"เชียงดาว กับเรา 5 ชะนีที่ติ่งดอย"

.. C h i a n g d a o ..

23-24 October 2015

"เชียงดาว กับเรา 5 ชะนี ที่ติ่งดอย"

.......สวัสดีค่ะ คือเราเป็นคนชอบมีเพื่อน ชอบเที่ยว ปกติแล้วเราทำงานทั้งเดือนเลยมีวันหยุดแบบเต็มๆวันไม่ต้องทำงานอะไรเลย ก็เดือนละครั้ง ปกติเราก็จะหาทริปเล็กๆของเราเอง เช่น ไปเดินตลาดนัดรถไฟ JJ Green คลองถม เลียบด่วน ชิวๆหน่อยก็ไป วัดพระแก้ว และก็ สำเพ็ง แต่ก่อนหน้านี้ 3-4เดือนที่แล้ว โดนกักบริเวณ ห้ามออกไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยเด็ดขาด คือ ก่อนหน้านี้ก็มีไปเที่ยวกับพี่ที่ทำงานบ้าง ไปคอนเสริตริมชายหาดบ้าง แต่รอบนี้โดนที่บ้านกำชับอย่างเด็ดขาด ห้ามออกไปไหน ให้เหตุผลว่า จะรับปริญญาแล้วแม่ไม่อยากให้ออกไปเที่ยวไหนมันอันตราย ครั้งหนึ่งในชีวิต คนเราจะได้รับปริญญากี่ครั้ง อันที่จริงในใจแม่เราคงไม่อยากให้เราไปไหนเพราะเดี๋ยวตังค์หมด ไม่มีไปรับปริญญาแน่นอน

......เข้าเรื่องเลยดีกว่า ทริปนี้เรากับเพื่อนตัดสินใจกัน 2-3 เดือนเพราะตัดสินใจกันอยู่หลายที่ว่าจะไปไหนดี ในหัวเราที่แรกเป็นแม่กำปอง ส่วนเพื่อนเราชอบภูทับเบิกกับภูเขาลอยน้ำ เขื่อนแม่งัด และสุดท้ายเพื่อนบอกว่ามีรุ่นพี่แนะนำระเบียงดาวมา อยู่เชียงดาวที่เชียงใหม่ เราก็เลยลองเข้าไปดูรีวิว สวยสมคำแนะนำ และมีกระทู้นึงสะกิดใจเรามาก http://pantip.com/topic/34211950

.......จุดประกายฝันสุดๆ ตกลง บ้านระเบียงดาวค่า ทริปนี้ เดี๊ยน!!! เอง เพราะเรารับปริญญาเสร็จวันที่ 22 ตุลาคม เลยว่าจะนอนในเมืองกันก่อน แล้ววันที่ 23 ตุลาคม เราจะเดินทางขึ้นเชียงดาว เราเริ่มจากโทรจองบ้านก่อน โทรไปที่แรก บ้านระเบียงดาวเต็มค่ะ เต็มจนถึงสิ้นปีเลย อีกอย่างช่วงที่เราจองบ้านเป็นช่วงหยุดยาวด้วย ทำให้อีกที่ ที่เราติดต่อไปบ้านสายหมอกเต็มเหมือนกัน แต่เราไม่ยอมแพ้หลอกเพราะไปถึงเชียงใหม่แล้ว ยังงัยก็จะไปเชียงดาวให้ได้ สู้!!!เลยลองถามที่บ้านสายหมอกอีกทีว่าพอมีที่ไหนแนะนำอีกไหม เค้าแนะนำบ้านวิวดอยหลวงเชียงดาวมาค่ะ เลยถามว่า อยู่ตรงไหน ไกลมากไหม ไม่รู้จักจริงๆ แล้วจะเหมือนระเบียงดาวหรือเปล่า ตอนที่เค้าแนะนำก็แอบไม่เข้าใจอยู่นะคะ เค้าบอกมาว่าอยู่ใกล้กัน ห่างกันประมาณ 500เมตร บ้านสายหมอกจะอยู่ข้างล่าง ตรงกลางจะเป็นบ้านระเบียงดาว ขึ้นไปจะเป็นบ้านวิวดอยหลวง เอิ่มมมมม งงค่ะ!!! อยู่บน อยู่ล่าง คืออยู่รวมกัน พัง!! มองภาพไม่ออกเลยค่ะ ในรีวิวก็ไม่มีบอกด้วย เอางัยทีนี้ บอกขอบคุณบ้านสายหมอกอีกทีที่แนะนำ เสี่ยงดูแล้วกัน คงไม่แย่มากหลอก ชี้ป่ะ!!! โทรไปบ้านวิวดอยหลวง ว่าขอจองห้องพัก 4 คน ยังว่างอยู่ป่าวคะ วันที่ 23 ตุลานะคะ คำตอบคือ ว่างค่ะ คุณพระ!! จิงเดะ ว่างจิงๆเจ้าค่ะ ตอบตกลงคุณส้ม ว่า 4 คน ราคาต่อคน คนละ 400 บาทรวมข้าวเย็น และก็ข้าวเช้า เข้าไปดูรีวิวได้นะคะที่ Facebook : บ้านวิวดอยหลวงเชียงดาว/Baan View Doi Luang chiang Dao เพิ่มเติมค่ะ เบอร์โทรติดต่อ คุณส้ม : 089-559-8272,096-532-1307

.......สรุปถามพวกชะนีอินดีทั้งหลายอีกรอบว่า เอางัยไปไหม ส่งรีวิวให้ดู สรุปทุกคนตกลง โทรหาคุณส้ม คอนเฟิร์มห้องพักโอนมันจำครึ่งนึง แจ้งหลักฐานการโอน ส่งใส่กลุ่มเก็บไว้กันหาย อันนี้สำคัญที่สุดนะคะ ทุกคน!!! เราไม่ได้กลัวเค้าเอาเปรียบเราหลอก เรากลัวเราลืม ไปเถียงกับเค้า อายอีก 555 จากนั้นก็รอเวลา

......วันที่ 22 เรารับปริญญาเสร็จประมาณ 20.00 น. เลยกลับเข้ามานอนแถวช้างเผือก เผื่อจะหาทางไปขนส่งช้างเผือกได้ง่ายๆ เพราะจากในรีวิวเราต้องต้องขึ้นรถเชียงใหม่ - ท่าตอน เพื่อไปขึ้นรถที่โลตัสเชียงดาว โอ๊ยยยย!! ตื่นเต้นจะนอนหลับไหมเนี่ย คร็อก!!! เหนื่อยจริงๆนะ รับปริญญาเนี่ย ทำให้รู้ว่าเชียงดาวก็เชียงดาวเถอะ ดาวมิสู้ ดาวร่างแหลกขอเวลากระกอบร่างเถอะ เดี๋ยวไม่มีแรงไปเย้วๆที่เชียงดาว

......07.00 น. เริ่มตื่นเตรียมตัวออกเดินทาง พร้อมลุย!! เลยโทรไปถามรถ ชื่อคุณลุงสุนธร เบอร์โทรติดต่อ 081-029-4622 โทรสอบถามเที่ยวรถก่อนได้นะคะ คุณลุงบอกว่ารถเที่ยวแรกออกไปแล้ว เดี๋ยวมารอที่โลตัสเชียงดาวไปเลย รถลุงจะออกประมาณ 10.30น. เอาแล้ว จะทันไหมเนี่ย ทันแหละ รีบเลย นางๆทั้งหลายด่วนเลย ไม่รีบตกรถแน่ๆ และแล้ว ราชรถก็มาโปรด รุ่นพี่ที่แนะนำเพื่อนให้ไประเบียงดาว เค้ากลับบ้านที่เชียงใหม่พอดี เลยอาสาพาเที่ยว และเค้าบอกว่าไม่อยากให้เดินทางกันแค่ผู้หญิง 5 คน อันตราย คิดในใจ มีอะไรอันตรายกว่าพวกหนูอีกหลอคะ หน้าหนูนี่อาวุธเชื้อโรคเลยนะคะพี่ แต่ผลสรุปคือนางๆบอกว่าก็จะได้มีเวลาแวะเที่ยวระหว่างทางด้วย ช่วยค่าน้ำมันพี่เค้าดีกว่า จะได้ไม่ต้องรีบ เชอะ!!! เอาจิงๆ อีนางพวกนี้กลัวลำบากค่า อ้างนั่นอ้างนี้ แต่ความจิงก็ดีนะ เราอยากแวะเที่ยวถ้ำเชียงดาวเหมือนกัน รีวิวว่าสวยสุดๆ

......ระหว่างทางแวะเข้าไปวนในตัวเมืองนิดหน่อย ผ่านประตูท่าแพร ศาลากลางเก่า และหาร้านกาแฟกินกัน เข้าซอยนั้นออกซอยนี้จะไปเจอร้านการแฟร้านนึง สวย ร้านจัดแปลกตาดี แต่สุดๆ กาแฟอร่อยมาก เพื่อนบอกมานะ เพราะเราเองกินนมสด ไม่ค่อยกินกาแฟเท่าไร แต่นมสดที่เราสั่งมาอร่อยมาก ไม่ฟุ้งได้รสนมสดจิงๆ ใครที่ไม่เข้าใจคำว่าไม่ฟุ้งของเรา คือ ไม่สังเคราะห์ นมทั่วไปที่เราสั่ง จะได้รสชาติของนมผงที่หวานๆกลิ่นแปลกๆเวลากินเข้าไป คือต้องไปรองเอง ร้านนี้ไม่มีกลิ่นนั้นเลยอร่อยจิงๆ นี่คือบรรยากาสในร้าน

......โอเค เราลุยกันต่อดีกว่า จากนั้นเราเริ่มเดินทางกันเราที่แรกที่เราไปถึงคือถ้ำเชียงดาว สวยมากน้ำใสสีฟ้า คนเยอะมาก มีลานจอดรถสำหรับคนที่จะมาไหวพระ ตรงลานจอดรถก็จะมีสมุนไพรขาย นี่คือ บริเวรรอบๆวัด

......จากนั้นเราเข้ากันไปในถ้าเชียงดาว เราจะเจอจุดจ่ายค่าเข้าชม คนละ 20 บาท เป็นการบำรุงถ้ำ (ส่วนคนที่ใส่กระโปรง หรือกางเกงสั้น รวมถึงใส่เสื้อแขนกุด จะมีผ้าคลุมไหล่ให้มัดเอว หรือคลุมไหล่ ให้มิดชิดจำไม่ได้ว่าเสียค่าใช้จ่ายหรือเปล่า)

......ภายในถ้ำเชียงดาว เข้าไปเราจะเจอทางที่ค่อนข้างมืด แล้วก็จะเจอผนังถ้ำที่ประดับไปด้วยศิลปะของทางเหนือ และพระพุทธรูปให้เราได้สักการะ กราบพระเสร็จแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆ จะเจอกลุ่มชาวบ้านเสื้อสีฟ้าอยู่เยอะมาก หลายคนกำลังจุดตะเกียง (ถ้าจำจากในรีวิวต่างๆตะเกียงที่เห็นเนี่ย เรียกตะเกียงเจ้าพายุ) ต้องจ่ายค่าเช่าตะเกียง 120 บาท เพื่อเดินสำรวจภายในถ้ำ แล้วจะมีชาวบ้านเสื้อฟ้าพาเข้าไป อาจจะมีน้ำใจช่วยค่าเหนื่อยให้วิทยากรชาวบ้านเล็กน้อย เราได้พี่จันทร์ทา พาเข้าไปชมภายในถ้ำ พี่น่ารักมาก มีมุขตลกตลอดการบรรยาย บอกตลอดว่าตรงนี้ระวังตรงไหนบ้าง บางจุดจะมีช่างถ่ายภาพของถ้ำถามเราว่าถ่ายภาพเป็นที่ระทึกไหม เอ้ย!!! ที่ระลึก แต่เรามีช่างถ่ายภาพมาด้วย ไม่เป็นไร ในถ้ำมืดมากนะ แค่แสงจากตะเกียงเท่านั้น ควรเกาะกลุ่มกันไว้ รวมทั้งพื้นถ้ำไม่เรียบแล้วลื่นด้วยควรระวัง

......ออกจากถ้ำเชียงดาว เราก็มุ่งหน้ามาที่ดอยหลวงเลย ไม่ไหวแล้วเหนื่อยเดินในถ้ำจนขาล้ากันเลย เส้นทางก่อนไปถึงอุทยานดีมาก ถนนเลียบเนินเขา 4 ช่องทาง โค้งเยอะมาก วิวสวยเขียวตลอดเส้นทาง ไปถึงอุทยานจ่ายค่าเข้าชม คนละ 20 บาท ถึงตอนนี้แนะนำเลยนะคะ คนที่ไม่ชำนาญเส้นทางหรือขับรถไม่เก่งแนะนำจอดรถไว้ที่อุทยานดีกว่า เพราะทางขึ้นไปบนดอย น่ากลัวเลยล่ะ ทั้งชันทั้งโค้ง และแคบมากบางช่วงไปรอบรถไม่ถึงต้องปรับเกียร์ระหว่างไต่ขึ้นเขายังมี สงสารรถมาก บางทีเรากำลังเข้าโค้งที่ทั้งชันและหักศอกด้วยมีรถวิ่งสวนลงมายังมี คือดีที่รุ่นพี่ขับรถเก่งแล้วใจเย็นมากทำให้เรารอดปลอดภัย แต่เส้นทางตอนขึ้นนะ ลมเย็นมาก ถ้าไม่มีเสียงรถของเรานะ เงียบจนได้ยินเสียงนกร้องเลย มองลอดช่องว่ากิ่งไม้ข้างทาง จะเห็นทิวเขาหลวงตลอดทางขึ้นเลย

......หลุดโหมดวิบากมาแล้ว เข้าโหมดสโลวไลท์สุดๆกัน ไปถึงบ้านพักวิวดอยหลวงเชียงดาว ตู้ววว....หูววววว..... คนเพียบเลย แต่ยังไม่เยอะเท่าระเบียงดาวนะ เราไปติดต่อคุณส้มเลย ตอนนั้นเราจองไว้ 4 คน คนละ 400 รวมเป็นเงิน 1600 บาท แต่เราโอนมัดจำมาแล้ว ครึ่งนึง 800 บาท ต้องจ่าย เพิ่ม 800 แล้วเพิ่มเพื่อนอีกคนซึ่งตัดสินใจทีหลังอีก 1คน 400 บาท เพิ่มรุ่นพี่ที่พาเรามาอีก 1 คน แต่พี่เอาเต็นท์มาเอง ขอกางเต็นท์ตรงระเบียงบ้านเรา คุณส้มคิดแค่ค่าหารเท่านั้น 250 บาท ค่าอาหารนี่เย็นและก็เช้าด้วยนะ คนละ 400 นี่ถือว่าคุ้มสุดๆ บรรยากาศห้องพักถือว่าโอเคเลยล่ะ ถ้าเป็นบ้านเราแบบนี้เรียกว่ากระต๊อบ แต่ได้บรรยากาศมาก มันต้องแบบนี้แหละถึงจะสัมผัสธรรมชาติเต็ม ห้องน้ำรวมปูกระเบื้องอย่างดีสะอาดมากคอนเฟิร์ม น้ำเย็นฉ่ำจนขนหัวลุก แนะนำอาบอย่างเดียวล้างหน้าใช้หน้าขวดดีกว่ากันแพ้ เพราะที่เราไปน้ำมีตะกอนนิดๆ แหม!!! มีให้อาบกะดีแล้วเนาะบนเขานะคะ ชีวิตสโลวไลท์อย่าคิดเยอะ

......จบเรื่องที่พักมาถึงเรื่องบรรยากาศ เราไปถึงประมาณบ่าย 3 แต่อากาศเย็นแล้วนะ ใครใคร่ถ่ายรูปเดินถ่ายได้เลยค่ะ มุมสวยๆเพียบ เลือกตามลำบาก ออกจากวิวดอยเดินตามทางดินไปนิดเดียวจะเจอทางลงไประเบียงดาว เดินตามทางคอนกรีตจะลงไปหมู่บ้านของชาวบ้าน ส่วนเราหลอ ขอหลับสไลด์อยู่ห้องดีกว่า แดดร่มลมตกค่อยออกไป ดาวเพลียแดด ถึงอากาศจะเย็นแต่แดดแรงมากเลียจะแสบแขน

......หกโมงเย็น เป็นเวลาอาหาร จะมี 2 จุดให้กินข้าว เรามาปูเสื้อกินข้าวกันตรงระเบียงเล็ก ชมพระอาทิตย์ตก ไม่มีคำบรรยายใดๆ เหล่าชะนีเซลฟี่กันสุดฤทธิ์ ข้าวจะให้หม้อแบ่งมาให้ ส่วนกับข้าวจะจัดใส่ขันโตกมาวาง ได้กับข้าวตามนี้ มีต้มฟักไก่ ผัดมะละกอ ไข่เจียว และก็น้ำพริกแม้ว เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าน้ำพริกอะไรแต่ถือว่าเด็ดสุด เด็ดจนข้าวหมดหม้อต้องขอข้าวเพิ่ม รสชาติแบบเค็มๆเปรี้ยวๆ แต่น้ำพริกแห้งนะ ไม่รู้รสเปรี้ยวมาจากไหน กับข้าวอร่อยทุกอย่างเลย ไม่ใช่เพราะว่าหิวนะ มาถึงกินไปมาม่าไปแล้ว กับข้าวอร่อยจริงๆทุกอย่างเลย เคยคิดว่ากับข้าวต้องแบบจืดๆแน่นนอน แต่เด็ดดวงทุกอย่าง จานไหนหมดขอเพิ่มได้ไม่อั้น อีกอย่างค่ะ ใครที่แบคแพ็คแล้วกลัวว่าข้างบนจะไม่มีขนมกิน เตรียมขนจากเซเว่นขึ้นดอย ไม่ต้องแบกให้หนักนะคะ ข้างบนมีร้านค้าสวัสดิการขาย มาม่าป๋อง 20 บาทเอง ลงไประเบียงดาว มีชากาแฟขายด้วย ราคาอัพมานิดเดียว (เบียร์ที่ระเบียงดาวก็มีขายนะคะ ขวดละ 90 บาท)

......อิ่มท้องแล้วนอนเถอะ กลางคืนอากาศจะลดลงมาก คืนนั้นที่นอน น่าจะประมาณ 15 องศา ผ้าห่มไม่พอเตรียมไปขอไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ เค้ามีเยอะ ขอเพิ่มได้ เจ้าของใจดี เราขอไว้แบบพอดีคนเลย เพราะนางๆทั้งหลายจอมม้วนผ้าเลยค่ะ กลัวเกิดศึกชิงผ้ากัน ของพี่เค้านอนในเต็นท์มีถุงนอน เลยขอหมอนมาเพิ่มเท่านั้น แล้วก็ไฟไม่มีให้ชาทแบตนะคะ จะมีหลอดไฟต่อจากบ้านเจ้าของมาที่ห้องหลังละ 1 หลอดเท่านั้น หลัง 4 ทุ่ม ไฟดับทุกดวง จะชาทแบตมือถือต้องเอาไปชาทที่บ้านเจ้าของเท่านั้น เราเลย เอาพาวเวอร์แบงค์ไปฝากชาท จะได้ไม่ต้องเฝ้า ทิ้งไว้ที่บ้านคุณส้มเลย ต้องบอกว่าใครจะเข้าห้องน้ำ หลัง 4 ทุ่ม ไม่มีไฟนะคะ ต้องอาศัยไฟจากมือถือเท่านั้น

......เช้านี้ที่ระเบียงดาว จำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นกี่องศา มือถือแบตหมด เราตื่นประมาณตี 5 ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเพื่อน อากาศเย็นมาก น้ำค้างลง ควรสวมเสื้อหนาไว้ เราลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน น้ำเย็นมาก ต้องบอกเลยน้ำโดนหน้าทีนี่ สะดุ้งหน้าเลยค่ะ ช่วงตี 5 ก็ยังไม่เปิดไฟนะคะ เห็นบางคนตื่นแล้ว ถือไฟฉายเดินไปดูดาวตรงระเบียง แต่เราเดินไปเอาแบทกล้องที่ชาทไว้ข้างล่าง ปรากฎว่าเข้าของบ้านยังไม่ตื่น บ้านยังปิดอยู่เลย เราเลยรอ หมาดุมากนะมันคงตกใจเราเดินมาเงียบๆคนเดียว เลยเดินขึ้นไปบนระเบียงต้นไม้ พอมองออกไปข้างนอก ดาวเต็มท้องฟ้าเลย เห็นชัดมาก ไม่มีแสงไฟรบกวนสาบานได้ที่กรุงเทพ เราจะไม่รู้สึกเหมือนเราอยู่ใกล้ท้องฟ้าเห็นดาวชัดขนาดนี้ (ปล.เราไม่ได้เมาค้างนะ มันเป็นฟิลลิ่งจริงๆ 555) เรานั่งอยู่ตรงนั้นจนฟ้าสาง น่าจะประมาณ 6 โมงเช้า นั่งนานมาก ไม่มียุงเลย พอเจ้าของบ้านตื่น เราก็รีบไปเอาแบทกล้องกับพาวเวอร์แบงค์ แล้วรีบเอาไปถ่ายรูป ได้ภาพมาเยอะมาก สวยจริงๆ แต่พอแดดเริ่มออก คนก็เริ่มเพิ่มขึ้น เราเลยลงไปถ่ายที่ระเบียงดาว คนเยอะไม่แพ้กัน อากาศสดชื่น รุ้สึกเหมือนนอนเต็มอิ่ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราแทบไม่ได้พักเลย

...... พอฟ้าเริ่มสว่าง ทุกอย่างเริ่มชัดขึ้น หมอกที่เราตามหามานาน เริ่มหนาขึ้นตามแสงแดด ไม่ต้องบรรยายอะไรเลย วางกล้อง ใช้ตาเก็บความรู้สึกทั้งหมกไว้ ชาทพลังให้กับตัวเอง ทริปนี้เป็นทริปที่มีความสุขที่สุด ได้ทำตามใจตัวเอง ได้รวมเพื่อนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน และนี่เป็นทริปแรกเลยที่เรา 5 คนได้ออกมาเที่ยวด้วยกันแบบครบทั้ง 5 คน

......ลมหนาวพัดผ่านผิวหน้า แดดอ่อนๆ และสายหมอกที่อยู่ข้างล่าง อยู่ใต้เท้าเหมือนเราเหยียบมันไว้เลยค่ะ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้งเลย

.....ข้าวเช้าที่บ้านวิวดอย เป็นข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน เลือกได้ตามชอบ ข้าวต้มขอเติมตลอดได้เหมือนกัน อร่อยไม่เปลี่ยน กินข้าวเสร็จเราก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋า เอามาไว้ท้ายรถก่อนแล้วลงไปหาที่ถ่ายรูปกัน เราไปบอกคืนห้องแล้วขอถ่ายรูปคุณส้มไว้ วันนี้คุณส้มสวยนะเนี่ย 555

......สายๆเราลงไปถ่ายรูปกันนิดหน่อย ต้องบอกว่า ที่นี่เค้าปลูกข้าวทานกันเอง ถ่ายรูปได้ แต่ทางลงลำบากหน่อย เพื่อนเราสไลด์หนอนไป 1 ได้แผลเป็นของฝากกลับบ้าน มุมนี้สวยมาก ถ่ายรูปออกมาสวยเลยล่ะ ถ่ายรูปกันจบแบทหมด จากนั้นเราเดินไประเบียงดาว จะเจอต้นฝรั่ง เราเรียกฝรั่งดอย 555 ไม่รู้มันคืออะไร ถ้าสุกหน่อยจะลูกสีเหลือง นิ่มๆ กลิ่นเหมือนฝรั่งขี้นก(ปล.ฝรั่งขี้นกคือ ฝรั่งที่เปลือกสีเหลือง เนื้อในสีชมพู หอมๆ เด็กๆเราชอบกินมาก) เนื้อในสีเหมือนเปลือกเลย อร่อยดี เราชอบอะไรแบบนี้ กินไปหลายลูกเลย

......ถึงระเบียงดาว เพื่อนเราสั่งชาที่นี่กิน บาร์น้ำที่นี่มีหลายอย่างให้เลือก ชาลูกพีทของเพื่อนเราอร่อยดี เราสั่งชาวนิลา ไม่มีรสชาติอะไรเลย กลิ่นวนิลาหอมอ่อนๆ ยิ่งสายเรายังเห็นหมอกชัดอยู่เลย ได้รูปเยอะเหมือนเดิม มุมประจำใครมาก็ต้องถ่าย แต่แดดเริ่มแรงแล้ว ไม่ไหว นั่งชิวได้สักพักเลย ถึงเวลาโบกมือลาเชียงดาว ลาหมาดอย ลุยต่อกับภาระหน้าที่ ชีวิตจริงความรับผิดชอบ กระสู่โหมดเพื่อปากเพื่อท้องอีกครั้ง

......ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแล้วแชร์นะคะ รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่เขียนเอง จากความรู้สึกจริงๆ คิดยังไง รู้สึกแบบไหนในช่วงเวลานั้น อาจจะยาวไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ อยากให้ทุกคนได้ตัดสินใจ ชีวิตสโลวไลท์ มันขึ้นอยู่กับมุมมองเรา ใช้เวลาอยู่กับมันให้คุ้มค่า และถ้าใครคิดจะไปเที่ยวก็ขอให้มีความสุขแบที่เรารู้สึกนะคะ

Discussion (1)