✿ My 15 Items of 2015 ✿

✿ My 15 Items of 2015 ✿

สวัสดีปีใหม่ไทย และปีใหม่จีนค่ะ ช่าห่างหายจากการตั้งกระทู้ไปนานมากกกก

ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ปีนี้ก็จะมาแชร์ ✿ My 15 Items of 2015 ✿

ของช่าชอบ 15 อย่าง ประจำปี 2015 ซึ่งเป็นของที่ชอบจริง และอินจัด

✿✿✿อ่านก่อนชมรีวิว ✿✿✿

สภาพผิวของช่าคือ ผิวสองสีแห้ง แพ้ง่าย แพ้วิตมินซี กรดต่างๆ

ดังนั้นชอบแต่งหน้าแนวฉ่ำวาว ของชอบของช่า อาจไม่ถูกใจสาวๆบางคน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวที่แตกต่างกันนะค่ะ

Biotherm Life Plankton Essence & Fracora Placenta Extract

ช่าเป็นคนที่ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย ซึ่งปีใหม่ที่ผ่านมา ช่าเดินทางไปบ้านแม่ที่เชียงราย ซึ่งอากาศกำลังเย็น + บำรุงผิวไม่เต็มที่ ทำให้เมื่อเดินทางกลับมาบ้านที่ภูเก็ต ซึ่งอากาศร้อนมากก ทำให้ผิวช่าเกิดอาการแห้ง เป็นขุย และแสบแพ้มากๆ ทาอะไรก็จะแสบไปหมด ทารองพื้นไม่ติด หน้าเป็นคราบหน้าเกียจมาก

ช่าสั่ง Biotherm Life Plankton Essence & Fracora Placenta Extract ระหว่างที่อยู่เชียงราย เพระอยากลองล้วนๆ Biotherm Life Plankton Essence ช่าสั่งเป็นไซส์ทดลองขนาด 30 ml. ส่วน Fracora Placenta Extract ขนาด 15 ml. แต่ช่าให้เขาส่งของไปภูเก็ต พอติดช่วงปีใหม่ ก็ได้รับของตอนกลับมาถึงบ้าน จึงลองเสี่ยงใช้ตอนที่หน้ากำลังแหก!!!

ช่าใช้ Fracora Placenta Extract ตั้งแต่อยู่เชียงราย แต่ใช้บ้างไม่ได้ใช้บ้าง พอกลับมาภูเก็ตก็แอบกังวลว่าที่หน้าแหก เพราะเราแพ้รึเปล่า แต่ก็ยังคงใช้ทั้ง 2 ตัวควบคู่กันไป ผลปรากฏว่า ผิวหน้ามันค่อยๆดีขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ มันดีขึ้นจริงๆ รอยแสบ แดง แห้ง ดีขึ้น และผิวหน้าดีเหมือนเดิม ช่าเคยได้ฟังรีวิวของใครหลายๆคน เขาใช้ปริมาณที่เยอะมากกกกก แต่ช่าใช้แค่ 3-4 หลอดหยด ยังทำให้ผิวหน้าฟื้นฟูได้ดีขึ้นขนาดนี้ รู้สึกชอบมากๆ สำหรับช่าไม่กังวลเรื่องกลิ่น ช่าว่ามันก็หอมดีนะค่ะ เนื้อสัมผัสก็ไม่ได้เหนียวมากนัก กลับชอบมากๆอีกด้วย แสดงว่าทั้ง Biotherm Life Plankton Essence & Fracora Placenta Extract ส่งเสริมกันดีมากๆๆๆ ถือว่าเป็นสกินแคร์ที่ช่าเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วงที่ผ่าน ถึงแม้ว่าช่าผิวจะแห้ง และมีสกินแคร์เต็มตู้เลยก็ตาม

ข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ขนาด 30 ml. เป็นฝาเปิดต้องเท หกเลอะเทอะมาก ช่าเลยหาหลอดหยดมาใช้ควบคู่กัน บางทีก็ใช้หลอดหยดของ Fracora มาดูดเอสเซนท์ของ Biotherm ก่อน แล้วค่อยกลับไปดูดเซรั่มของ Fracora ก็ไม่มีปัญหาใดใด ต่อไปคงจะซื้อไซส์จริงมาลอง คงไม่มีปัญหาดังกล่าว

Skin Food : Lime Secret Shine Light Base SPF13 PA+

เบสมะนาวฉ่ำวาวตัวแรกเลยที่ช่ามีโอกาสได้ลองใช้ แล้วติดใจมากๆ เมื่อก่อนชอบเบอร์ 1 แต่ตอนนี้อินกับเบอร์ 2 มากๆ เพราะเบอร์นี้จะเป็นมุกประกายชมพูสวย สีชมพูชัดมากๆ ทำให้ผิวมีประกายและดูอมชมพูทันที

ซึ่งช่วงนี้ช่าแต่งหน้าน้อยมาก ชอบใช้ตัวนี้ทาเดี่ยวๆหลังลงกันแดด มุกสีชมพูจะขับผิวให้ดูสว่างเล็กน้อย ดูไม่ซีดโทรมเกินไป อีกทั้งชิมเมอร์ละเอียดมาก ไม่ได้เป็นกากเพชรเม็ดโต และราคาถูกอีกด้วย ช่ามี eSpoir Dewy Face Glow นะค่ะ แต่พอลองแล้ว ชอบน้อยกว่า Skinfood เพราะ eSpoir จะมีสีที่อ่อนกว่า เวลาทาไปบนผิวจะไม่เห็นประกายมุก และความฉ่ำเท่า Skinfood ใครชอบใสใสธรรมชาติสุดๆก็แนะนำ eSpoir Dewy Face Glow แต่อยากฉ่ำแบบชัดเจนว่าฉ่ำ แต่ไม่ชิมเมอร์จ๋า แนะนำ Skinfood ค่ะ

เปรียบเทียบ 2 แบรนด์

ตอน Swatch ทั้ง 2 แบรนด์ฉ่ำประกายมากกกก แต่พอลงบนผิวจริง eSpoir จะไม่ฉ่ำแบบนี้ ของ Skinfood จะเห็นประกายมุกอมชมพูมากกว่า

Estee Lauder Double Wear Stay-In-Place Makeup SPF 10

เป็นรองพื้นที่เหมาะแก่งานกิจกรรมที่ต้องการความแน่นสุดๆ ทนสุดๆ จะรับปริญญา งานแต่งกลางแจ้ง ทนเหงื่อมากๆ ส่วนตัวช่าผิวไม่มันนะค่ะ แต่เหงื่อเยอะมาก

ข้อเสียคือ เนื้อรองพื้นจะเซ็ตตัวเร็ว เกลี่ยไม่ดีจะเป็นคราบ และเนื้อค่อนข้างหน้า แต่ถ้าใช้คู่ฟองน้ำ เกลี่ยดีดี ก็จะได้งานผิวดีดีทนทานเช่นกัน

Elizabeth Arden Pure Finish : Mineral Powder Foundation SPF20

ปกติช่าไม่ชอบแป้งผสมรองพื้น เพราะมันหนาและหนักนั่นเอง แต่แป้งตัวนี้เปลี่ยนความรู้สึกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเนื้อแป้งค่อนข้างเบาและละมุนมากๆ เบลอรูขุมขนได้ดี ปัดแล้วผิวผ่อง เรียบเนียนสวย ปกติช่าไม่มีรอยสิว จึงไม่ทราบว่าปกปิดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งช่าจะใช้คู่กับแป้งปัดแป้งมากกว่าพัฟที่เขาให้มาคู่กัน

แพ็กเก็จทำออกมาดี เก๋ไก๋ ค่อยๆหมุนทวิตแป้งก็จะขึ้นมาด้านบน เบอร์ที่ช่าใช้คือ เบอร์ 2 แมทกับสีผิวได้ดี

จากภาพช่าไปร่วมกิจกรรมเดินบวนกลางแจ้ง ในสภาพอากาศที่อบอ้าวคล้ายฝนจะตก ทำให้เหงื่อไหลตลอดเวลา ช่าใช้รองพื้น Estee Lauder Double Wear ลงให้ทั่วใบหน้า แล้วเซ็ตด้วยแป้ง

Elizabeth Arden ระหว่างเดินก็ซับด้วยทิชชู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่มีโอกาสได้ส่องกระจกว่าสภาพหน้าจะไหลย้อยหรือไม่ ปรากฏว่าหลังจากกลับมาพักในห้องแอร์ หน้าก็แมทสวยเหมือนเดิม ไม่เป็นคราบ หรือลอกหลุด

Nuchyshop MMU: Premium Powder ((Movie Light, Cinematrographic))

แป้งฝุ่นPremium ได้แรงบันดาลใจจากแป้งของArmani แป้งฝุ่น Movie light แป้งฝุ่นสีพีชที่ช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสและ Gold splendid เหลือบทอง ส่วน แป้งฝุ่น Cinematrographic แป้งสีชมพูให้ผิวดูเปล่งปลั่งและ Gold splendid เหลือบทอง

เนื้อแป้งละเอียดและเหลือบทองละเอียดสวยมากกกกกก ปัดแล้วผิวสองสีของช่าผ่องเหลือบทองสวย ใครที่ผิวขาวหน่อยปัดเดี่ยวๆได้เลย ผิวจะดูฉ่ำไม่แมทด้านเกินไป ช่าชอบ Movie Light เพราะเนื้อแป้งสีเหลืองจะขับผิวมากกว่า

ถ้าแต่งออกงานกลางคืนปัดเดี่ยวๆแล้วหน้าจะมีออร่าสวย แต่ถ้าอยากใช้แต่งทุกวันหรือใครที่มีผิวมัน แต่อยากผิวผ่องหน่อย ลองผสมกับแป้งฝุ่นโปร่งแสง เพื่อไม่ให้หน้าวาวเกินไป

ช่าเก็บไว้ในกรุนานมาก ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้ แต่พอเอาออกมาใช้แล้วชอบมาก ช่าสั่งไซส์เล็กมาลองใช้ คาดว่าจะซื้อไซส์ใหญ่ในอนาคตแน่ๆ

The Balm MARY LOU MANIZER Highlighter-Face & Eyes

ซุปเปอร์ไฮไลท์แด่สาวๆที่ชอบงานฉ่ำสุดๆ ตัวนี้ช่าใช้บ่อยที่สุด ซึ่งในกรุมีไฮไลท์เยอะมากๆ อยากบอกว่าชอบกว่า Hourglass อีกด้วย

ช่าชอบที่ไฮไลท์สีอมเหลืองอมทอง สาวผิวเข้มปัดได้สบายเลยค่ะ

MARY LOU MANIZER เหมาะแก่คนที่ชอบความเป็นไฮไลท์ ไม่เน้นความธรรมชาติ เพราะตัวนี้ปัดแล้ว ชาวบ้านรู้ว่าปัด แต่มันเหลือบสวยจริงๆ ตัว Hourglass ธรรมชาติเกินไป ตัวนั้นช่าปัดแล้วไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเท่าไหร่ จึงชอบน้อยกว่า MARY LOU MANIZER

ช่ามีตัวพาเลต 3 หลุมของHourglassซึ่งช่าชอบสี Incandescent Light สีที่เป็นไฮไลท์ในพาเลต แต่ความฉ่ำก็น้อยกว่า MARY LOU MANIZER ช่าจึงใช้ MARY LOU MANIZER มากกว่าตัวนั้น

The balm Bahama Mama Bronzer

ช่าชอบใช้แป้งบรอนเซอร์ที่สีออกอมส้ม ซึ่งบางคนอาจมองว่าบรอนเซอร์อมเทาดีกว่า แต่โทนสีนั้นถ้าช่าใช้แล้วผิวจะดูดำไม่สดใส เพราะพื้นฐานเดิมผิวช่าสองสี อันเดอร์โทนเหลือง ซึ่ง The balm Bahama Mama Bronzer

อีกทั้งแพ็กเก็จเบา ลายวินเทจสวยงาม ตัวนี้จึงพกติดตัวตลอดเวลามากกว่าตัวอื่น

Majolica Majorca Shadow Customize

อายแชร์โดแบบเดี่ยวที่สามารถประกอบพาเลตได้เอง ช่าชอบสี GD 822 สีชมพูเหลือบทอง ไฮไลท์หัวตาและสันจมูกได้ และก็สี BR 665 สีน้ำตาลส้ม ทาได้ทุกวันเช่นกัน เป็นสีที่แนะนำสำหรับสาวผิวสองสี

แพ็กเก็จเล็กกะทัดรัด และแข็งแรง สองอันนี้ช่าพกพาบ่อย เพราะมีขนาดเล็ก เป็นอายแชร์โดที่ใช้ได้ทุกวัน สีสวย เนื้อละเอียด

4u2 : I-Pro Professional : Eye Make Up Palette

แต่ถ้าพูดถึงพาเลตอายแชร์โดที่ใช้บ่อย ใช้ง่ายช่าชอบของ 4u2 : I-Pro Professional : Eye Make Up Palette สี Modren

เป็นพาเลตโทนเหลือง-ทองที่เนื้อสี และสีสวยมาก สาวผิวเข้มหรือผิวขาวใช้ได้หมด ชิมเมอร์ละเอียด สีชัดเจน ทาง่าย มิกซ์แอนด์แมทได้หลากหลายสไตล์

ช่าใช้นิ้วถู 1 ครั้งแล้วป้ายที่ท้องแขน สีออกชัดเจนสวยมาก ช่าชอบสีที่ 4 นับจากซ้าย สีชมพูเหลือบทองเหลือบส้มสวยงาม

ขอเสียคือ ไม่มีสีแมท อาจต้องหาสีน้ำตาลแมทจากพาเลตอื่นๆมาแต่งเพิ่ม ซึ่งช่ามักจะใช้

The balm Bahama Mama Bronzer มาคัดเบ้าตา

CosluxeTrust Me Auto Pencil Eyeliner:Hazel Brown

เจลไลเนอร์แบบดินสอสีน้ำตาลอ่อน เนื้อเจลเขียนง่าย สีน้ำตาลอ่อนกำลังดีมีชิมเมอร์สีทองเล็กน้อย ช่าไม่ชอบใช้อายไลเนอร์สีดำ จึงพยายามหาสีน้ำตาลอ่อนมาสักระยะ เพราะปกติจะมีน้ำตาลเข้ม ถือว่าโอเค และราคาไม่แพง ปาด 2-3 ครั้งจะได้ตาที่ดูชัดขึ้น แต่ไม่ใช่เข้มดำจนตาดุ ช่าว่าสีน้ำตาลอ่อนจะทำให้ตาหวานกำลังดีเลยค่ะ

Maybelline Volum Express Hypercurl Cat eye

ช่าชอบงานขนตาเด้ง หนา ฟูมากๆ และมีโอกาสได้ทดลองใช้หลากหลายแบรนด์ที่เขาว่าดี และก็ชอบหลายแบรนด์ แต่มาสคาร่าแท่งเดียวที่ซื้อซ้ำตลอดคือ Maybelline Volum Express Hypercurl Cat eye ซึ่งช่าจะปัดตัวนี้เน้นที่โคนขนตาหลังจากดัดขนตาก่อน มันจะทำให้ขนตาเด้งอยู่ทนทั้งวัน จากนั้นก็จะปัดตัวอื่นทับ แล้วแต่ว่าจะชอบแบบเน้นยาว หรือหนา

มาสคาร่าตัวนี้กันน้ำมากๆ ต้องใช้Remover เช็ดออก ซึ่งบางครั้งถ้ามีเวลามาก ไม่เร่งรีบ ช่าก็จะใช้วาสลีนพอกไว้ที่ขนตาแล้วเช็ดออก ก็จะทำให้มาสคาร่าออกง่าย

Giffarine Crystalline : Foundation Stick (เบอร์เข้มสุด)

Wet n Wild Mega Last® : Lip Color (Cherry Bomb)

คู่หูสำหรับงานปากที่ช่าใช้บ่อยที่สุดตอนนี้ ช่าชอบทาปากแบบออมเบร เพราะจะทำให้เราดูสดใสกว่าทาสีเดียวทั่วทั้งปาก ซึ่งบางครั้งเราแต่งตาหนัก การทาลิปแบบออมเบร จะทำให้ไม่ดูหนักไปทั้งหน้า

ซึ่งวิธีคือ ทาลิปสีนู๊ดก่อน แล้วค่อยแต้มสีเข้มที่ด้านในปาก แต่ช่าเป็นคนที่ปากสีเข้ม และไม่มีลิปสีนู๊ดไหนที่ทาแล้วถูกใจ ช่าจึงชอบใช้ Giffarine Crystalline : Foundation Stick (เบอร์เข้มสุด) ทาให้ทั่วทั้งปาก แล้วเกลี่ยขอบปากให้ฟุ้งหน่อย ไม่เป็นขอบเกินไป สีคอนซีลเลอร์จะออกไปทางน้ำตาลอมส้ม ทาแล้วปากจะดูไม่ป่วยเกินไป จากนั้นก็แตะ Wet n Wild Mega Last® : Lip Color (Cherry Bomb) หรือ สีอื่นๆที่เข้มหน่อย ซึ่งช่าใช้ Wet n Wild Mega Last® : Lip Color (Cherry Bomb) บ่อยสุดตอนนี้ แตะด้านในปาก ใช้นิ้วเกลี่ยให้สีระรเี่ยแบบที่ต้องการ เม้มด้วยทิชชู่เพื่อเอาความมันออกก่อน 1 ครั้ง แล้วแต้มลิปสีเข้มอีกรอบเพื่อให้ได้ปากระเรื่อยแบบที่ต้องการ

ที่ดัดขนตาไฟฟ้า

อุปกรณ์ที่ช่าขาดไม่ได้ ใช้มาตั้งแต่เรียนม.ปลาย ต้องเป็นรุ่นนี้ ยี่ห้อนี้เท่านั้น มันคือที่ดัดขนตาไฟฟ้าแบบใส่ถ่าน ก่อนใช้ก็กดปุ่มเพื่อวอมให้เครื่องอุ่น แต่ไม่ถึงขั้นร้อนมาก แล้วหนีบไปที่ขนตา ซึ่งวิธีของช่าคือ หนีบแล้วรูดลงเบาๆ ความร้อนจะทำให้ขนตางอนเด้ง ซึ่งวิธีนี้ ไม่ว่าขนตาใครจะสั้นแค่ไหนก็เด้งค่ะ

Beautyblender® Makeup Sponge Applicator

ช่าได้ลองฟองน้ำมาเยอะมาก และค้นพบว่าไม่มียี่ห้อไหนเหมือน Beautyblender จริงๆ เพราะยี่ห้ออื่น เนื้อจะแน่นกว่า ซึ่ง Beautyblender จะมีรูพรุนเยอะกว่า เวลาเกลี่ยรองพื้นจึงดีกว่า ซึ่งฟองน้ำที่เนื้อแน่นเกินไป บางครั้งจะลากรองพื้นติดออกไปด้วย ซึ่ง Beautyblender จะให้ได้งานผิวที่เป็นธรรมชาติ ยิ่งกดทับก็จะได้การปกปิดที่กำลังดี

ทั้งหมดทั้งมวลที่มาแชร์ให้รับชมถือเป็นไอเท็มที่ครีเอท Look ประจำวันของช่า ซึ่งช่วงนี้ตากแดดบ่อยกว่าที่ผ่านมา และแต่งหน้าน้อยมากๆ หวังว่าอาจจะเป็นไอเดียให้สาวๆ เผื่อตัวไหนใครยังไม่ได้ลอง จะได้ทดลองใช้กันดูนะค่ะ ^^

Discussion (0)