เปิดศึกน้ำตบ 4สัญชาติ ตั้งแต่ถูกยันแพง!!! รุ่นไหนเด่นรุ่นไหนโดน เชิญชมค่ะ....
Rocky Rose269Hello...
โบว์เป็นคนหนึ่งที่อินกับการใช้น้ำตบในการบำรุงผิวเอามากๆค่ะซึ่งส่วนตัวโบว์คิดว่าน้ำตบ เป็นสกินแคร์ที่เหมาะกับอากาศบ้านเรามากๆค่ะ
เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นได้แล้วเวลาใช้ยังไม่รู้สึกเหนียว เหนอะหนะ อีกด้วย...
สำหรับน้ำตบสัญชาติแรกที่โบว์จะมาพูดถึงในวันนี้ ได้แก่
น้ำตบสัญชาติญี่ปุ่น
Hada LaboHydrating Lotion
ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์แรก ที่ทำให้โบว์ได้รู้จักกับการบำรุงผิวด้วยน้ำตบค่ะ เพราะฮาดะเป็นแบรนด์แรกๆเลยที่มีน้ำตบวางจำหน่าย โดยที่ราคาไม่แพงและหาซื้อง่าย
สำหรับน้ำตบของ Hada Labo รุ่นนี้จะมีจุดเด่นตรงที่มี Hyaluronic Acid 4ชนิดที่จะช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นในทุกชั้นผิวได้
โบว์เองใช้สูตรสีแดง ที่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง-ผิวธรรมดา เนื้อผลิตภัณฑ์จะใสๆ มีความหนืดเล็กน้อย และแอบมีกลิ่นจางๆ
Hada Labo Hydrating Lotion โบว์มีติดบ้านไว้เหมือนยาสามัญประจำบ้านเลยค่ะเวลาที่ผิวหน้ามีผื่นหรือแพ้อะไรมา นึกไม่ออกว่าจะใช้สกินแคร์รุ่นไหนก็จะเลือกใช้ชิ้นนี้ก่อนเลย
เพราะมั่นใจว่าเป็นสกินแคร์ที่อ่อนโยนมากๆชิ้นหนึ่งเลยเนื่องจากว่าไม่ผสมน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และน้ำมันแร่ค่ะ...
ต่อมาเป็นน้ำตบสัญชาติเกาหลี
innisfree "soybean energy essence"
หรือที่เรียกกันว่า น้ำถั่วหมัก
น้ำตบรุ่นนี้จำได้ว่าจะมี 2แบบเป็นแบบสูตรดั้งเดิมและสูตรบางเบาโดยสูตรดั้งเดิมจะเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง-ผิวผสมและแบบสูตรบางเบา จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวผสม-ผิวมัน
ส่วนตัวโบว์เลือกใช้สูตรดั้งเดิมที่เนื้อจะมีความข้นและหนืดเล็กน้อย แต่ซึมลงผิวได้ดี และไม่เหนียวเหนอะหนะ
มีสารสกัดเด่นอย่าง "ถั่ว" ตามชื่อเลยค่ะ
ถั่วชนิดนี้เป็นถั่วเหลืองจากเกาะเชจูที่มีความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ถั่วมีสีเขียว และมีโปรตีนสูงมากๆๆๆ
อย่างที่เรารู้ๆกันว่า ถั่วเหลืองสามารถช่วยเรื่องฮอร์โมนเพศญิงตามธรรมชาติได้ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างตคอลลาเจนของผิว ช่วยให้ผิวกระชับ และสดใสขึ้น
และยังมีเปลือกของต้นวิลโลที่มี BHA ตามธรรมชาติอีกด้วย
หลังใช้มาประมาณ 2เดือน โบว์รู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื้น และยืดหยุ่นขึ้น พูดง่ายๆว่าผิวดูเด้งขึ้น แถมความมันบนใบหน้ายังลดลงอีกด้วยค่ะ
ถัดมาจะเป็นน้ำตบสัญชาติไต้หวันแบรนด์ดังกันบ้าง
OGUMA Whitening Toning Youngspray
ทำไมถึงลองใช้??? เพราะว่าในขวดนี้มีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายอย่างทั้ง I.C.E เป็นสารสกัดที่ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2003 ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวScutellaria Baicalensis Root Extract ลดการเกิดริ้วรอยAesculus Hipocastanum ลดการอักเสบ กระตุ่้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวเปล่งปลั่งSaxifraga Sarmentosa Extract ช่วยปกป้องผิวจากความร้อนและรังสียูวี
และที่สำคัญโบว์เองค่อนข้างปลื้มและไว้ใจในผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ
น้ำตบรุ่นนี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ เพราะเป็นรุ่นที่จะช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสได้เนื้อผลิตภัณฑ์ใส และเหลว ซึมเข้าผิวไว้มาก จะซึมไวที่สุดในบรรดาน้ำตบที่โบว์รีวิวในบล็อกนี้ค่ะ
หลังจากที่ใช้มา 1ขวด โบว์รู้สึกว่า ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใสขึ้น รอยแดงจากสิวดูจางลงและนอกเหนือจากนี้ โบว์ก็ยังเอามาทำเป็นมาส์กอีกด้วยหยดใส่สำลี แล้วแปะทิ้งไวที่ผิวหน้าประมาณ 5-10นาที ได้เลยค่ะ
สุดท้าย ก็มาถึงน้ำตบสัญชาติฝรั่งเศสกันบ้าง..LANCOME กับน้ำตบที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ENERGIE DE VIE"Smoothing & Plumping Pearly Lotion"
โลชั่นรุ่นนี้โบว์ได้มาตอนงานเปิดตัวค่ะ ร้องว้าวตั้งแต่เห็นขวดผลิตภัณฑ์เลย ที่มองดูแล้วมีประกายมุขอยู่ทั่วขวด อลังการ น่าใช้มาก
ในรุ่นนี้จะเน้นให้ความชุ่นชื้นและให้สารอาหารกับผิวแบบเข้มข้น มีสารสกัดที่โดดเด่น ได้แก่ Lemon Balm ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่งGoji Berry ช่วยบำรุงผิวและเป็นแหล่งคุณค่าแอนตี้อ็อกซิแดนท์
ความแตกต่างของน้ำตบรุ่นนี้ คือ เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อออยที่ผสมกับน้ำ สังเกตในรูปน้ำตบบนฝ่ามือของโบว์ จะมีเนื้อออยลอยอยู่
แต่บอกเลยว่าบางเบามาก ไม่มัน!ส่วนตัวคิดว่าจะเห็นผลดีมากกับคนที่มีผิวขาดน้ำ
เวลาใช้ผิวรู้สึกเย็นสดชื่น ซึมเข้าผิวเร็ว แต่เนื้อผลิตภัณฑ์จะไม่หายไปทั้งหมด โดยจะเคลือบบางๆอยู่ที่ผิว แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยมีกลิ่นที่ให้ความผ่อนคลาย เป็นกลิ่นแนวธรรมชาติค่ะ
หลังจากใช้มาประมาณ 1เดือน รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น นุ่มขึ้น และที่สำคัญผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้นค่ะ...
โบว์สรุปให้สั้นๆแบบนี้ค่ะ น้ำตบทุกรุ่นทุกแบรนด์สามารถให้ความชุ่มชื้นได้หมด
โดยในแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันบ้าง ดังนี้ค่ะ
ผิวบอบบาง แห้งกร้าน ---> Hada Labo
ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ---> innisfree
ผิวขาดน้ำ ขาดการบำรุง ---> Lancome
ผิวมีจุดด่างดำ ไม่กระจ่างใส ---> Oguma
ถ้าจะถามว่าน้ำตบรุ่นไหนที่เนื้อข้นที่สุดหรือรุ่นไหนที่บางเบาที่สุด ในบรรดาน้ำตบ 4รุ่นนี้(แต่เนื้อข้นในที่นี่ก็ยังบางเบามากๆและซึมไวมากๆ สำหรับการบำรุงผิวหน้าอยู่ดีค่ะ)
โบว์เรียงให้ตามนี้เลยนะคะ เนื้อข้น--->เนื้อบางเบา
innisfree ---> Hada Labo ---> Lancome ---> Oguma
น้ำตบทั้งหลายที่โบว์ใช้อยู่ นอกจากจะใช้เพื่อช่วยเติมน้ำให้ผิวหน้าแล้วโบว์ใช้เพื่อเป็นการเตรียมผิว สำหรับการบำรุงผิวในขั้นถัดไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าใช้น้ำตบเพียงอย่างเดียว แล้วจะไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงอื่นๆอีกเพราะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีหลายประเภท ทั้งที่บำรุงผิวชั้นนอก และบำรุงที่ผิวชั้นใน...
การใช้น้ำตบทุกๆยี่ห้อ โบว์มีวิธีการใช้เหมือนๆกันนะคะ คือจะใช้เป็นการบำรุงผิวในขั้นตอนแรก หลังจากอาบน้ำเสร็จเทใส่ฝ่ามือ แล้วTapให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เอาให้ชุ่มเลยนะคะ
การบำรุงผิวห้ามขี้งกเด็ดขาด
ในระหว่างนั้นโบว์จะใช้ฝ่ามือตบเบาๆที่ผิวหน้าด้วยค่ะ รอจนน้ำตบซึมเข้าผิวแล้ว จึงจะบำรุงในขั้นตอนถัดไปค่ะ...ระยะเวลาในการซึมเข้าสู่ผิวก็แล้วแต่ยี่ห้อนั้นๆเลย ว่ามีความข้นหรือความหนืด ของผลิตภัณฑ์มากน้อยแค่ไหนค่ะ
ถ้าเพื่อนๆอยากจะมีผิวที่สวย เด้ง ไปตลอดโบว์ก็แนะนำว่าต้องลงทุนก็การประทินผิวกันให้มากสักหน่อยค่ะคิดกับตัวเองในใจว่า "เพื่ออนาคต" 555
โบว์หวังว่าเพื่อนๆจะถูกอกถูกใจกับบล็อกนี้ของโบว์กันนะคะแล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ
บายยยย
<3
Discussion (9)