เปิดถุง Sephora กับ Drugstore products ที่หอบหิ้วมาจาก USA ค่ะ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวจีบัน สารภาพว่าตั้งแต่เป็นสมาชิกเวบจีบันมา กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้แรกที่ตั้ง ณ จีบันเลยค่ะ อยากจะแบ่งปันความฟินให้เพื่อนๆร่วมฟินด้วยกัน ถ้าผิดพลาดยังไงแนะนำได้เลยนะคะ

จริงๆจุดประสงค์หลักของการไปอเมริกาครั้งนี้คือการไปร่วมประชุมวิชาการที่ San Francisco ค่ะ (ส่วนช็อปปิ้งนี้เป็นเรื่องรอง จริงจริ๊งงง :D) หลังจากนั้นเราก็ไปแวะเที่ยว New York ต่อ ดังนั้นเราเลยแวะ Sephora ทั้งสองเมืองเลยค่ะ (นี่ยังกล้าพูดว่าช็อปปิ้งเป็นเรื่องรองอยู่เหรอ 55)

เราไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วราคาของที่ซื้อที่นู่นกับที่เมืองไทยที่ไหนจะถูกกว่ากันนะคะ เพราะตอนนี้เราเรียนอยู่ที่อังกฤษค่ะ พอเทียบแล้วหลายๆอย่างที่ทางอเมริกาถูกกว่าเลยตัดสินใจหิ้วมาจากที่โน่น ประกอบกับสารพัด Holiday Gifts มันล่อใจด้วยล่ะ เอาเป็นว่าเราจะลงราคาเป็น $US ไว้ด้วยนะคะ เผื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้เพื่อนได้ทราบกัน โดยราคานี้เป็นราคายังไม่รวม Sales Tax ค่ะ เพราะทีอเมริกา แต่ละรัฐเค้าจะมีอัตราภาษีต่างกันค่ะ (San Francisco = 8.75%, New York = 8.875%)

เอาละค่า หลังจากเวิ่นกันมาหลายย่อหน้าละ มาดูภาพหมู่กันก่อนดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

GLAMGLOW GIFTSEXY Ultimate Anti-Aging Set

กล่องแรกคือเจ้าสิ่งนี้เลยค่ะ GLAMGLOW GIFTSEXY Ultimate Anti-Aging Set ได้ยินสรรพคุณมานาน เปิดรีวิวดูกันหลายรอบมากทั้งของไทยของฝรั่ง อ่านแล้วมันเกิดกิเลสมาก ชื่อก็ช่างเหมาะกับนีวัยเราเหลือเกิน Anti-Aging เรียนหนัก ริ้วรอยก็มาทักทายนะคะ ประกอบกับงานนี้มันมาเป็นชุดค่ะ ราคาขายอยู่ที่ $69 แต่เค้าวงเล็บไว้ว่า ($127 value) ดังนั้นจะช้าอยู่ไย คว้ามาเลยสิคะ

ในกล่องจะมีผลิตภัณฑ์อยู่ 4 ชิ้นนะคะ ประกอบด้วย

  • Youthmud Tinglexfoliate Treatment (50g)
  • Supermud Clearing Treatment (15g)
  • Youthcleanse Daily Exfoliating Cleanser (30g)
  • Dual-ended applicator brush

โดยถ้าเป็นราคาปกติ ไม่ได้จัดเป็นเซตแล้ว ราคาเจ้าตัว Youthmud Tinglexfoliate Treatment (50g) ตัวเดียวก็ $69 แล้วค่ะ ได้ลองเปิดใช้เจ้าตัวนี้ไปแล้วครั้งนึง ประสิทธิภาพมันดีงามตามที่เค้าว่ากันมาจริงๆ เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวเพิ่มนะคะ

CLINIQUE - Sephora Exclusive Set

ตัวต่อมาก็ยังคงเป็นหมวด Skin Care นะคะ (จริงๆชุดนี้ก็มีทั้ง Skin Care และ Make Up ค่ะ)

เจ้าเซตนี้ได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ได้มาจากการเดินไปจดๆจ้องอยู่มุม CLINIQUE เพราะคิดว่าจะซื้อเจ้าตัว Dramatically Different ที่ใช้อยู่เป็นประจำดีหรือไม่ แต่ตามันก็หาเรื่องเสียเงินจนได้ค่ะ เพราะสอดส่ายไปเห็นไอ้เจ้ากล่องนี้วางอยู่บนชั้นพอดี บนกล่องแปะไว้ว่าราคา $39.50 ($85 value) แต่ๆ ราคาจริงที่ขายบนชั้นคือ $29.50

ผลิตภัณฑ์ในกล่องก็อยู่ 8 ชิ้นตามรูปเลยค่ะ

  • Turnaround Revitalizing Treatment Oil (7ml)
  • Clinique Skinny Stick #Slimming Black (0.028g)
  • High Impact Mascara #Black (3.5ml)
  • Chubby Stick Moisturizing Lip Colour Balm #Heaping Hazelnut (1.2g)
  • Moisture Surge Overnight Mask (30ml)
  • Dramatically Different Moisturizing Lotion+ (30ml)
  • Foaming Sonic Facial Soap (30ml)
  • Take the Day Off Makeup Remover for Lid, Lashes & Lips (50ml)
  • All About Eyes (7ml)
  • Moisture Surge Extended Thirst Relief (15ml)

เราเองใช้ตัวสกินแคร์แทบทุกตัวที่อยู่ในเซตนี้อยู่แล้ว ยกเว้นเจ้า Treatment Oil ซึ่งเป็นสิ่งใหม่แล้วอยากเอามาทดลองใช้อยู่แล้วด้วยค่ะ ส่วนตัว Remover ขวดสีม่วงๆนี่ก็เป็นลูกรักเลย เพราะใช้ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาได้ดีมาก จะแต่งตาแน่นขนาดไหนเจ้าขวดนี้เอาอยู่ค่ะ ส่วนเมคอัพที่เหลือก็ถือว่าเอามาทดลองใช้ค่ะ

Tarte Bling It on Blush Palette

หมดกลุ่ม Skin Care แล้ว ขอต่อด้วย Make Up เลยนะคะ

เริ่มที่เจ้านี่ก่อนแล้วกันค่า Tarte Bling It on Blush Palette พาเลตต์บรัชขึ้นชื่อของ Tarte ค่ะ ราคาที่ซื้อมาก็ตามกล่องเลย $44 ($110)

ที่สุดแห่งความฟินคือเจ้าพาเลตต์นี้เลยค่ะ - ที่มาที่ไปยาวมาก ใครไม่อยากอ่านข้ามไปก็ได้น้า-

ก่อนไปที่ร้านเราก็หาข้อมูลพอสมควรค่ะ เห็นสาวๆมะกันหลายๆคนเข้าไปโอดครวญใน IG ของ Tarte ว่ามันขาดตลาดแล้วค่ะ ได้โปรดผลิตเพิ่มเถอะ พลีสสส ซึ่งทางบริษัทก็..เงียบสนิทค่ะ เราเองก็ทำใจไปก่อนละว่าขนาดเจ้าถิ่นยังมิทัน ดังนั้นคงจะไม่มีของเหลือถึงนีไทยอย่างเราแน่นอน

พอไปถึงเคาท์เตอร์ของ Tarte เราก็ดิ่งไปดูทันที ตามคาดค่ะมันหมดเกลี่้ยงเลย แต่ตัวทดลองยังมีอยู่ เราก็เอาวะของทดลองสีหน่อยเหอะ เค้าว่ามันดีงาม ก็ยืนเล่นตัวอย่างอยู่สักพักนึง แหมมม มันดีจริงอ่ะสีน่ารักทุกสีเลย แถมราคาก็คุ้มกว่าแบบแยกสีมากมาย (ปกติสีเดียว $28/ 5.67g) ขณะที่ยืนดูพร้อมกับคร่ำครวญเสียดายอยู่ในใจ และพยายามปลงด้วยคติประจำใจว่า "ถ้ามันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็ต้องเป็นของเราอยู่ดีแหละน่า ถ้ามันไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่นะ" (คตินี้ใช้กับเรื่อง ผช เช่นกัน ผลคือ ทุกวันนี้คานก็ยังเป็นของเราอยู่อย่างมั่นคงอ่ะ 55)

ยืนอยู่อย่างนั้นได้ประมาณ 5 นาที ฟ้าก็ประทานเทวดา (แต่เอ๊ะดูท่าแล้วพี่เค้าคงอยากเป็นนางฟ้าแห่ง Sephora มากกว่า) ให้เดินเข้ามาถามเราว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรมั้ย เราเลยบอกไปว่าเราอยากได้ไอ้เจ้านี่อ่ะ แต่แหมเสียดายจังหมดไปซะแล้ว เค้าก็รีบบอกทันทีว่า อ๋อ พาเลตต์นี้มันหมดตรงนี้ แต่มันยังพอมีอยู่นะยู อยู่ในมุมหน้าร้านอ่ะ คนไม่ค่อยรู้กัน พร้อมทั้งชี้บอกทางให้ (เรานี่รู้สึกเหมือนเห็นปีกงอกออกมากลางหลังพี่เค้า ฮ่าๆ) เลยรีบขอบคุณแล้วพุ่งตัวไปตามตำแหน่งนั้นอย่างไว แล้วก็ได้เจ้าพาเลตน์นี้มาในที่สุดค่ะ

ที่สำคัญทั้งร้านเหลือพาเลตต์นี้อยู่แค่สองอัน พอได้มานี่มันเป็นความรู้สึกเหมือนแข่งกีฬาโอลิมปิกแล้วได้เหรียญทองเลย 55 คาดว่าหลายๆคนที่เคยได้อะไรที่เหลืออยู่เป็นชิ้นสุดท้ายบนชั้นมา คงเข้าใจความรู้สึกนี้ เอ๊ะ หรือจะเป็นเราคนเดียวที่เพี้ยนไปเองหว่า

    อ่ะ นอกเรื่องอีกแล้ว เปิดข้างในกันดูดีกว่าค่ะ

    ข้างในจะมีบรัชออนแยกเป็น 5 สีย่อย ซึ่งเป็นสีใหม่ทั้งหมดค่ะ แต่ละสีมีปริมาณเท่ากันคือ 4.5 g ซึ่งขนาดก็เล็กกว่าขนาดปกตินิดนึง แต่ก็นะ น้อยครั้งมากที่เราจะใช้บรัชออนจนหมดตลับอ่ะ สีที่ว่า 5 สีมีดังนี้ค่ะ

    • Fetching (rose)
    • Dollface (cool pink)
    • Prim (plum nude)
    • Smashing (coral pink)
    • Beaming (apricot pink)

    เราผิวสองสีค่ะ เราว่าทั้งห้าสีนี่พอใช้จริงแล้วสวยหมดทุกสี แต่ว่าสีสุดท้าย Beaming พออยู่กับผิวเราแล้วจะจางกว่าสีอื่น คงเป็นเพราะว่าสีนี้มีชิมเมอร์เยอะกว่าเค้าเพื่อนเลยค่ะ

    สำหรับสาวๆที่พุ่งตัวไปสอยเจ้านี่กันมาไม่ทัน ก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ เราไปเจอข้อมูลจากเวบ Tamptalia ซึ่งสรุป Dupes (คู่เหมือนของเครื่องสำอาง) ของสีแต่ละสีในพาเลตต์นี้ไว้ด้วยค่ะ เผื่อใครมีสีที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้วจะได้เอาไว้เทียบได้นะคะ ดูได้ที่นี่เลยค่ะ

    Tarte Bling It on Blush Palette Review

    The Contour Book Volume II - The Art of Sculpting + Defining

    ต่อมาเป็นพาเลตต์จาก Kevyn Aucoin ค่ะ The Contour Book Volume II - The Art of Sculpting + Defining แค่ชื่อก็บอกแล้วใช่มั้ยคะว่า มันคือพาเลตต์สำหรับสาวๆที่นิยมการคอนทัวร์และไฮไลท์หน้าเลยค่ะ

    แถมด้วยข้อความว่าเจ้าครีมและพาวเดอร์สำหรับการคอนทัวร์นี่มันมาในขนาด FULL SIZE นะจ๊ะ โอ้ ข้อความนี้ถึงกับทำให้เราต้องหยิบมือถือมาเช็คราคาเลยค่ะ เพราะอยากรู้ว่าแต่ละสีนี่มันจะราคาเท่าไหร่กัน และแล้วก็ได้คำตอบค่ะว่า ราคาต่อหนึ่งตลับนั้นอยู่ที่ $44/ 0.11 oz ส่วนราคาเต็มของพาเลตต์นี้อยู่ที่ $65 ค่ะ คูณกันไม่ถูกเลยจริงๆค่ะ เพราะเอาเข้าจริงปริมาณที่มาในพาเลตต์นี้พอเทียบแล้วมากกว่าในไซส์ปกติอยู่นิดนึงด้วย

    เปิดออกมาก็จะเจอผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 4 ช่องใหญ่กับอีก 4 ช่องเล็กค่ะ

    • ด้านซ้ายบนจะเป็นสีสำหรับ Contour ค่ะ มีผลิตภัณฑ์ทั้งแบบฝุ่นและแบบครีม

      • The Sculpting Cream (4.5g)
      • The Sculpting Powder (4g)
    • ด้านขวาบนเป็นสีสำหรับ Highlight ค่ะ มีทั้งแบบฝุ่นและครีมเหมือนกัน

      • The Candlelight Cream (4.5g)
      • The Candlelight Powder (5g)
    • ส่วนสี่สีด้านล่างก็ใช้แต่งตาเป็นหลักค่ะ
      • Brighten (1g) สีออกขาวมุก
      • Starlight (1g) สีชมพูปนสีพีชอ่อน
      • Cool Tan (1g) สีน้าตาลอ่อน
      • Ruddy Earth (1g) สีน้ำตาลอมแดง
    ปล. อันนี้จิ้มสีเล่นไปแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ว่าต้องถ่ายรูปไว้เขียนกระทู้ สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็นค่ะ แหะๆ

    หมดจากบรรดาพาเลตต์แล้วก็ต่อกันด้วยงานตากันนะคะ จากซ้ายไปขวาก็มีดังนี้ค่ะ

    • Melbelline Lash Sensational Mascara ($9.49) อันนี้ซื้อมาเติมอันที่ใช้อยู่ค่ะ ได้มาจากร้าน Walgreen เช็คแล้วราคาถูกกว่าฝั่งอังกฤษพอสมควร

    • Nars Radiant Creamy Concealer #Custard ($29/6ml)
    • Tarte Light, Camera, Lashes 4-in-1 Waterproof Mascara #Black ($21/7ml) ได้มาเพราะมีเพื่อนแนะนำว่าใช้ดีค่ะ เลยทดลองจิ้มมาอันนึง
    • Kat Von D Tattoo Liner #Trooper ($19/0.55ml) อายไลเนอร์อันเลื่องชื่อ ทดลองใช้แล้วมันดีจริงๆค่ะ เพราะหนังตาเรามันเข้าขั้นวิกฤต แต่พอใช้อันนี้แล้วอยู่ได้เช้ายันเย็นเลย
    • Duo Eyelash Adhesive ($9/14g) กาวติดขนตาปลอมค่ะ ซื้อมาเพราะอันเก่าที่มีนี่แห้งหมดแล้ว

    • Boscia Black Charcoal Blotting Linens ($10/100 sheets) กระดาษซับมันค่ะ
    • Sephora collection Cream Lip Strain #01 Always Red ($14/4.8g) สีแดงได้ใจแถมติดทนด้วยค่ะ
    • Wet n wild matte lipstick #Bare It All ($2.49/3.3g) สีออกนู้ดอมน้ำตาล ซื้อตามรีวิวของชาวจีบันนี่แหละค่ะ
    • EOS Lip Balm #Coconut Milk ($4.99/7g) ลิปบาล์ม ซื้อเพราะน้องเค้าอยู่นิวยอร์คแล้วพาไปเที่ยวแนะนำค่ะ บอกว่าเห็นสาวๆที่นั่นหลายคนใช้กันเลยคิดว่าน่าจะดี เราก็เชื่อคนง่าย ซื้อตามสิคะ 55

    Milani Baked Blush

    ถัดจากงานปากก็มางานแก้มเนอะ คราวนี้ไปได้บรัชออนจาก Drugstore มาสองอันค่ะ คือ Milani Baked Blush ตามรีวิวที่เค้าว่าดี เราก็ต้องไปลองดูก่อนเนอะ

    ตอนแรกเราซื้อสี Luminoso มาลองก่อนค่ะ แล้วก็พบว่ามันงามและติดทนใช้ได้ทีเดียว อีกวันเลยไปจัดเจ้าสี Berry Amore มาอีกหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน แต่กลับมาที่นี่พึ่งมาเห็นว่าราคามันไม่เท่ากันอ่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะซื้อคนละเมืองหรือคนละร้านก็ไม่รู้

    • Milani Baked Blush #03 Berry Amore ($11.49/3.5g)
    • Milani Baked Blush #05 Luminoso ($9.99/3.5g)

    อีกสองอย่างที่สอยมาจาก Sephora เพราะของที่ใช้อยู่หมดพอดีคือเจ้าสองสิ่งนี้ค่ะ

    • Laura Mercier Ttanslucent Loose Setting Powder ($37/29g)
    • Benefit Benetint Cheek & Lip Stain ($30/12.5ml)
    คุณสมบัติก็ไม่ต้องอธิบายเยอะเนอะ เพราะถ้าไม่ดีจริงหมดแล้วเราคงไม่ซื้อต่อ สองอย่างนี้เป็นของที่ใช้ประจำเลยค่ะ หมดแล้วก็ต้องซื้อต่อตลอด

    BeautyBlender-Holiday Set

    คิดว่าจะเสร็จแล้ว ยังมี Holiday Set อีกชุดที่ยังไม่รีวิว เกือบลืมอันนี้เพราะแกะใช้ตั้งแต่ช่วงที่อยู่ที่อเมริกาค่ะ เพราะของเก่าที่ใช้อยู่หมดสภาพพอดี เป็นเซตจาก BeautyBlender นั่นเองค่ะ จริงๆเค้ามีหลายเซต Holiday หลายแบบอยู่เหมือนกัน แต่เราเลือกเซตนี้มา ในกล่องก็จะมี

    • The Original BeautyBlender สีชมพู
    • BeautyBlender Pro สีดำ
    • BeautyBlender Micro mini สีเขียวRea Activate ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้กับตัวฟองน้ำเวลาที่เราต้องเดินทางแล้วหาน้ำไม่ได้ค่ะ วีธีใช้ก็ดูที่ Link นี้เลย >>> How to use rea.activate
    อ้อ ชุดนี้ราคา $40 ($59 value) ค่ะ

      สุดท้ายเป็นน้ำหอมของ Chloé กลิ่นประจำที่เราใช้อยู่ค่ะ ได้มาระหว่างรอคิวจ่ายตังค์ รู้ว่าเค้าหลอกล่อเราก็ยอม :) แต่จริงๆคือเราลืมเอาน้ำหอมติดตัวไปด้วยค่ะรอบนี้ แล้วมันขาดความมั่นใจจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะซื้อน้ำหอมแบบ Rollerballs มาใช้ติดตัว แต่ก็คิดว่าไม่คุ้มเลยอ่ะ เพราะราคาขวดนึงก็ $28/5.7 ml หันไปเห็นเซตนี้ตอนจะจ่ายตังค์ ราคาสองขวดรวมกันคือ $18 พอลองเทียบปริมาณกับราคาแล้วก็ถูกกว่าทางเลือกแรก แถมได้ทั้งสองกลิ่นมาใช้คือ

      • Chloé Eau de Parfum (5ml) กลิ่น Signature ที่เราใช้ประจำค่ะ
      • Chloé Love Story Eau de Parfum (7.5ml) กลิ่นใหม่ที่พึ่งออกเมื่อปี 2014

      อ้อ ขอแถมอีกชิ้น เราได้เป็นของขวัญคริสมาสต์จากเพื่อนที่เราไปเจอที่นิวยอร์คค่ะ พอวันจะบินกลับเพื่อนก็บอกให้เอามาเปิดดูที่บ้าน พอเปิดออกมาเป็นพาเลตต์นี้นี่เรากรี้ดกร้าดมาก เพื่อนรู้ใจจริงจัง รักนางกับน้องสาวมากๆ ที่หาของรู้ใจให้ :)

      ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ยินดีด้วยค่ะ เพราะว่าในที่สุดเราก็จบการตั้งกระทู้ขี้เห่อของเราแล้ว ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านกันนะคะ คาดว่าหลังจากกระทู้นี้เราคงไม่ได้ตั้งกระทู้อีกนาน ขอไปเขียนวิทยานิพนธ์ต่อก่อน แต่ถ้าใครมีข้อสงสัยหรืออยากคุยกันมาแวะทักทายกันได้ในกระทู้นี้นะคะ ยินดีค่ะ ^_^

      Discussion (7)

      @rung2936 ขอบคุณค่า ส่วนTarte เอาไว้สอยใหม่ปีหน้ามั้ยคะ เราเองก็เล็งมาตั้งแต่ปีที่แล้ว พึ่งจะมาสอยได้ปีนี้ ^_^ 
      อลังการดาวล้านดวงมากค่าา
      อยากได้ tarte อ่าฮือออ ชะนีน้อยอย่างเราไม่ทันค่ะ 555