[ REVIEW ] ตระกูล ♥ Cleansing ♥ ที่มีในครอบครอง
noi_506169สวัสดีค่าเพื่อนๆ จีบัน วันนี้ นุ้งหน่อย มาอีกแล้ว มาพร้อมกับความว่าง
ขณะนี้เป็นเวลา 1:31 น. เนื่องจากนอนไม่หลับเลย มานั่งทำรีวิว คลีนซิ่งที่มีในกรุให้ชมกันค่า ดีไม่ดียังไง มาชมกันเล้ยยย
มาดูภาพหมู่กันก่อนนะคะ เด็กๆ ตามระเบียบพักค่ะลูก ...
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคลีนซิ่งแต่ละประเภท และวิธีใช้กันก่อนนะคะคนดี (เอาเป็นว่าอธิบายคร่าวๆ และก็เฉพาะที่มีในรูปละกันเนอะ)1. Cleansing Oil ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีเนื้อเป็น Oil ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น "น้ำมัน" ลักษณะการใช้ คือการนวดวนๆ เพื่อให้คราบเครื่องสำอางหลุดออก สามารถทำความสะอาด Point makeup ได้ด้วย เมื่อคราบเครื่องสำอางหลุดออกหมดพรมน้ำเล็กน้อยที่ใบหน้าน้ำมันจะกลายเป็นน้ำนมทันที เพราะน้ำมันที่ใช้ทำคลีนซิ่งออยล์เหล่านี้ มักจะผลิตเพื่อให้ทำละลายกับน้ำอยู่แล้วค่ะ จะไม่เหมือน น้ำมันมะพร้าว หรือ เบบี้ออยล์นะจ๊ะ แล้วจากนั้นค่อยล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดค่ะข้อดี : เคยได้ยินมั้ยคะว่า เครื่องสำอางของเราส่วนใหญ่มีส่วนผสมของน้ำมัน เมื่อเราใช้น้ำเปล่าๆ ไปล้างเครื่องสำอางจึงทำให้มันหลุดออกไม่หมด ดังนั้น "น้ำมัน ต้องเจอ น้ำมันถึงจะเอาอยู่ค่ะ"ข้อเสีย : หากล้างทำความสะอาดไม่ดี อาจเกิดการอุดตันของผิว ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ค่ะ
2. Cleansing Water เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวประเภทน้ำ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน
วิธีการใช้คือ เทผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีให้ชุ่ม แล้วเช็ดลงบนผิวหน้าที่แห้ง เช็ดและเปลี่ยนสำลีไปเรื่อยๆจนกว่า ผิวจะสะอาดคือไม่มีคราบเครื่องสำอางติดมาบนแผ่นสำลีอีก ข้อดี : อ่อนโยนเพราะเป็นน้ำ ไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะไว้บนผิว แถมบางแบรนด์มีการเคลมว่าแค่เช็ดอย่างเดียวก็จบไม่ต้องล้างน้ำก็ยังได้ (เหมาะมากกกกก ... เวลาไปตื๊ดๆ กลับมาดึก ขี้เกียจอาบน้ำ แต่ก็ควรเอาสำลีเทคลีนซิ่งวอเตอร์แล้วมาโปะๆ เช็ดเครื่องสำอางแล้วก็นอนหลับไปเลยก็ยังได้ 5555)ข้อเสีย : สามารถทำความสะอาดผิวได้ดีในระดับนึง แต่ไม่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภท Waterproof หรือกันน้ำขั้นเทพออกได้นะจ๊ะ ถ้าใครแต่งหน้าหนัก จัดเต็มควรใช้ Eye remover ก่อนน่าจะดีกว่า
3. Cleansing Tissue/ Cleansing Sheet มีลักษณะเหมือนทิชชูเปียก หรือ Baby wipe ทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่มีส่วนประกอบของพวกน้ำมัน หรือเป็นตัวทำความสะอาดเครื่องสำอาง (ถ้าเป็น Baby wipe ที่เช็ดก้นเบ่บี๋ ส่วนประกอบจะเป็นน้ำ เช็ดแล้วจะแห้งหายไปเลย แต่ คลีนซิ่ง ทิชชูจะทิ้งความมันไว้บนผิวเล็กน้อยค่ะ)
วิธีการใช้ที่ถูกต้อง สามารถเช็ดลงบนผิวที่แห้งได้เลย และควรจะเปลี่ยนแผ่นใหม่ เมื่อแผ่นเดิมมีคราบเครื่องสำอางเต็มแผ่นแล้ว และให้เช็ดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าที่จะไม่มีคราบเครื่องสำอางติดแผ่นทิชชูออกมา จากนั้นจึงไปล้างหน้าด้วยโฟมหรือสบู่ล้างหน้าตามปกติ
ข้อดี : เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน คือแค่ดึง Cleansing sheet เช็ดๆหน้า ผิวก็จะสะอาดจากเครื่องสำอาง สามารถไปล้างหน้าด้วยโฟมต่อได้เลย เหมาะกับการพกพาไปใช้นอกสถานที่ หรือการเดินทาง รวมถึงเอาไว้ใช้ในการซ่อมแซมเครื่องสำอาง เวลาที่เราแต่งหน้าพลาดอีกด้วย สามารถพับเป็นมุมแหลมๆ เช็ดซอกซอนตามร่องขนตาได้ เริ่ดสุด!
ข้อเสีย : ในแง่ของการทำความสะอาด อาจจะทำความสะอาดได้ไม่หมดจด และที่สำคัญคือไม่ควรเช็ดถูหน้าแรงๆ เพราะจะให้ผิวแสบ แห้ง เป็นขุยและเกิดริ้วรอยได้นะยูว์
เอาหล่ะคร่าวๆ ไปแล้ว นะคะ ของความแตกต่างของคลีนซิ่ง แต่ละประเภท สาวๆ จะได้ไม่งง ว่า ทำไมเค้าถึงต้องมีคลีนซิ่ง เยอะแยะขนาดนี้ เอาไว้อาบรึเปล่า 5555 เรามาเริ่มที่ตัวแรกกันเลยดีกว่าจ้าาาาา ... ^^
วิธีการรีวิวของหน่อยก็คือ การทาเครื่องสำอาง ทั้ง รองพื้น, บลัชออน, อายแชโดว์เนื้อครีม, อายไลเนอร์ทั้งแบบลิขวิด และแบบพู่กันที่เค้าว่าทนๆ เทพๆ นี่หล่ะ แล้วก็สุดท้าย ลิปสติกดังโด่งดัง ที่ทาแล้วจูบแทบไม่หลุดย่ะ! เรียกว่า ละเลงเมคอัพเกือบทุกประเภทลงบนแขนแล้วทิ้งไว้ให้แห้งสนิท ทั้งหมด ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยทำการ ลงมือกับเจ้าคลีนซิ่งแต่ละตัวค่ะ งานนี้บอกเลย แขนถลอก 55555
ตัวนี้ มีชื่อว่า Barbie Lip & Eye Cleansing Tissue ซื้อมาจาก Watsons นี่หล่ะค่ะ ตอนนั้นซื้อเพราะว่าจะต้องไปเที่ยวปีใหม่ที่ต่างจังหวัด คือเราก็เตรียมการกันไปแล้ว ก่อนออกจาก กทม. ว่าจะต้องนั่งรถกระบะ ไปสัมผัสลมหนาวให้ปะทะแก้ม ซะหน่อย แล้วก็ออกเดินทางตอนกลางคืน ไปโผล่ที่วังน้ำเขียวตอนเช้าพอดี เพราะฉะนั้น เราก็ต้องพกพาอะไรที่สะดวก เพราะไหนจะความมัน เครื่องสำอางบนใบหน้า แล้วก็ฝุ่นควัน ที่จะมาเกาะหน้าเรา สิวเราต้องถามหาแน่ๆ
ดังนั้นเจ้าทิชชู่แบบนี้หล่ะค่ะ ตอบโจทย์สุดเพราะใช้ง่าย สะดวก เช็ดๆๆ มันบนหลังรถกระบะ นั่นหล่ะ แล้วก็นอนไปยาวๆ แผ่นกว้างดีนะคะ ทำความสะอาดได้ดีในระดับนึง แต่ถ้า อายไลเนอร์ขั้นเทพ มาสคาร่ากันน้ำ นี่เอาไม่ออกนะจ๊ะ
เรามาเริ่มเช็ดทำความสะอาดกันเลยดีกว่าจ้า จะบอกว่าเมคอัพทุกตัวเราจะย้ำๆ และหนากว่าปกติ นะคะ เพื่อการทดสอบให้แน่ชัด ว่าเราไม่ได้เข้าข้างแบรนด์ใด 555 จะเห็นว่าเช็ดไปครึ่งนึง ปาดครั้งแรกพวก รองพื้น บลัชออนนี่หายไปเห็นได้ชัดเลย
เมื่อเช็ดไปด้วยความเบามือ ประมาณ 6-7 ครั้ง สิ่งที่หลงเหลืออยู่ แน่นอน คือ 3 สิ่งหลัง ที่เค้าว่ากันมานักต่อนักละว่า มันติดทนจริงจิ๊งนะ ยังออกไม่หมด โดยเฉพาะอายไลเนอร์ค่ะ
ขอลองเช็ดไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 ครั้งเห็นจะได้ ก็จะหลงเหลืออยู่เพียง ร่องรอยของอายไลเนอร์ และคราบลิปสติกจางๆ ค่ะ สรุปว่า : การทำความสะอาดอยู่ในระดับดี น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะถ้าเช็ดหน้าจริงๆ ยกเว้น บริเวณรอบดวงตา ใช้ประมาณ 1-2 แผ่นก็เกลี้ยงแล้วค่ะ
ต่อไปนะคะ เป็น คลีนซิ่ง วอเตอร์ ซึ้งขวดนี้มีคนให้เรามาฟรีค่ะ เราไม่ได้ซื้อ มาจากฮ่องกง หรือไต้หวันนี่หล่ะค่ะ (อ่านไม่ออก =*=) แล้วประจวบเหมาะกับเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นเราไปสักคิ้วสไลด์มาพอดี เค้าห้ามหน้าเราโดนน้ำ ห้ามแต่งหน้าไปโดนคิ้ว ประมาณ 7 วัน คือ ช่วงทรมานอย่างมากกกกกก แต่ก่อนเราก็ใช้ Bioderma Cleansing Water ค่ะ แต่พอดีมันหมด แล้วเราก็เลยค้นในกรุเจอ ว่าเป็น คลีนซิ่งแบบน้ำเช่นกัน ก็เลยเอามาใช้ดู เผอิญว่าโชคดีที่ใช้แล้วไม่แพ้ ก็เลยใช้มาเรื่อยๆ จนจะหมดละ ช่วงสักคิ้วเราจะใช้ตัวนี้เทใส่สำลีแล้วเช็ดหน้าแทนการล้างหน้าเลยค่ะ แล้วตามด้วยน้ำเกลือเช็ดอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ช่วงนั้นแต่งหน้าน้อยด้วย สิวก็ไม่ขึ้นนะคะ ขอบอกว่าหน้าใสกว่าตอนแต่งหน้าอีกค่ะ 5555555
ลองปาดด้วยสำลีครั้งที่ 1 ค่ะ (ขออภัยในความทุเรศของภาพจริงๆ นะคะ คือปาดเองถ่ายเอง มือไม้ก็เลอะเทอะไปหมด ภาพเลยไม่ชัดเลย T^T) จะเห็นได้ว่า คลีนซิ่งวอเตอร์พวกนี้ทำอะไร เมคอัพได้ไม่มากเท่าที่ควร คือ อายไลเนอร์ของ KISS นี่คืออยู่ครบไม่กระเทือนเลยจริงๆ
ปาดซ้ำอีกสัก 3-4 ทีเนอะ จะเห็นว่า รองพื้น , บลัชออน และ อายแชโดว์แบบครีมจะไปก่อนเพื่อนเสมอ ที่หลงเหลือคือ อายไลเนอร์และลิปสติก
เมื่อเราลองเช็ดไปเรื่อยๆ จนเมคอัพอายไปหมดนั้น ต้องใช้สำลีถึง 2 แผ่นค่ะ ถึงจะออกหมด อย่างที่บอกว่า อายไลเนอร์ Kiss และ ลิปสติก ของ Wet n' Wild คือยังทิ้งร่องรอย ไว้อยู่เลย ดังนั้น ควรใช้ Eye & Lip Remover เช็ดก่อนจะดีที่สุดค่ะ
ต่อไปนะคะ จะเป็น ตระกูล Cleansing Oil ค่ะ ที่เราชอบมากที่สุด เพราะเรามีความรู้สึกว่า มันล้างเมคอัพได้สะอาดเกลี้ยงที่สุด ในบรรดาตระกูลคลีนซิ่งทั้งหมด เริ่มที่ ตัวนี้เลยนะคะ Kanebo NAIVE Makeup Cleansing Oil เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นอ่ะเนอะ ญี่ปุ่นนี่เค้าดังพวกคลีนซิ่งออยล์มากๆ เลยว่ามั้ย ตัวนี้ซื้อมาจาก ซูรูฮะ จำได้ว่าช่วงนั้นมันมีโปรโมชั่น ในราคาแค่ 99 บาท เลยสอยมาเลยจ้า เป็นออยล์สีเหลืองนิดๆ นิดเดียวจริงๆ ค่ะ เนื้อค่อนข้างเหลว มีกลิ่นกุหลาบค่อนข้างแรงเลยค่ะ
กดมาประมาณ 2 ปั๊มค่ะ แล้วนวดวนๆๆๆๆ ประมาณ 30 วินาทีผ่านไป อายแชโดว์ , อายไลเนอร์ และลิปสติกยังคงเกาะอยู่เลย
เมื่อพรมน้ำแล้วนวดต่อไปอีกประมาณ 30 วินาที ออยล์จะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำนมสีขาวขุ่นมาก และเครื่องสำอางเริ่มหลุดได้ง่ายดายมากขึ้นค่ะ
เมื่อล้างน้ำออกแล้ว จะเห็นว่า เหลือแค่ คราบของสีลิปสติกนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ ใช้ดีนะคะ ไม่แพ้ ไม่อุดตัน แต่ข้อเสียคือ กลิ่นกุหลาบแรงมาก เราไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมแรงๆ ในคลีนซิ่งเท่าไหร่ แล้วก็เวลาล้างน้ำแล้วจะเหลือความมันอยู่บนใบหน้า ต้องล้างด้วยโฟมอีกรอบ จึงจะสะอาดกิ๊งเลย
ตัวถัดไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าอยู่ในตระกูลคลีนซิ่งออยล์ได้มั้ย เพราะเค้าชื่อว่า Biore Cleansing Liquid ราคาไม่แพงมากประมาณ 400 กว่าๆ จำไม่ได้ละ มีการเคลมว่าสามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด ทั้งผิวหน้า และรอบดวงตา ลักษณะเป็นออยล์ใสๆ เนื้อมีความข้นและหนืดกว่าเจ้าตัว นาอีฟ ข้างบน มีส่วนผสมของ Alcohol และ Fragrance แต่กลิ่นอ่อนๆ กว่า นาอีฟข้างบนแน่นอน เชื่อหัวไอเรืองเถอะ!
วิธีการใช้ ก็คือ นวดบนผิวที่แห้งนะคะ แล้วก็สามารถล้างน้ำออกได้เลย เมื่อเรานวดวนไปประมาณ 30 วินาที เห็นอะไรมั้ยคะๆๆๆ ลิปสติกเริ่มละลายจ้า มันดีงามมากกกก
เมื่อนวดวนต่ออีกประมาณ 30 วินาที เมคอัพหลายๆ สิ่งเริ่มละลายหายไป เหลือแค่ อายไลเนอร์สองเทพ ยังคงติดอยู่อย่างน้านนนน
เมื่อนวดวนต่ออีกประมาณ 30 วินาที หน่อยก็ไปล้างน้ำออก จะเห็นว่า ยังหลงเหลือคราบอายไลเนอร์อยู่ชัดเจนมาก แต่ที่ชอบสุดคือ ลิปสติกแทบไม่หลงเหลืออยู่เลย
สรุปว่า ล้างได้ดี ราคาไม่สูงมาก หาซื้อได้ง่าย ตามห้างสรรพสินค้ามีทุกที่ แต่ถ้าให้ซื้ออีกเราไม่เอา เพราะว่าพอเข้าตา มันแสบตามว๊ากกกกกกกกกกก ทั้งๆ ที่แบรนด์บอกว่า ล้างได้ทั้งตาและปาก
แต่ถ้าวันธรรมดา ไม่แต่งหน้าหนามากใช้ตัวนี้ล้างก็เอาอยู่ค่ะ (แต่หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนรอบดวงตาแค่นั้น) แต่คลีนซิ่งวอเตอร์ ของบิโอเร นี่ยังไม่มีโอกาสได้ลองเลย เห็นเค้าบอกว่าใช้ดีอยู่ เดี๋ยวรอให้พวกนี้หมดก่อนแล้วค่อยไปสอย โห๊ะๆๆๆๆ
สุดท้ายยยย .... ต้องบอกว่าเป็นลูกรัก ลูกเลิฟไปแล้ว สำหรับ POSITIF Phyto Crystal Purifying Cleansing Oil ที่ต้องบอกว่า ใช้มา 2 ขวดแล้วค่ะ ขวดที่ 2 กำลังจะหมดลงไปเร็วๆ นี้เช่นกัน 555 ตัวนี้ได้ลองครั้งแรก จากตัวเทสเตอร์ก่อน แล้วก็๋เลยสั่งมาจากเว็บไซต์เค้า ราคาปกติคือ 1,400 บาท คือแพงนะสำหรับ พนักงานออฟฟิตแบบเรา แหะๆ =*= แต่เราจะชอบสั่งช่วงเวลามีโปรโมชั่น หรือมีส่วนลดราคาก็จะน่ารักขึ้น จะได้ทำใจได้ง่ายหน่อย เวลาซื้อ 55555 เนื้อออยล์เป็นสีใสกิ๊งเลยค่ะ เนื้อหนืดข้นมากที่สุด แล้วก็ที่สำคัญคือ ไม่น้ำหอม ไม่มีกล่ินเลยค่ะ และสามารถล้างรอบดวงตาได้ โดยไม่รู้สึกแสบเลย แทบไม่ต้องใช้ Eye &Lip Romover เลยค่ะประหยัดไปอี๊กกก อันนี้คือดีงามมากก
เมื่อกดไป 2 ปั๊ม แล้วทำการนวดวนๆ ประมาณ 30 วินาทีเช่นเดิม ที่น่าสนใจคือ ออยล์เค้าจะอุ่นๆ ค่ะ เมื่อนวดวนกับใบหน้า แต่ไม่แสบร้อน แบบนั้นนะ พวกรองพื้นนี่ละลายไปก่อนเพื่อนเลย เหลือแค่ อายแชโดว์แบบครีม , อายไลเนอร์ และลิปสติกเช่นเดิมค่ะ แต่สังเกตดูนะคะ ลิปสติกจะเริ่มละลายได้เร็วพอๆ กับบิโอเร เลยค่ะ
เมื่อพรมน้ำลงไป ออยล์จะเปลี่ยนเป็นสีขาวอ่อนๆ แค่นั้น ไม่ขาววอกเท่า นาอีฟ ขวดน้ำเงิน
แล้วนวดวนต่ออีก 30 วินาที พวกอายไลเนอร์กันน้ำ และลิปสติก ก็ละลายไปแล้วจ้า ดำปี๋เลย ><
เมื่อล้างน้ำเปล่าแล้ว ผลลัพธ์คือเกลี้ยงที่สุด แต่จะยังคงเห็นคราบสีลิปสติกอยู่นิดเดียวเท่านั้น นิดเดียวจริงๆ
ใช้ดี ไม่แพ้ ไม่อุดตัน หลังล้างแล้วหน้าจะรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่ทิ้งความเหนียวไว้ด้วยค่ะ
ที่ชอบที่สุดก็ คือ การสามารถใช้เจ้าตัวนี้ขวดเดียวแล้วล้างได้ ทั้งหน้า ตา และปาก โดยที่ไม่แสบตาเลย แต่ ข้อเสียคือ ราคามันสูงไปหน่อย ต้องอาศัยช่วงกระเป๋าสตางค์ฟู่ฟ่า 55555 อ้อ!แล้วก็หาซื้อยาก ต้องสั่งซื้อ หรือไป shop เค้า ที่มีแค่บางที่เท่านั้นค่ะ (อันนี้ คหสต. ของเรานะคะ)
สรุปผลการทดลอง :: (( เหมือนคล้ายๆ เวลาเรียนวิทยาศาสตร์เลยเนอะ 555 )) จริงๆ เราว่าทุกตัวคะแนนในใจเรา เท่าๆ กันหมด ไม่มีอะไรดีที่สุด และไม่มีแบรนด์ไหนแย่ที่สุด สำหรับเรานะคะ ทุกตัวดีหมด แต่ขึ้นอยู่กับสถาณการณ์ในการแต่งหน้า หรือ Life Style ในแต่ละวัน เราชอบทุกตัว ถึงได้มาแนะนำ จริงๆ ใช้อีกหลายแบรนด์เยอะกว่านี้ แต่ไม่ปลื้ม หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจ อาจจะลองชั่งใจที่เรื่องของ ราคาก็ได้ค่ะ เพราะของถูกไม่จำเป็นต้องเป็นของไม่ดีเนอะ
ขออภัยที่ไม่ได้ใช้หน้าจริงๆ เพราะสภาพหน้าคงยู่ก่อนจะรีวิวเสร็จแน่นอน อิอิ
กว่าจะเขียนเสร็จก็ล่วงเลยไปตี 3 กว่าๆ คงต้องไปนอนก่อน แล้ว สวัสดีค่าาาา ^^
Discussion (9)