Body Shaming

Body Shaming ศัพท์ที่เราเริ่มได้ยินเริ่มตั้งแต่สังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึงในชีวิตประจำวันของชาวโลก การเหยียดหยันคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักกันในชีวิตจริงกลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วมือคลิก สื่อบันเทิงมากหายหลายเจ้าต่างขยันอัพเดทภาพของเซเลบริตี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน รวมไปถึงเปิดรับคนแปลกหน้าให้เข้ามาชื่นชมพื้นที่ส่วนตัวบนaccount ของคนดังเหล่านั้นช่วยสร้างกระแสความโด่งดังให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังเปิดโอกาสให้มีคนแสดงความเห็นโจมตีเรื่องรูปร่างหน้าตาแบบไม่ปราณี ลองมาติดตามชมกันค่ะว่าใครที่ต้องผจญกับ Body Shaming กันบ้าง

Discussion (15)

และแม้ว่าเธอจะไม่ได้เดินแบบในแฟชั่นวีค เคทก็ได้แคมเปญต่างๆมาครอบครอง




 
ไหนจะแคมเปญ Bobbi Brown



ปีที่แล้วได้เป็น sexiest woman alive จาก People magazine (ตำแหน่งนี้ดารา A List จับจ้องกันทั้งนั้น)


คำพูดที่เธอให้ไว้กับรางวัลสุดยอดสาว sexy แห่งปี  "สำหรับชั้น sexy  คือคนที่มีความมั่นใจ และมีความสุข ซึ่งชั้นก็พยายามจะเป็นคนๆนั้นมาโดยตลอดค่ะ"


Vanity Fair แม็กกาซีนอันเก่าแก่ทรงคุณค่าครบรอบ 100 ขวบ ใครเป็นปกดีน้า ?   เอากันไปว่าเป็นดารา A List  แต่หน้าสวยๆของเคทก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับเค้กในมือ





ตอนนี้เคทก็ยังติด 10 อันดับนางแบบที่ทำเงินที่มากที่สุดอยู่  เป็นแรงบันดาลใจแบบสวยๆนะคะ  สำหรับคนในวงการแฟชั่น เธออาจจะถูกติว่าเอวใหญ่ไป อกอึ๋มไป หน้ากลมไป แต่เธอขายจุดเด่่นและความสามารถของตัวเองได้จนเป็นที่ยอมรับ   เจ๋งค่ะ
Kate Upton
นางแบบหน้าหวานที่ถูกจิกมาตลอดว่าอ้วนเกินไปสำหรับโลก HF และผลักให้ไปอยู่ในกลุ่ม Plus size 



เธอถูกผู้ที่มีตำแหน่งสูงในการ casting นางแบบ Victoria's secret จิกอย่างไม่ไว้หน้าว่า ไม่มีทางเรียกตัวเคทมาใช้งานหรอก   เพราะเธอดูเหมือนนางแบบหน้า 3  ลุคแบบเมียนักฟุตบอล ผมก็บลอนด์เกินไป ดูแล้วเหมือนผู้หญิงที่หากว่าคุณมีเงินเยอะพอก็จะพอซื้อมาควงได้ (หนังสือพิมพ์The Sun จากอังกฤษจะลงภาพสาวอึ๋มลงหน้า 3  เหมือนไทยรัฐลงหน้าปกตอนวันเสาร์)

ขอบอกว่าพูดแรงกระแทกคนอื่นเกินกว่าคำว่า body shamingด้วยซ้ำขัดกับภาพลักษณ์โลกสวยสุดเพอร์เฟคท์ของแบรนด์เอามากๆ

​จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เคทปิดปากเงียบไม่ได้ตอบโต้ หรือโพสต์ภาพอะไรที่แสดงว่าเธอรู้สึกรู้สากับถ้อยคำทิ่มแทงเหล่านั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี  เธอจึงยอมเอ่ยปากว่า ที่จริงแล้วเสียใจที่ถูกว่าร้ายเยี่ยงนั้น  เพราะเธอไม่เคยพบกับ Sophia Neophitouผู้นี้เลย ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุด้วยซ้ำว่าทำไมต้องวิพากษ์วิจารณ์กันขนาดนี้  เธอเพิ่งรับข่าวดีว่าจะได้ขึ้นปก Sport Illustrated (ซึ่งมีความหมายมากๆสำหรับนางแบบชุดว่ายน้ำ เพราะส่งให้แอล แม็คเฟอร์สัน ไทร่า แบงส์และนางแบบชั้นนำคนอื่นโด่งดังมาแล้ว) และมันทำให้เธอต้องทำใจให้ยอมรับว่า แม้แต่คนที่ไม่รู้จักมักจี่กันก็วิจารณ์กันแรงๆกันได้


 

จริงๆแล้วเราเข้าใจนะว่า รูปร่างของเคทอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มของนางแบบ HF ที่ยังเน้นความผอมบางไว้ก่อน    เธอโด่งดังเรื่องหน้าตาสวยหวานแนว all American girls หน้าอกที่อวบล้น  และดูโดดเด่นแนว comercial มากกว่า จึงไม่ได้เห็นเธอโลดแล่นตาม fashion week แต่เธอก็ก็ดังเปรี้ยงได้ในแบบตัวเอง และเธอไม่ได้ทำงานในฐานะนางแบบสายบ sexy เท่านั้นนะคะ  นอกจากและแคมเปญสินค้าต่างๆ เคทสอยหน้าปก Vogue มาแล้ว


และขอบอกว่าไม่ใช้ได้มาฟลุ้กๆ  เพราะเธอขึ้นปกมาหลายครั้งแล้วจ้า



เธอสอยหน้าปก Vogue ได้ก่อนที่จะเล่นหนังนะคะ บางคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นเพราะเธอเข้าวงการบันเทิงได้เล่นหนังกับดาราดังรึเปล่า (เพราะหลังๆ Vogue  จะเน้นเซเลบ)




แล้วมันเหมือนตลกร้าย ฝ่าย casting จิกเธอขนาดนั้น แต่ VS ก็ยังนำภาพของเคทที่ถ่ายไว้ก่อนหน้าที่จะถูกโจมตีด้วยถ้อยคำแรงๆ มาใช้ลงแค็ตตาล็อกซะงั้น 

นังไหมฉันรักหล่อนเพราะคำพูดคำจาที่ดูฉลาดสุดๆนี่แหละ 
ไหมบอกคนที่จิกกัดว่าเธออ้วนว่า  "หากคุณคอยเอาแต่มาเรียกผู้หญิงที่มีรูปร่างแบบชั้นว่าอ้วนแล้วล่ะก็ นี่คือสิ่งที่คุณกำลังทำให้คนอื่นเป็น"  แล้วเธอก็แนบภาพผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมป่วยเพราะเป็นโรคปฏิเสธอาหารมาในโพสต์


ไมลีย์พยายามจะบอกว่า หากคุณเริ่มสนุกสนานกับการล้อเลียนคนอื่นเรื่องรูปร่างหน้าตามากเท่าไร  มันก็อาจทำให้ผู้ฟังหมดความมั่นใจและหมกมุ่นกับเรื่องรูปลักษณ์จนนำไปสู่โรคปฏิเสธอาหารได้  " ชั้นรักตัวเอง  ถ้าคุณรักตัวเองเหมือนกันก็คงไม่เอาแต่ใช้คีย์บอร์ดพิมพ์ข้อความทำร้ายคนอื่นหรอก" 


จริงๆแล้วไมลีย์มีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น และเธอก็พัฒนาความสวยไปพร้อมกับความเป็นตัวของตัวเอง ภาพที่เห้นคือนางแรงมาก โป๊เปลือยมาก แฟชั่นระห่ำสุดๆ พูดอะไรออกมานั้นบางทีหน้าชา  แต่เรื่อง self esteem นั้นคนเขียนเชื่อว่านางไม่สร้างภาพค่ะ บอกตรงๆว่าไหมผ่านพ้นเรื่องการเป็นแบบอย่างไปแล้ว นางไม่มานั่งสร้างภาพให้ผู้ปกครองหันมานิยมเหมือนตอนเป็นฮานน่าห์  มอนทาน่าแล้ว



เราไม่พูดเต็มปากเต็มคำนะว่าไมลีย์เป็นสาว healthy ไปทุกสิ่ง  แต่หุ่นนางแน่นตัวบางลงได้นั้น เราเห็นไป gym ตลอดเหมือนกัน นางปล่อยหน้าตาใสๆไป hiking มั่ง  ไปเข้าคลาสโยคะมั่ง  หุ่นก็ดูมีกล้ามเนื้อนะจ๊ะ



ใครเขาจะพูดอะไรก็พูดไป  ถ้าจะสวย ก็ไม่ต้องสวยเอาใจใครใช่ปะ  พอนางผอม ก็ถูกด่าอีกว่าตูดแบน  นางก็เลยสวนไปมั่นๆว่า  เออ ดิ  แบนก็แบน ก็หนักไม่ถึง 50 โล อะ  (สูง 165 )



เอ้า จริงๆ ถ้าตัดเรื่องโชว์จิ๊มิกับนมมากเกินควรออก ไหมดูครงไปตรงมาและตอบคำถามได้ฉลาด มีหัวคิดดีและดูออกว่าself esteem สูงนะ นางดูไม่หมกมุ่นกับตัวเองมาก จะเปลือยหน้าออกสื่อก็ชิลๆ  ปกติที่ไม่ต้องแต่งโป๊เรียกเรตติ้งนางก็แต่งกางเกงวอร์มอะไรแบบนี้ก็มี



แต่ต้องยอมรับนะคะว่าคนเรานั้นถูกวิจารณืเรื่องรูปลักษณ์แล้วแม้จะปกป้องตัวเองด้วยแนวความคิดด้านบวกอย่างไร แต่ภูมิของแต่ล่ะคนต่างกัน   ที่เห็นชัดคือ แม้คนบันเทิงจะออหมาแสดงจุดยืนในการยอมรับในความเป็นตัวเอง แม้จะเป็นจุดดีหรือจุดด้อย  แต่โรคปฏิเสธอาหารก็ยังอยู่คู่กับวงการนี้ 



แต่ก็มีคนดังที่โต้ตอบ body shaming ในประเด็นนี้ได้อย่างน่าคิด  เธอคนนั้นไม่ใช่คนอื่นไหนไกลค่ะ ไมลีย์ ไซรัส



ต้นเรื่องมันมาจากที่ตอนที่ไมลีย์เข้าวัยเป็นสาวไม่ใช่เด็กหญิงอีกต่อไป สัดส่วนก็เริ่มขยายออกอย่างรวดเร็ว แตกเนื้อสาวนั่นเองค่ะ




ไมลีย์เป็นทีนควีนที่แผ่ขยายอาณาจักรได้อลังการงานสร้าง แน่นอนว่ากองกำลัง hater ก็มีอยู่เพียบ  พอเห็นภาพยิกินี่ที่ดูมีเนื้ออยู่บ้าง เธอจึงถูกถล่มว่าอ้วน

 



มีช่วงนึงที่อวบขึ้นชัดเจน