รีวิว La Lumee ครีมฟื้นฟูผิว สำหรับผิวบอบบางและติดสาร!!

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว jeban ทุกๆคนนะครับ

ห่างหายไปสักพัก วันนี้กลับมาแล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่โอมจะมารีวิว ครีม หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลผิว

แต่จะเรียกว่าดูแลอย่างเดียวคงไม่ถูก เพราะงานนี้อาจต้องใช้คำว่า ฟื้นฟูกันเลยทีเดียว

ต้องบอกก่อนว่า ปัญหาผิวที่ว่านี้เป็นปัญหายอดฮิตที่เจอกันเยอะ แล้วโอมเองก็เจอกับตัวเอง ตอนแรกก็เข้าใจว่าตัวเองผิวแพ้ง่ายปกติ เลยใช้ครีมอะไรแทบไม่ได้เลย แต่มีข้อสังเกตว่า ถ้าเกิดเจอครีมตัวไหนที่ใช้ได้ไม่แพ้ ก็ห้ามเปลี่ยนหรือหยุดใช่ ถ้าหยุดขึ้นมาหน้าก็พังทันที เจอปัญหาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันนึงได้มีโอกาสได้ปรึกษากับคุณหมอเลยได้รู้ว่าหน้าของเราติดสารสเตียรอยด์เข้าแล้ว ตอนแรกที่รู้ก็ตกใจมากเพราะครีมที่ใช่อยู่ก็เรียกได้ว่าใช้มานานเป็นปีๆ โดยที่คุณหมอบอกว่า ปกติคุณหมอจะใช้สเตียรอยด์รักษาคนไข้ในเวลาสั้นๆ ไม่เกิน2สัปดาห์ แล้วให้หยุดทันที  แน่ในเคสของโอมเองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ มานานสองถึงสามปีโดยไม่มีการดูแลจากคุณหมอ อันนี้ก็ต้องฟื้นกันยาว

หลังจากที่ทราบว่าตัวเองมีอาการติดสารสเตียรอยด์แล้วก็เร่งหาข้อมูลทั้งคุยกับคุณหมอและอ่านข้อมูลต่างๆ โดยสรุปแบบง่ายๆก็คือตอนนี้ผิวของเราอ่อนแอมาก และบอบบางสุดๆ เรื่องการบำรุงเพิ่มเติมหรือครีมที่มีส่วนผสมดีงามแค่ไหนก็อาจไม่เหมาะกับเราทั้งนั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญตอนนี้คือความชุ่มชื้นและความแข็งแรงคืนให้ผิว อันนี้สำคัญจริงๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนผิวหน้าแห้งเลย จนกระทั่งหยุดใช้สเตียรอยด์ ผิวหน้าแห้งและคันมาก สิ่งที่ทำได้ก็คืออดทนและใจเย็น คิดไว้เสมอว่าเราทำร้ายผิวมานาน คงต้องให้เวลาเขาหน่อย ในขั้นตอนของการๆฟื้นฟูนั้น ครีมมีเลือกใช้ต้องมีความอ่อนโยนพอสมควรแล้วที่สำคัญต้องให้ความชุ่มชื้นได้จริง ในตอนแรกคุณหมอที่โอมเข้าไปปรึกษาให้คำแนะนำให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หรือน้ำเปล่าเลยได้ยิ่งดี และครีมก็แนะนำให้ใช้ physiogel ai cream หรือ ezerra ครีม ที่เน้นให้ความชุ่มชื้นและเหมาะกับผิวติด สเตียรอยด์

หลังจากลองใช้ทั้งสองยี่ห้อก็ไม่เห็นความแตกต่างมากเท่าไหร่ โดยรวมก็ให้ความชุ่มชื่นคล้ายกัน อาจจะต่างในส่วนของเนื้อครีมและกลิ่นเล็กน้อย ช่วยให้อาการคันบนใบหน้าลดลงบ้าง แต่อาจต้องคอยทาบ่อยๆ เพราะเคสเราเป็นเคสที่หนักพอตัว บอกตรงๆว่าเครียดมากกับปัญหานี้ แต่เครียดแล้วก็เหมือนจะไม่ดีขึ้น ระหว่างรักษาก็ยังเสาะหาหนทางที่จะช่วยให้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพื่อนสนิทได้แนะนำครีมตัวนึงให้ใช้ ชื่อว่า La Lumee ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ เพราะหน้าเราก็กำลังโคม่า แต่เขายืนยันนอนยันว่ามันเหมาะกับปัญหาผิวที่เราเป็นอยู่จริงๆ จนครีมมาตั้งอยู่ในบ้านแล้วก็ยังนั่งมองไม่กล้าใช้ พออ่านข้อมูลของครีมวนไปวนมาแล้วก็เริ่มมีความอยากลองขึ้นมา เลยแกะกล่องดู ปรากฏว่า ครีมในขวดน้อยมากจ้า 555 คือบรรจุไม่เต็มขวดนะ แต่ถ้าดีจริงก็ต้องยอม คืนแรกที่ตัดสินใจลองก็คือเผื่อใจไว้แล้วว่าถ้าวันรุ่งขึ้นหน้าเห่อขึ้นมาคงไม่ต้องไปไหน...

และแล้วผลการทดลองใช้ก็ผ่านไปด้วยดี สองสามวันแรกคือไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่แพ้ ไม่มีผื่น ไม่คัน แต่ก็ยังไม่ได้เห็นว่าผิวหน้าเปลี่ยนไป แต่พอใช้ไปได้15 วันโดยประมาณ ก็รู้เลยว่า เห้ยยย มันไม่ธรรมดา คือครีมอาจจะไม่ได้ช่วยให้หน้ากลับมาใสทันควัน แต่จากที่ต้องทาครีมบ่อยๆเพราะคันจากปัญหาติดสาร ตอนนี้ทาตอนเช้ากับก่อนนอน สองรอบก็เอาอยู่ เนื้อครีมมีความหนาแน่นไม่ต่างจากครีมที่เคยลองมากนัก แต่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวดีมาก ประมาณ 1 นาทีแรกที่ทาลงผิว อาจจะรู้สีกมันๆ เหนอะๆเล็กน้อย แต่ไม่ต้องตกใจคือเป็นแค่ไม่นาน สักพักเนื้อครีมจะซึมไปเอง ตอนแรกที่ใช้แล้วดีขึ้นก็รู้สึกดีใจมากๆ ตอนนี้ใช้ไปเกือบหมดขวดแรก (เพื่อนให้มา) เรียกได้ว่ามีความพึงพอใจมากพอสมควร ด้วยปริมาณที่ได้ เทียบกับราคาก็อาจจะไม่ใช่ถูก แต่ถ้าสำหรับคนที่มีปัญหาติดสารเหมือนกับโอม จะเข้าใจเลยว่าก็ต้องยอม เพื่อผิวที่แข็งแรงขึ้น

รวมๆแล้วก็ถือว่า ประทับใจนะครับกับสกินแคร์ตัวนี้ อาจไม่ได้เน้นเรื่องขาวใสแบบที่หลายๆคนต้องการ แต่เรื่องผิวแข็งแรงสุขภาพดีคือเอาอยู่ เป็นการเริ่มต้นที่ดีของการดูแลและรักษา

ขอบคุณทุกๆคนที่แวะเข้ามาอ่านกันนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน ยิ่งคนที่กำลังมีปัญหาผิวหน้าติดสารอยู่ น่าจะสบายใจขึ้นบ้าง : ) ถ้ามีเวลาจะกลับมารีวิวให้ดูกันอีกนะครับ

Discussion (7)