บทที่ 6 ประสบการณ์การรักษาด้วยเคมีบำบัดของเรา
soulmato44เนื่องจากเราเป็นมะเร็งเต้านม ระยะที่ 2 หมอก็จัดการรักษาให้ เริ่มจาก เคมีบำบัด 6 ครั้ง โดยหมอจะนัด 3 อาทิตย์ครั้ง ต่อด้วยการฉายแสง ซึ่งต้องรอหมอประเมินก่อนว่าจะต้องฉายแสงกี่ครั้ง
โดยการรักษาแบบเคมีบำบัดนั้น พยาบาลห้องให้ยาเคมีบำบัด จะมีคู่มือ 1 เล่มให้เราจดอาการ และรายละเอียดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นระหว่างให้ยา มีอะไรบ้าง
เคมีบำบัดครั้ง ที่ 1 ในอาทิตย์แรก มีอาการไม่อยากอาหาร กินข้าว น้ำได้น้อยมาก การรับรสอาหารเปลี่ยนไป กลิ่นตัวมีแต่ยาเคมี ลมหายใจก็ได้กลิ่นยาเคมี อาเจียนไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง/วัน บ้วนน้ำลายตลอด ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก และช่วงวันที่ 4-5 หลังจากให้คีโม มีอาการขาอยู่ไม่สุข นั่งไม่ได้ นอนไม่ได้ ต้องเดิน เหนื่อยแต่ต้องเดิน จนเข้าแอดมิทรพ.ใกล้บ้านเพื่อให้น้ำเกลือ เพราะกินได้น้อยมาก
หลังอาทิตย์แรกผ่านไป อาการเหล่านี้ก็ทุเลาลง เริ่มใช้ชีวิตแบบคนปกติ แต่จะอ่อนเพลียง่ายขึ้น ปากจะแห้งและบางลง ทำให้ทานของเผ็ดไม่ได้ กินของหมักดองไม่ได้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ต้องคอยวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเป็นไข้ก็เท่ากับว่า ร่างกายมีการติดเชื้อ อันนี้หมอและพยาบาลเค้ากำชับเราว่าถ้ามีไข้ต้องรีบไปรพ.ทันที อย่ารีรอ
เคมีบำบัดครั้งที่ 2 ครั้งนี้กินได้มากขึ้น อาเจียนแค่ 3 ครั้งหลังอาหาร แต่วันที่ 4-5 มีอาการขาอยู่ใม่สุข เดินตลอด หยุดไม่ได้ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องเดิน บ้วนน้ำลายตลอด ท้องผูก ขมปากขมคอ อาหารทุกอย่างที่แม่ทำให้กินจะต้องบีบมะนาวปรุงให้เปรี้ยวเป็นพิเศษ หลายคนแนะนำให้ซื้อเอนชัวร์ ซึ่งก็คืออาหารเสริมแบบผงรสชาติเหมือนนมกลิ่นวานิลา (ซึ่งจริง ๆ มีอีก 2 รส มีสตรอเบอรี่ กับชอกโกแลต) แต่เอาเข้าจริงเวลาแพ้นี่กินไม่ได้เลย เหม็นจนอยากจะอ้วก แม่เลยไปหาซื้อโปรตีนชงรสชาเขียวของแอมเวย์มาให้กิน อันนี้กินได้ไม่มีปัญหา แต่หลังจากผ่านไป 7 วันแรก อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยตัวเองได้ ไปทำงานได้
ทุกครั้งที่ต้องไปเข้ายาเคมี หมอจะให้ยากินมากินมีทั้งยานอนหลับ ยาแก้แพ้ แก้อาเจียน ยาแก้ระคายเคืองกะเพราะอาหารเนื่องจากตัวยาเคมีที่ได้รับนอกจากจะทำให้ผมร่วงหมดหัวแล้ว (รวมถึงขนส่วนอื่น ๆ ด้วยนะเออ) มันยังระคายเคืองกะเพราะและทางเดินอาหารอีกด้วย ครั้งแรกนี่ผมก็ร่วงหมดหัว และเล็บมือเล็บเท้าเริ่มมีสีคล้ำขึ้น
เคมีบำบัดครั้งที่ 3 อาการแพ้น้อยลง ไม่มีอาการอาเจียน แต่ยังขมปากขมคอ อ่อนเพลีย ทานอาหารได้พอสมควร ท้องผูก บ้วนน้ำลายตลอด ครั้งนี้ไม่มีอาการขาอยู่ไม่สุข แต่มีอาการคอแข็ง แหงนหน้ามองเพดานตลอดช่วงบ่ายในช่วงวันที่ 3 -5 ของการให้คีโมมาแทน (ทรมานไม่ต่างกันเล้ยยยย) นอนพักได้ทีละครึ่งชั่วโมงก็ตื่น บางครั้งก็ 20 นาที แต่พอตื่นก็อยากนอนต่อเพราะอ่อนเพลียแต่ก็หลับไม่ได้ พอครบหนึ่งอาทิตย์ อาการก็ดีขึ้น
เคมีบำบัดครั้งที่ 4 อาการแพ้น้อยลง นอนหลับได้ยาวขึ้น ไม่มีอาการอาเจียน แต่ยังขมปากขมคอ อ่อนเพลีย ทานอาหารได้พอสมควร ท้องผูก บ้วนน้ำลายน้อยลงมาก แต่อาการคอแข็ง แหงนหน้ามองเพดานตลอดช่วงบ่ายในช่วงวันที่ 3 – 5 ยังอยู่เป๊ะ ครั้งนี้แม่ค้นพบวิธีช่วยชีวิต โดยเอา Cold Pack มาประคบบริเวณหัว กับคอ และนวดตาให้เพื่อบรรเทาอาการลง เล็บมือ เล็บเท้าก็คล้ำขึ้นเรื่อย ๆ
เคมีบำบัดครั้งที่ 5 อาการแพ้น้อยลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังเอาแต่นอน และอ่อนเพลีย นอนหลับได้ยาวขึ้นกว่าครั้งที่ 4 ไม่มีอาการอาเจียน แต่ยังขมปากขมคอ อ่อนเพลีย ทานอาหารได้พอสมควร ท้องผูก ไม่บ้วนน้ำลาย แต่อาการคอแข็ง แหงนหน้ามองเพดานตลอดช่วงบ่ายในช่วงวันที่ 3 – 5 ยังอยู่เหมือนเดิม (เหนื่อยจังเล้ยยยยย) เล็บมือ เล็บเท้าก็คล้ำขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบมองไม่เห็นสีเล็บปกติ
เคมีบำบัดครั้งที่ 6 อาการแพ้น้อยลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังเอาแต่นอน และอ่อนเพลีย นอนหลับได้ยาวเท่าครั้งที่ 5 (ที่ว่าหลับนี่คือนอนนิ่ง ๆ หลับตานะคะ ไม่ได้หลับสนิทแบบคนปกติ) ไม่มีอาการอาเจียน แต่ยังขมปากขมคอ ทานอาหารได้พอสมควร ท้องผูก ไม่บ้วนน้ำลาย แต่อาการคอแข็ง แหงนหน้ามองเพดานตลอดช่วงบ่ายในช่วงวันที่ 3 – 5 ยังอยู่เหมือนเดิม และชอบมีอาการเวลาต้องกินข้าวเย็น จนแม่ต้องได้ป้อนข้าว เพราะเราทานเองไม่ได้แล้ว เล็บมือ เล็บเท้าก็คล้ำขึ้นเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นสีเล็บปกติ มองปาด ๆ ก็เหมือนคนทาเล็บสีดำปนม่วงยังไงพิกล 5555555
เวลาจะออกไปไหน ไปเที่ยวห้าง ไปวัด ไปตลาด ก็ต้องใส่หมวก ใสมาร์กปิดหน้า เพราะช่วงนี้ภูมิคุ้มกันร่างกายจะต่ำมาก อาจจะทำให้เราป่วย และเป็นไข้หวัด ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกับการรักษาเลย เพราะนั่นหมายถึงเรามีภาวะติดเชื้อ ซึ่งจะต้องรักษาร่างกายจากภาวะติดเชื้อให้หายก่อน แล้วค่อยมาเริ่มการรักษาโรคมะเร็งกันใหม่ตั้งแต่ต้น นั่นเท่ากับความพยายามที่ทำมา ความทุกข์ทรมานที่ได้รับ จะมีค่าเท่ากับศูนย์แล้วต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด (โอ้ยยยยย แค่คิดก็สะพรึงแล้ว)
แต่จะให้อยู่แต่กับบ้านตลอดเวลาที่ทำคีโมก็เห็นจะไม่ไหว เพราะมันก็ใช้เวลาหลายเดือนอยู่กว่าจะให้คีโมครบคอร์ส ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิต แต่ก็ต้องต่อสู้และผ่านมันไปให้ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้สู้คนเดียว แต่มีแม่และอ้อมกอดของแม่ที่คอยต่อสู้อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด เพราะความรักของแม่ทำให้เราผ่านเรื่องยาก ๆ ได้ง่ายขึ้น อาการที่ต้องทนทรมานจากผลข้างเคียงของยาคีโมก็บรรเทาลงไปมากอย่างอัศจรรย์ ความรักของแม่จึงเป็นยาที่วิเศษที่สุดที่จะคอยรักษาเราจากช่วงเวลานี้
Discussion (4)