เผยชีวิตชะนีฟรีแลนซ์กับแหล่งที่สิงประจำ@ Draft Board Co-Design Space อาณาเขตคนไม่ว่างงาน“ห้ามด่วน ห้ามรื้อ ห้ามขอทำฟรี"

สวัสดีค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปนานแสนนาน เพราะมัวปั่นงาน กองโต ที่เคลียร์เท่าไหร่ก็ไม่จบไม่สิ้นซักที

ชีวิตชะนีฟรีแลนซ์ก็น่าเศร้าแบบนี้ แต่ทำไงได้ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปนะคะ

หลังจากที่หมกตัวรับจ๊อบเอง มาซักพักใหญ่ ก็ค้นพบสัจธรรมของอาชีพอิสระแบบนี้ ที่ใครๆ ก็คิดว่าฟรีแลนซ์นั้นแสนสบาย

อยากทำงานเมื่อไรก็ได้ อยากพักเมื่อไรก็พัก ดูชีวิตดี๊ดี มีเงินใช้สบาย แค่คือแบบ.......ขอแถลงการณ์จากประสบการณ์

ณ กระทู้นี้เลยว่า ม่ายยยจริ้งงงงง…ไม่จริงเลยค่ะ เสาร์-อาทิตย์นี่คือเวลาทอง ของลูกค้าที่จะมาเผชิญหน้า

จิกสายตาใส่งานเราแบบไม่กระพริบตา เรียกได้ว่าวันหยุด ขอฉันเถอะค่ะ

ฟรีแลนซ์แบบเรานี่ ไม่เคยจะได้พักแบบคนอื่นเค้าหรอก ปั่นงาน แก้งาน ปั่นงาน แก้งาน

สลับเป็นวงจร แบบไร้ Timeline เลยล่ะ เจอลูกค้าดีคุยง่ายก็สบายกระเป๋า เจอลูกค้างี่เง่าสั่งปุ๊บจะเอาปั้บ

ก็มึนกันไป ลองทำเองก็เป็นแบบนี้ ต้องทำใจ

ล่าสุดไปดูหนัง GTH เรื่องหนึ่ง บอกเลยว่า อินมาก ราวกับว่าเอาชีวิตเราไปสร้าง อย่างในรูปเลย

ที่เห็นแล้วก็คิดถึงตัวเอง 55555 นี่มันชีวิตฉันนิ นอนคาเม้าส์ท่านี้ฉันก็ทำมาแล้วจ้า (ขำตัวเอง)

หลังจากบ่นอยู่นาน กลับเข้าเรื่องที่จะมาเล่ากันเถอะ เรื่องมีอยู่ว่าแต่ก่อนตอนเริ่มทำฟรีแลนซ์ใหม่ๆ

ก็จะนั่งตามร้านกาแฟไปเรื่อย ตามแนว BTS แต่ข้อเสียของการนั่งร้านกาแฟก็คือ ที่นั่งเต็มตล๊อดดดด

เพราะบางคนซื้อกาแฟแก้วเดียวนะ แต่นั่งแบบข้ามวันข้ามคืนเลย ยิ่งถ้าเป็นร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมงนะ ยากค่ะ ที่เค้าจะลุก!

แล้วใช่ว่ากาแฟแก้วเดียวจะถูกนะจ้ะ สมัยนี้ แก้วนึงนี่ ปาไป 100-200 บาท แล้วค่ะ ละก็จะได้สลิป 1 ใบ มาต่อไวไฟ

สามชั่วโมงก็หมดแล้ว ละต้องซื้อกาแฟเพื่อต่อเวลาชีวิตใหม่ ถามว่าอยากกินมั้ย ไม่เลย!!

ลองมานั่งคูณๆ ดูแล้ว ค่ากาแฟ ค่ารถ นี่มันค่าทำงานเราต่อวันชัดๆ T^T

มันถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต และสำนักทำงานใหม่แล้วล่ะค่ะ พอเจอปัญหานี้

เราเลยถามเพื่อนๆ ที่ทำงานฟรีแลนซ์เหมือนกันว่าทำงานกันที่ไหน

เขาเลยแนะนำให้มาที่นี่อะค่ะ มาก็มา กับที่นี่ "Draft Board Co-Design Space"

การเดินทางมาสู่อาณาจักรทำงานข้ามวันข้ามคืน

นั่ง BTS ลงสถานี "ชิดลม" เดินลงฝั่งการไฟฟ้า จากนั้นเดินเข้าซอยด้านข้าง ประมาณ 3 นาที

จะถึงตึก "ตึกอรกานต์" แล้วขึ้นลิฟท์มา ชั้น 12 จะพบ Draft Board เลยค่ะ ☺

Co-Design Space คืออะไร?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Co-Working Space กันบ้างแล้ว เพราะในเมืองนอก

เค้าบูมกันมากกับการทำงานในสถานที่ที่มีคนไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน ช่วยกันทำงานให้สำเร็จ

แต่สำหรับ Co-Design Space หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยกัน ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับคนเมือง

ที่ไม่อยากทำงานอยู่บ้าน (แบบเรา)หรือเบื่อไฟท์กับคนตามร้านกาแฟ

Co-Design Space จึงเหมาะมากที่จะเป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันของคนที่มาจากสายอาชีพที่คล้ายๆ กัน

โดยพื้นที่นี้จะคอย support การทำงานให้กับพวก artist ไม่ว่าจะช่างถ่ายภาพ กราฟฟิกดีไซน์

Co-Design Space จึงเปรียบเสมือนแกลเลอรี่ศิลปิน ที่มีอุปกรณ์ครบครัน

ทั้ง Wifi ห้องปริ้น สตูดิโอ หรือแม้กระทั่งมี Workshop ให้เรียนรู้อีกด้วย

เราเองตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาที่นี่ ก็ประมาณเดือนกว่าๆ แล้ว พูดเลยว่าติดอกติดใจ

อยากย้ายบ้านมาอยู่เลยล่ะ นั่งปั่นงานอย่างสุนทรี ด้วยบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงานแบบสุดๆ

พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกับออฟฟิศใหญ่ๆ เรียกได้ว่า มาที่นี่ ที่เดียว

ฟรีแลนซ์อย่างเราพร้อมลุยทุกงานไม่มีบ่นแน่นอนจ้า

ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ที่มานั่งทำงานที่นี่มีหลายอาชีพมากค่ะ เคยนั่งคุยกับพี่ๆ เขาอยู่

มีทั้ง Writer, Programmer, Graphic Designer ฯลฯ เยอะค่ะเยอะ มาคนเดียวยังไม่ต้องกลัวเหงาเลย

ที่นี่คนมานั่งทำคนเดียวกันเยอะ แต่ส่วนใหญ่ เขาก็ได้เพื่อนกลับกันไปหมดแหละ

(เพื่อนเยอะแล้ว อยากได้แฟน T^T)

และที่ Draft Board Co-Design Space เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ อย่างชัดเจน เดี๋ยวเราพาทัวร์เอง

เริ่มจากโซนแรก ขอเรียกว่า "ห้องรับแขก"

บริเวณนี้จะมี โต๊ะ เก้าอี้จำนวนมากวางเรียงรายกันอยู่ ให้คนที่มาเป็นกลุ่ม หรือมาเดี่ยว

จะมาติวหรือ อ่านหนังสือ ได้มาใช้งานกันอย่างเต็มที่ แค่ลองเปลี่ยนสถานที่จากร้านกาแฟ

มานั่งแช่ที่ Draft Board ก็เก๋ดีไม่เบา แถมที่นี่เค้ามีปลั๊กไฟ Wifi พร้อมใช้งาน สะดวกสบายสุดๆ

ส่วนมุมประจำของเรา ชื่อว่า Share Desk ริมหน้าต่าง (อิอิ)

มุมโปรดข้างหน้าต่าง คิดงานไม่ออกมองไปข้างนอกแล้วเผื่อไอเดียจะเข้ามาบ้าง ปกติจะมากับเพื่อนอีก 3 คนค่ะ เป็นฟรีแลนซ์กันหมดเลย คนนึงเป็นช่างถ่ายรูป และเรากับเพื่อนอีกคนทำกราฟฟิคดีไซน์จ้า

โซนต่อมา "Meeting Room Zone"

สำหรับใครที่ต้องการนัดลูกค้าประชุม หรือทำงานแบบกลุ่มคนเยอะๆ Draft Board

เค้ามี Meeting Room ให้เช่าด้วยนะ แถมมีอุปกรณ์พร้อมเปิดประชุมได้ทันที ห้องนี้เราใช้บ่อย

ทั้งบรีฟงาน ขายงายก็ได้หมด บรรยากาศการตกแต่งก็ดี๊ดี มีสไตล์ ติดรถไฟฟ้านัดมาเจอกันง่าย

ลูกค้าที่มาก็ปลื้มทุกราย ขายงานผ่านสบายจ้า

โซนต่อมา "Private Room"

ห้องทำงานส่วนตัว เหมาะกับธุรกิจ Start Up คนรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่ในการหาไอเดีย

และพูดคุยกับคนสายงานเดียวกัน ชอบอะไรคล้ายกัน ส่วนนึงที่จะสร้างให้บรรยากาศการทำงานอบอุ่นยิ่งกว่า คือ

การมาทำงานที่นี่ เราต้องเปิดใจรับกับทุกคน ทั้งความคิด ไลฟ์สไตล์ของกันและกัน

จะทำให้เราใช้ชีวิตฟรีแลนซ์ที่นี่ ได้อย่างมีความสุขค่ะ ^^

หลังจากเตรียมงานกันตามห้องต่างๆ แล้ว ก็ถึงขั้นลงมือปฏิบัติ สร้างสรรค์ผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน

ที่นี่เค้าก็มีอุปกรณ์ และห้องต่างๆ มารองรับทุกงานเลยล่ะ

มาเริ่มจากห้อง "Photo Studio"

สามารถเช่าถ่ายรูป หรือจัดกิจกรรม งานแสดงผลงาน ได้ด้วย

เหมาะมากกับคนที่มองหาสตูดิโอสำหรับเช่า ถ่ายรูปขายของรัยงี้ ก็ลองมาใช้ที่นี่ดูนะคะสะดวกมาก

วันนี้มาส่องเพื่อนถ่าย Pack Shot ภาพนิ่งก่อน นี่ขนาดถ่ายโปรดักส์เบสิคๆ เลย

ยังใช้เวลาในสตูตั้ง 4 ชั่วโมงแหนะ (เกือบครึ่งค่อนวัน) เพราะสินค้าเยอะด้วยแหละ ปาดเหงื่อแรงๆ แต่สู้ค่ะ

ปล. ส่วนใหญ่จะใช้บริการ Studio, Printing Room และก็ Share Desk มากกว่า

เลยเก็บภาพสถานที่และบรรยากาศระหว่างการทำงานจริงๆ มาฝากกันค่ะ

หรือจะเป็นห้อง "Printing Room"

เรื่องปริ้นเรื่องเล็ก แต่เน้นรายละเอียด!!

เดี๋ยวนี้ที่ปริ้นดีๆ หายากนะ และยิ่งงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูงๆ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป

แค่มาที่ Draft Board ที่ใส่ใจแม้กระทั่งงานปริ้นเล็กๆ เพราะเราเอง เชื่อว่ากระดาษให้คุณค่าทางความรู้สึก

เวลาลูกค้าดูงานเราเนี่ย จะเนี้ยบไม่เนี้ยบ แค่สัมผัสแรกที่จับกระดาษก็รู้เลยว่า

เราเองก็ใส่ใจต่อการเลือกกระดาษเช่นกัน (ดูสวยในสายตาลูกค้าทันที จิกกล้องแพพ)

เครื่องปริ้นที่นี่เป็นแบบ digital รับรองไม่มีสีเพี้ยน นี่ปริ้นมาแล้ว ถามนี่ได้

เทียบสีให้ดูข้างๆ หน้าจอคอมเลย

(ไม่ได้มาโฆษณาว่าเครื่องปริ้นดีนะ แต่ว่ารู้สึกอุ่นใจที่ไม่ต้องวิ่งตากแดด ตากฝนไปโรงพิมพ์ ปริ้นให้เสียเวลาอะ)

สำหรับใครที่ต้องการตัดสติกเกอร์ หรือใช้เครื่องปริ้นท์ไดคัท ที่นี่ก็มีเช่นกันค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นฉลากบรรจุภัณฑ์ หรือ สติกเกอร์โลโก้ตัวเอง ก็สามารถสั่งปริ้นได้เช่นกัน

เอาเป็นว่าเข้ามาที่ Draft Board Co-Design Space ที่เดียว จบงาน พร้อมขายลูกค้า ดีล!

(แอบบอก)

ปัจจุบันเราเป็นสมาชิกรายเดือน จะได้โควตาสำหรับปริ้นงานด้วยกี่ชิ้นก็ได้ตามวงเงินในแพ็คเกจสมาชิก

แต่ถ้าเกินก็ต้องจ่ายค่าบริการเองนะจ๊ะ ราคาขึ้นอยู่กับงานค่ะ

เมื่อผลิตผลงานได้สำเร็จแล้ววววว แบบนี้ถึงเวลาหา Inspirations ใหม่ๆ เข้าสมอง

เสริมศิลปะ งานอาร์ตเข้าหัวซะหน่อย

ที่นี่ก็มีโซน "Workshop Area"

ใครรักงาน Craft รับรองต้องหลงรักห้องนี้แน่ๆ ไม่ว่าจะพ่นสี ใช้เสียง จัดเต็มได้เลย

และใครที่ชอบ Workshop งาน craft ต่างๆ ที่นี่เค้าก็มีจัดให้เรียนกันด้วย ลองติดตามข่าวดู

และหลังจากใช้ชีวิตทำงานกันอย่างหนักหน่วง

ก็ต้องผ่อนคลายบ้างนะ กับ โซน "Chill Bar"

ตรงนี้เค้ามี น้ำดื่ม,กาแฟ,ชา และขนม พร้อมบริการ แต่ทีเด็ดสำหรับพวกเราชาวฟรีแลนซ์

ใช้ความคิดหนักๆแบบนี้ ต้อง "เบียร์" เท่านั้นจ้า คิดอะไรไม่ออก ก็หมดแก้ว ฮ่าๆๆ

ที่นี่เขาให้จิบเบียร์ชิวๆ ระหว่างทำงานได้ด้วย แต่ Drink Not Drunk ล่ะ (สรุปไม่ได้ทำงานจ้า เมา!)

หรือใครจะแทงพูลก็ได้นะ ไม่เหงาแน่นอน ตรงนี้คนแทงพูลเพียบ!

สรุป

Freelance, คนทำงาน, นักศึกษา บลาๆๆ หรือใครที่กำลังมองหาที่ทำงานสงบๆ บรรยากาศดี

เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานในวันธรรมดา หรือ วันเสาร์-อาทิตย์ เดินทางสะดวกติดรถไฟฟ้า

ลองเข้ามาใช้บริการที่นี่ดูค่ะ แถมยังได้เพื่อนใหม่ และแลกเปลี่ยนความคิดกันด้วย

เราเองก็ได้เพื่อนใหม่จากการนั่งทำงานที่นี่เช่นกัน Connection เพียบ

(ฝิ่นนี่ลอยมาเลย แต่เงินนี่ลิบตามากจริงๆ)

ยิ่งน้องๆ ที่กำลังเรียนอยู่ ยิ่งน่ามาค่ะ นึกถึงสมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัย ช่วง Final Project

ถ้าตอนนั้น มี Co-Design Space แบบนี้คงเป็นอะไรที่ดีมาก มานั่งๆ นอนๆ ทำงานกัน ให้เป็นหลักแหล่งไป

ตอนนั้นคือเดี๋ยวย้ายไปบ้านเพื่อน คนนี้ที คนนั้นที สุดท้ายกว่างานจะเสร็จก็ชน Deadline พอดีจ้า …

ข้อดี

1. เดินทางสะดวก อยู่ใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า BTS เบื่อๆ อยากเดินไปหา Inspiration

ก็สามารถแวะไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลชิดลม หรือเซ็นทรัลเวิลด์ก็ได้ (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะช้อปก่อนหรือหลัง ทำงานดี ฮ่าๆ)

2. ค่าใช้บริการ ราคาสมเหตุสมผลนะคะ ถ้าเทียบกับความสะดวกสบายของสถานที่แล้ว

อย่างเรา จะสมัครสมาชิกโต๊ะ Share Desk เดือนละ 4500 บาท/เดือน ไวไฟฟรี,ใช้ห้องประชุมได้ 2 ชั่วโมง และสามารถปริ้นงานได้ในวงเงิน 900 บาท แต่ถ้าอยากลองใช้ดูก่อนที่นี่มีแบบรายวันด้วยนะ เผื่อใครอยากมาลองนั่งดู ถูกใจ ไม่ถูกใจ ค่อยว่ากันอีกที

3. ชอบบรรยากาศระหว่างการทำงาน เหมือนตัวเองอยู่ท่างกลางคนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน ซัพพอร์ทความคิดซึ่งกันและกันได้ดีค่ะ

4. มีบริการครบครันสำหรับการทำงานของเราค่ะ ตอบโจทย์การทำงานที่ต้องการปิด Job เร็ว ได้อย่างดี

5. มี Art Exhibition สำหรับคนรักงานศิลปะด้วย

6. วันดีคืนดี วันไหนเกิดอยากมีปาร์ตี้ เขาก็จะสังสรรค์ จิบเบียร์ คุยกันตามประสาคนทำงานด้วยนะ ช้อบ ชอบ

ข้อเสีย

1. หากเอารถมาเองต้องเสียค่าจอดรถเพิ่มค่ะ แนะนำให้มี รถไฟฟ้า BTS ดีกว่าค่ะ

สะดวกกว่าเยอะ รู้ๆ กันอยู่เส้นนี้รถติดจะตาย T^T

2. อยากให้เปิด 24 ชั่วโมงแบบ 7-11 เลย โถ่ 4 ทุ่ม บางทีงานก็ยังไม่เสร็จหรอกค่ะ

ชีวิตฟรีแลนซ์ก็งี้ เอาแน่เอานอนกับเวลาชีวิตไม่ได้เลย แนะนำนะคะทำเป็นห้องอาบน้ำ อะไรไปเลย

มีเต้นท์ เตียงมาปูนอนไปเลยยิ่งดี (ขอมากไปไหม555)

ใครที่สนใจอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศทำงาน ได้พบปะพูดคุยกับคนสายงานเดียวกัน

ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ แต่ถ้าบอกตรงๆ แบบฟรีแลนซ์ เปิดใจคุยกันเลย เราแนะนำ

ยังไงเราก็ยังเชื่อว่า สภาพบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมระหว่างการทำงานสำคัญที่สุด!

นักศึกษาที่เบื่อบรรยากาศห้องสมุด กับบรรณารักษ์แก่เดิมๆ แนะนำให้มานะคะ

เปิดหูเปิดตา เปิดใจ ที่นี่ก็มีอะไรแซ่บเยอะนะเอ้อ !! (เดี๋ยวๆ น้องมาอ่านหนังสือนะลูกนะ)

วันนี้ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ ขอให้ พลังสถิตอยู่กับ มนุษย์ฟรีแลนซ์ตลอดไปค่ะ

... งานเยอะแค่ไหนไม่ว่า แต่ห้ามด่วน ห้ามรื้อ ห้ามขอทำฟรี ห้ามจ่ายเงินเกินเวลา ค่ะ...

กราบ!

Discussion (3)

@TDDH เป็นความดีงามที่น่าลองนะจ้ะ

ดีงามสยามประเทศมาก เคยไปที่อื่นมันไกลลลล 555