แชร์ประสบการณ์ Work and Travel ที่ New York (Part 2 : Let the journey begin!)
duchmutejdya153สวัสดีค่าาาาาา♡กลับมาเจอกับมิ้วกันอีกแล้ว ไหนนนน มีใครรอกระทู้นี้กันอยู่บ้าง ขอเสียงหน่อย เร็ววววว .... ฮิ้วววววววว อ่ะ ตื่นเต้นกันมั้ยๆๆๆๆ พาร์ทนี้เราจะลัดฟ้าไปอเมริกากันแล้ว เย้ๆๆๆ และกระทู้นี้ก็เป็นภาคต่อของกระทู้ที่แล้วน้า ใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เก่า ก็สามารถเข้าไปดูกันได้ที่
จากพาร์ทที่แล้ว พอเราเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมบินกันได้เล้ยยยยยยย การเดินทางที่สุดแสนจะวิเศษ ได้เริ่มขึ้นแล้วววววว เอาละเหวยยยยย ขึ้นเครื่องบินเตรียมลุยได้ ตื่นเต้นสุดๆๆๆ
แต่ๆๆๆๆ ..... เดี๋ยวนะ ทำไมไม่ถึงซักที ประเทศไทยกับเมกามันถึงไกลกันขนาดนี้เชียวหรอ
ตั้ง 20 กว่าชั่วโมง! หลับแล้วหลับอีก ดูหนังไปสามเรื่องก็ยังไม่ถึงเลย อัลไลมันจะนานได้ถึงเพียงเน้!
เกือบหนึ่งวันที่อยู่บนเครื่อง ในที่สุด ก็ถึงแล้วค่ะ ที่ JFK, New York♡
พอลงเครื่องปุ๊ป เหยียบถึงพื้นอเมริกาปั๊ป นึกภาพในหัวไว้สวยๆ ว่าชั้นจะต้องสวยมาก ฟิลแบบลากกระเป๋า ใส่แว่นดำ เออ นิวยอร์กเก้อป่ะล้า เริ่ดๆๆ แต่เดี๋ยว ช้าก่อน!!! ยังๆๆๆ ยังเร็วไปที่จะสวยได้
ทำไมที่ JFK มันมีหลายเทอมินอลขนาดนี้ สุวรรณภูมิบางกอกบ้านเฮามีแค่เทอร์มินอลเดียว ที่นี้ล่อเข้าไปตั้ง 8 เทอร์มินอล กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ จะหลงมั้ยเนี้ย ใครมีญาติมารับนี้ต้องนัดดีๆ นะเออ
แล้วอีกอย่าง...ลงเครื่องบินปุ๊ปไม่ได้แปลว่าแกจะเข้าเมกาได้เลยนะ!!แกจะต้องผ่านต.ม. ก่อน ลืมหรอ!!! เอาล่ะสิ เท่าที่อ่านในพันทิพมา ก็ถือว่าต.ม. อเมริกานั้นโหดอยู่ ทำไงดี กลัวตอบไม่ได้อ่ะ กลัวโดนส่งกลับประเทศ แง้ๆๆๆๆ (ต้องเข้าใจฟิลน้องตอนนั้นกันหน่อยนะเด้อ น้องไปครั้งแรกนี่น่า)
ความจริงคือ ต.ม. ที่อเมริกาไม่ได้น่ากลัวอย่าที่เราคิด คือถ้าเราไม่ได้ทำไรผิด ไม่ได้มีพิรุธอะไร ก็ไม่ต้องไปกลัวเลย ยิ่งเป็นนักเรียนเค้าก็ยิ่งใจดี อย่างเราโดนถามว่า มาทำอะไร เรียนที่ไหน มหาลัยไหน ทำไมถึงเรียน แค่นี้เอง
อ่ะพอผ่านต.ม. มาปุ๊ป ยังไม่จบค่ะ ศึกของเรายังไม่จบแค่นี้ ยังไม่ได้ผ่าน
ด่านตรวจสิ่งของต้องสำแดง หรือ ที่เค้าเรียกกันว่า declare เลยคือ อเมริกาเป็นประเทศที่มีของต้องห้ามที่ห้ามนำเข้าเยอะมาก อันนี้เพื่อนๆ ต้องไปหาไปเช็คให้ชัวร์อีกที ว่าอะไรที่เอาเข้าได้ อะไรไม่ได้
เพราะเท่าที่มิ้วหาข้อมูลเจอ บางคนบอก ห้ามนำอาหารทะเลเข้า (มาม่ารสต้มยำทะเลก็ไม่ได้) แต่บางคนบอก เอาเข้าได้ บางคนบอก ห้ามเอาทุกอย่างที่มีส่วนผสมของหมูเข้า บางคนก็บอก เอาเข้าได้ อะไรประมาณเน้ งงไปหมด อันนี้น้องข้อมูลไม่แน่น ขอวานถามผู้รู้อีกที
ส่วนตัวน้องนั้นไม่โดนเอาของออกจากกระเป๋าเลยเด้อ รอดไปได้แบบชิวๆ ดีจายยยย ^_____^
อ่ะพอจาก declare ปุ๊ป มองซ้าย มองขวา มีด่านไรอีกป่าวแว้ จะสวยได้ยังเนี้ยยยย ฮ่วย อยากใส่แว่นดำเดินเฉิดฉาย ลากกระเป๋าแบบสวยๆ แล้วนะ ....... เอ้า เออ คิดอีกทีหมดแล้วนี้หว่า รอดแล้วว้อยยยยยย ทีนี้หละ สวยได้ซักที หายห่วงเข้าอเมริกาได้แบบจริงๆ แล้วว้อยยยยยยยย ฮู่เล่ๆๆๆๆๆ
เอาหละค่ะ เมื่อเราสามารถเข้าอเมริกาได้อย่างถูกต้องสบายใจแล้ว มิ้วก็รีบตรงดิ่ง ไปยังที่พักเลยทันที ตอนแรกก็คิด เอ๋ Queensbury ก็คงไม่ไกลหรอกมั้ง ก็อยู่ในนิวยอร์กเหมือนกัน .....
อ่ะ เอาสิ เรื่องเด๋ออันดับแรกก็มา!!ไม่ไกลอะไรหละ! นั่งรถล่อเข้าไป 4 ชม. OMG คุณหลอกดาว! ทำไมไกลขนาดเน้ นิวยอร์กมันกว้างมากเลยหรอเนี้ย ดูในแผนที่ออกจะเล็ก เอ้า ไรว้าาาาา
ขอสารภาพตามตรงว่า ตอนแรกที่เลือกงานนี้ เพราะเห็นว่ามันอยู่ในนิวยอร์ก ก็กะว่าแบบ เอ้ย วันหยุดก็อาจจะเข้าไปใน NYC ชิวๆ บ้างไรบ้าง สรุป ผ่างงงงง!!! ไปกลับเกือบ 8 ชม. นั่ง Greyhound จนปวดตูดไปอี๊กกกกก
ที่พักของมิ้วก็ไม่แย่น้า ถือว่าโอเคเลย♡ ห้องนึงมีเตียงสองชั้น 2 เตียง ห้องน้ำในตัว มีแอร์ ฮีตเตอร์ ทีวี ตู้เย็น ฟรีไวฟาย มีครัวรวม ห้องนึงนอนได้ 4 คน แยกหญิงชาย แถมที่พักอยู่ตรงข้ามกับที่ทำงานเลย เดินไปถึง คุ้มมากๆ กับราคา 65 ดอล ต่ออาทิตย์
มิ้วทำงานที่ Six Flags the Great Escape, NY✩คือหลายๆ คนอาจสงสัยว่า ที่นิวยอร์กมีซิคแฟคด้วยหรอ ไม่เห็นเคยได้ยิน จะบอกว่ามีเด้อ แต่ใช้ชื่อว่า The Great Escape และเล็กมากกกกก เมื่อเทียบกับ ซิคแฟคที่ LA หรือ NJ หรือที่อื่นๆ คือต่างกันเยอะจริงๆ ที่นี่เหมือนเน้นให้ครอบครัวมาเที่ยว มีเครื่องเล่น สนุกหวาดเสียว แต่ไม่เยอะเท่าที่อื่น เด็กเล็กๆ สามารถมากับครอบครัวได้สบายเลย
ปีที่มิ้วไป มีคนไทยประมาณ 20 คน และเค้ามีงานแค่สองอย่างให้คนไทยคือ Food กับ Ride แค่นั้น คนไทยไม่ได้ทำ retail shop หรือ lifeguard หรืออะไรต่างๆ นาๆ เลย
เริ่มงานวันแรก ไอเราก็แบบชิวๆ♫ ♬ เอ้อ คิดว่า เค้าก็คงไม่ได้ให้เราไปทำงานอะไรที่มันเสี่ยงอันตรายหรอก (แอบหวังเล็กๆ ในใจ) .... ที่ไหนได้! มาวันแรกก็ให้ไปเทรนทำเครื่องเล่น Boomerang (ในภาพเลยจ้า) เลย เจ้ยยยยยยย (เครื่องเล่นนี้คือแบบเดียวกะที่สวนสยามเลย)
งงไปอี๊ก แบบ ถามจริง ให้หนูน่ะหรอก ให้หนูมาเทรนคุมเครื่องเลยอันยักษ์เนี้ยนะ OMGGG แบบเราคิดว่า เราทำไม่ได้หรอก แค่ให้คุมเครื่องเล่นที่ไทยยังทำไม่ได้เลยว้อย นี้ต้องอ่าน direction ทั้งหมดเป็น ภาษาอังกฤษ แง้ แผงคุมก็มีปุ่มอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด พ่อจ๋าแม่จ๋า ถ้าพลาดทำคนตกเครื่องจะทำยังไงงงง ตอนนั้นในหัวนี้กังวลไปหมด แล้วคนที่สอนก็พูดเร็วเว่อร์ เหมือนช้านเป็นลูกครึ่งงั้นอ่ะ ฟังไม่ทันเด้อออ
ช่วงแรกๆ ของการทำงานก็ suffer บ้างเล็กน้อย แต่ทำไปนานๆ แล้วก็ชินรู้สึกสนุกมาก ชอบบรรยากาศในสวนสนุกอ่ะ คือทุกคนแฮปปี้กันหมด ผชก็ดี๊ดีค่ะ 55555555 เอ้อ ประเด็นมันอยู่ตรงเน้ ผชวัยรุ่นที่นู้นแซ่บมว๊ากกกกกกก หุ่นเค้าดีกันหมดเลยอ่ะ อิอิ ละแบบชอบใส่เสื้อกล้าม บางคนก็ถอดเสื้ออ่ะ มันเป็นยังไงกัน หืมๆๆๆ แต่ถ้าเป็นคนอายุเยอะๆ ก็จะลงพุงกันเกือบทุกกกกกคน เดี๊ยนคอนเฟิร์ม
พูดถึงข้อดีไปล้ะ มาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง (づ ̄³ ̄)づคือก่อนไปเนี้ยไปแอบรู้มาว่า คนที่ทำงานสวนสนุกชอบโดนไล่กลับบ้าน ไอเราก็ทำใจมาอยู่แล้วแหละ แล้วก็เจอจริงๆ.........
คือเด็กที่ไปเวิร์คเนี้ยเยอะมาก แล้วก็ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยนะ มีตุรกี จีน ไต้หวัน บัลแกเรีย จอร์แดน บลาๆ คือกลายเป็นว่าคนมันเยอะกว่างาน บางวันก็โดนไล่กลับบ้านเฉย (คนอื่นอาจเสียใจ แต่เรากลับดีใจ 55555) บางวันฝนฟ้าไม่เป็นใจ พายุเข้าบ้าง ปาร์คก็ต้องปิด ก็ไม่มีงานทำ ก็โดนกลับบ้าน (นี่ก็ดีใจอีกแล้ว) นี่ก็เป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่พอใจ เพราะการทำงานสวนสนุกเงินไม่เยอะเท่าที่ควร และบางคนไม่สามารถทำจ๊อบที่สองได้ เพราะตารางออกเป็นรายอาทิตย์ ไม่มีวันหยุดที่แน่นอน
แต่เอาจริงๆ ก็ไม่แย่ขนาดนั้นเพราะเค้ามีค่าแรงขั้นต่ำให้ ว่าอย่างน้อยเราจะต้องได้เงินวีคละ 250 ดอลนะ ไม่ว่าจะถูกไล่กลับบ้านบ่อยแค่ไหน ทำงานได้น้อยแค่ไหนก็ได้ 250 ดอลเลย (แต่ถ้าได้เงินแค่ 250 ทุกวีคก็ไม่พอใช้เด้อ) แล้วบรรยากาศในสวนสนุกคือเป็นอะไรที่แฮปปี้มาก มีความสุขทุกวันที่ไปทำงาน
แล้วเค้าก็จะมีกฏเรื่องการแต่งกาย ต้องให้เรียบร้อยตลอด ถ้าอยู่ Food ก็ห้ามทาเล็บไรงี้ ห้ามมาสาย 1 วินาทีก็นับเป็นสาย และให้สายได้ไม่เกิน 16 ครั้ง
เหตุการณ์ที่ชาตินี้จะมีวันลืมลงเลย T_Tคือ เจอลูกค้าด่าอ่ะ ด่าแรงแบบที่ไม่เคยมีใครด่ามาก่อน!!!!
มีอยู่วันนึง เราก็ทำงานอยู่ปกติ วันนั้นทำงานเป็น attendant อยู่ที่เครื่องเล่นชื่อ Sasquatch เป็นเครื่องเล่นแบบ Giant Drop ที่มันจะเป็นเสาสูงๆ ค่อยๆ ขึ้นแล้วตกลงมาทีเดียวแบบเสียวๆ หน้าที่ของเราคือคอยเช็คความปลอดภัยของลูกค้า เช่น ส่วนสูงถึงมั้ย คาดเข็มขัดถูกมั้ย บลาๆๆ
ทีนี้ก็มีผู้หญิงรูปร่างใหญ่คนนึง ซึ่งประเมินจากสายตาแล้วไม่น่าจะเล่นได้ เพราะว่าเค้า overweight เคสแบบนี้เป็นเคสที่ลำบากใจ (และเจอบ่อย) ที่สุด
ละพอเค้าขึ้นมาบนเครื่องเล่น ก็เป็นแบบที่คาดไว้จริงๆ แขกคนนี้ตัวใหญ่จนคาดเข็มขัดไม่ได้ เราก็ต้องเข้าไปบอกเขา ประมาณว่า "ขอโทษนะคะ ถ้าคุณไม่สามารถคาดเข็มขัดได้ มันจะไม่ปลอดภัยต่อตัวคุณเอง ทางเราแนะนำให้คุณเล่นเครื่องเล่นชนิดอื่นที่ไม่อันตรายแทน"
เท่านั้นแหละจ้าาาาา นางก็ขึ้นเลย โกรธมาก ชี้หน้าด่าเราบอกว่า safety belt มันสั้นเอง มันไม่ใช่ความผิดของชั้น ชั้นจะเล่นเครื่องเล่นนี้! แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า "It's not my fault" อยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา และนางก็ไม่ยอมลุกจากที่นั่งด้วยอ่ะ คือคนอื่นก็เล่นไม่ได้
อิฉันก็งงมาก ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นสักพัก ว่าทำไมนางต้องตวาดเสียงดังขนาดนี้ คนก็มองมาที่เราอ่ะ เราก็ทำไรไม่ถูก จะร้องไห้ละตอนนั้น ค่อยๆ อธิบายด้วยเหตุผล ใจเย็นที่สุดในชีวิตละตอนนั้น นางก็ไม่ฟัง ชี้หน้าด่าเราอีก แรงมาก ละครอบครัวของนางก็ยังตะโกนมาให้ท้ายนางอีก ว่าใช่ๆ นางไม่ผิดนะ เราทำงานไม่รู้เรื่องเอง พูดตรงๆ ว่าช็อคมาก! ถามจริง!? คือเราทำไรผิดอ่า เพื่อนที่ทำงานข้างๆ ก็มาช่วย เค้าก็ช่วยพูดตรงๆ ว่าขึ้นไม่ได้จริงๆ ลูกค้าคนอื่นที่รอต่อแถวก็ช่วยกันบอกว่าให้นางออกมาเถอะ
สรุปนางนั่งแช่อยู่บนเครื่องเล่นแบบนั้นประมาณ 5 นาที บอกให้เราพยายามคาดเข็มขัดให้หน่อย งานยากละ ..... คือมันติดพุงเจ๊อ่ะ เจ๊แขม่วยังไงมันก็ติดไม่ด้ายยยยย ฮรือออออ นางก็เถียงว่า ปีที่แล้วมายังเล่นได้เลย .... กำๆๆๆๆๆ งง ตรรกะสุด เจ๊อ้วนขึ้นไง ใช่มั้ย ใช่รึเปล่า แล้วหนูต้องมารับผิดชอบต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของเจ๊ด้วยหรือ หืมมมมม
หลังจากนั้นเราก็ปวดหัวเลย เจอแขกแบบนี้เข้าไป ...... เลยแอบไปฟ้องหัวหน้า 55555 หัวหน้าเราเป็นคนที่น่ารักที่สุดดดดดดแล้ว หัวหน้าเข้าใจเราแล้วก็ปลอบใหญ่เลย บอกว่าอย่าคิดมาก ทำงานบริการก็ต้องเจอคนแบบนี้แหละ แล้วก็พูดแซวเล่นๆ ว่าวันหลังเจอแบบนี้ด่ากลับไปเลยนะ อย่าไปยอม เอ้อ เอาซี้
น้ำหนัก!!!!อันนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำใจค่ะ ของกินมันอร่อยนี่น่า T_T ส่วนตัวมิ้วนั้นได้กลับมาห้าโล และ still counting เด้อออ เฮ้อ ขอเวลาลดอีกแพพพพ
อ่ะๆ พอหลังจากทำงานเสร็จ มิ้วก็ได้เงินทั้งหมด รวมแล้วประมาณเกือบ 2,000 ดอล (น้อยมากเพราะทำงานแค่ 2 เดือน) หักค่ากินค่าบ้านแล้ว ก็เหลือประมาณพันกว่าๆ ก็ได้เอาเงินนั้นไปเที่ยวต่อ มิ้วไปเที่ยวที่ NYC ประมาณ 3-4 วัน แล้วก็ข้ามไป LA ประมาณ 10 วัน สนุกมากกกกก
รู้สึกว่าทริปนี้ เป็นอะไรที่ประทับใจมาก(*≧▽≦)จะไม่มีวันลืมเลย เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ครั้งนึงในชีวิตที่ได้ไปทำอะไรแบบนี้ ลองไปใช้ชีวิตในต่างแดน มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี เคยมีบางครั้งที่ร้องไห้คิดถึงบ้าน และร้องไห้เพราะไม่อยากกลับบ้าน 55555555 ความฝันได้เป็นจริง คือการไป Time Square และ Hollywood รู้สึกมีความสุขมาก แบบสถานที่ที่เรามองภาพในรูปภาพมาตลอด วันนี้ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ตื้นตันมากจริงๆ
ไปเที่ยวใน NYC
ไปเที่ยวที่ LA
#สายกิน
#สายช็อป
พูดเลยว่างานนี้หมดตัวกันเลยทีเดียว 5555 เหลือกลับมาบ้านแค่ 4 ดอล (โดนคุณหญิงแม่ด่ากระจาย) แต่ว่าคุ้มสุดๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ อ่านมาถึงตรงนี้ มีใครเริ่มอยากไปเวิร์คกันบ้าง ใครที่ปิดเทอมหน้าอยากจะไปท่องโลกกว้างแบบมิ้วบ้าง ไหนๆๆๆๆ ขอเสียงหน่อยเร็วววววว ฮิ้ววววว
สำหรับใครที่มีความฝัน ครั้งนึงในชีวิตอยากจะไปหาประสบการณ์ดีๆ แบบนี้บ้าง
STOP saying 'I wish', START saying 'I will'ทุกความฝันไม่ไกลเกินเอื้อม ขอแค่เราลงมือทำมันก็พอ ออกจาก comfort zone เดิมๆ ของเรา ลองสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตดูบ้าง อย่ากลัวที่จะเจอสิ่งใหม่ๆ เกิดมาครั้งเดียวก็ทำทุกความฝันให้เป็นจริงซะ
ไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่ใช่ข้ออ้าง เราฝึกกันได้ ในเมื่อเรารู้ว่าเราไม่เก่ง ยิ่งต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า ถ้ายอมแพ้ก็เท่ากับทิ้งความฝันของตัวเอง แล้ววันนึงมานั่งเสียใจก็เปล่าประโยชน์ เป็นกำลังใจให้ทุกคนน้า สู้ๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าอยากไป ก็ลุยเลย จะรออัลไลเล่า!
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
Discussion (3)