยกย้ายอาบน้ำนอน เราจำเวลาวันเเรกไม่ได้เเล้ว ก็น่าจะราวๆ 3 ทุ่มมั้ง
เเละเเล้วก็หมดไปเเล้ว กิจกรรมในวันเเรก
Day 2
อรุณสวัสทุกคน เช้าเเล้ว เขาจะเรียกรวมประมาณ หกโมง หรือหกโมงครึ่งนี่เเหละ ราวๆตีห้าก็ต้องตื่นไปอาบน้ำเเต่งตัวกันระ
เเละเเล้วก็เข้าสู่ช่วง นาทีชีวิต ซึ่งเราได้มาอยู่ในหมวด ค.60 คือมันก็จะมีหลายหมวดชะมะ ซึ่งหมวดนี้จะมีปืนใหญ่กว่าชาวบ้านเขา
เเละพวกเธอคิดดู คนที่ได้ตำเเหน่ง พลยิง ผู้ช่วยผลยิง ก็ต้องเเบกทั้งตอนฝึก ตอนเดินป่า ขึ้นเขาไรงี้ด้วย T_T
จากนั้นก็เเบกไปฝึกไปเรียนกัน ว่าปืนพวกนี้ใช้งานอย่างไร ซึ่งเอาจริงๆมันก็ไม่ยากมาก เเต่ต้องใช้เวลาพอสมควร สำหรับเรานะ
สำหรับวันที่สองนี้ก็เเค่เรียนรู้การใช้อาวุธ ฝึกยิงนิดหน่อย ซึ่งเราสัมผัสได้ถึง Level ความเหนื่อยที่จะต้องมีมากกว่านี้เเน่นอน
Day 3
สำหรับวันนี้จะเป็นวันซ้อมเปิดการฝึกวันสุดท้าย ฉะนั้นต้องเสมือนจริง ต้องขนสัมภาระทั้งเป้ ทั้งสายเก่งติดตัว ปืน เต็มยศงะ
ซึ่งจริงๆวันนี้เป็นวันที่ต้องตากเเดดเยอะมาก ซึ่งนี้เเค่ช่วงเช้าเราก็สัมผัสได้เเล้ว ว่าหน้าเราเริ่มเเเดงๆเเล้วงะ
เเต่บางคนก็เริ่มจะหน้าไหม้กันบ้างเเล้ว เเต่เราไม่ถ่ายรูปมานะ สงสารเพื่อน
สถานที่ฝึกพิธีเปิดคือร้อนมาก มันเป็นลานโล่งๆ จริงๆตอนฝึกฟ้าโปร่งมาก เเล้วเราจะฝึกกันตั้งเเต่สายๆ เเล้วกินข้าวเที่ยง
เเล้วก็มาฝึกต่อถึงเย็น OMG พูดตรงๆนะคือไม่ไหว เเต่ไม่เห็นจะเป็นลมเลย ฉันก็เเข็งเเรงนะเนี่ย
เรามาดูสภาพหลังจากฝึกตากเเดดสะสมกันมาดีกว่า
เเต่วันนี้ร้อนสุดๆ เหนื่อยสุดๆ ยืนตากเเดดนานมาก ใส่หมวก ยืนให้เเดดเผาหน้านานสองนานสงสารผิวตัวเองมาก ส่วนเสื้อก็เเขนยาวจริง เเต่มันไม่ได้ปิดนิ้ว นิ้วก็ดำไปอีก ไปดูรูปภาพประกอบกันเลย
ปล.เนื่องจากหมวกน่าจะใช้มาหลายรุ่น รวมถึงสายรัดคางที่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นัก จึงไม่เเปลกใจที่สิวจะขึ้น
พึ่งว่างถ่ายรูป นี้คืออุปรณ์อาบน้ำที่เขาเเจกจริงๆมีขันอีก 1 ใบ
ของเรามีเเค่โฟม กะยาสระผม โฟมล้างหน้าใช้เป็นของ Ettusais Jelly Mousse 165g ฝากเพื่อนซื้อที่ญี่ปุ่น ประมาณ 500 บาท
ใช้เเล้วสดชื่น รู้สึกสะอาดดี สองสามวันมานี้ ก่อนนอนเราล้างด้วยโฟม เเล้วก็ไม่ทาอะไรเลย กลัวร้อนเเล้วสิวขึ้น
อยากเห็นที่อาบน้ำกันไหมละ นี่เราไปเเอบถ่ายมาตอนไม่มีคน ฮ่าๆ
ทุกอย่างก็ถือว่าระดับดี ดีในเเบบที่ทหารเขาใช้กันงะ ช่วงเวลาอาบน้ำคือเป็นอะไรที่ดีมากๆ สดชื่นที่สุด เพราะชุ่มเหงื่อมาทั้งวัน
ต่อมา มาดูอุปกรณ์ประทินผิวเราบ้างดีกว่า มาทหารยังไงก็ต้องดูเเลหวะ ขาดไม่ได้เลยโดยเฉพาะกันเเดด
1.Eucerin SUN Acne Oil Control SPF 50 PA+++ 50ml ซื้อมาราคา 1,180 ตามร้านขายยาใหญ่ๆ
2.L'OREAL PARIS UV PERFECT ADVANCED AQUA ESSENCE SPF50+/PA++++ ราคา499บาท (อันนี้ไปงานได้มาฟรี)
3.NIVEA DEO MEN SILVER PROTECT POLAR BLUE SPRAY 150ml ราคาประมาณ 189 บาท
4.Nivea Sun Protect & Refresh SPF 50 200ml ราคา เกือบ500 บาท
5. แป้งฝุ่นศรีจันทร์ (SRICHAND TRANSLUCENT POWDER) ราคา 280 บาท
6.กระดาษทิชชู่ Cellox ราคา จำไม่ได้ เเต่ไม่เเพง
Day4เเละเเล้วก็ได้เวลาทำพิธีเปิดจริงๆ โชคดีที่วันจริงคือเเบบ ร่มหน่อย
งานพรางหน้าก็มา
หลังจากนั้นก็จะมีรถมารับ จุดหมายปลายทางคือ เขาหินซ้อน เราจะไปเดินป่าเเละอยู่ที่นั่นกัน3คืน
เเละนี่คือข้าวมื้อเเรกของวันก่อนขึ้นเขาจ้า ดี้ดี อิ่มกันไปตามๆกัน
หลังจากซ้อมเสร็จเเล้ว
หลังจากนั้นก็รอทานข้าว ซึ่งก็จะมาส่งช่วงมืดๆ มืดมาก มองไม่เห็นเลย ก็เลยไม่ได้ถ่ายไว้ช่วงนี้เเหละ เรามาเเอบล้างหน้ากันดีกว่า โดยเริ่มจากการเช็ดพวกคราบสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อนโดยใช้เจ้าตัวนี้ Purevivi
Purevivi Cleansing Lotion 500ml ราคา 490 บาท
ซึ่งคืนที่ 4 นี้เรามีธุระด่วนที่ทำให้ต้องออกจากป่าไป เลยทำให้ไม่ได้นอนกับเพื่อนๆ
เพื่อนเล่าว่าฝนตกหนักมาก มากจนนอนกันไม่ได้เลยทีเดียว เปียกทุกสิ่งอย่าง
ดังนั้นเราจึงขอข้ามคืนที่ 4 เเละคืนที่ 5 ไป เจอกันอีกทีเช้าวันที่ 6 นะ
Day 6
สำหรับเราโดยรวมถือว่าคล้ำลงเบาๆ เเต่เมื่อเทียบกันคนอื่นเเล้ว เราถือว่าเราคล้ำช้าที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะเพื่อนหลายคนก็ทักตลอดว่า ไม่เห็นดำขึ้นเลย ซึ่งเราคิดว่าเราก็ดำขึ้นนะเหว๋ย..
สังเกตุช่วงคอข้างหลังสิ ดำไหม้ เหมือนคนไม่เคยขัดขี้ไคลมาก่อนเลยงะ ยี้..
นี่คือที่นอนที่ใหม่ของเราเอง
จะเห็นได้ว่าไม่มีคนเลย เพราะเพื่อนๆเราออกไปฝึกตั้งยิงกัน
เรามาทีหลังเลยได้อยู่ตรงนี้ก่อนอยู่กับอีกหมวดนึง รอเพื่อนตัวเองกลับมาที่นี่จะมียุงบ้าง เเต่ที่เยอะสุดๆไปเลยคือเเมลงวัน
ระหว่างนั้นก็จะมีรถขายของมาขาย มีทั้งน้ำอัดลมต่างๆ ไส้กรอก จุดนี้เราจึงไปซื้อน้ำเเข็งมาใส่กระติกที่มี ไว้ดื่มกันให้ชื่นใจกันไปเลยขอบคุณผู้เสียสละในการทุบน้ำเเข็งในครั้งนี้/กราบ
หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย เตรียมรอทานข้าวตอนเย็น
เเละนี่คือหม้อข้าวที่เราบอกไว้ตอนต้นไง ที่เขาให้เอาใส่เป้มา
รอจนเย็นเเล้วอาหารก็ยังไม่มา พวกเราจึงน้ำหม้อมาต้มมาม่ากัน
ซึ่งรูปสุดท้ายไปเเอ๊บทำท่าเฉยๆ จริงๆเเล้วเพื่อนเป็นคนต้มให้กิน ฮ่าๆ
เย้ๆข้าวมาเเล้ว เอามาม่ามากินร่วมด้วยซะเลย
จะสังเกตุว่าข้าวทางทหารก็จัดมาให้เยอะเลยเเหละ
ส่วนกับข้าวก็ถือว่าโอเค ทานได้ เรียกได้ว่าถึงจะเหนื่อย เเต่ก็ไม่อดนะ
ทานเสร็จเเล้วก็ต้องล้างภาชะนะ เเต่ทว่ามีเเค่น้ำเปล่า เราก็เลยล้างน้ำเเล้วใช้ทิชชู่เช็ดอีกที
หลังจากนั้นเราก็ เช็ดหน้าล้างหน้าตามสเตปเดิมเลย ซึ่งจริงๆเเล้วจะไม่ได้อาบน้ำนะช่วงระยะเวลาที่อยู่ในป่าเเต่ทว่ามันมีคลองอยู่พอดี จึงเเอบไปอาบกัน เสียดายไม่ได้เอามือถือไป เลยอดเก็บภาพมาดู
เเต่อย่างไรก็ตามอาบไปตอนเย็น หัวค่ำก็ร้อนอีกเเล้ว นอกจากเเป้งเย็น Protect ที่นำติดตัวไปด้วยเเล้ว ก็ได้ทิชชู่เปียกนี่เเหละ คอยเช็ดเหงื่ออะไรพวกนี้ตามตัว ช่วยให้คลายร้อนไปได้บ้าง (เอาไว้เช็ดก้นได้ด้วยนะ)
จุดนี้เราจำยี่ห้อไม่ได้งะ ในรูปก็ไม่มีภาษาอังกฤษ เเต่ 1 ห่อมี 3 ห่อเล็กเเยก ซึ่งมาค่ายเราหมดไป 1 ห่อเล็กเอง
สำหรับการเข้าเวรวันนี้ของเราจะเป็น ตี1 - ตี3 ไสยๆ
โชคดีมาก พกยาดมติดตัวมาตลอด
Day7
นี่เป็นคืนสุดท้ายที่ได้อยู่ในป่าเเล้ว ดีใจจุง
จุดนี้พวกเพื่อนๆในหมู่ออกไปทำการตั้งยิง หรือตั้งรับอะไรซักอย่างนี่เเหละ ส่วนเราทำหน้าที่เฝ้ากระเป๋า เพราะต้องมีคนเฝ้า 1 คน ช่วงนี้ก็คือรอเพื่อนๆกลับมา ระหว่างนั้นฝนก็ตก ชุ่มฉ่ำกันไปตามๆกัน
เรื่องราวที่เล่าไปวันนี้ เป็นเพียงเเค่กิจกรรมต่างๆที่อยากเเชร์ให้คนที่ไม่ได้ไปได้ดูได้อ่านเท่านั้น
เเต่ดีเทลด้านความรู้สึก มันมีมากมายจนพิมพ์ออกมายังไงก็ไม่หมด จะมีสักกี่คนที่คอยช่วยกันในยามลำบาก
ว่าเเล้วก็ถึงโหมดเศร้า ไออยากกลับบ้านก็อยากกลับ เเต่เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาก็เริ่มสนิท เริ่มไม่อยากจากกันเเล้วสิ
"อยากเก็บเวลานี้ไว้จริงๆ เก็บเวลาที่แม้จะไม่มีจริง
เก็บอารมณ์ เก็บความรู้สึกทุกสิ่ง ในส่วนลึกที่ไม่มีวันมีใครแย่งไปได้
เก็บเวลาทุกวินาที ที่เรามีแม้ว่า สุดท้ายต้องจบลงเช่นไร
แต่ว่าฉันนั้นก็อยากขอที่จะเลือกเก็บ เอาไว้"
เอาหละจากนั้นเขาก็ให้เราสะพายเป้เเบกปืน เเล้วเดินอีกราวๆ2กิโล ท่ามกลางเเดดร้อนมาก
เมื่อมาถึงที่หมายก็ให้พักทานข้าวกลางวัน มีประชุมนิดหน่อยว่าเดี๋ยวจะต้องเดินป่าตอนกลางคืนอีกราวๆหกโมงเย็น
ช่วงนี้ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย
ซึ่งเเน่นอนว่าเเมลงวันเยอะอีกเเล้ว เเดดก็ร้อน ฉีดสเปร์กันแดดอีกซักหน่อยละกัน
เราไม่ได้มาโฆษณานะ เเต่นี่คือสิ่งที่เราได้มาฟรี ก็เลยพกมาใช้ติดตัว
ซึ่งมันก็สดวกดี เเต่กันเเดดได้ดีไหม ส่วนตัวหน้าก็ยังดำอยู่ดี
เเค่ไม่เเสบ ไม่เเดงมาก ไม่ลอกมาก เท่าเพื่อนๆคนอื่นเเค่นั้นเอง
ใกล้จะเย็นเเล้ว เเอบเช็ดหน้าดีกว่า เวลาเดินป่ากลางคืนเหงื่อออก จะได้ไม่หมักหม๋มเป็นสิว
เหลือขอบตาไว้หน่อย จะได้ดูเหมือนไมม่จงใจเช็ดให้หมด กลัวโดนดุ ฮ่าๆ
เเละนี่คือสภาพผิวของการโดนทำร้ายวันที่ 7 หลังเช็ดหน้าคือสบายผิวมาก เพื่อนๆในหมู่มาขอเเบ่งกันใหญ่เลย
หลังจากนั้นหัวค่ำเราก็เดินป่าจริงๆ เเบกสัมภาระทุกอย่าง เดินเท้าร่วม 6 กิโลมีเเวะพักกลางทางครั้งนึง ยอมรับว่าเหนื่อยที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เหนื่อยจนขาเก้าขาไปเองโดยไร้ความรู้สึก จุดนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ช่วยถือปืน ถือหมวก เเละคอยดันหลังเราให้เดินไปข้างหน้า ขอบคุณมากจริงๆ อยากเก็บภาพนั้นไว้นะ เเต่เเรงหายใจยังไม่มีเลย
เเละเเล้วเราก็มาถึงที่พัก กางมุ้งนอนกันดีกว่า ปล.อันนี้เพื่อนกางให้นะ นอนกัน2คนดูเหมือนการมาค่ายครั้งนี้ เราจะทำอะไรไม่เป็นเลยงะ ขอบคุณเพื่อนๆมากจริงๆ T_T
คืนนี้ทำได้เเค่ล้างหน้าเเปรงฟัน เพราะเขามีรถน้ำให้ใช้
เราใช้ทิชชู่เปียกเช็ดตามข้อพับ ตามตัว เเละโรยเเป้งเย็นทั่วตัวเลย ฮ่าๆ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะอยู่ในป่าเเล้ว จะว่าไปก็เเอบใจหายเหมือนกันนะ
Day8
ช่วงเช้าเราก็มีไปปลูกป่ากันก่อนกลับ เเต่โทรศัพท์เเบทหมดพอดี จากนั้นสายๆเกือบเที่ยงเราก็นั่งรถกลับมาถึงค่าย
ทุกคนดูสภาพอิดโรย หลับกันมาในรถตลอด รวมถึงเราด้วย
เมื่อมาถึงค่ายก็มีประชุมนิดหน่อย เเล้วก็เเยกย้ายกันไปคืนปืน คืนชุดคืนของทั้งหมดที่เราได้มา
ซึ่งไม่รู้จะเรียกว่าข่าวร้ายหรือข่าวดี คือของที่เขาเก็บของเราไป คือสำหรับการเรียกพลมาฝึกอีกในปีหน้าอีก 9 วันเหมือนเดิม
เฮ่นโหลลลลล OMG เอามือทาบ(อก)รัวๆ เเต่ก็เเอบยิ้มนิดๆ ที่อย่างน้อยปีหน้าเราก็ได้กลับมาเจอเพื่อนๆอีก ^_^
ใครจะไปรู้ว่าคืนนี้เป็นคืนที่เราคุยกันเยอะมากๆ เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้มานอนด้วยกัน
คุยกันทุกเรื่องเลย มีความสุขมากๆที่ได้มาเจอกัน
Day9
วันนี้เป็นเป็นวันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากเเค่รับเงิน เเล้วก็เเยกย้ายกันกลับบ้านเงินที่ได้ก็จะมีค่าตำเเหน่ง ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าชดเชยรายได้ บลาๆ รวมๆก็ราวๆ 4พันกว่าบาท
ทุกคนเเยกย้ายกันกลับบ้านหมด ส่วนกลุ่มเรา ค.60 ก็ไปหาที่นั่งกิน
นั่งคุยกันอีกนิดหน่อย เเล้วก็เเยกย้ายกันกลับบ้านในช่วงบ่าย
เป็นอันว่าการเข้าค่าย 9 วันก็ได้หมดลงเเต่เพียงเท่านี้
เเต่สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ เเละไม่เคยจบลงไปคือความทรงจำดีๆที่พวกเราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
เกือบลืมไปอย่างนึง สิ่งที่ทำให้เท้าเราไม่เหม็นเลยเเม้เเต่นิดเดียว
ไม่ว่าจะฝึกนานทั้งวันเเค่ไหน นั่นคือเจ้าตัวนี้
ผงระงับกลิ่นกาย ตราเต่าเหยียบโลก 25g. ราคา 39 บาท หาซื้อได้ตามร้านขายยาใหญ่ๆ
คำเคลม = ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ช่วยระงับกลิ่นกายเเละเหงื่อ เเห้งสบาย ไม่เป็นคราว ใช้ได้นานกว่า 1 เดือน
ผลกลังการใช้ = คือมันเป็นที่ทาจั๊กเเร้งะ เเต่เอาเอามาใส่ในถุงเท้าก่อนสวม คือเพื่อนก่อนหน้านี้เเนะนำมา เลยลองซื้อมาใช้ดู โอ้โหหหห ผลลัพธ์มาเต็ม ผลเกินคาด เท้าเราไม่มีกลิ่นเลยเเม้เเต่นิดเดียว อันนี้เเนะนำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ว่าจะเข้าค่าย หรือใส่ทำงานก็ได้หมด ยังไงลองดูกันนะ
คะเเนน = 10/10 รักเลย
จริงๆเตรียมสิ่งที่จะเขียนมาไว้เยอะกว่านี้ เเต่บางอย่างมันก็ตื้นตันจนเขียนไม่ออกจริงๆ เอาเป็นว่าช่วงเเรกๆที่กลับมาบ้าน ยังคิดถึงเพื่อนๆทุกคนไม่หาย อยากเจอกันอีก
เเต่ทุกคนก็ต่างมีภาระหน้าที่ของเเต่ละคน รวมถึงเราด้วย
ปีหน้าจะได้เจอกันอยู่ไหมเราก็ไม่รู้ เเต่พวกนายคือเพื่อนเเท้สำหรับเราไปเเล้วนะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างจริงๆ
"จบบริบูรณ์"
สรุปข้อดีข้อเสียในการไปเข้าค่ายทหาร 9 วัน
ข้อดี 1.ได้ความอดทน ถึงเเม้เราจะไม่ไหวยังไงก็ตาม เเต่สุดท้ายเราก็ไปถึง เราก็ทำได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
2.ทำให้เป็นคนกินง่าย จะกินกับดินกับทรายยังไงคุณก็จะไม่บ่น เพราะลำบากกว่านี้ก็เจอมาเเล้ว
3.ได้เพื่อนใหม่ ได้เพื่อนที่คอยช่วยเหลือกัน ได้เพื่อนเเท้ สิ่งนี้เเน่นอนคุณเเทบจะหาไม่ได้เลย ถ้าคุณทำงานตามบริษัท หรือที่ๆไม่ต้องลำบากมาก
4.ได้มิตรภาพ ได้เรียนรู้อาชีพอื่นๆที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน เช่น เพื่อนในหมวดเราทำบ่อกุ้ง เลี้ยงปลา ทำสวนไร่ ซึ่งเราก็นั่งคุยกันนานมาก เพราะเราไม่มีความรู้ด้านนี้เลย พวกเขาก็เล่าให้เราฟังซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เเละในขณะเดียวกันเราก็เล่าเรื่องการทำงานบนเครื่องบินให้เพื่อนๆฟังกัน ซึ่งต่างคนก็ต่างชื่นชมอาชีพของกันเเละกัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เเลกเปลี่ยนมุมมองกัน
5.คุณจะได้ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายผ่านตัวอักษรได้ ถ้าอยากรู้ต้องมาเองงะ จุดนี้ก็พิมพ์ไม่ถูกเหมือนกัน
ข้อเสีย1.เเดดร้อนมว๊ากกกกกกกก มากจนนึกว่าพระอาทิตย์อยู่ใกล้เเค่เอื้อม มีการฝึกหนักจริงๆ เเต่ไม่ถึงขั้นทำโทษ ถ้าให้เราเปรียบเราว่ามันอยู่กึ่งกลาง ระหว่าง การเรียน รด. เเต่ไม่ถึงกับขั้นไปเป็นทหารจริงๆ 2 ปี ประมาณนั้น
2.ผิวอาจเสียได้ ซึ่งก็เเล้วเเต่บุคคลนะ บางคนก็ชิวๆ เเมนๆไม่กลัวเเดด เเต่เรากลัวไง ร้อนเเล้วยังดำอีก ด้วยงานที่ทำต้องใช้ผิวเป็นหลัก เลยระวังตรงจุดนี้เป็นพิเศษ
3.อาจเสียเวลาเรื่องงานเป็นเวลา 9 วัน ที่มาฝึก เเต่ทางทหารเขามีหมายเรียก สามารถนำไปยื่นที่ทำงานได้ ซึ่งถ้าที่ทำงานไม่อนุญาต รู้สึกว่าเหมือนจะมีความผิดด้วยเเหละ
4.เรื่องอาหารการกินสำหรับเราถือว่าดี ไม่เเย่ขนาดทานไม่ได้เลย เเต่บางคนที่ไม่ทานจืดๆ ก็อาจติดน้ำปลามาด้วยก็ดี
5.อาจหิวน้ำเย็นบ่อยๆ จุดนี้ทำใจนะ ฮ่าๆ
6.นึกไม่ออกเเล้วเเหละ
Discussion (16)
ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวดีๆ นะคะ ชอบตรงที่คุณยังคงสนุกกับมันได้มากเลยๆ
@vista054 มันเลอค่าจีๆนะตัว