เที่ยวใกล้ๆ แต่สุขใจที่อัมพวา #เที่ยวไทยมีเฮ #จัดหนักทุกมื้อ

............เราคนไทย เราก็ต้องเที่ยวไทยย...............ช่วงนี้กระแสเที่ยวไทยมาแรงสุดๆค่ะ

วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกเบื่ออยู่ในเมือง เลยชวนคุณแฟนออกไปเที่ยวที่ใกล้ๆ นอนสงบๆซักคืน คือจริงๆ อยากไปพักผ่อนจิตใจ และ ใช้ชีวิต slow life เลยไปตัดสินใจแพคกระเป๋าไปอัมพวากัน แบบ เป็นทริปสั้นๆ ค่ะ จริงๆก็เคยไปอัมพวาหลายรอบละนะ แต่ครั้งนี้ รู้สึกว่ามีความประทับใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นทริปแรก ที่รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนจริงจัง ที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน ลงตัวไปหมด เลยอยากจะมาแชร์ บอกเล่ากันค่ะ

 ออกจากบ้านประมาณเที่ยงค่ะ ค่อยๆขับรถมา มาถึงที่พักก็ประมาณ บ่ายกว่าๆ เกือบบ่ายสอง สิ่งแรกที่มาก็คือ "กิน" ค่ะ เพราะหิวมาก ด้วยความขี้เกียจ เลยไม่ได้ออกไปไหน กินมือ้เที่ยงที่ที่พักเลยจ้าาา เพราะดูเมนูอาหารแล้ว น่ากินมากๆ ราคาไม่แพง แถมได้นั่งริมน้ำอีก ถูกใจเลย ขออวดเมนูอาหารที่สั่งตามนี้เลยจ้า

พอกินเสร็จแล้ว ก็ง่วงล่ะสิ เลยไปเช็คอินที่พักค่ะ รีสอร์ทที่มาพัก ชื่อ บ้านทิพย์สวนทอง เป็นแนวบ้านๆ สบายๆ คนรุ่นพ่อ รุ่มแม่เราน่าจะชอบ เพราะมันจัดแบบโบราณนิดนึง ไม่ค่อยมีแสงสีเสียงอะไรให้วุ่นวาย บรรยากาศร่มรื่นดีค่ะ ที่พักเค้าจะมีแบบ เป็นบ้านอยู่ได้ทั้งครอบครัว หรือจะอยู่บนตึกเหมือนห้องโรงแรมก็มีให้เลือกค่ะ พอดีวันที่ไปห้องเค้าเต็มเกือบหมด เลยได้ไปอยู่ในส่วนตึก ชื่อ ทองธรรมชติ เป็นตึกไม้ ด้านนอกสวยมาก เป็นแนวไม้ๆ แต่ด้านในห้องจะค่อนข้างฉีกแนวไปนิดนึง เป็นสีขาวๆ วินเทจๆค่ะ

ห้องที่เราได้พัก กว้างดีนะคะ จัดตกแต่งง่ายๆ เหมือนบ้านเลย แต่ที่งงๆ คือ ของที่ตกแต่งบางอย่างไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ เช่น โซฟาสีแดง ในขณะที่ทั้งห้องสีขาวหมด เลยแปลกค่ะ ส่วนห้องน้ำก็บ้านๆดีค่ะ ไม่ค่อยชอบซิงค์ล้างหน้าอ่ะ มันลายดอกไปหน่อย (เรื่องมากมะ 555+)

พอประมาณห้าโมงนิดๆ ก็เริ่มอยากออกไปเดินเล่นละ เลยไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำอัมพวาค่ะ กะจะไปหาอะไรกิน เดินเล่นดูร้านต่างๆ แต่พอไปถึง ก็รู้สึกอยากขึ้นเรือดูหิ่งห้อย เพราะ ตอนแรกเข้าใจว่า ไม่น่าจะมีหิ่งห้อยหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ก็มีหลายคนไปจองเรือรอบ 6 โมง เราก็อยากไปมั่ง น่าจะโรแมนติกเนอะ เหมือนพวกรายการวันวานยังหวานอยู่ เลยซื้อเรือ รอบ 6 โมงครึ่ง ราคาค่าตั๋วคนละ 60 บาทค่าาา

เรือ 60 บาท อยากจะบอกว่าคุ้มมากๆๆๆๆ เพราะนั่งไป ประมาณ 1 ชั่วโมง และที่สำคัญ ยังมีหิ่งห้อยตามต้นลำพูนจริงๆ แต่ไม่มากเหมือนสมัยก่อนนะคะ ลมเย็นสบาย ในเรือมีเสื้อชูชีพให้ด้วยนะคะ ถือว่าปลอดภัยอยู่ ถือว่าคิดไม่ผิดที่มาลงเรือกัน

พอนั่งเรือเสร็จก็มาเดินเล่นค่ะ ร้านหลายๆที่เปิดจนมืดค่ำเลย เอารูปมาแบ่งให้ชมกันค่าา

แต่ด้วยความที่ตลาดน้ำอัมพวาคนเยอะเหมือนกันค่ะ ของกินมันก็กินได้เล็กๆน้อยๆ ก็มีความไม่อิ่ม เลยกลับมากินมื้อเย็นที่รีสอร์ทค่ะ ครัวที่นี่ปิด สองทุ่มครึ่ง เรากลับมาประมาณสองทุ่มพอดี ก็เลยยังทันจ้าาา

หลังจาก อิ่มพุงแตกแล้ว ก็มาเข้านอนค่ะ ทางรีสอร์ทมีให้ใส่บาตรตอนเช้าด้วย คือพระจะมาบิณฑบาตตอนเช้า พายเรือมาริมน้ำ ตอนประมาณ 6 โมงเช้า พอฟังเวลาแล้ว คิดว่าไม่น่าตื่นทันแน่นอน ทางรีสอร์ทก็บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ มี morning call ก็เลยโอเคก้อด้ายยยย  แล้วทางรีสอร์ทเค้าจะจัดอาหารใส่บาตรเท่าจำนวนพระที่มาด้วยค่ะ อันนี้คือเริ่ดอ่ะ

พอใส่บาตรเสร็จ ตอนแรกกะว่าจะไปนอนต่อ เพราะมันเช้าเหลือเกิน แต่ว่ามันก็ไม่ค่อยง่วงนะ เหมือนปลดล๊อคไปแล้วตอนเช้า 555 ตื่นเช้ากว่าไปทำงานอีก  ทางเจ้าหน้าที่ประกาศว่าไปทานอาหารเช้าได้ ก็เลยเปลี่ยนจาก ไปนอน เป็น ไปกินแทน

อาหารเช้าของที่นี่จะรวมๆกันคือจะมีส่วนที่คล้ายๆ American Breakfast คือ พวกไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง สลัด และมีส่วนของอาหารไทย เช่น ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ขนมครก น้ำเต้าหู้ ข้าวผัด ของหลากหลายใช้ได้เลยค่ะ เห็นทางเจ้าหน้าที่รีสอร์ทเค้าบอกว่า ผักที่นี่ปลูกเอง ไม่ใช้สารเคมี แถมสะอาดปลอดภัยด้วยน้าา

พอกินเสร็จแล้ว ก็ออกไปเดินเล่น รอบๆรีสอร์ท แวะชิมกาแฟที่ร้านกาแฟค่ะ มันเป็นร้านไม้ๆเก่าๆ ไม่มีคนเลย เลยลองสั่งคาปูไป 1 แก้ว นั่งจิบกาแฟ สบายใจ

และแล้วก็ถึงเวลาต้องลากลับ เป็นทริปที่ (ของกิน) ดีมากจริงๆ อิ่มพุงแตก เลยค่ะ แทบจะกลิ้งกลับ กทม ขากลับยังซื้อน้ำวุ้นว่านหางจระเข้ กับ อัญชัญมะนาว กลับบ้านด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ฮ่าๆ เพราะตอนนั้นก็เช็คเอาท์แล้ว ข้าวของพะรุงพะรัง ชอบทุกอย่างเลยที่มาครั้งนี้ ทั้ง รีสอร์ทที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจ นั่งเรือชมหิ่งห้อย เดินเล่นเรื่อยเปื่อย และที่สำคัญคือ อาหารการกิน อุดมสมบูรณ์สุดๆ คิดว่าถ้าว่างๆ ต้องมาที่นี่อีกแน่นอนค่ะ หวังว่ารีวิวทริปนี้จะทำให้เพื่อนๆ อยากเที่ยวเมื่องไทย หรือไม่ก็ทำให้หิวท้องร้องกันนะคะ วันนี้ไปก่อน สวัสดีค่าาาาา