บทที่ 5 ใช้ชีวิตกับความไม่เคยชิน กับนมข้างเดียว หรือผลข้างเคียงของการทำคีโมที่ทำให้กลัวจนหัวหด
soulmato77ผ่าตัดเสร็จแล้ว แน่นอนว่ามันต้องมีอาการโหวงเหวงเกิดขึ้นกันทุกคน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งที่ยังไม่ทันจะมีแฟน มีครอบครัว ก็ต้องมาตัดนมข้างนึงทิ้งไปเสียแล้ว ทั้งเสียทรง เจ็บแผลผ่าตัด และรู้สึกผิดปกติกว่าคนอื่น ๆ เค้า
ตอนกลับมาจากบ้านก็มาพร้อมวิธีการบริหารแขนเพราะกลัวว่าไหล่จะติด เพราะเมื่อเราผ่าตัดไปแล้วเนื้อเยื่อบริเวณหัวไหล่มันจะติดกันทำให้ปวด และต้องออกการบริหารอยู่เสมอ ๆ ตอนแรกก็ทำไม่ค่อยจะได้เพราะเจ็บมาก แต่หลัง ๆ ก็ฝึกบ่อย ๆ จนชิน ถึงตอนนี้เดือนนึงก้สามารถยกแขนสองข้างได้เท่ากันแล้ว เย้ ๆ ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานร่วมเดือน
นอกจากความไม่ชินที่ทีหน้าอกข้างเดียวแล้ว ก็ยังไม่มีอย่างอื่นนะ แต่รู้สึกกังวลก็แค่นั้น
เพราะเอาเข้าจริง เราเองก็ไม่ได้มีหน้าอกใหญ่อะไรมากถึงขานดที่จะต้องสียเซลฟ์หากตัดออกไปข้างหนึ่ง แล้วสิ่งที่เป็นกังวลจริงคืออะไรล่ะ คีโมน่ะสิ เนื่องจากอ่านผลข้างเคียงมาเยอะมาก ความทนทุกข์ทรมานของผู้ทำคีโม แต่ก็ไม่เห็นใครจะโอดครวญว่ามันหนักหนาสาหัสถึงขั้นอยากจะขอลาตายเลยสักคน ทุกคนต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันแลกัน และนั่นทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
วันที่ไปฟังผลและได้ไปพบหมอ หมอบอกว่าฉันเป็นถึงระยะที่เท่าไหร่ขั้นอะไร และต้องทำคีโมกี่ครั้ง บอกว่าผมร่วงหมดหัวแน่ แค่คิดก็น่ากลัวจนใจฝ่อแล้ว นี่ยังไม่นับผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่นเหม็นอาหาร อาเจียน ท้องอืด ถ่ายยาก และสารพัดที่จะเป็น พอไปหาหมอเสร็จหมอก็สั่งทำคีโมหรือที่เรียกกันอีกอย่างคือ การเข้ายา ในวันนั้นเลย ฉันโดนกล่อมอยู่ตั้งนานกว่าที่จะยอมเดินเข้าไปในห้องคีโมนั่น เพราะยังไม่ได้เตรียมใจมาให้พร้อม และก็ความกังวลอีกหลายอย่าง การเข้ายาคีโมก็เหมือนการให้น้ำเกลือ มียาหลายชนิด หลายประเภทที่ต้องให้ ต้องเอาเข็มแทงเข้าเส้นเลือด ส่วนตัวเราก็นอนนอให้ยามันไหลเข้าร่างกายจนหมดนั่นแหละ เป็นอันว่าเสร็จพิธี
แต่อาการผลข้างเคียงที่ได้รับในทันทีคือ เหม็นกินยาที่มันคลุ้งอยู่ในปาก กินอะไรก็มีแต่กลิ่นสารเคมี (นึกถึงกลิ่นน้ำมันเบนซินขึ้นมาเลย) ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนตลอดเวลาเลย จะต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่นะ กว่าที่อาการเหล่านี้มันจะดีขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่วันที่ 5 แล้ว แต่อาการก็ยังเป็นไปในทางที่ยังไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่เลย
เอาล่ะ จนได้ในที่สุดก็ต้องเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ เฮ้ออออ เหนื่อยเหลือเกิน ความรู้สึกที่นั่งไม่ติด นอนก็ไม่ได้ เหม็นทุกอย่าง อยากอ้วกทุกสิ่ง ทรมานสาหัสมาก กว่าจะกลับมาสู่โหมดปกติได้ก็วันที่ 9 เข้าไปแล้ว ถ้านับว่ามันเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้จากอดีตชาติ หรือการปฎิบัติธรรมที่จะพิสูจน์ความอดทนของจิตใจอะไรก็แล้วแต่ เราก็อยากให้มันผ่านไปโดยเร็วที่สุด เราถึงขั้นคุมสติไม่ค่อยอยู่ จนต้องคุยกับแม่ว่าถ้ามันมีวิธีรักษาที่ไม่ทรมานเท่านี้เราก็อยากจะรักษา เพราะมีญาติที่รู้จักกันเค้าบอกว่ามันมีศูนย์แพทย์ทางเลือก ที่จะสามารถรักษามะเร็งได้โดยไม่ต้องพึ่งวิธีการทำเคมีบำบัด เรื่องนี้ทำให้เราทะเลาะกับแม่ เพราะแม่ก็รู้สึกว่าเราเหมือนจะถูกหลอกให้ตายเร็วขึ้น แม่ก็ทั้งเอาเหตุผลมาพูดหว่านล้อม และก็ทั้งโมโหคนที่มาบอกเรื่องนี้กับเรา เค้าก็ใช้เหตุผลว่ามันไม่มีทางเลือก นี่เป็นวิธีรักษาชีวิตจากโรคมะเร็งที่ได้รับการยอมรับแล้วจากทั่วโลกว่ารักษาหายได้จริง ส่วนอย่างอื่นยังไม่มีการรับรอง การรักษาอาจจะไม่ทรมานเท่า แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะหายขาดได้
ในใจเรารับรู้ได้ว่าแม่เค้าต้องการให้เราต่อสู้ แม่รู้ว่ามันทรมาน แต่แม่ไม่รู้หรอกว่าเราต้องเจอกับอะไร เราต้องทนกับอะไร มันถึงจุดที่เราไม่อยากมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ขาดคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะถ้าหากจะต้องตายก็ขออยู่แบบมีความสุขในช่วงห้วงสุดท้ายของชีวิต แต่ชีวิตนี้ เอาจริง ๆ เราก็ไม่มีทางเลือกเป็นของตัวเองนักหรอก ชีวิตนี้แม่ให้มา แม่ให้มองมุมกลับว่า ถ้าเป็นแม่เป็นโรคมะเร็งบ้าง เราจะยอมให้แม่รักษาแบบไหนกัน มันตอบยากมาก ๆ เลย มันตอบยากเหลือเกิน ไม่เคยคิดเลยชีวิตต้องมาถึงจุดที่ต้องรับมือตัดสินใจกับอะไรยาก ๆ แบบนี้
ที่สุดก็ต้องยอมรับฟังเหตุผลของแม่ และรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่องต่อไปจนจบ อนาคตนั้นสุดหยั่งรู้จริง ๆ ว่าจะต้องทนทรมานกับการรักษาอีกนานแค่ไหน จะทนไหวมั้ย แต่ก็ได้อธิษฐานกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วว่า ถ้าหากว่านี่เป็นเวรกรรมที่เราต้องชดใช้ก็ขอให้คุ้มครองดวงจิตของเราอย่าให้ต้องทนทรมานหนักไปกว่านี้ ขอให้พระองค์ทรงเมตตา และถ้าหากว่ารอดจากการรักษาครั้งนี้ได้แล้ว ก็จะขอทำแต่คุณงามความดีให้มากที่สุดเท่าที่เวลาที่มีอยู่จำกัดนี้
Discussion (7)