ทริปหยุดเวลา ที่บ้านมะกอก เดอะเก็ทอะเวย์ เกาะกูด
nunakuza118"เกาะกูด" เป็นเกาะที่เราเองไม่เคยสนใจ ไม่เคยหาข้อมูลเลยว่าอยู่ตรงไหนของโลก แต่ที่จองที่พัก บ้านมะกอกไป เพราะบังเอิญได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เจ้าของเล่าเรื่องราว แนวคิด แรงบันดาลใจในการสร้างที่นี่ขึ้นมา ซึ่งประทับใจเรามาก กับที่พักที่สร้างด้วยไม้เก่าๆ จากเรือนเก่าๆ มาผสมผสานกัน โดยมีการออกแบบที่กลมกลืนและเคารพธรรมชาติ ทำให้เราปักหมุดไว้ในใจว่า จะต้องไปพักที่นี่ให้ได้สักครั้งในชีวิต ...
เวลาผ่านไปปีกว่าๆ (หรืออาจจะนานกว่านั้น) ในที่สุด เราก็มี "วันว่าง" และ คุณแฟนพยักหน้าเห็นด้วยที่จะไปพักที่นี่ (he พยักหน้าไปงั้นแหละ โดยที่ไม่รู้ว่าที่จะไปเที่ยวน่ะเป็นไง) ได้ทีก็จองห้องสิคะ จองผ่านเว็บของรีสอร์ทโดยตรงเลย เลือกห้องอยู่นานมาก เพราะอยากได้มุมดีที่สุด สงบสุด และวิวดีสุด
กว่าจะมายืนถ่ายรูปหน้ารีสอร์ทแบบนี้ ขอบอกว่าผ่านการเดินทางอันโหดหินมาแล้วตั้งแต่เช้า เพราะ เพิ่งรู้ว่าเกาะกูดนั้นไกลจากบ้านเรา ห้าชั่วโมงครึ่ง!!!!! แล้วเราก็ไม่ใช่มนุษย์ที่เลิฟการตื่นเช้าสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็คือ ตกเรือ ฮือๆๆๆๆๆ (คือ เวลาเราจอง ทางรีสอร์ทเค้าจะโทรมาถามเราว่า ขึ้นเรือรอบกี่โมง เค้าจะได้จองไว้ให้อะไรงี้ค่ะ) ข้าวก็ไม่ได้กินเพราะพอถึงท่าเรือ ก็วุ่นวายเปลี่ยนรอบเรือ แล้วก็ดันได้รอบที่จะออกจากท่าพอดี เลยต้องรีบโดดขึ้นเรือ (โชคดีที่ซื้อขนมบนท่าเรือมานิดหน่อย)
นั่งเรือลอยละลอง ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเกาะ (เรือแวะเกาะหมากก่อน 1 ท่า ก่อนไปเกาะกูด แต่ถ้านั่งสปีทโบทเลย จะไม่ต้องแวะ) .... พอถึงเกาะ ก็จะมีพี่สองแถวบนเกาะมายืนรออยู่หลายคน เราก็ไปบอกว่าพักรีสอร์ทไหน เค้าก็จะชี้ๆ ให้ขึ้นรถคันที่จะไปเส้นทางนั้น
นั่งรถบนเกาะโหดกว่านั่งเรือมาก เพราะขึ้นเนินสูงและชัน ทางโค้งสารพัด คนท้องไม่แนะนำให้มานะคะ >_< นั่งนานจนลืมไปแล้วว่าเรามาทำไม (ฮาาาา) .... จนถึงเนินนึง มีศาลพระภูมิ มีตุ๊กตากระเบื้องกุมารวางอยู่เต็มเลย แล้วคนขับรถก็บีบแตร ปี้นๆๆๆๆๆๆๆ ยาวมากกกกกก ไอ้เราก็ โหยยยย ศาลนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ เลย ไหว้ใหญ่เลยค่า อธิษฐานด้วย ... แต่ยังไม่ทันขอพรจบ คนขับก็หันมาบอกว่า ถึงแล้ววววววว
..... ค่ะ พี่เค้าบีบแตรเรียกพนักงานให้มารับเรา ไม่ได้บีบแตรไหว้ศาล แปร่วววววววว ........
เอาล่ะค่ะ ก้าวมาสู่โลกแห่งความสงบสุข ที่เฝ้าฝันมานานกันดีกว่า... พนักงานต้อนรับที่นี่ยิ้มแย้ม เป็นกันเองดีมากค่ะ การเช็คอินก็ผ่านไปด้วยดี พนักงานเดินนำ พาเรามายังห้องเบอร์ 8 ของเรา
ถ้าดูตามผัง จะเห็นว่า เป็นห้องด้านหน้าสุดค่ะ แล้ววิว ก็เปิดกว้างรอบทิศเลย
ทางเข้าห้องค่า
ด้านขวาของห้อง ก็เปิดได้นะคะ มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นด้วย ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เรานั่งอ่านหนังสือตรงนี้ ลมเย็นสบายมากเลยค่ะ
เตียงนอน มีมุ้งครอบด้วย แต่คิดว่าทำไว้ประดับสวยๆ มากกว่า เพราะมันคลุมได้ไม่ถึงปลายเตียงง่า แต่ที่นี่ไม่ค่อยมียุงนะคะ ห้องเปิดโล่งกลางวันทั้งวัน พอตกค่ำ ก็ไม่มียุงมากวนใจเลย แปลกดี
ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบบ้านไม้ บ้านเก่า อะไรแบบนี้อยู่แล้ว การได้เดินดูในห้องทีละมุม ด้วยความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุค มันเย็นๆ ใจยังไงบอกไม่ถูก ชอบเกือบทุกมุมของห้อง ยกเว้น....... "ห้องน้ำ" ค่ะ ห้องน้ำที่นี่ "ไม่มีประตู" มีแค่ม่านบางๆ กั้นไว้ (มีก็เหมือนไม่มีอ่ะ) แล้วเรากะแฟน เป็นคนที่ไม่เลิฟห้องน้ำซีทรู อย่างแร๊งงงงง มาเจอแบบนี้ คือ นั่งเครียด กันพักนึงเลย ว่าจะอยู่กันได้ไหม ตั้ง 2 คืนแหน่ะ
นอกจากจะไม่มีประตูแล้ว โถส้วม ก็อุตส่าห์อยู่ติดประตูอีกด้วย ... คือจริงๆ อ่านแนวคิดของคุณพี่เจ้าของอยู่เหมือนกันว่า อยากให้สัมผัสธรรมชาติ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ 5555555
มีอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ ที่นี่น้ำไหลแรงดีมาก แล้วน้ำก็เย็นสดชื่นมาก อยากจะแช่นานๆ เลย แต่สำหรับไฟฟ้าต้องประหยัดนะคะ เพราะว่าเป็นไฟปั่นใช้เอง (มีแผงโซล่าเซลอยู่บนหลังคาบ้านที่เรานอน) ถัดจากอ่างอาบน้ำไป จะมีประตูเปิดออกไปอาบแบบ Open Air ค่ะ ตักน้ำจากตุ่มอาบ ซาบายยย
ก่อนออกจากห้อง ก็ล็อคห้องก่อนนะคะ ดูสิ กุญแจลายสวยมาก เป็นของเก่าจริงๆ เลยนะ ชอบอ่ะ
เอาล่ะ สำรวจในห้องแล้ว มาข้างนอกกันดีกว่า จะมีโถงรับแขกอยู่ด้วย 1 โถง สำหรับนั่งนอนอ่านหนังสือ หรือช่วงค่ำ เวลา 1 ทุ่ม แขกที่มาพักสามารถเลือกหนังดูกันได้ค่ะ มีจอโปรเจคเตอร์ใหญ่ให้ดู ไม่ต้องเบียดกัน
ตามทางเดิน มุมต่างๆ ก็มีแบ่งไว้ให้นั่งนอนเล่น กันตามอัธยาศัยค่ะ
ทางเดินเชื่อมระหว่างกัน ก็จะเป็นพื้นไม้แบบนี้ทั้งรีสอร์ท แต่ก็แข็งแรงดี เดินแล้วไม่เอี๊ยดอ๊าดค่ะ
มาถึงส่วนทานอาหารกันบ้าง
อาหารที่นี่ ก็มีทั้งเมนูอาหารไทย อาหารฝรั่ง ส่วนราคานั้น คงต้องเข้าใจอ่ะนะว่าต้องสูงกว่าภาคพื้นดิน (สามเท่าได้) เพราะการขนส่งมาค่อนข้างลำบากอยู่ เรามองข้ามไป แต่รสชาตินี่ต้องชมค่ะว่า พ่อครัวของรีสอร์ททำได้อร่อยมากทุกเมนู (และลืมถ่ายรูปมา มีแค่ 2 รูปที่ถ่ายไว้อัพลง ig แฮ่)
เมนูธรรมดา แต่รสชาติดีมาก แฟ้มหนูนาขอปรบมือให้ค่าาาาาา
ถ้านั่งเดินทางมาแล้วเมื่อยตัว ก็มีบริการนวดนะคะ โดยมุมนวดจะอยู่ชั้นสอง ของโถงรับแขกค่ะ ตัวเราไม่ได้นวด แต่แว๊บไปถ่ายรูปมาให้ดูค่า
วิวดีงามอ่ะ ...
นอกจากนวด ก็มีกิจกรรมพายเรือคายัค ชมธรรมชาติ และสามารถพายไปถึงหน้าหาดได้ (ที่พักจะอยู่ริมคลองน้ำจืดที่จะไหลออกไปริมหาดค่ะ รอบๆ เป็นป่าโกงกาง) เราก็พายออกไป เจอรีสอร์ทกัปตันฮุค อยู่ปากทาง (หาดยายกี๋) คนค่อนข้างเยอะเชียวรีสอร์ทนี้ เหมาะสำหรับคนชอบกิจกรรมเยอะๆ หรือมากันเป็นหมู่คณะ
ไม่มีรูปตอนพายอ่ะ ... คุณแฟนถ่ายไว้ แต่ขอไม่ลงนะเค๊อะ สภาพแบบ..รับมิได้ 5555 .... ทางเหมือนไม่ไกล แต่พายไป - กลับ นี่ ถึงห้องแล้วสลบเลย ตื่นอีกทีก็ค่ำๆ กินข้าว แล้วทางรีสอร์ทจะพานั่งเรือไปชมหิ่งห้อย กับ แพลงตอน ค่ะ
เรือยังเป็นเรือทรงโบราณเลยเธอวววว... ส่วนจุดที่หิ่งห้อยอยู่ ก็คืออีกฝั่งของรีสอร์ทนั่นแหละค่ะ เยอะมว๊ากกก ระยิบระยับ จนเหมือนใครแอบเอาไฟมาติดไว้เลย ส่วนแพลงตอนไม่ได้เห็น เพราะคืนที่ไปนั้นดวงจันทร์สว่างมาก เสียดายจัง >_<
กิจกรรมส่วนตัว ก็นอนอ่านหนังสือกัน นั่งทำงานนิดหน่อย (ที่นี่มี Free Wifi เค๊อะ) แล้วก็เมากันอีกเยอะ มีโปรซื้อคอกเทล 1 แถม 1 และ เบียร์ 4 ขวดแถม 1 ขวด สบายจายยย ดื่มแบบไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเมาแล้วขับ ไม่ต้องกลัวตำรวจจับ ว๊า ฮ่าๆๆๆๆๆ .... ส่วนพนักงานที่ชงคอกเทลให้นี่ก็จัดหนัก เพราะแก้วแรก เราบอกว่ามันเบาไปน่ะ ไม่อร่อย เค้าดีดนิ้วเป๊าะ ชี้มาทางเรา แล้วบอกว่า "เจอกัน"
ไม่นาน he ก็กลับมาพร้อมไหมไทยสูตรพิเศษ แรงมว๊ากกกกกกกกก สองสามจิบ ล้มฟาด คร่อก ยอมแพ้ล๊าวววววว
สำหรับคนที่ไม่ชอบอยู่กับที่ อยากออกไปแฮ่ด ข้างนอก ก็มีบริการเช่ารถ Taxi เที่ยว หรือ แว๊นได้ ก็เช่ามอเตอร์ไซค์ไป เพราะบนเกาะก็มีน้ำตก มีหาดอื่นๆ ให้เที่ยวได้ค่ะ ส่วนดำน้ำก็แจ้งกับทางรีสอร์ทได้เลย เค้าจะเราไปรวมกะกลุ่มลูกค้าเรือของรีสอร์ทกัปตันฮุคค่ะ แต่พอดีสำหรับเราทริปนี้เราไม่กิจกรรมไรมากเลย มาพัก มานอนจริงจัง นอนไปกี่สิบตื่น เหมือนนอนไปนานมาก แต่เวลาผ่านไปชั่วโมงเดียว เวลาช่างหมุนช้าเหลือเกินนนนน ที่นี่คือดินแดนการนอนแบบอินฟินิตี้
ลากันไปกับภาพ เหล็กดัดหน้าต่างแบบรุ่นเก่า สมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็น หรือหาช่างทำไม่ค่อยได้ละ (แต่อยากได้มาก 555) นับเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ที่ Happy ดี ... (จริงๆ คิดผิดนิดนึง น่าจะพักสัก 3 คืน) เอาไว้จะเอาทริปอื่นๆ มาฝากเพื่อนๆ อีกนะค๊าาาา ^0^/
Discussion (8)