Reviewเปิดใจ : แชร์ประสบการณ์ตรง : การปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กด้วย " โบทูลินัม ท็อกซิน " หรือ " โบท็อกซ์ " ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน !!

พูดถึงการปรับรูปหน้าให้สวย V-Shape ปัจจุบันนั้นมีอยู่มากมายหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม หรือการฉีดสารที่ช่วยลดกล้ามเนื้อช่วงกราม หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า "โบท็อกซ์ " แยมคิดว่าคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก แต่จริงๆแล้วคำว่า "โบท็อกซ์ " ที่เราเรียกกันติดปากในปัจจุบัน เป็นเพียงแค่ชื่อตัวยาของอเมริกาที่เคยนิยมแพร่หลายเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นตัวยาที่ทำให้หน้าเรียวเล็ก ที่มาจากสาร " โบทูลินั่ม ท็อกซิน" แต่จริงๆแล้วไม่ใช่การเรียกที่ถูกต้อง ทางการแพทย์จะใช้คำว่า " ท็อกซิน " ในการปรับรูปหน้าให้มีขนาดเล็กลงด้วยการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซินเข้าไป ปัจจุบันตัวยาที่ใช้ในการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย V-Shape มีอยู่หลายแบรนด์ หลายสัญชาติ วันนี้แยมจะมาแชร์ประสบการณ์การฉีดโบท็อกแบรนด์ต่างๆ ตัวไหนดีไม่ดี ไปดูกันเลย

ประสบการณ์การฉีดสารท็อกซินของแยมที่ผ่านมา

แยมเริ่มฉีดตอนเป็นนักศึกษา ตอนนั้นงบน้อยมากเพราะยังเรียนอยู่ แบรนด์แรกที่แยมได้ทดลองฉีดก็คือ " Botulax " ของเกาหลี ค่ะ

ตอนนั้นแยมใช้ยาไป 1 ขวด หรือ 100 ยู เข้าที่กรามทั้งสองข้าง ปกติแล้ว ท็อกซินจะออกฤทธิ์หลังฉีดภายใน 3-4 วัน และเห็นผลว่ากล้ามเนื้อของเราเล็กลงภายใน 1-2 เดือน แต่ปรากฏว่าหน้าของแยมไม่เล็กลงเลย แยมเลยมาทราบทีหลังว่า Botulax จะเป็นตัวยาซึ่งมีราคาถูก แต่มาตรฐานในแต่ละขวดจะไม่เท่ากัน บางครั้งฉีดจะเหมือนได้ผลดี หน้าเล็กลง แต่บางขวดก็จะไม่เห็นผลเลย แยมเป็นหนึ่งในหนูทดลองที่ได้ลองใช้แล้วไม่เห็นผลใดๆ ส่วนตัวแยมคิดว่ายอมจ่ายเพิ่มอีกนิด แล้วให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในครั้งแรกที่ฉีด จะคุ้มค่าที่สุด แยมจึงลองเปลี่ยนมาใช้อีกแบรนด์หนึ่ง นั่นก็คือ " Botox " จากอเมริกา ค่ะ

พูดถึงแบรนด์นี้เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ดีมากแบรนด์นึงที่แยมชอบ ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ผลลัพธ์ และความปลอดภัยที่มั่นใจได้เพราะเป็นแบรนด์แรกที่นำมาใช้ในประเทศไทย และเป็นแบรนด์แรกที่มีการคิดค้นการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการปรับรูปหน้า แต่ในเรื่องของราคาแล้ว ถือว่าแพงที่สุดในทุกๆแบรนด์ ราคาอยู่ที่ 1 ขวด 100 ยู 19,000 - 30,000 บาท เลยทีเดียว คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่มีงบน้อยอย่างแน่นอน

แบรนด์ต่อมาที่แยมได้ทดลองใช้นั่นก็คือ " Hugel " จากเกาหลี แบรนด์นี้เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับ Botulax ที่แยมได้กล่าวข้างต้น แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อและปรับสูตรใหม่ ตัวนี้จากประสบการณ์ที่แยมได้ทดลองฉีด จะเห็นผลลัพธ์ได้ไวกว่าแบรนด์อื่น ขนาดกรามลดลงเร็ว และราคาไม่สูง ราคาฉีดจะอยู่ที่ 7,000 - 15,000 บาท ต่อ 100 ยูนิต แต่ความคงทนของยาตัวนี้อยู่ได้ไม่นาน หลายๆคลินิคจึงเริ่มเลิกใช้ไป

จากนั้นแยมเลยเริ่มใช้อีกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นของสัญชาติเกาหลีเช่นกัน นั่นก็คือNeuronoxค่ะ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อถืออย่างมาก ได้ผลดี อยู่ได้นานถึง 6 เดือน และมีการวิจัยว่าเมื่อใช้ไประยะเวลานานๆ มีความปลอดภัยสูงและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆในการคงรูปหน้าให้เรียวเล็ก และแหล่งที่มาของแบคทีเรียที่ใช้ในการผลิตตัวยาของนิวโรน็อกซ์ ยาคุณภาพดีและราคาไม่แพง 1 ขวด 100 ยู จะอยู่ที่ 7,000 - 15,000 บาทเท่านั้น เหมาะสำหรับคนงบไม่มากแต่เน้นหน้าลงไว ก็เป็นแบรนด์นึงที่น่าสนใจมาก

อันตรายหรือผลข้างเคียง

สารโปรตีนบริสุทธิ์เป็นสารที่มีความปลอดภัยเพราะจะสลายหมดไปในร่างกาย จึงสามารถฉีดซ้ำได้ทุกๆ 4 เดือน โดยมีการแนะนำในการฉีดแต่ละครั้งคือไม่เกิน 200 ยูนิต และไม่ควรฉีดบ่อยกว่าทุกๆ 4 เดือน ยกเว้นแต่การแก้ไขโดยผ่านมือแพทย์เท่านั้น

ข้อควรระวังต่างๆ

ห้ามฉีดท็อกซินในหญิงที่ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวข้องกับอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง

วิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีด

หลังฉีดภายใน 1 ชั่วโมงแรก คนไข้ควรขยับกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้มเยอะๆ เพื่อที่ท็อกซินจะได้ดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์เร็วขึ้น

3-4 ชั่วโมงแรก ไม่ควรนอนหลับ เพราะการนอนอาจจะทำให้ท็อกซินไหลไปในจุดที่ไม่ต้องการ และที่สำคัญห้ามนวดในจุดที่ฉีดท็อกซินลงไป เพราะจะทำให้ท็อกซินไหลไปในจุดที่ไม่ต้องการ

1 สัปดาห์หลังการฉีดไม่ควรโดนความร้อน หรือ นวดหน้า เพราะความร้อนจะสลายตัวยา การนวดหน้าอาจจะทำให้ตัวยากระจายตัวออกจากจุดที่ต้องการลดกล้ามเนื้อ

สิ่งที่คนมักเข้าใจผิด

คนมักเข้าใจผิดโบท็อกเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงาม สามรถหาซื้อในอินเตอร์เน็ต มาให้หมอฉีดได้ทั่วไป ความจริงแล้วคือผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นยาควบคุมพิเศษ สามารถจำหน่ายให้เฉพาะคลินิกและโรงพยาบาลเท่านั้น

เรื่องยาจริง ยาปลอมและวิธีการดู

"สารโบท็อกของแท้ คือ สารโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจะใช้ได้เฉพาะคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้นสารท็อกซินที่หิ้วขายกันอยู่เกลื่อนกลาดให้เห็นกันทั่วไปบนโลกอินเตอร์เน็ต ส่วนมากจะเป็นสารท็อกซินที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นผงแป้งไม่มีฤทธิ์ทางการรักษา หรือไม่ก็เป็นสารโปรตีนที่ไม่มีคุณภาพจากประเทศจีน แปะฉลากปลอม

แต่สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่า คือ สารท็อกซินปลอมมีความเข้มข้นของโบทูลินัมท็อกซินไม่แน่นอน อาจมีปริมาณเกินมาตรฐาน ซึ่งโดยปกติการฉีดท็อกซินต้องคำนวณปริมาณที่เหมาะสม การฉีดเกินไปเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันตรายเกิดใบหน้าผิดธรรมชาติได้ และถ้าได้รับมากไป ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราวและยังไม่มี

วิธีแก้ไขผลข้างเคียงจากการฉีดสารท็อกซินที่ไม่ได้มาตรฐาน นอกจากรอให้ยาหมดฤทธิ์ไปเองระยะเวลานาน 4-6 เดือน และที่สำคัญการฉีดสารท็อกซินปลอมซ้ำๆ มีโอกาสทำให้ดื้อยาและผลที่ตามมา คือ เมื่อกลับไปฉีดสารโปรตีนบริสุทธิ์ที่มีมาตรฐานในครั้งต่อไป ก็อาจไม่ได้ผลแล้ว

ทั้งนี้ วิธีการสังเกต สารท็อกซิน ของแท้ ของปลอม อย่างผลิตภัณฑ์ นิวโรน็อกซ์ มีดังนี้ฉลากบนขวดบรรจุภัณฑ์จะแตกต่างกัน โดยที่ของแท้ ฉลากจะเป็นลักษณะเหลือบรุ้ง ตัวหนังสือคมชัด ส่วนของปลอมจะเป็นเพียงฉลากสีกระดาษธรรมดา

"ยาควบคุมพิเศษ" เขียนกำกับอยู่ข้างขวด ตัวอักษรสีแดง ที่มีเฉพาะของแท้

ลักษณะผงยาแตกต่างกัน ของแท้ผงยาจะเป็นฟิล์มบางติดที่บริเวณก้นขวดเท่านั้นและภายในขวดเป็นสุญญากาศ ส่วนของปลอมจะเป็นผงก้อน ซึ่งไม่ควรใช้

คำถามที่พบมากที่สุด

Q : ถ้าฉีดเกิน200ยู หรือบ่อยกว่าทุก3-4เดือน/ครั้ง จะเป็นอย่างไร

A : โอกาสดื้อยาสูง คือฉีดแล้วไม่ได้ผลเพราะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาทำลายสารโบท็อก

Q : ถ้าดื้อยาไปแล้วต้องเว้นนานแค่ไหน

A : 1 -2 ปี

Q: ยาปลอมฉีดแล้วเป็นอย่างไร

A : อาจจะไม่ได้ผลเลย หรือ ใบหน้าแข็ง หรือไม่เท่ากัน

Q : ขวดที่เป็นผงๆ ไม่มีสูญญากาศ ยาปลอมหรือไม่

A : เป็นยาปลอมที่ไม่ควรใช้

Q : ยาปลอมข้างในคืออะไร

A : ผงแป้งหรือท็อกซินเถื่อน

Q : ยาปลอมทำไมฉีดได้ผล

A: อาจเป็นท็อกซินเถื่อน ไม่ได้มาตรฐาน อันตราย

Q : ฉีดนานๆหลายปีเป็นอันตรายไหม

A : มีข้อมูลว่าฉีดโบท็อกไปนานๆ 7-10 ปีก็ยังได้ผลอยู่

Q : อายุน้อยๆฉีดได้หรือไม่

A : มีการรักษาโรคในเด็กบางอย่างที่อายุ มากกว่า 2 ปี ก็สามารถฉีดได้ จึงมีความปลอดภัยในเด็ก แต่หากด้านความงามแล้วควรประเมินความจำเป็นและความเหมาะสมดีกว่า

Q : ฉีดมากกว่า 200 ยูจะเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อเส้นเอ็นหรือไม่ เช่น ที่น่อง บางคนเดินเปลี้ย

A : รายที่ฉีดมากเกินไปก็มีโอกาสที่คนไข้จะดื้อยามาก ส่วนที่น่องหากฉีดท็อกซินเพื่อลดขนาดจะพบผลข้างเคียงคือปวดและไม่มีแรงที่น่อง ซึ่งเป็นผลจากการออกฤทธิ์ของยา อาการปวดจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

Q : ฉีดลดยิ้มเห็นเหงือกได้หรือไม่

A : ได้

Q : ถ้าฉีดหน้าเบี้ยวหรือเปลี้ยไปแล้ว ต้องรอนานแค่ไหน รักษาอย่างไร

A : รอยาหมดฤทธิ์ 3 เดือน

ก่อนที่จะฉีดสารอะไรเข้าใบหน้าก็ตาม ควรจะศึกษาให้ดี หน้าของเรามีหน้าเดียว อย่าเห็นแก่ของถูกจนลืมนึกถึงความปลอดภัยกันด้วยนะคะ แยมหวังว่าบทความของแยมจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆน้องๆที่กำลังหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตไม่มากก็น้อย บทความนี้รวบรวมจากประสบการณ์ตรงของแยมที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ตั้งใจถ่ายทอดกับผู้ที่อยากหน้าเรียวเล็กแต่ไม่สามารถเชื่อถือจากบทความทั่วไปจากอินเตอร์เนต ทุกอย่างมีสองด้าน ทั้งผลดีและผลเสีย การฉีดด้วยแพทย์ที่เชียวชาญไม่พอก็สารถทำให้เกิดเอฟเฟคบนใบหน้าได้เช่นกัน ดังนั้น ควรศึกษาให้ดี อย่างละเอียดรอบคอบนะคะ

หากเพื่อนๆที่มีข้อสงสัย สามารถสอบถามแยมได้โดยตรงที่เพจแยมเลยนะค๊าาาาาา แอดมาเบย จุฟๆ

Discussion (2)

คือหาคำตอบให้กับตัวเองมานานมาก กระทู้นี้คือดีงามมากค่ะ
ขอบคุณที่ทำให้คลายข้อสงสัยไปได้ในหลายๆข้อนะคะ 
ขอบคุณมากๆค๊าาา