[PART 2] อยู่ 'อิ๊งลั่นด์' มาหนึ่งปี .. ไอเทม(ส์)นี้ที่ประทับใจ [Cosmetics & Make-up Tools Section]

สวัสดีค่า .. สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วนะคะ

[PART 1] อยู่ 'อิ๊งลั่นด์' มาหนึ่งปี .. ไอเทม(ส์)นี้ที่ประทับใจ [SkinCare Section]

วันนี้กลับมารีวิวใน part ต่อไปตามสัญญาค่ะ

part นี้อาจจะเป็น part ที่สาวๆหลายคนอาจจะอยากอ่านนะคะ เพราะเป็น part ของเครื่องสำอางโดยตรง ... แต่อยากจะขอออกตัวก่อนเลยว่า อันตัวเราเองนั้น จริงๆแล้วเป็นผู้หญิงที่ชอบใช้เครื่องสำอางเดิมๆ ที่ค้นหากันจนเจอแล้ว ว่าชอบ ว่าใช่ ... จะไม่ค่อยซื้อเครื่องสำอางใหม่ๆบ่อยมากเท่าไหร่ (แต่เดี๋ยวดูเอาแล้วกันค่ะ ที่บอกว่าไม่บ่อยๆ แต่พอเอาที่ซื้อๆมาถ่ายรูปหมู่ก็เต็มเฟรมอยู่เหมือนกัน 5555//ร้องห้ายย)

เกริ่นอีกนิดว่า ส่วนตัว ชอบแต่งหน้าให้หน้าดูแทนๆโกลว์ๆค่ะ แต่เราเป็นคนหน้ามัน (มันจริงๆ มันทั้งหน้า ไม่ใช่เฉพาะทีโซน แต่มันไม่มาก ไม่ถึงกับเยิ้มค่ะ) ... เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์เบส ไพรเมอร์ รองพื้น เราส่วนมาก จะมีคุณสมบัติควบคุมความมัน ในขณะที่ colour cosmetic นั้น มักจะมีชิมเมอร์ หรือเหลือบประกาบวาววับ ... อาจจะดูย้อนแย้งกันอยู่ แต่เป็นความชอบส่วนตัว อย่าสับสนนะก๊าบบ จุ๊ฟๆ

ไปชมกันเลยแล้วกันนะคะ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เราทำอะไรที่น่าประทับใจมาบ้าง :))

เร่ิมกันที่อุปกรณ์แต่งหน้าก่อนแล้วกันนะคะ เพราะทำมาแค่เซ็ตนี้เซ็ตเดียว >''<

อันนี้เป็นแปรงของ RT -Real Technique ค่ะ รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษของเขา แต่ไม่ใช่ Limited นะคะ

ชื่อรุ่นว่า Bold Metals Collection เป็นรุ่นที่เน้นความหรูหราของดีไซน์และสัมผัสของขนแปรงค่ะ

ราคาสูงกว่ารุ่นอื่นประมาณเท่าตัวเลย แต่วัสดุของขนแปรง ก็พิเศษกว่ารุ่นปกติเช่นกันค่ะ

รุ่นนี้ เขาทำออกมา 6 แบบ, 3 สี ค่ะ (ทอง, เงิน, และ Rosegold) นกทำมา 3 แบบ ได้มาสีละชิ้น(อย่างไม่ได้ตั้งใจ) พอดีเลยค่ะ >///<

เริ่มกันที่ตัวแรก ซ้ายสุดนะคะ ... เบอร์ 100 arched powder (ราคา 25 ปอนด์) สีทองแปรงปัดแป้ง หัวกลม-แบน ทำจากขนสัตว์ แต่ให้สัมผัสที่นุ่มมากๆ ไม่บาดหน้าเลยค่ะ ใช้สำหรับลงแป้งพัฟ โดยจะให้ลุคที่บางเบา (sheer coverage) หรือ จะใช้ปัดแป้งฝุ่น เป็น finishing เบาๆสวยๆ ก็เหมาะมากๆเลยค่ะ

ต่อมา ด้านกลาง สีโรสโกลด์ เบอร์ 300 tapered blush (ราคา 24 ปอนด์) ... ตัวนี้เป็นตัวแรกที่เราได้มาสำหรับแปรงคอลเลคชันนี้เลยค่ะ คุณเพื่อนซื้อมาให้ตอบแทนที่พาเขาเที่ยวอยู่อาทิตย์นึง (นี่เลยติดใจ ต้องไปทำมาอีกสองอัน คุ้มไหมเนี่ยยย 555) .... ตัวนี้เป็นแปรงปัดบลัช หัวกลม-ค่อนข้างแบน ทำจากขนสัตว์เช่นกันค่ะ ... ลักษณะเด่นเบอร์ 300 นี้ คือ ความเด้งตัวของขนแปรงค่ะ ... คือ ความนุ่ม ไม่ช่วนหน้า อันนั้นแน่นอนว่าเขาได้อยู่แล้ว เพราะเป็นจุดเด่นของแปรงเซ็ต Bold metal ทั้งคอลเลคชั่นเลยค่ะ ... แต่สำหรับแปรงปัดบลัช จะมีข้อเด่นที่พิเศษกว่าแปรงอื่นๆตรงที่เขาจะเด้งตัว จิกสีติด และปัดง่ายค่ะ :))

สุดท้ายสำหรับน้องแปรงนะคะ ตัวขวาสุด สีเงิน เบอร์ 201 pointed crease (ราคา 12 ปอนด์) สำหรับตัวนี้ เป็นแปรงทรงหัวจรวดค่ะ ขนแปรงสั้น แน่น หัวเล็ก ... จริงๆจุดประสงค์สำหรับคุณน้องเบอร์นี้ ก็คือ ใช้คัดเบ้า ให้ลุคตาแบบ smoky eye แน่นๆ ฟุ้งๆค่ะ .... แต่ส่วนตัวเรา เคยใช้คัดเบ้าแค่ครั้งเดียว แล้วรู้สึกว่ามันแน่นไปนิดส์ (ส่วนตัวนะคะ) ... ตอนนี้เลยเอามาใช้ไฮไลท์บริเวณสันจมูกเวลาไล้ดั้งค่ะ กำลังดีเลยทีเดียว :)))

โดยรวมแล้ว ชอบมากๆเลยค่ะ สำหรับน้องแปรงทั้งสามชิ้นในคอลเลคชันนี้ นุ่ม สวย ใช้งานง่ายและดีตามวัตถุประสงค์ค่ะ ราคาอาจจะสูงกว่ารุ่นปกติของเขาอยู่สักหน่อย แต่คุณภาพขนแปรงนั้นก็ต่างกันอย่างรู้สึกได้ ... ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ ลักษณะการใช้งาน และความชอบของสาวๆแต่ละท่านค่ะ ว่ารุ่นไหนจะคุ้มค่าต่อการลงทุนมากกว่ากัน :)))

หมดไปแล้วกับคุณน้องแปรงนะคะ เราไปต่อกันที่เครื่องสำอางเลยดีกว่าค่ะ :D

เริ่มกันที่ภาพหมู่โน๊ะ ...

เครื่องสำอางของเรานี้ เป็นของ Drugstore ทั้งหมดเลยนะคะ (ทั้งหมดมีขายที่ Boots ค่ะ) ... ส่วนตัวเราจะไปทุ่มกับ skincare มากกว่า สำหรับเครื่องสำอางส่วนมากจะใช้ราคาเบาๆค่ะ เพราะข้อแรกเลยคือ เครื่องสำอางเนี่ย ส่วนมาก ใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด และพอเปิดใช้เกิน 1-2 ปี เราก็ต้องทิ้งแล้ว จะใช้ของราคาสูง ก็เสียดายค่ะ ... อีกอย่าง ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าพื้นผิวหน้าเราดีซะแล้วเนี่ย เครื่องสำอางจะใช้อะไรแต่ง ก็สวยได้ไม่ยากค่ะ (อ้างนู่นอ้างนี่ ที่จริงคือ เงินหมดไปแล้วกับการซื้อ skincare ค่ะ ... แฮร่~ :'p )

เริ่มกันที่ตัวแรก เรียงลำดับตามสเตปการแต่งหน้าเลยนะคะ ... ตัวนี้เป็น Primer เนื้อบาล์ม จาก Revlon รุ่น PhotoReady ค่ะ เป็นเนื้อบาล์ม คุณสมบัติคุมมัน ลงเป็นอันดับแรก (หลังลงครีมบำรุงและกันแดด) ราคา 9.99 ปอนด์ ค่ะ ... ส่วนตัวสำหรับเรา ช่วยคุมมันได้ดีพอสมควรเลยค่ะ คือ จะช่วยยืดเวลาออกไปได้อีกระยะเลย เช่น ปกติแต่งหน้า ถ้าไม่ได้ใช้ไพรเมอร์ตัวนี้ ออกไปเดินเล่น ชอปปิ้ง กินข้าว ในห้าง ซักเที่ยงๆหน้าจะเริ่มมันแล้ว แต่ถ้าใช้เจ้าตัวนี้ด้วย ก็อาจจะจะอยู่ได้ถึงบ่ายๆเลยค่ะ ... ซึ่งเราถือว่าโอเคมากๆ สำหรับเรา ถือเป็นไพรเมอร์ควบคุมความมันของ drugstore ที่ดีที่สุดเลยค่ะ เลิฟมากๆเลย <33

ตัวที่สอง ยังอยู่กันที่ไพรเมอร์นะคะ แต่ตัวนี้เป็น Eye Base เนื้อแมตต์ (อย่างที่ลองป้ายให้ดูที่มือเลยค่ะ) ของ Soap & Glory ค่ะ (ราคา 4 ปอนด์ ถ้วนค่ะ) ... ตัวนี้ ซื้อเพราะมันเป็นโปร ซื้อ 3 จ่าย 2 และก่อนหน้านั้น โดนคุณเพื่อนสนิทสิงมาว่า มันดีนะตัววว มันดีมากๆจีจีนะตัวววว ... ค่ะ ดีก็ดี 5555 .... แต่ใช้แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ใช้ไพรเมอร์ตัวนี้แล้ว รู้สึกว่าเกลี่ยอายแชโดว์ได้ง่ายชึ้น สีติดชัดขึ้น(เล็กน้อย) และเขาสามารถทำให้หนังตาที่ค่อนข้างมันของเราไม่เป็นแพนด้าจากมาสคาร่าได้ ถือว่าดีงามค่ะ ^^

ถัดจากไพรเมอร์ไปก็เป็นแป้งนะคะ ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นอัดแข็งที่เคลมคุณสมบัติเรื่องทำให้หน้าดูแมตต์ และควบคุมความมันค่ะ ... เป็นของ Soap & Glory สนนราคาอยู่ที่ 12 ปอนด์ ค่ะ ... ส่วนตัว คิดว่าก็ช่วยพอสมควร ในระดับของแป้งฝุ่นนะคะ คือ ถ้าเราใช้น้องตัวนี้เซตรองพื้น ก็จะทำให้หน้าแมตต์ขึ้น และดูจะช่วยให้หน้ามันน้อยลงระหว่างวันสักเล็กน้อยด้วยค่ะ ส่วนตัวก็ถือว่าชอบ และจะใช้ต่อเลยล่ะค่ะ :))

ไปต่อกันที่ colour cosmetics เลยนะคะ... เริ่มที่ผลิตภัณฑ์สุดโปรดของเรา คือ บรอนเซอร์ ไฮไลท์เตอร์ และ บลัช ค่ะ ... เป็นของ Sleek ทั้งสองตัวเลยนะคะ ... เริ่มจากตอนแรก เราได้ลองซื้อตัวที่เป็นพาเลตต์(ทางขวามือ)มาก่อนค่ะ ตัวนี้เป็นพาเลตต์ประกอบด้วยบรอนเซอร์สำหรับคอนทัวร์ มีไฮไลท์เตอร์สีแชมเปญประกายมุก และบลัชออนสีสมพูพีชเหลือบประกายทองค่ะ เซตนี้ ราคาอย่ที่ 9.99 ปอนด์ ค่ะ ... หลังจากนั้น พอคุณน้องบรอนเซอร์ในพาเลตต์ใกล้หมด เราเลยไปสอยบรอนเซอร์เดี่ยวๆมาค่ะ ตัวนี้เราจำราคาไม่ได้ แต่น่าจะอยู่ที่อย่ที่ราวๆ 4 ปอนด์ ค่ะ

ทั้งสองตลับ ชอบตรงที่เม็ดสีเขาแน่น ปัดแล้วสีชัด ... ไฮไลท์กลับบลัชก็เหลือบประกายสวย ไม่ใช่กลิตเตกอร์เม็ดๆที่ทำให้ดูหลอกค่ะ .... ส่วนบรอนเซอร์ จริงๆแล้วตัวที่มากับพาเลตต์ สีจะเหมาะแก่การคอนทัวร์กรอบหน้ามากกว่า ตัวตลับเดี่ยวสีเขาจะออกแดงไปสักนิดสื และสีเข้มกว่ามาก เวลาปัดต้องคอยระวังค่ะ ... แต่โดยรวมถือว่าชอบถึงชอบมากเลยค่ะ :))

ตัวต่อไป ยังอยู่กันที่ตระกูลบลัชนะคะ ... ตัวนี้เป็นบลัชของ Soap & Glory ค่ะ ราคาอยู่ที่ 11 ปอนด์ ... สีพีช เหลือบประกายมุกสีทองสว่างๆค่ะ

ลองปัดสีให้ดู เทียบกับน้องบลัชของ Sleek ตัวเมื่อสักครู่นะคะ ... เทียบกันแล้ว เม็ดสีของคุณ Soap & Glory นี้จะเบากว่า ไม่แน่นเท่าน้อง Sleek ค่ะ (แต่ก็ยังถือว่าดีนะคะ ไม่จางมาก) ... ส่วนตัวเหลือบประกายมุก อันนี้ชิมเมอร์ของ Soap & Glory จะละเอียดกว่า(ขนาดนี่ก็ว่า Sleek ละเอียดแล้วนะคะ) และเป็นสีทองเฉดที่ดูสว่างกว่าค่ะ ... ตัวนี้ เลยอาจจะไม่เหมาะกับคนหน้ามันมากๆเท่าไหร่ เพราะด้วยความที่ประกายเขาสว่างจนเกือบขาว อาจจะทำให้ดูหน้ามันมากเกินไปได้ค่ะ

ถัดจากบลัช เราไปกันที่ลิปนะคะ ... มาเที่ยวนี้ เราไม่ได้ซื้อลิปสติกใหม่เลยค่ะ ทั้งๆที่จริงๆก่อนมาแอบเล็งที่เป็น luxury brand ของอังกฤษเองไว้หลายอย่าง ทั้ง Tom Ford ทั้ง Charlotte Tiwbury .... แต่พอไปลองที่เคาน์เตอร์แล้ว ส่วนตัวคิดว่ายังไม่โดนขนาดจะลงทุนค่ะ (ส่วนตัวนะคะ ส่วนตัวจริงๆ เพราะคุณเพื่อนที่โดนเราลากไปลอง ตอนแรกนางอิดออดไม่ยอมไป แต่พอลอง นางโดนไปสามแท่ง แต่คนลากไปอย่างเรา ดันกลับออกมามือเปล่าซะอย่างนั้น)

ส่วนเจ้าคุณน้องสามด้ามที่ได้มานี้ เป็นลิปกลอสค่ะ แต่เป็นลิปกลอสที่สีแน่นมาก และติดทนมากค่ะ ที่จริงอาจจะออกเป็น lip lacquer มากกว่า ... เป็นของ Rimmel ค่ะ แบรนด์ drugstore ของอังกฤษเอง อันนี้เป็นรุ่นที่เรียกว่า Apocalips ค่ะ ราคา 6.49 ปอนด์ ค่ะ ... เราได้มาสามสี เป็นสีที่ใช้ใน everyday look 2 อัน และสีแดงสดอีก 1 อันค่ะ

ลองป้ายให้ดูนะคะ จะเห็นว่าสีแน่นมาก และไม่ได้มันวาวอย่างลิปกลอสเท่าไหร่นัก แต่ก็จะให้ความรู้สึกที่ชุ่มชื้นและบางเบากว่าลิปสติกค่ะ ... สีแดงของเรานี้เป็นสีแดงสด ออกมาทางส้มเล็กน้อยไม่ได้ไปทางแดงเลือดหมูค่ะ ชื่อสี Apocoliptic ค่ะ ... ตรงกลางเป็นสีชมพูสดใส ที่ไม่สดเกินไป สามารถใช้ใน everyday look ได้สบายๆค่ะ ตัวนี้ ชื่อสีว่า Nova ค่ะ ส่วนตัวเรา ชอบสีนี้ที่สุดเลยค่ะ รู้สึกว่าทาแล้วหน้าสว่าง ดูสดใสดีค่ะ ... สุดท้าย ตัวขวาสุด สีนู้ดชมพู ชื่อสีว่า Nude Eclipse เป็นนู้ดป่วยนะคะ ป่วยถึงป่วยมาก เหมาะแก่การทาคู่กับการแต่งหน้าแบบ smoky eye ค่ะ หรือ ถ้าไม่สโมกกี้ ก็แนะนำให้ทาลิปติกสีสดก่อน แล้วค่อยใช้กลอสนี้ทับค่ะ ไม่อย่างนั้นจะแอบดูป่วยไปนิดส์ค่ะ :))

สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับกระทู้ใน section เครื่องสำอางนี้นะคะ ปิดท้ายกันที่คุณน้องมาสคาร่าจาก MaxFactor ค่ะ .... ต้องแอบเกริ่นก่อนว่า เราเป็นคนที่หน้งตามันมาก ไม่ต่างกับส่วนอื่นๆบนใบหน้า 555 เพราะฉะนั้น ตัวเราเอง ได้ค้นหามาสคาร่าที่เราจะใช้แล้วไม่เลอะ โดยที่ไม่ต้องโบก eye base แป้งฝุ่น หรือบาล์มคุมความมันอะไรมากมายในทุกๆวันที่แต่งหน้านะคะ ... ซึ่งที่ผ่านมา ลองมา จากหลายรีวิว หลายยี่ห้อ หลายสัญชาติ หลายราคา มากๆ แต่ก็ยังไม่เจอตัวไหนที่สามารถทำได้ ... จนสุดท้าย ได้มีโอกาสมาลองตัวนี้แบบจับพลัดจับผลู เพราะโปรโมชั่น 3 จ่าย 2 แล้วก็ไม่รู้จะเอาอะไรเป็นตัวแถม ไม่รู้คิดยังไง อยู่ๆก็หยิบเจ้ามาสคาร่าตัวนี้มา

มาสคาร่าตัวนี้ ราคา 10.99 ปอนด์ ค่ะ ... คุณสมบัติของเขา คือ เพิ่่มวอลลุ่มนิดหน่อย และเพิ่มความยาวเล็กน้อย พอให้ดูสวยเด้งอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ ... ถ้าถามถึงเอฟเฟคจริงๆ มันก็ 'ดูเป็นธรรมชาติ' จริงๆอ่ะนะคะ คือ ไม่ได้ฟู ไม่ได้ยาว ไม่ได้ปัง! อะไรมากมาย ... แต่ในส่วนตัวของเรา ที่ปกติ ปัดยี่ห้อไหนๆก็แพนด้าๆๆๆ มาได้ไกลเท่านี้ ก็ดีใจจนแทบร้องไห้แล้วค่ะ เอฟเฟคจะเยอะจะน้อยก็โอเคทั้งนั้น ไม่เรื่องมากเลยจริงๆ ถือว่ายังไงก็ดีกว่าไม่ได้ใช้ค่ะ 555 .... ส่วนเรื่องการล้างออก ก็ถือว่า ไม่ง่าย ไม่ยากค่ะ ถ้าใช้ cleansing ที่เป็น oil ก็ออกได้สบายๆ แต่ถ้าใช้ cleasing water อาจจะต้องเลือกใช้ที่เป็น eye remover โดยเฉพาะนิดนึงค่ะ ... โดยรวม รักมากๆค่ะ :))

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับรีวิวในส่วนของเครื่องสำอางจากอังกฤษในราคาเบาๆวันนี้ ติชมพูดคุยกันได้เหมือนเดิมนะคะ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า ตอนสุดท้าย เร็วๆนี้ค่ะ :DD

PART 3 :: Nail Polish & Hair Care

<333

Discussion (3)

soap&glory  มากกกกก  คุณภาพดีเลย  แต่ราคาแพงไปนิดถ้าเทียบกับ drug store แบรนด์อื่น
เราชอบsleek และ rimmel มากกกก  คุณภาพเขาดีและราคาน่ารักน่าคบ ^^