[รีวิวเกือบลึก] Skincare Routine เซ็ตนี้ ที่ฉัน Swear By!!
MaeMhor1813สวัสดีค่ะ หลังจากที่ได้เคยทำรีวิวเชิงลึกของมาส์กที่นกชอบไปเมื่อสักพัก(ใหญ่)ที่ผ่านมา [กระทู้: in-depth review: My Best Facial Masks .. รีวิวเชิงลึก มาส์กนี้ ใช่เลย~!!] วันนี้นกขออนุญาตมารีวิวผลิตภัณฑ์ skincare routine ทั้งหมดทั้งมวลที่ใช้อยู่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันที่ส่วนตัวนกคิดว่ามันลงตัว และรู้สึกชอบมากๆ จนรู้สึกว่าคงใช้เซ็ตนี้แบบนี้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ
เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ในกระทู้นี้ จะเป็นตัวที่นก swear by ในช่วง 20 ปลายๆนี้เลยค่ะ (25-30 ปี) ... สาเหตุที่ต้องบอกช่วงอายุ เพราะเนื่องจากการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นอกจากจะต้องดูให้เหมาะกับสภาพผิว (แห้ง,มัน,ผสม,แพ้ง่าย, ฯลฯ) แล้ว เรื่องของช่วงวัยก็มีความสำคัญมากค่ะ เพราะช่วงอายุ 20+ จะเป็นผิวที่ยังไม่(ควรจะ)มีปัญหาในเรื่องของริ้วรอยแห่งวัย เป็นช่วงอายุที่เหมาะกับการเร่งดูแลผิวให้สดใส ชุ่มชื่น เพื่อชะลอการเกิดปัญหาแห่งวัยที่อาจจะเริ่มเกิดขึ้นได้ในช่วง 30++ ขึ้นไปค่ะ ... ซึ่ง skincare ในกระทู้นี้ ก็จะเหมาะกับสาวๆอายุ 20 กว่า จนอาจจะถึงช่วง 30 ต้นๆ/กลางๆได้นะคะ
ส่วนสาเหตุที่บอกว่า เป็นรีวิวเกือบลึก ก็เพราะว่าถ้าจะให้เป็นรีวิวเชิงลึกที่พูดถึงคุณสมบัติของ ingredients ทุกตัวที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ใช้เนี่ย คงจะเป็นข้อมูลที่เยอะเกินไป กว่าจะจบกระทู้ คิดว่าคงเหนื่อยหอบทั้งคนเขียนและคนอ่านค่ะก็เลยจะเป็นการรีิวิวที่พูดถึง ingredients เฉพาะตัวเด่นๆ และคุณสมบัติรวมๆของแต่ละผลิตภัณฑ์มากกว่า อาจจะไม่ได้ลงลึกมากถึงตัว ingredients เองค่ะ :)
กระทู้ยาวหน่อยนะคะ แต่สัญญาว่าอ่านเพลิน ... ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยยยย ~
เริ่มกันที่ภาพหมู่ก่อนนะคะ ... อันนี้รวมทั้งหมดทั้งมวล ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางวัน, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางคืน, และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบล้ำลึกในวันที่ผิวเหนื่อยล้าเป็นพิเศษค่ะ
อาจจะเยอะหน่อยนะคะ เพราะส่วนตัว นกเป็นคนที่ลงทุนกับสิ่งดูแลผิวมาก โดยเฉพาะกับ skincare และ vitamnins ค่ะ :))
ขอ disclaimer ออกตัวไว้ก่อนนะคะ... แต่ละผลิตภัณฑ์ ส่วนตัวนกเลือกซื้อและเลือกใช้เพราะรู้สึกว่าคุณภาพสมกับราคา และเรามีกำลังสามารถพอที่จะซื้อได้ (ด้วยอย่างที่บอกว่าเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ งบที่เรากันไว้สำหรับส่วนนี้ก็จะเยอะตามมาด้วย) ... แต่ถ้าสำหรับน้องๆนิสิตนักศึกษาที่อาจจะยังไม่มีรายได้ หรือสาวๆที่อาจจะไม่ได้บ้าดูแลผิวมากมายเหมือนที่นกเป็น ก็อาจจะอ่านไปเพลินๆ หรือ เลือกใช้ตามแค่บางสิ่งบางตัวก็ได้นะคะ ^_^
เอาล่ะค่ะ มาเริ่มต้นกันที่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางวัน กันเลยดีกว่า ... บอกกันก่อนว่า เราเป็นคนผิวมันค่ะ มันทั้งหน้า ไม่ได้มันเฉพาะ T-zone แต่มันไม่มาก ไม่ถึงขึ้นเยิ้ม ไม่แพ้ง่าย ไม่เป็นสิว ผิวแข็งแรงมาก .... และด้วยส่วนตัวก็ชอบลุคผิว glow ฉ่ำน้ำดูสุขภาพดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางวันของเราก็เลยจะมาแบบถือว่าไม่ได้น้อยเลยสำหรับคนหน้ามัน ในประเทศที่อากาศร้อนชื้นแบบนี้นะคะ
เทคนิคการใช้ของเราก็คือ เมื่อลงครีม(หรือ essence, serum ใดๆ) ไปตัวนึงแล้ว ... ให้ปล่อยให้เขาซึมลงผิว ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 นาที ก่อนจะทาตัวต่อไปนะคะ ... เพราะฉะนั้น กว่าจะเสร็จสรรพทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย ก็ใช้เวลาราวๆ 5 นาทีกว่าๆเลยค่ะ ... ส่วนตัวนกแล้ว ระหว่างที่รอครีมแต่ละตัวเขาแห้ง นกก็จะเดินทำนู่นทำนี่ พับผ้าห่ม หยิบเสื้อผ้า ทาโลชั่นที่ตัว เปิด club friday ย้อนหลัง อะไรก็ว่าไป (สรุปกว่าจะเสร็จ กลายเป็น 10 นาที เลยทีนี้ 5555)
1. TONER
เริ่มกันที่ตัวแรกค่ะ ... แน่นอนว่า หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วนั้น ขั้นตอนแรกก่อนการบำรุงผิวทั้งหมดทั้งมวลที่ขาดไม่ได้เลยคือ โทนเนอร์ ค่ะ
ที่นกใช้ เป็นโทนเนอร์ของ The Body Shop รุ่น Vitamin E Hydrating Toner ค่ะ ราคา 510 บาท แต่จะมีช่วงจัดโปร เหลือ 400++ อยู่บ่อยๆค่ะ อันนี้ก็หาซื้อได้ที่ They Body Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ ปกติค่ะ
INGREDIENTS : Aqua (Water), Glycerin, PPG-26-Buteth-26, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Phenoxyethanol, Polysorbate 20, Diglycerin, Tocopheryl Acetate, Potassium Sorbate, Carbomer, Xanthan Gum, Disodium EDTA, Triticum vulgare (Wheat Germ Oil), Parfum, Benzyl Benzoate, Sodium Hydroxide, Citric Acid, Hydroxycitronellal, Limonene, Geraniol, Linalool Citronellol, Cinnamyl Alcohol
จะเห็นว่า จากส่วนประกอบ เขามีส่วนผสมของ Glycerin และ Caster Oil ซึ่งเป็นสารเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เป็นอันดับต้นๆ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนผสมของ Tocopheryl Acetate ซึ่งเป็นสารต้นอนุมูลอิสระ คืนความสดใสให้ผิว และ Wheat Germ Oil (น้ำมันจมูกข้าว) ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน B และ E ค่ะ [ตัวที่ highlight ตัวหนาไว้ คือส่วนผสมที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิวค่ะ]
ซึ่งเพราะอย่างนี้นี่เอง ที่เป็นสาเหตุให้นกติดใจ... เขาเป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ และมีสารบำรุงระดับหนึ่ง ที่ถือว่ามากกว่าโทนเนอร์แบรนด์ทั่วๆไปในระดับราคานี้... คุณภาพและราคาถือว่าพอเหมาะพอควรกัน เทียบกับโทนเนอร์ drugstore อื่นๆหลายตัวที่ราคาน้อยกว่านี้ไม่เท่าไหร่ แต่วัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนประกอบทิ้งห่างกันมากค่ะ... หลังจากใช้โทนเนอร์ตัวนี้แล้ว จะมีความรู้สึกสดชื่น และให้ความชุ่มชื้นกับหน้าในระดับนึง เตรียมพร้อมสำหรับการบำรุงในขึ้นต่อไปค่ะ
2. PRE-SERUM
หลังจากโทนเนอร์ เราก็มาเริ่มกันที่ขั้นแรกของการบำรุงผิวจริงๆ นั่นก็คือ pre serum ค่ะ ... จุดประสงค์ของ pre serum ก็คือ เป็นขั้นแรกของการบำรุงผิว และช่วยเสริมการทำงานของ serum, cream อื่นที่เราจะใช้ในขั้นตอนต่อๆไปด้วยค่ะ ...
ในส่วน pre-serum ของนก นกใช้ SULWHASOO ตัว First Care Activating Serum ค่ะ (65 mL, 2,500 THB, ใช้ได้ราว 3 เดือน ใช้ทุกวัน เช้าเย็น ค่ะ) หาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ SULWHASOO เลยค่ะ
จริงๆคอนเซปต์นี้ เราผ่านหูผ่านตากันมาหลายปีแล้ว โดยส่วนตัวนก นกเห็นแบรนด์ L'oreal เป็นแบรนด์แรกนะคะ กับคอนเซปต์นี้ (รุ่น Youth Code pre-essence) และส่วนตัวเราก็ลองใช้แล้ว และก็ชอบนะคะ แต่เทียบกับ SULWHASOO แล้ว เราชอบ SULWHASOO มากกว่าทั้งในเรื่องส่วนประกอบของสูตรและผลลัพธ์ และราคาทั้งสองตัวเมื่อเทียบเป็นต่อหน่วยปริมาณแล้วก็ไม่ได้หนีกันมากค่ะ (ของ L'oreal 30 mL, 990 THB)
INGREDIENTS : OPHIOPOGON JAPONICUS ROOT EXTRACT, GLYCYRRHIZA URALENSIS (LICORICE) ROOT EXTRACT, WATER, BUTYLENE GLYCOL, ALCOHOL, GLYCERIN, BETAINE, CAMELLIA SINENSIS LEAF EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, NELUMBO NUCIFERA SEED EXTRACT, POLYGONATUM OFFICINALE RHIZOME/ROOT EXTRACT, LILIUM TIGRINUM FLOWER/LEAF/STEM EXTRACT, REHMANNIA GLUTINOSA ROOT EXTRACT, CHRYSANTHEMUM MORIFOLIUM FLOWER EXTRACT, PAEONIA SUFFRUTICOSA ROOT EXTRACT, CITRUS UNSHIU PEEL EXTRACT, ADENOPHORA STRICTA ROOT EXTRACT, LYCIUM CHINENSE ROOT EXTRACT, COIX LACRYMA-JOBI MA-YUEN SEED EXTRACT, ANGELICA TENUISSIMA ROOT EXTRACT, HONEY, ASTRAGALUS MEMBRANACEUS ROOT EXTRACT, BIOSACCHARIDE GUM-1, NATTO GUM, BETA-GLUCAN, SODIUM HYALURONATE, JUGLANS REGIA (WALNUT) SHELL EXTRACT, PORTULACA OLERACEA EXTRACT, ZIZYPHUS JUJUBA FRUIT EXTRACT, THEOBROMA CACAO (COCOA) EXTRACT, PEG/PPG-17/6 COPOLYMER, GLYCERYL POLYMETHACRYLATE, BIS-PEG-18 METHYL ETHER DIMETHYL SILANE, POTASSIUM CARBOMER, PEG-60 HYDROGENATED CASTOR OIL, DEXTRIN, CELLULOSE GUM, ETHYLHEXYLGLYCERIN, CHONDRUS CRISPUS (CARRAGEENAN), PHENYL TRIMETHICONE, PROPANEDIOL, HYDROGENATED LECITHIN, PROPYLENE GLYCOL, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE.
แค่เห็น Ingredients list ของเรานี่ก็กรี๊ดแล้วค่ะ เรียกว่า แน่น มากๆ ... ส่วนผสมของเขาจะเป็นสารสกัดจากพืชพรรณนานาชนิดเลยค่ะ ส่วนมากก็จะเน้นนเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ และการลดอาการอักเสบระคายเคืองค่ะ มีเรื่องของความชุ่มชื้นเล็กน้อยไม่มากเท่าไหร่
ลักษณะเนื้อ เขาจะเป็นเนื้อใส เหลว สีน้ำตาล กลิ่นโสม บวกกับกลิ่นพืชพรรณไม้ธรรมชาติมากมายที่เขาใช้เป็นส่วนประกอบด้วยค่ะ
หลังจากที่ใช้มาระยะหนึ่ง (หมดไปแล้ว 2 ขวด ตอนนี้เป็นชวดที่ 3) ก็รู้สึกว่าผิวรับการบำรุงจากครีมอื่นๆที่ใช้อยู่ได้ดีขึ้น เหมือนเขาไปช่วยเสริมพลังกันค่ะ ^_^
3. DAY CREAM
ขั้นตอนหลังจาก pre serum แล้ว จริงๆนกเองก็มีใช้ serum ก่อนที่จะใช้ day cream ตัวนี้นะคะ แต่ว่า ส่วนตัวแล้วยังไม่ประทับใจเซรั่มตัวไหนมากพอที่จะหยิบยกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะ swear by ค่ะ ... บางตัวก็ดี๊ดี แต่ราคาแพงเกินค่าตัวไปหน่อย บางตัวก็ราคาน่ารัก แต่ใช้แล้วก็ไม่ค่อยเห็นผล ... ก็ยังคงลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็เลยไม่ได้จับเซรั่มมาโชว์ไว้ในกระทู้นี้ค่ะ
ในส่วนของ Day Cream นั้น นกมักจะเลือก day cream ที่มีส่วนผสมของ SPF ในช่วง 25-35 ค่ะ เพื่อที่จะได้เพียงพอ ไม่ต้องทากันแดดเพิ่มอีก (สำหรับวันทำงานปกติที่อยู่แต่ในอาคารเป็นส่วนใหญ่นะคะ ถ้าวันไหนไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเยอะๆก็ต้องทากันแดดอีกชั้นนึงอีกค่ะ)
ตอนนี้ Day Cream ที่นกใช้และชอบมากๆ คือ Philosphy รุ่น renewed hope in a jar SPF 25 ค่ะ (60 mL, 1,690 THB) หาซื้อได้ที่ชอป SEPHORA ค่ะ
เอาจริงๆแล้วเนี่ย ส่วนตัว Day Cream ที่นกชอบมากกกก ที่สุด จะเป็น day cream ของ Charlotte Tilbury รุ่นที่ชื่อว่า Magic Cream ค่ะ [เคยรีวิวไว้ในกระทู้ >> [PART 1] อยู่ 'อิ๊งลั่นด์' มาหนึ่งปี .. ไอเทม(ส์)นี้ที่ประทบใจ [skincare section] << ค่ะ] แต่เนื่องจากว่ามันหาซื้อไม่ได้ในเมืองไทย เราเลยต้องหาตัวตายตัวแทน แล้วเราก็เดินทางข้ามผ่านเวลาและเธอคือคำตอบ (นั่นเพลง!!) ค่ะ ^^"
เราก็มาเจอ Philosophy ตัวนี้ ที่ถึงแม้ว่าเนื้อสัมผัสเขาจะสู้คุณ Charlotte Tilbury ของเราไม่ได้ แต่ก็ถือว่าโอเค และในส่วนของการบำรุง เขาดีพอๆกันเลย (Philosophy ถูกกว่าอีกด้วย) เราเลยโอเค ตกลงปลงใจที่ตัวนี้ค่ะ
INGREDIENTS : water, carthamus tinctorius (safflower) oleosomes, butylene glycol, glycerin, c12-15 alkyl benzoate, methyl gluceth-20, glycolic acid, polyacrylamide, cyclopentasiloxane, ammonium acryloyldimethyltaurate/vp copolymer, hydrogenated lecithin, cyclohexasiloxane, phenoxyethanol, sodium hydroxide, c13-14 isoparaffin, cetyl alcohol, polysorbate 80, laureth-7, citric acid, fragrance, bismuth oxychloride, mandelic acid, tocopheryl acetate, disodium edta, synthetic fluorphlogopite, ethylhexyl palmitate, propanediol, gluconic acid, adenosine, sodium benzoate, bht, evodia rutaecarpa fruit extract, sodium bicarbonate, yeast extract, magnesium stearate, opuntia coccinellifera flower extract, silica dimethyl silylate, caprylyl glycol, ethylhexylglycerin, hyaluronic acid,silanetriol, sodium hyaluronate, sorbic acid, hexylene glycol.
โดยเขาบอกว่า เขามี active ingrediets คือ Avobenzone (2.7%), octinoxate (6.99%), octocrylene (2%) เลยค่ะ (เรียกว่า ออกตัวเคลมแรงมากๆ)
หลักๆเขาก็ช่วยในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ ฟื้นฟูผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ให้ผิวดูสดใส เรียบเนียน เปล่งปลั่ง ตลอดวัน ... และในระยะยาว เขาก็จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และช่วยกระชับรูขุมขนด้วยค่ะ
ส่วนตัว ใช้ Day Cream ตัวนี้แล้วก็ได้รับความชุ่มชื้น โดยที่ไม่ทำให้หน้ามันขึ้นระหว่างวันค่ะ เนื้อครีมหนืดนิดหน่อย ไม่รู้สึกลื่นเกลี่ยง่ายเท่าไหร่ แต่พอทาเสร็จก็ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่หนักหน้าค่ะ สำหรับเราถือว่าโอเค ^^
4. FINISHER
ตัวนี้ถือเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวที่พิเศษขึ้นมานะคะ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวที่จะช่วยปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายด้วยสภาวะภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง, อากาศที่แห้งผากของห้องแอร์, หรือฝุ่นควันมลพิษตามท้องถนน
เราใช้ SULWHASOO รุ่น Luminature Essential Finisher (80 mL, 2,700 THB) ค่ะ ซื้อได้ตามเคาน์เตอร์ Sulwhasoo ทั่วไปเลยค่ะ
INGREDIENTS : WATER, SQUALANE, BUTYLENE GLYCOL, PHENYL TRIMETHCONE, POLPROPYISILSESQUIOXANE, CYOLOPENTASILOXANE, C14-22ALCOHOLS, GLYCYRRHIZAURALENSIS LICORICE ROOTEXTRACT, OPHIOPOGON JAPONCUS ROOT ENTRACT, PANAX GINSENG ROOT EXTRACT, CAMELLLA SINENSIS LEAF EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, NELUMBO NUCIFERA SEED EXTRACT, POLYGONATUM OFFICINALE RHIZOME ROOT EXTRACT, LILIUM TGRINUM FLOWER/LEAF/STEM EXTRACT, REHMANNIA GLUTINOSA ROOT EXTRACT, HONEY, CAMELLIA JAPONICA SEED OIL, 1,2-HEXANEDIOL,CAPRYLIC TRIGLYCERIDE, TITANIUM DIOXIDE, MICA, C12-20 ALKYL GLUCOSIDE, PEG-100 STEARATE, GLYCERYL STEARATE, INULIN LAURYL CARBAMATE, HYDROXETHYL ACRYLATE/SODIUM ACRYLOYDIMETHYL TAURATE COPOLYMER, STEARIC ACID, PALMITIC ACID, CHOLESTEROL, XANTAN GUM, KAOLIN, ETHYLHEXYLGLYCERIN, POTASSIUM CARBOMER, STEARYL BEHENATE, POLYGLYCERYL-3 METHYL GLUCOSE DISTEARATE, TIN OXIDE, HYDROXY PROPYL BISPALMITAMIDE MEA, POLYSORBATE 20, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE
มาแบบส่วนผสมแน่นๆไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ตามสไตล์ SULWHASOO นะคะ
ตัวนี้เนี่ย เขามีส่วนผมของ SQUALANE อยู่ในปริมาณที่เยอะมากๆ ซึ่ง SQUALANE ตัวนี้ เขาเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นผิวเราอยู่แล้ว และจะช่วยดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของความชุ่มชื้นเปล่งปลั่งของผิว แต่น้ำมันตัวนี้จะลดน้อยลงเรื่อยๆเมื่ออายุของผิวเราเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวัย หรือด้วยการถูกทำร้ายจากปัจจัยภายนอก ... Sulwhasoo เลยใช้ SQUALANE ที่สกัดจากน้ำมันมะกอกเข้ามา เพื่อช่วยเติมเต็มในจุดนี้ ทั้ง SQUALANE นี้ยังช่วยนำพาสารบำรุงตัวอื่นๆเข้าไปในชั้นผิวเราได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ
Finisher ตัวนี้สำหรับเรา เขาช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เสมือน make up base ดีๆตัวนึงเลย ... และเรื่องของการบำรุง เขาก็สามารถทำได้เหมือนเป็นครีมบำรุงตัวหนึ่ง เนื้อลื่น เกลี่ยง่าย ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกาย โดยที่ไม่ดูมัน ... ดังนั้น บางที เราจึงใช้ตัวนี้แทน make up base ไปเลยในวันที่ไม่ต้องมีกิจกรรมอะไรมากมายที่จะทำให้หน้ามันเยิ้มเป็นพิเศษค่ะ ก็เรียกได้ว่าคุ้ม เพราะเขาทำได้ 2 หน้าที่ในหนึ่งเดียว :))
5. REFRESHING WATER (FACIAL MIST)
สุดท้ายแล้วค่ะ... จริงๆตัวนี้ จะนับเป็นสเตปของการดูแลผิวช่วงกลางวันก็ได้ จะว่าไม่เชิงก็ได้นะคะ เพราะเขาไม่ใช่ cream, serum, essence อะไรจริงจัง แต่เป็นเหมือนสเปรย์น้ำแร่ที่ใช้ฉีดหลังแต่งหน้าเพื่อเซ็ตให้เครื่องสำอางติดทน และ/หรือ ใช้ฉีดระหว่างวันเพื่อเติมความสดชื่นค่ะ
สาเหตุที่ส่วนตัว นกมันจะใช้ตัวนี้(หรือประเภทนี้)มากกว่าการใช้สเปร์น้ำแร่ธรรมดา(อย่างเช่น evian) เพราะเขาจะมีคุณค่าการบำรุงที่มากกว่าแร่ธาตุจากน้ำแร่ด้วย ... จริงๆเราเอง เป็นคนชอบใช้สเปรย์แบบนี้มากๆ เพราะระหว่างวัน เราต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศซึ่งเป็นห้องแอร์ที่อากาศแห้งมากๆ เราเองใช้อยู่หลายยี่ห้อเลยนะคะ แต่ช่วงนี้ ชอบตัวนี้ที่สุดค่ะ
ตัวนี้คือ CAUDALIE รุ่น Grape Water ค่ะ (75 mL, 380 THB) ยี่ห้อเดียวกับที่พี่โมเมเคยรีวิวไว้ แต่เป็นคนละรุ่นกันนะคะ ... หาซื้อได้ที่ SEPHORA ค่ะ
INGREDIENTS : Vitis Vinifera (Grape) Fruit Water, Vitis Vinifera (Grape) Juice, Nitrogen.
ส่วนผสมของเขาเนี่ย เป็นน้ำหมักจากองุ่นล้วนๆเลยค่ะ แถมเป็นองุ่นที่ปลูกแบบ organic 100% ด้วย... ปัง โดนใจเรามากๆ ... รุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ (รุ่นเก่า packaging จะเป็นสีขาวเขียว) เขาแก้ไขในเรื่องของกลิ่น จากรุ่นเดิม เป็นน้ำหมักจากองุ่นที่กลิ่นค่อนข้างแรง รุ่นนี้เขาลดในส่วนของกลิ่นลงแต่คุณค่าคงเดิมนะคะ ^^
.
.
จบกันไปแล้วนะคะ กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางวัน ... มาที่การดูแลผิวช่วงกลางคืนของเรากันบ้างนะคะ ... ขอบอกว่า เยอะ ไม่ต่างกับกลางวันเลยค่ะ เผลอๆ เยอะกว่าซะอีก ;)
อันนี้คือภาพหมู่ทั้งหมดทั้งมวลของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางคืนที่เราใช้นะคะ จะมีบางตัวที่ซ้ำกันกับช่วงกลางวันที่เราใช้ จะขออนุญาติข้ามไปในจุดนี้ ... และส่วนของก้นน้องหมาที่เป็นฉากหลังอยู่นั้น ก็ขอข้ามไปเช่นกันค่ะ 5555 >///<
เริ่มกันที่ตัวแรกนะคะ
1. MASK PRIMER
หลังจากโทนเนอร์ (ก็เป็นคุณ THE BODY SHOP, Vitamin E ตัวเดิม ตัวเดียวกับที่ใช้ตอนเช้าค่ะ) แล้วนั้น นกก็จะใช้ MASK PRIMER ค่ะ... ตัวนี้เป็นตัวออกใหม่ของ Origins เลย เพิ่งได้ลองใช้ และชอบมากๆ ... ชอบทั้งในเรื่องของคอนเซปต์ที่แปลกใหม่ (เพิ่มขั้นตอนกันไปอีก กว่าจะทาครีมเสร็จ เกือบไม่ได้นอนกัน) ส่วนผสม และผลลัพธ์ เลยค่ะ
ตัวนี้คือ ORIGINS รุ่น MASKIMIZER ค่ะ (95 mL, 1000 THB) หาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ Origin ค่ะ
ตัวนี้เป็นหัวสเปรย์ ฉีดฟิดๆลงไปบนผิวหน้าแล้วรู้สึกผิวสดชื่นขึ้นมา 5 level ค่ะ แต่ต้องฉีดไม่เยอะ ไม่อย่างนั้นเขาจะเปียก ต้องรอเป็นหลายนาทีกันเลยทีเดียวกว่าจะแห้งซึมลงไปหมดนะคะ
KEY INGREDIENTS : wateraquaeau • butylene glycol • glycerin • ectoin • gellidiela acerosa (algae) extract • camellia sinensis
ตัวเขาจะมีส่วนผสมของสาหร่าย ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นไว้กับชั้นผิว ช่วยเสริมการทำงานของมาส์กหรือครีมบำรุงที่เราใช้ค่ะ
จริงๆจุดประสงค์ของ Mask Primer ตัวนี้ ก็ตามชื่อเข้าเลยนะคะ คือ ให้สเปรย์บนผิวก่อนที่จะใช้มาส์กใดๆ แต่เนื่องจากส่วนตัวนก นานๆถึงจะใช้มาส์กที แต่ว่า ใช้ overnight sleeping mask บ่อยมากๆ เรียกว่า แทบทุกคืน ... นกก็เลยใช้ตัวนี้เป็นหนึ่งในสเตปของการบำรุงผิวประจำวันเลยค่ะ :))
2. WATER ESSENCE (น้ำตบ)
ถัดจาก Mask Primer แล้ว เราก็ใช้ Water Essence หรือ น้ำตบ นั่นเองค่ะ ... ตัวนี้ก็ตามชื่อเลย คือ เหยาะใส่มือ แล้วตบๆๆลงบนผิวหน้าจนกว่าจะซึมหมดค่ะ
คอนเซปต์นี้ที่โด่งดังเป็นเจ้าแรก ก็คือ SK II ค่ะ แต่ส่วนตัวเราลองใช้รู้สึกค่อนข้างเฉยๆ ... ถัดจากนั้นก็มี micro essence skin activating treatment lotion ของ Estee Lauder ที่ใช้แล้วก็รู้สึกชอบมาอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งมาเจอตัวนี้ที่ชนะกันมาแบบสูสีค่ะ
ตัวนี้ คือ BIOTHERM รุ่่น LIFE PLANKTON ESSENCE ค่ะ (125 mL, 2,500 THB) หาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ BIOTHERM หรือร้าน SEPHORA ค่ะ
ตัวนี้เป็นเทคโนโลยีของทาง Biotherm ที่จับเจ้าจุลินทรีย์ (ที่ทาง Biotherm เรียกว่า Plankton) จากบ่อน้ำพุร้อนในประเทศฝรั่งเศส ที่ว่ากันว่า ช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ให้หญิงสาวมาร่วมศตวรรษ!! ... ซึ่งเขาจะช่วยฟื้นฟูชั้นผิวเราให้ฟู นุ่ม ชุ่มชื้น กระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัยจากภายในเลยค่ะ ... รุ่น Life Plankton นี้เราเคยดูสูตรของตัว serum แล้วรู้สึกเฉยๆ เลยไม่ได้ลองใช้ แล้วก็เลยเกือบพลาดเจ้า water essence ตัวนี้ไปด้วย ... แต่พอดีว่า คุณเพื่อนสาวนางเป็นคนผิวแพ้ง่าย นางเคยใช้อยู่ต่างประเทศแล้วโอเค แต่พอกลับมาไทยเจออากาศที่ร้อนชื้นบ้านเราเลยใช้ตัวนี้ไม่รอด นางเลยยกให้ เราเลยได้ลองใช้แล้วติดใจทันทีค่ะ ^^
INGREDIENTS : AQUA, GLYCERIN, MARIS AQUA, BUTYLENE GLYCOL, PROPYLENE GLYCOL, PPG-6 DECYLTETRADECETH-30, SODIUM CHLORIDE, SODIUM HYALURONATE, SODIUM HYDROXIDE, VITIS WINIFERA EXTRACT, CELLULOSE ACETATE, BUTYRATE, p-ANISIC ACID, ADENOSINE, AMMONIUM POLYACRYLDIMETHYLTAURAMIDE, DISODIUM EDTA, CAPRYLYL GLYCOL, VITREOSCILLAFERMENT, XANTHAN GUM, POLYPHOSPHORYLCHOLINE GLYCOL BENZYL BENZOATE, PARFUM
ตัวนี้เนี่ย มีส่วนผสมที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้น และฟื้นฟูให้ผิวดูสดใสอ่อนกว่าวัย อยู่พอสมควรเลยค่ะ ... และส่วนตัว เราใช้แล้ว ก็เห็นผลแบบปังๆเลยเรื่องความชุ่มชื้น ส่วนเรื่องฟื้นฟู ต้องรอดูผลไปยาวๆ แต่โดยส่วนตัว แค่ความชุ่มชื้นแบบแน่นๆที่ได้มาเราก็พอใจสุดๆแล้วค่ะ ^^
3. NIGHT CREAM
ขั้นตอนถัดไป หลังจาก Toner, Mask Primer, และ Water Essence แล้วนั้น ก็จะมี PRE-SERUM ซึ่งเป็น SULWHASOO ตัวเดียวกับที่เราใช้ช่วงกลางวันนะคะ ... และจริงๆเราก็ใช้ SERUM อีกขั้นตอนนึง ก่อนที่จะลง Night Cream นะคะ ... แต่สาเหตุเดียวกันกับเซตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางวันค่ะ คือ ลองมาหลายตัว ทั้งถูก ทั้งแพง แต่ก็ยังไม่เจอตัวไหนที่ ปัง! กับใจเรามากพอ ก็เลยยังลองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อยๆค่ะ ... จริงๆ เคยมี ESTEE LADER รุ่น ADVANCED NIGHT REPAIR (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ANR) ที่เราใช้และก็ชอบนะคะ แต่ว่า เนื่องจากส่วนผสมเขาค่อนข้างแน่น เข้มข้น และเน้นในเรื่อง anti-aging ซึ่งเราจึงยังไม่อยากใช้บ่อยนักในช่วงอายุตอนนี้ค่ะ อาจจะแอบมีหยิบมาใช้บ้าง สองสามเดือนครั้ง ในช่วงที่รู้สึกว่าผิวแย่จริงๆค่ะ (ส่วนมากจะเป็นช่วงกลับจากการไปเที่ยวยาวๆที่ผิวล้าจากการเดินตะลุยอยู่กลางแจ้งนานๆติดกันหลายๆวัน และผิวแห้งผากจากการนั่งเครื่องบินนานๆค่ะ)
กลับมาที่ NIGHT CREAM ของเรา ... หลังจากลง serum แล้ว เราก็ใช้ night cream 1 ตัวถ้วนค่ะ นั่นก็คือ SULWHASOO รุ่น ESSENTAl FIRMING CREAM (75 mL, 2800 THB) ซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ SULWHASOO ค่ะ
สำหรับส่วนผสมนั้นก็อัดแน่นด้วยสารสกัดธรรมชาติ ตามสไตล์แบรนด์นี้ค่ะ
INGREDIENTS : WATER, BUTYLENE GLYCOL, CETYL ETHYLHEXANOATE, PVP, CETEARYL ALCOHOL, CYCLOPENTASILOXANE, GLYCERYL STEARATE, OCTYLDODECANOL CAMELLIA SINENSIS LEAF EXTRACT, GLYCYRRHIZA URALENSIS (LICORICE) ROOT EXTRACT, CYCLOHEXASILOILANE, OPHIOPOGON JAPONICUS ROOT EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, NELUMBO NUCIFERA SEED EXTRACT, POLYGONATUM OFFICINALE RHIZOME/ROOT EXTRACT, LILIUM TIGRINUM FLOWER/LEAFI/TEM EXTRACT, REHMANNIA GLUTINOSA ROOT EXTRACI, CHRYSANTHEMUM MORIFOLIUM FLOWER EXTRACT, PAEONIA SUFFRUTICOSA ROOT EXTRACT, CITRUS UNSHIU PEEL EXTRACT, ADENOPHORA STRICTA ROOT EXTRACT, LYCIUM CHINENSE ROOT EXTRACT, COIX LACRYMA-JOBI MA-YUEN SEED EXTRACT, ANGELICA TENUISSIMA ROOT EXTRACT, HONEY, GINKGO BILOBA LEAF EXTRACT, ASTRAGALUS MEMBRANACEUS ROOT EXTRACT, OPUNTIA COCCINELLIFERA FRUIT EXTRACT, PORTULACA OLERACEA EXTRACT, BETA-GLUCAN, LIMNANTHES ALBA (MEADOWFOAM) SEED OIL, HELIANTHUS ANNUUS (SUNFLOWER) SEED OIL, MANGIFERA INDICA (MANGO) SEED BUTTER, JOJOBA ESTERS, HYDROGENATED OLIVE OIL LAURYL ESTERS, STEARIC ACID, PEG-100 STEARATE, DIMETHICONE, COPERNICIA CERIFERA (CARNAUBA) WAX, PALMITIC ACID, PHYTOSTERYL/BEHENYL/OCTYLDODECYL LAUROYL GLUTAMATE, POLYACRYLATE-13, GLYCERIN, CETEARYL GLUCOSIDE, POLYISOBUTENE, PROPANEDIOL, CAFFEINE, ETHYLHEXYLGLYCERIN, POLYSORBATE 20, STEARYL BEHENATE, POLYGLYCERYL-3 METHYLGLUCOSE DISTEARATE, HYDROXYPROPYL BISPALMITAMIDE MEA, INULIN LAURYL CARBAMATE, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE.
เรียกว่า แน่น จนลืมหายใจค่ะ ... เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อ่อนโยน ดูแลในเรื่องความชุ่มชื้น และกระชับผิวค่ะ ... ส่วนตัว ใช้แล้วชอบมากๆตั้งแต่ครั้งแรก รู้สึกได้ถึงความนุ่มชุ่มชื้นของหน้า ส่วนเรื่องกระชับ ต้องขอดูกันไปยาวๆค่ะ แต่โดยรวมก็ประทับใจมากๆแล้ว ^^
4. OVERNIGHT SLEEPING MASK
อันนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายและท้ายสุดจริงๆแล้วค่ะ ก็คือ Overnight Sleeping Mask ที่นอกจากตัวเขาเอง จะช่วยบำรุงล้ำลึก เติมน้ำให้ผิว เขายังสามารถใช้เป็นเหมือนตัวช่วยห่อหุ้มให้สารบำรุงผิวทั้งหมดทั้งมวลคงอยู่บนใบหน้าเราตลอดการนอนหลับพักผ่อนค่ะ
Overnight Sleeping Mask ที่เราใช้ตอนนี้ มีอยู่ 2 ตัว ซึ่งชอบมากทั้ง 2 ตัว ก็เลยตัดใจไม่ไหวทิ้งเธอไม่ลง ใช้ทั้งสองตัวสลับๆกันไปค่ะ ... สองตัวนั้น ก็มี SULWHASOO ตัว OVERNIGHT VITALIZING MASK (120 mL, 1,700 THB) และ ORIGINS รุ่น DRINK-UP INTENSIVE (100 mL, 1,450 THB) ค่ะ
ทั้งสองตัว คุณสมบัติคล้ายกัน คือ เน้นในเรื่องของการเติมน้ำให้ผิว ช่วยให้ผิวได้อิ่มเอมกับความชุ่มชื้นตลอดการนอนหลับ พร้อมตื่นมาพบกับผิวนุ่ม สวย ใส สุขภาพดี ... โดยที่ทั้งสองตัวจะแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของเนื้อสัมผัส และส่วนผสมค่ะ
เริ่มกันที่ SULWHASOO ... เนื้อเขาจะมีความมันเล็กน้อย ทาแล้วซึม แต่ก็จะเหมือนมีอะไรเคลือบอยู่บนผิว ทำให้รู้สึกผิวนุ่ม ชุ่มชื้นอยู่ตลอด ค่ะ ... ส่วนผสมที่ใช้ เขาก็จะเน้นสารสกัดจากพืชพรรณไม้สมุนไพรธรรมชาติ ตามลิสท์ด้านล่างเลยค่ะ
INGREDIENTS : Water, Butylene Glycol, Glycerin, Cetyl Ethylhexanoate, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Squalane, DI-C12-13 Alkyl Malate, Cyclopentasiloxane, Dimethicone, Glyceryl Stearate, Camellia Sinensis Leaf Extract, Cyclohexasiloxane, Panax Ginseng Root Extract, Ophiopogon Japonicus Root Extract, Glycyrrhiza Uralensis (Licorice) Root Extract, Paeonia Albiflora Root Extract, Nelumbo Nucifera Seed Extract, Polygonatum Officinale Rhizome/Root Extract, Lilium Tigrinum Flower/Leaf/Steam Extract, Rehmannia Glutinosa Root Extract, Chrysanthemum Morifolium Flower Extract, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Citrus Unshiu Peel Extract, Adenophora Stricta Root Extract, Angelica Tenuissima Root Extract, Honey, Juglans Regia (Walnut) Shell Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Angelica Acutiloba Root Extract, Morus Alba Root Extract, Beta-Glucan, Sodium Hyaluronate, Trehalose, C14-22 Alcohols, Stearic Acid, Silica, Hydrogenated Castor Oil Isostearate, Hydroxypropyl Starch Phosphate, Palmitic Acid, Cetearyl Alcohol, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, PEG-100 Stearate, C12-20 Alkyl Glucoside, Polyacrylate-13, Phytosteryl/Behenyl/Octyldodecyl Lauroyl Glutamate, C12-16 Alcohols, Carbomer, Polyisobutene, Xanthan Gum, Hydrogenated Lecithin, Dextrin, Theobroma Cacao (Cocoa) Extract, Polysorbate 20, Propanediol, Ethylhexylglycerin, Alcohol, Tromethamine, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Fragrance
ก็แน่น นุ่ม ชุ่มชื้นกันไปด้วย Shea Butter กับ Squalane นะคะ ... และก็มีพืชสมุนไพรอื่นๆไล่กันมาแบบเต็มๆ ... ตัวนี้ เราใช้ก็รู้สึกหน้านุ่มค่ะ ชุ่มชื้นดีมากๆ
ส่วนอีกตัวนึง ของ ORIGINS นะคะ ... ตัวนี้ เขาจะแตกต่าง คือ เนื้อเขาจะหนัก แต่ไม่มัน ไม่รู้สึกเคลือบผิว ไม่ได้รู้สึกหน้านุ่มตลอดเวลา แต่ตื่นมา ผิวก็ชุ่มชื้นดีมากๆเหมือนกันค่ะ
INGREDIENTS : Water, Rosa Damascena (Rose) Flower Water, Myrtus Communis (Myrtle) Leaf Water, Citrus Aurantium Amara (Bitter Orange) Flower Water, Anthemis Nobilis (Chamomile) Flower Water, Glycerin, Cetyl Alcohol, Glyceryl Polymethacrylate, Dimethicone, PEG-75, PEG-8, Glycereth-26, Sorbitan Stearate, Citrus Aurantium Amara (Bitter Orange) Flower Oil, Prunus Amygdalus Amara (Bitter Almond) Kernel Oil, Rosa Damascena (Rose) Flower Oil, Cinnamomum Camphora (Shiu/Camphore Leaf) Oil, Citrus Aurantium Dulcis (Sweet Orange) Oil, Prunus Armeniaca (Apricot) Kernel Oil, Osmanthus Fragrans (Osmantus Absolute) Flower Extract, Ribes Nigrum (Blackcurrant) Seed Extract, Linalool, Limonene, Aloe Barbadensis Leaf Extract, Cladosiphon Okamuranus Extract, Oryza Sativa (Rice) Extract, Avena Sativa (Oat) Kernel Extract, Olea Europaea (Olive) Fruit Extract, Triticum Vulgare (Wheat Bran) Extract, PEG-100 Stearate, Sucrose, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Peel Wax, Panthenol, Pantethine, Cetyl Ethylhexanoate, Mangifera Indica (Mango) Seed Butter, Prunus Armeniaca (Apricot) Kernel Oil, Persea Gratissima (Avocado) Oil, Butylene Glycol, Cetearyl Alcohol, Cocos Nucifera (Coconut) Oil, Punica Granatum (Pomegranate) Sterols, Tocopheryl Acetate, Oryzanol, Bisabolol, Caprylyl Glycol, Caffeine, Hexylene Glycol, Sodium Hyaluronate, Dextrin, Potassium Carbomer, Disodium EDTA, Sodium Dehydroacetate, Phenoxyethanol
ตัวนี้ สูตรเขาก็แน่นไม่ต่างกัน SULWHASOO เลยค่ะ แต่ตัวนี้เขาจะเน้นที่น้ำจากดอกไม้ และ น้ำมันจากพืชพรรณธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นน้ำมันเบา ซึมง่าย ซึมลงไปบำรุงที่ผิวชั้นนอก เลยไม่ได้รู้สึกมีอะไรเคลือบผิว ไม่เหมือน shea butter ที่เขาจะทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิวค่ะ ... เรียกได้ว่า 2 ตัวนี้ ให้ประโยชน์คล้ายกัน แต่การทำงานจริงๆต่างกัน และให้เนื้อสัมผัสที่ต่างกัน แล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวจกชอบทั้งสองอย่าง เลยรักพี่เสียดายน้อง ต้องสลับๆกันใช้ทั้งสองตัวค่ะ >''<
อันนี้คือ ทั้งหมดทั้งมวลของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงกลางคืน ค่ะ แต่สำหรับคืนไหนที่ขี้เกียจๆ ง่วงๆ หรือช่วงไหนที่รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นดีมากๆแล้วจริงๆ นกก็แอบย่อส่วนมันลงมา เหลือแค่ตามรูปด้านล่างนี้ค่ะ
v
v
ก็จะเหลือแค่โทนเนอร์ น้ำตบ pre-serum (เซรั่ม) และ ครีม เท่านั้นเองค่ะ ^^
และนั่นก็คือทั้งหมดของ Skincare Routine ของนกนะคะ ... เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านกับจนมึนไปเลยหรือเปล่า >///<
ยังไงก็ขอฝากกระทู้นี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนะคะ แล้วเดี๋ยวไว้พบกันใหม่กับกระทู้รีวิว Vitamins Routine และรีวิวผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็น skincare หรือ วิตามินอาหารเสริมชิ้นเจ๋งๆ กันอีกเร็วๆนี้นะคะ
กระทู้นี้ นกเองก็ตั้งใจทำมาก เหมือนทุกกระทู้ที่ผ่านมา เพราะนกเองก็อยกเก็บไว้เป็นบันทึกของตัวเองด้วยว่า ช่วงชีวิตไหน เราเคยหลงรักผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง ... สาวๆอ่านแล้วมีอะไรอยากคอนเมนต์ สอบถาม หรือแชร์กัน ก็ติชมพูดคุยกันได้เต็มที่เลยนะคะ
สุดท้ายจริงๆ ขอบคุณมากที่อยู่อ่านกันจบจน ... ใครอ่านจบแสดงตัวกันหน่อยนะคะ จะขอปรบมือให้ดังๆกับความพยายามในการอ่านกระทู้อันยาวยืดนี้จริงๆ
ไปจริงๆแล้วค่ะ ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ สวัสดีค่าาา ^___^
Discussion (13)