[Review] 2016 ผ่านไป มาดูว่าได้ลองอะไรกันไปบ้าง
XiaoYian195สวัสดีปีใหม่ค่าา พอขึ้นปีใหม่ก็เห็นเพื่อน ๆหลายคนทำรีวิวสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่ใช้ไปในปี 2016 กันเยอะมาก ๆ เราก็เลยอยากทำตามด้วย 55555 อยากทำเป็นบันทึกเก็บเอาไว้ เผื่อจะได้กลับมาอ่านว่าเราเคยใช้อะไรไปบ้าง จริง ๆอยากทำตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว แต่เวลาไม่อำนวยเลยค่ะ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่เอามารีวิวอันนี้ บางอันเลยรวมที่เคยใช้ไป (และยังจำได้อยู่) ของปี 2015 ไปด้วยเลยค่ะ บางอันก็ทิ้งไปแล้ว เลยอาจจะไม่มีรูปประกอบนะคะ (รูปถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ ขออภัยถ้ามันไม่ค่อยชัดนะคะ ;__; )
อ้อ ก่อนจะไปรีวิว ขอพูดถึงภาพผิวหน้าของเราก่อนนะคะหน้าเราเป็นผิวผสมที่ค่อนไปทางมันเล็กน้อย ถ้าแต่งหน้าโดยใช้คสอ.แบบไม่คุมมันก็มีแอบเยิ้ม ไม่ค่อยมีสิวเท่าไหร่ มีแต่สิวผดข้างแก้มเล็กน้อย และมีรอยสิวข้างแก้มนิดหน่อย ผิวหน้าค่อนข้างทนทานชนิดทาเบนแซคทิ้งไว้ข้ามคืนก็ไม่เป็นไร บางทีเวลาใช้สกินแคร์ที่เค้าว่ากันว่าดีหลาย ๆตัวเลยไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ Orz... เราเลยแทบไม่มีสกินแคร์ลูกรักเลยค่ะ มีแต่เปลี่ยนไปลองอันนั้นอันนี้เรื่อย ๆ 555
ลักษณะการซื้อสกินแคร์และเครื่องสำอางของเราจะออกแนวไปทางสั่งออนไลน์ เพราะเป็นคนไม่ค่อยถนัดพูดต่อหน้า พออ่านรีวิวเยอะ ๆแล้วเริ่มกลัวบีเอเหวี่ยง เลยสั่งออนไลน์ดีกว่า TvT แต่บางอย่างได้ลองไปซื้อที่เคาน์เตอร์แล้วประทับใจก็เลยอยากมาแนะนำเคาน์เตอร์ที่บีเอบริการดี ใจดีด้วย เผื่อเพื่อน ๆที่เป็นแบบเราจะได้ลองเข้าไปใช้บริการค่ะ
มาเริ่มกันจากหมวด Toner ก่อนเลยเนอะ Smooth E Acne Clear Whitening Tonerราคา : ไม่ได้เป็นคนซื้อเองเลยไม่ทราบราคาค่ะสถานที่ซื้อ : วัตสันโทนเนอร์ของสมูทอีที่(เราเข้าใจเอาเองว่า)โด่งดังในเรื่องของสิว ๆ จริง ๆไม่ได้ตั้งใจจะใช้ แต่พอดีโทนเนอร์ที่เคยใช้อยู่หมด เลยย่องไปห้องน้องสาวแล้วหยิบมาใช้ค่ะ 55555 ใช้แล้วไม่แน่ใจว่าช่วยในเรื่องของสิวแค่ไหน เพราะตอนนั้นหน้าไม่ค่อยมีสิวเท่าไหร่ แต่ที่รู้สึกได้คือ รู้สึกว่าเช็ดแล้วหน้าสะอาด มีกลิ่นหอม ราคาก็ไม่แพง
Aqua+ Series Toner ราคา : ตอนที่ซื้อเค้าจัดโปรอยู่ น่าจะประมาณ 950 บาท สถานที่ซื้อ : วัตสันBA : ก็คุยดีอยู่ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบวิธีการขายแบบนี้ โทนเนอร์ตัวนี้เป็นตัวที่ได้มาแบบงง ๆตอนที่ตั้งใจว่าจะไปซื้อโทนเนอร์อันข้างบนซ้ำ แต่ระหว่างที่กำลังก้ม ๆเงย ๆหาอยู่ อยู่ ๆก็มีคนเข้ามาคุยด้วยแบบถามว่าซื้อใช้เองรึเปล่า ใช้สกินแคร์แบรนด์ไหนอยู่บ้าง บลา ๆ แล้วก็ลากเราไปเคาน์เตอร์เค้า สุดท้ายก็ได้มาขวดนึงแบบงง ๆค่ะ เค้าโฆษณาสินค้าใหญ่มากอะ แบบบอกว่ามันช่วยเรื่องสิว มีส่วนผสมของ Pitera ที่อยู่ใน SKII แล้วก็ช่วยเรื่องรอยสิวด้วยนะ แบบเรามีรอยสิวข้างแก้มที่ตอนม.ปลายชอบไปแกะสิว แล้วก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไรกับมันเท่าไหร่ มันเลยเป็นรอยมานานมากแล้ว ใช้อะไรก็ไม่น่าช่วยเท่าไหร่แล้ว แต่พี่เค้าชี้รอยนั้นละบอกว่า เนี่ย ใช้ตัวนี้ไป สองอาทิตย์ รอยสิวจะจางลงแน่นอน แต่พอใช้แล้วก็ไม่จางอะ (แหงละ...) ถ้าไม่นับเรื่องที่การโฆษณาที่เว่อร์ไป มันก็เป็นโทนเนอร์ที่เช็ดสะอาดดี แต่ราคาแรงไปหน่อย + ไม่ค่อยชอบวิธีการขายแบบเข้ามาประกบ ถามนั่นถามนี่อะ เราชอบซื้อของคนเดียวเงียบ ๆมากกว่า แต่น้องสาวเราเอาไปใช้แล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ นางบอกเช็ดแล้วรู้สึกไม่สะอาด (อ้าว...)
TONY MOLY Naturalth Goat Milk Moisture Tonerจริง ๆตอนนี้กำลังใช้ตัวนี้อยู่นะ แต่ลืมถ่ายรูปมาอ่า T^T ตัวนี้ได้มาเป็นของแถมจากการซื้อครีมในไลน์เดียวกัน เลยไม่ทราบราคาค่ะ มีกลิ่นหอมแบบนม ๆ เนื้อโทนเนอร์ก็เป็นสีขาวขุ่นแบบนม ๆตามชื่อสินค้า เช็ดแล้วไม่ได้รู้สึกสะอาดปึ้ด ๆ แบบตัวสมูทอีด้านบน ออกแนวเหมือนช่วยให้ความชุ่นชื้นกับผิวมากกว่า
ต่อไปเป็นหมวด Essence หรือเจ้าน้ำตบทั้งหลายแหล่ค่ะ
Tony Moly Intense Care Galactomyces Lite Essence 96.5%ราคา : 120 ml. ประมาณ 500 บาท อันนี้ซื้อออนไลน์ค่ะ อยากลองเพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาอ้างมันเหมือนน้ำป้าเจี๊ยบ SKII เลยนะยูว์ ด้วยความที่อยากลองก่อนว่า เราแพ้พิเทร่ารึเปล่า เลยลองซื้อมาใช้ดูก่อน กะว่าถ้าใช้ถูกกับหน้าจะได้ไม่ต้องไปลองอะไรที่แพงขึ้น ถ้าแพ้ก็ยกให้น้องสาวไป 55555 แต่พอเอามาลองใช้แล้ว เราไม่แพ้ก็จริง แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นกับหน้าเลยอะ เหมือนช่วยให้ความชุ่มชื้นธรรมดา Orz...
SK-II Facial Treatment Essence
ราคา : ซื้อเป็นเซตราคา 2,900 บาท (ได้ essence 75 ml., lotion 30 ml กับตัวครีม R.N.A 15 g. แล้วก็ได้บัตรนวดหน้าหรืออะไรซักอย่างอีก 1 ครั้ง) สถานที่ซื้อ : เคาน์เตอร์ SKII สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว BA : ดีมาก ๆๆๆ ครั้งแรกที่ไปซื้อเราใส่ชุดนิสิตแบบเพิ่งเรียนมาทั้งวัน รีบเดินมาซื้อด้วย สภาพเลยแอบโทรมเบา ๆ แต่พี่ที่เคาน์เตอร์บริการดีมาก ๆค่ะ ตอนแรกนึกว่าเดินมาซื้อชี้จ่ายเงินแล้วก็จบแยกย้าย แต่พี่เค้ามีให้ตรวจสภาพผิวด้วย แล้วก็มีการอธิบายวิธีการใช้สินค้าแต่ละอย่างอย่างละเอียด สงสัยอะไรก็ถามได้หมดเลย คือจริง ๆเรามาซื้อแบบไม่รู้อะไรเลย พี่เค้าจะข้ามไปคิดเงินเลยก็ได้ แต่เค้าไม่ทำอะ คุยดี น่ารักมาก ๆ ไปอีกครั้งคือไปใช้บริการจากบัตรที่ได้รับมาตอนแรก (เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันคือการมาส์กหน้า) เจอพี่บีเอคนละคน แต่บริการดีเหมือนกันหมดเลย ที่ประทับใจคือ เราถือถุงกระดาษใส่หนังสือเรียนหิ้วไปด้วย แต่ของมันหนักเลยฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อน พอตอนไปรับ พี่เค้าถามว่า จะเอาถุงไปซ้อนอีกชั้นมั้ย เหมือนถุงที่เราใส่มามันจะขาดแล้วนะ แล้วเค้าก็เดินไปหยิบถุงมาใส่ซ้อนให้ ตรงนี้ประทับใจมากก ทั้ง ๆที่วันนั้นเราไม่ได้มาซื้ออะไรเลย ถุงหนังสือเราจะขาดก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเค้าด้วยซ้ำ เราเลยรู้สึกว่าเค้าดูใส่ใจ ตั้งใจว่าต่อไปถ้าจะซื้อคงมาซื้อที่นี่แหละ ประทับใจ <3 (โอ้โห ยาวขนาดนี้ นี่มารีวิวสกินแคร์หรือรีวิวบีเอคะ 5555555)โอเค ในที่สุดเราก็มาถึงการรีวิวตัวสกินแคร์จริง ๆซักที 5555 ขอรีวิวรวมทั้งสามชิ้นในเซตเลยเนอะ เพราะเราเริ่มเปิดใช้พร้อมกับ ผลลัพธ์ที่ได้เลยน่าจะมาจากทั้งสามชิ้นเลย ณ ตอนนี้คือ ใช้ตัว Essence 30 ml. หมดไปแล้วขวดนึง (นี่ซื้อจากเน็ตมาลองดูก่อน รู้สึกว่าโอเค เลยไปสอยเซ็ตเล็กมา) ใช้ lotion 30 ml. กับครีม R.N.A 15 g. หมดแล้ว ส่วน essence 75 ml. หมดไปประมาณ 1 ใน 3 จริง ๆพี่เค้าบอกว่า เซ็ตนี้น่าจะใช้ได้ประมาณเดือนนึง แต่ด้วยความงก เราเลยใช้ได้นานกว่านั้น 5555 ความกระจ่างใสก็ผิวนี่ยังเห็นไม่ชัดมาก คิดว่าคงต้องใช้นานกว่านี้ถึงจะเห็น แต่ที่เห็นชัดคือ รู้สึกว่า หน้ามันน้อยลงค่ะ !//จุดพลุ แบบปกติตื่นนอนมามาแล้วลูบหน้าทีนี่แทบจะกวาดไปทอดไข่ดาวได้ฟองนึง 5555 แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว เย้ เย้ เย้ แต่ถ้ามีใช้เซรั่มตัวอื่นก่อนนอนก็อาจจะมันตรงจมูกนิดนึงนะ แต่ข้างแก้ม หน้าผากนี่ไม่เป็นไรเลยอะ ดีมาก ชอบบ แล้วก็รู้สึกว่ารูขุมขุนแถว ๆจมูกกระชับขึ้น แบบมันเล็กลงด้วย ถ้ามีเงินก็อยากจะไปซื้อ R.N.A ไซส์จริงมาใช้เหมือนกัน รู้สึกว่าเป็นตัวที่ช่วยเรื่องรูขุมขนจริงจัง แต่ตอนนี้ยังไม่มี รอไปก่อนนะ 55555
Biotherm Life Plankton Essence
ราคา : 30 ml. ประมาณ 500 บาท (ซื้อในเน็ต) , 220 ml. ราคาเต็ม 3,200 บาท แต่ได้มาจากร้านในเน็ตด้วยราคาประมาณ 2,500 เป็นน้ำตบที่ดังมากจนไม่รู้จะเขียนรีวิวทำไม ทุกคนน่าจะรู้ความดีงามของมันอยู่แล้วเนอะ 55555 ผลการใช้ของเราคร่าว ๆ คือ มันไม่ช่วยในเรื่องสิว หรือรอยสิวเลยยย แต่ช่วยในเรื่องการอักเสบ รอยแดง แบบเพิ่งแกะสิวมา เป็นแผลอะไรงี้ โปะตัวนี้ไป ตื่นมามันดีขึ้นเลยค่ะ ที่สำคัญคือช่วยในเรื่องความแข็งแรงของผิวด้วย แบบช่วงแรก ๆที่ใช้ตอน 30 ml. แรกที่ซื้อมาลองก่อน คือรู้สึกเลยว่า ผิวมันแข็งแรงขึ้นจริง ๆ แบบจับ ๆบีบ ๆแก้มดูละเฮ้ย ผิวแน่น 555555 ตอนแรก ๆที่อ่านรีวิวเห็นหลายคนบ่นเรื่องกลิ่นเหม็น แต่เราดมดูแล้วก็ไม่ได้เหม็นขนาดนั้นนะ เฉย ๆค่ะ แล้วก็...ขวดนึงราคาค่อนข้างแพง แต่ใช้ได้นานมากกกก พอลอง 30 ml. ละปลื้มปริ่มเลยจัดขวดใหญ่มาเลยค่ะ ใช้ได้นานมาก นี่ใช้เฉพาะตอนกลางคืน ใช้ตั้งแต่ต้นปี จะหมดปีแล้วยังไม่หมดเลยค่ะ นานมากจริง ๆ
SerumSulwhasoo First Care Activating Serum EX ราคา : ซื้อเป็นไซส์ทดลองขนาดเล็กจากในเน็ต 4 ขวด ประมาณ 2xx บาท เป็นเซรั่มที่เราลงหลังใช้โทนเนอร์เสร็จ เทลงฝ่ามือแล้วแปะเบา ๆที่ผิวหน้า ชอบตรงกลิ่นที่หอมมากกก ชอบกลิ่นแนว ๆนี้อยู่แล้วด้วย เห็นรีวิวคนอื่นเค้าบอกว่า ใช้แล้วจะช่วยให้สกินแคร์ที่ลงทีหลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ตรงนี้ไม่รู้จะดูยังไงว่ามันใช้ดีขึ้น ^^” แต่ก็รู้สึกว่าหน้าแข็งแรงขึ้นอยู่นะคะ
ESTEE LAUDER Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex II
ราคา : ได้ส่วนลด 10% เหลือ 4,140 บาท สถานที่ซื้อ : Central Onlineตอนแรกลังเลอยู่นานมากว่าจะซื้อจากเว็บอื่นดีรึเปล่าเพราะราคาถูกกว่านี้เยอะมาก แต่พอดีเห็นเค้ามีโปรลด 10% บวกของแถมที่อลังการมากกก เป็นกระเป๋าคสอ. 1 ใบกับสินค้าทดลองอีก 3 ชิ้น ANR 7 ml. อีก 2 ขวด กับบัตรนวดมือ (?) ที่ยกให้คุณแม่ไปแล้ว แล้วก็สะสมแต้มกับทางเซ็นทรัลได้อีก เลยตัดสินใจซื้อทางนี้ไป โดยเลือกไปรับที่ห้างสาขาใกล้บ้าน ซึ่งเค้าจะมีจุดรับสินค้าให้เราไปรับของค่ะ ตอนไปรับแอบเซ็งนิดนึงว่า พนักงานคนที่ดูแลเรื่องนี้หน้าเค้าดูเนือยมากกทั้ง ๆที่ตอนนั้นเราไปรับของตอนห้างเพิ่งเปิดได้ครึ่งชม. แต่ก็โอเค ยังไม่ถึงกับเหวี่ยงใส่เรา แต่เมื่อเทียบกับบีเอของเอสเต้ที่เราเดินผ่านตอนแรก บีเอคนนั้นดูสดใสกว่ามากเลยค่ะ พอมีคนเดินมาเค้าทักทายเสียงชัดเจน น้ำเสียงสดใสมาก พอเราหันไปมองก็ส่งยิ้มให้ เลยรู้สึกว่า คราวหน้าอาจจะไปซื้อที่เคาน์เตอร์น่าจะดีกว่า สำหรับตัวสกินแคร์ ปัจจุบันใช้ ANR ขวดเล็กทีได้มายังไม่หมดเลยค่ะ เลยไม่สามารถพูดถึงตัวไซส์จริงได้ 55 ผลลัพธ์ที่ใช้รวม ๆแล้วประทับใจคือ หน้าแข็งแรงขึ้น และช่วยฟื้นฟูให้หน้าไม่พังช่วงสอบค่ะ ปกติตอนสอบนี่เราอ่านหนังสือเยอะ ทำรายงานนั่นนี่นู่น ช่วงก่อนสอบอาทิตย์ - ช่วงสอบเลยเป็นช่วงที่หน้าเราพังมาก ๆ โทรม สิวขึ้น แต่พอใช้ตัวนี้ไป สอบไฟนอลที่ผ่านมา หน้าไม่พังค่ะ T^T o ! มีสิวขึนนิดนึง และเนื่องจากคุณพ่อเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนสกินแคร์ตัวนี้ เลยแบ่งให้คุณพ่อใช้ด้วยค่ะ คุณพ่อบอกว่าใช้แล้วรู้สึกหน้าตึงมาก 5555 รูขุมขนกระชับขึ้น แต่ใช้แล้วแอบหน้าแห้งนิดนึง ตอนนี้เลยอยู่ระหว่างหยุดใช้อยู่ค่ะ
Skinplants Rosehip oilราคา : น่าจะประมาณ 6xx บาท สถานที่ซื้อ : Vitamin Club เซ็นทรัลลาดพร้าว ตอนแรกไม่คิดว่า คนหน้ามันแบบเราจะมาใช้ออยล์เลยค่ะ แต่เหมือนมีช่วงนึงที่มีคนเริ่มสนใจออยล์กันเยอะ ๆเราก็ไหลตามกระแสเค้าไป 5555 ตอนแรกสนใจตัว Argan oil ก่อน แต่รู้สึกว่าราคาแพงไป + กลัวใช้แล้วหน้ามันกว่าเดิม เลยอยากลองอันที่ไม่แพงมากก่อน เลยมาเจอตัวนี้นี่แหละค่ะ ก่อนซื้อก็มีการสอบถามนั่นนี่จากเพจของแบรนด์เลย แอดมินเพจตอบดีและไวมากค่ะ แต่เราเอามาใช้ไปเกือบครึ่งขวดแล้วไม่ค่อยเกิดผลอะไรเท่าไหร่ รู้สึกหน้ามัน ๆด้วย เสียใจจ จะยกให้คนอื่นใช้คนที่บ้านก็มีแต่คนยี้ออยล์ - - สถานะปัจจุบันคือส่งต่อไปแล้วค่ะ
It 's Skin Power 10 Formula YE EffectorIt's Skin Power 10 Formula VC Effectorราคา : ประมาณ 3xx บาท ซื้อจาก Konvy อันนี้ขอรีวิวรวมกันเลยเพราะซื้อมาพร้อมกัน ใช้ใกล้ ๆกันด้วยค่ะ ไปเห็นรีวิวจากในทวิตเตอร์แล้วมาหาข้อมูลต่อเลยเกิดความอยากลอง 55555 แต่สั่งมาลองแล้วสรุปว่าผิวหน้าไม่ค่อยกระเตื้องอะไรเท่าไหร่เลยค่ะ ก็ดีอย่างที่ปกติมันเป็นอยู่ซะอย่างนั้น รอยสิวอะไรก็ไม่ได้เลือนเท่าไหร่ เสียใจ TT (เอาเหอะ อย่างน้อยก็ไม่แพ้นะ) อ๊ะ แต่เราชอบกลิ่นกับผิวสัมผัสตอนที่ใช้ตัว YE นะคะ หน้านิ่ม ๆดี
MoisturiserKiehl’s Ultra Facial Cream Oil-Free Gel Creamราคา : ประมาณ 1,000 บาท สถานที่ซื้อ : Kiehl’s shop สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวBA : ดีค่ะ บริการดี คุยดีตามมาตรฐาน ตอนนั้นกำลังหาครีมทาผิวที่เหมาะกับคนหน้าค่อนไปทางมัน ๆแบบเราอยู่ พอดีแวะไปชอปคีลส์เพราะจะเอาสกินแคร์ที่ใช้หมดแล้วไปแลก traval size เลยลองถาม ๆพี่ในชอปดู พี่เค้าก็แนะนำตัวนี้มาเลยเอามาลองซะหน่อย ก็ใช้ดีค่ะ ทำให้หน้าเราชุ่มชื้นดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้เราเศร้ามาก คือ ตอนไปทริปรับน้องของคณะ เราดันเอาเจ้ากระปุกนี้ใส่กระเป๋าเดินทางแล้วไว้ใต้รถทัวร์ตรงที่เค้าเก็บกระเป๋ากันอะค่ะ พอตอนเย็น เปิดฝาออกมา เหมือนใต้รถมันร้อน เลยระเหย (?) หายไปเยอะเลย T^T ถ้าใครจะใช้ต้องระวังเรื่องความร้อนดี ๆนะคะ
The Saem Jeju Fresh Aloe Soothing Gel 99%ราคา : จำไม่ได้แล้ว ซื้อมาจาก Konvy เป็นแพคคู่อย่างละ 300 ml. จำได้แค่ราคาถูกมากกเมื่อเทียบกับปริมาณ ตัวนี้จริง ๆเราไม่ได้ตั้งใจจะซื้อค่ะ แต่น้องสาวอยากได้ นางเลยฝากเราสั่ง แต่พอเอามาใช้ไป ๆมา ๆคนซื้อขี้เกียจทาครีมไปซะอย่างนั้น เราเลยเอามาช่วยใช้ ตอนเปิดฝามา อย่างแรกที่รู้สึกเลยคือ กลิ่นน้ำหอมแรงมากกก x-x ใช้แล้วก็ช่วยให้ความชุ่นชื้นตามปกติตามสไตล์เจลว่านหางจระเข้ แต่มีข้อดีคือ ราคาถูกและปรืมาณมหาศาลมากก ซื้อตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ยังใช้ไม่หมดเลยค่ะ 555555
Naturalth Goat Milk Premium Cream
ราคา : ประมาณ 800 บาท ซื้อแล้วแถมตัวโทนเนอร์มาด้วย เป็นครีมที่ได้ไซส์ทดลองมาใช้ก่อน พอใช้แล้วชอบเลยสั่งไซส์จริงมาใช้ค่ะ แพคเกจจิ้งมาแบบสวยงามมากจริง ๆตอนเปิดออกดูถึงกับตกใจ 55555 เห็นดูดีแบบนี้ แต่ขวดเป็นพลาสติกนะคะ เลยไม่ได้หนักอะไรมาก ครีมนี่ให้มาแบบเต็มมาก แกะออกมาคือเสมอปากกระปุกเลยค่ะ กลิ่นหอมแบบนม ๆคล้าย ๆโทนเนอร์เลย เวลาใช้ก็ใช้ช้อนตักที่เค้าแถมมาให้ตักขึ้นมา ทำให้รู้สึกว่าครีมที่อยู่ในกระปุกจะยังคงความสะอาดอยู่ ตอนใช้เหมือนมันจะทำให้หนามันขึ้นนิดนึง แต่พอมันซึมแล้วก็ไม่ได้หน้ามันขนาดนั้น รู้สึกว่าใช้แล้วหน้านิ่มดีค่ะ ตอนนี้ใช้มาประมาณจะห้าเดือนแล้ว (เช้า-เย็น) เกือบจะหมดแล้วค่ะ
Mask Laneige Lip Sleeping Maskราคา : ประมาณ 4xx บาท ซื้อจาก Beauticool ลิปมาส์กตัวดังของลาเนจที่เห็นรีวิวในทวิตเตอร์ถี่มากจนตัดสินใจซื้อมาลองบ้าง เพราะเราเป็นคนที่ปากแห้งมากถึงมากที่สุดค่ะ แห้งแบบใช้ลิปแมทไม่ได้ ลิปสติกเนื้อปกติยังต้องทาลิปมันก่อน ถ้าเติมระหว่างวันจะเห็นรอยแห้ง แตกชัดเจนมาก พอเอามาใช้ ก็รู้สึกว่าโปะ ๆไว้ ตื่นมาแล้วปากนิ่มมาก ๆ ปากไม่แห้งด้วย ดีงามมากจนปัจจุบันโดนน้องจิ๊กไปวางทิ้งไว้ที่หอนางแล้วค่ะ 55555 แต่ข้อเสียคือแปรงที่เค้าให้มา ไม่รู้มือหนักไปหรือยังไง แปรงไปก่อนตัวมาส์กจะหมดอีกค่ะ ใช้ไปได้เกือบครึ่งกระปุก ตรงที่เป็นส่วนต่อระหว่างหัวแปรงนิ่ม ๆกับด้ามก็หักซะแล้ว TT
BIOTHERM AQUASOURCE Night Spaราคา : 20 ml. 3xx บาท จาก Beauticool หลังจากที่ปลื้มปริ่มไปกับน้ำตบแพลงก์ตอนแล้ว เราก็อยากจะลองมาส์กของเค้าบ้าง เลยลองสั่งไซส์ทดลองของตัวนี้มาลองดู เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลสีฟ้าขุ่น ๆ เราใช้ทาหลังจากที่ลงสกินแคร์เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าวันไหนขีเกียจมาก ๆ ก็ใช้แค่น้ำตบแล้วตามด้วยตัวนี้เลย ตื่นมาแล้วหน้านิ่มมากค่ะ ดูมีน้ำ ชุ่มชื้น ตัวนี้น้องสาวเราลองใช้แล้วก็ชอบมากเหมือนกัน
BK MASK Acne Mask
ราคา : ประมาณ 3xx บาท จากในเน็ต เป็นมาส์กสิวที่หลาย ๆคนชอบมากก แต่ทั้งเราทั้งน้องสาวใช้กลับไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ คือก็ช่วยให้สิวยุบอยู่ แต่ค่อนข้างช้า ใช้แล้วค่อนข้างเฉยและเรามีมาส์กสิวที่ชอบมากกว่าตัวนี้ กะว่าหมดก็คงไม่ได้ซื้อต่อแล้ว สำหรับเรา ตัวนี้มันดีเวลาแกะสิวแล้วเป็นแผล รู้สึกแผลจะหายไว
Loreal White Perfect Sleeping Mask
ราคา : จำไม่ได้แล้ว แต่ตอนซื้อมีโปรโมชั่น น่าจะประมาณ 300 ต้น ๆ
สถานที่ซื้อ : โลตัส
ซื้อเพราะเห็นโฆษณามันเด้ง ๆ ขึ้นมาในเฟซบุ๊กบ่อยมาก บวกกับตอนนั้น sleeping mask ที่มีอยู่กำลังจะหมดพอดี คอมเม้นต์จากคนที่ซื้อมาใช้ก็ดูดี เลยซื้อมาลอง เนื้อเป็นเจลใส ๆ มีเม็ด ๆอะไรซักอย่างอยู่ในเนื้อเจลด้วย แต่พอทาลงหน้าแล้วก็เหมือนเม็ด ๆมันก็หายไปนะ ไม่เป็นเม็ด ๆติดหน้านะคะ 5555 ตอนแรกที่ทาไปจะรู้สึกมัน ๆนิดนึง แต่พอทิ้งไว้แป๊ปนึงก็ไม่มันแล้ว ใช้แล้วตื่นมาหน้าเด้ง นิ่มเลย <3 แต่เรื่องความขาวนี่ยังไม่ค่อยแน่ใจ เท่าที่อ่านผ่าน ๆเหมือนเค้าบอกว่า ถ้าใช้ ติดต่อกัน 8 สัปดาห์ จะเห็นผลในเรื่อง dark spot ด้วย แต่นี่ยังใช้ไม่ถึง
Laura Mercier Flawless Skin Face Polish (ได้เป็นของแถม)
ตัวนี้ได้มาเป็นของแถมจากการซื้อของถึงยอดที่กำหนดในเว็บที่เราซื้อประจำ จริง ๆไม่ใช่มาส์ก แต่เอามายัดไว้เพราะปกติไม่ได้ใช้ตัวสครับหน้าเลย 5555 ตัวนี้เป็นตัวสครับหน้าที่พอใช้เสร็จแล้วรู้สึกว่า หน้านิ่มมากก ชอบค่ะ แต่ถ้าจะถามว่า ซื้อไซส์จริงคง ไม่อะ ราคาเต็มน่าจะแพง ปกติไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว + สครับหน้าที่ถูกและดีก็มี Cleansing
THREE Balancing Foam
ราคา : ประมาณ 1,400 บาท แต่เราได้มาจากร้านประจำในเน็ตช่วงล้างสต๊อกเลยถูกกว่าที่ขายในเน็ตปกติ เป็นสินค้าอีกตัวของ THREE ที่มีชื่อเสียงตีคู่มากับตัวคลีนซิ่งออยล์เลย ที่เราชอบคือ กลิ่นค่ะ หอมมาก ๆ บางทีแอบมีการดมก่อนใช้ด้วย 5555 ใช้แล้วก็ล้างหน้าได้สะอาดดี กลิ่นหอมด้วย แต่ตอนใช้ช่วงแรก ๆแอบหน้าเอี๊ยดไปนิดนึง (เอามือลูบหน้าแล้วมันติด ๆอะค่ะ ไม่ลูบผ่านไปเลยเหมือนปกติ) แต่พอใช้ไปซักพักก็ไม่เป็นแล้ว ไม่รู้มันชินหรือยังไง 555 ข้อดีคือ ใช้แค่นิดเดียวแต่ถู ๆออกมาได้ฟองเยอะมากก ขนาดเราไม่ได้ใช้ที่ตีฟองยังได้เยอะมาก ๆ
Clearly Corrective White Purifying Foaming Cleanserราคา : ไม่ทราบราคาเพราะเอาพ้อยต์ไปแลกมา สถานที่ซื้อ : Kiehl’s shop สาขาพารากอน BA : ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเรารึเปล่า เป็นคนที่กลัวบีเอพารากอนยิ่งกว่าเซ็นทรัล 5555 อาจจะเพราะที่บ้านเดินเซ็นทรัลบ่อยกว่า ทำให้กลัวน้อยกว่า (?) แต่พอดีนัดเพื่อนไว้แถวนั้นเลยแวะเอาพ้อยต์ไปแลกก่อนหมดอายุ พี่ที่ชอปใจดีมากก วันนั้นจำได้ว่าซื้อลิปบาล์มแค่อันเดียวให้แต้มครบแล้วก็แลกโฟมล้างหน้ามา แต่พี่เค้าก็ให้อายครีมมาลองใช้ด้วย คุยดีมาก ๆ ประทับใจค่ะ เป็นโฟมล้างหน้าที่เนื้อออกสีขาวมุก ๆ วาว ๆ ล้างสะอาดดี ขวดใหญ่ ใช้ได้นานมากก แต่แอบหน้าเอี๊ยดกว่าของ THREE (ช่วงเวลาที่ล้างแล้วรู้สึกหน้าเอี๊ยดยาวนานกว่า) เข้าใกล้บริเวณตาแล้วแสบตามากก ซึ่งเราก็โง่ไปถูใกล้ ๆตาบ่อย ๆอีก TT
Set อันนี้เป็นเซตที่เราซื้อมาตอนกำลังเห่อ Kiehl’s ใหม่ ๆเลยบ้าจี้ซื้อมาหลายอันมาก 5555 ตอนนั้นหน้ากำลังเป็นสิวอยู่พอดี เลยซื้อมาด้วยความหวังว่ามันจะช่วยกู้หน้าที่กำลังพังทลายของเราได้ สกินแคร์ที่ซื้อมาตอนนั้นก็จะมีประมาณนี้ค่ะ
- Blue Herbal Gel Cleanser
- Blue Herbal Moisturiser
- Blue Astringent Herbal Lotion - อันนี้เป็นโทนเนอร์
- Acne Blemish Control Daily Skin-Clearing Treatment - เหมือนเป็นตัวละลายสิว แต่ราคาค่อนข้างแรง
- Kiehl’s Clearly Corrective™ Dark Spot Solution - ช่วยเรื่องทำให้รอยสิวต่าง ๆจางลง
กันแดดCanmake Mermaid Skin Gel UV SPF 50+/ PA++++
ราคา : ประมาณ 300 บาทได้ สถานที่ซื้อ : วัตสัน, Matsukiyo อันนี้เริ่มไปหามาเพราะเห็นรีวิวจากเพื่อน ๆในจีบันเนี่ยแหละค่ะ แพกเกจจิ้งน่ารักมาก ก็เลยลองไปหามาลองดู เป็นกันแดดเนื้อเจลที่ซึมลงผิวค่อนข้างไว เป็นเมคอัพเบสได้ด้วย แต่รู้สึกว่าไม่ได้ช่วยคุมมันนะ คือไม่คุมมันแต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่ม
Kiehl's Ultral Light Daily UV Defense Sunscreen SPF 50 PA+++ (ได้มาเป็นของแถม)พี่ที่ชอป Kiehl’s ให้มาลองตอนที่มันเพิ่งออกใหม่ ๆเลยได้มีโอกาสลองใช้ค่ะ เป็นครีมกันแดดเนื้อครีมที่ไม่เหนียวเท่าไหร่ ซึมค่อนข้างไว หลังทาเสร็จ พอเอามือทาบแก้มเหมือนกับเหนียว ๆนิดนึง เป็นความรู้สึกเหมือนตอนเราทาครีมทั่วไปเลย พอทิ้งไว้ซักพักก็ไม่เหนียวแล้ว ไม่คุมมัน แต่ก็ไม่ทำให้หน้ามัน
Biore Aquarich
ราคา : ประมาณ 300 บาท สถานที่ซื้อ : วัตสันเป็นกันแดดขวดใหญ่ที่ราคาไม่แพงเลยย ที่สำคัญคือเหมือนจะใช้ได้ทั้งหน้าและตัว แต่ดันถูกกว่ากันแดดแบบหลอดรุ่นเดียวกันซะอย่างนั้น 5555 ตอนนี้เราเอามาใช้ทาตัวอยู่ ซึมไว ไม่เหนียวเลยค่ะ ดีงาม
คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอาง เราแต่งหน้าไม่ค่อยเยอะ บางทีแค่ลงคุชชั่นกับทาลิปก็ออกจากบ้านแล้ว พอมาลองใช้อันไหนเลยดูดี ดูโอเคไปหมด แต่ก็อยากลองคลีนซิ่งหลาย ๆแบรนด์ไปเรื่อย ๆนะคะ 5555 Bifesta ราคา : ประมาณ 300 บาท สถานที่ซื้อ : วัตสันเป็นตัวล้างคสอ.ตัวแรกที่เราใช้เลยค่ะ เพราะราคาไม่แพงมาก แล้วก็รีวิวดี ตอนแรกที่ใช้ ใช้เป็นตัวสีฟ้า ๆก่อน แต่ตัวนั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเช็ดคสอ.ออกแล้วเหมือนมีอะไรมาเคลือบหน้าอยู่ พอหมดเลยย้ายไปลองสีน้ำเงินแทน ชอบตัวนี้มากกว่า รู้สึกเช็ดแล้วสะอาด สบายผิว
Garnierราคา : ประมาณ 2xx บาทสถานที่ซื้อ : วัตสันเห็นมีคนพูดถึงเยอะมาก ๆตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเอามาขายใหม่ ๆ ประกอบกับบีเฟสต้าที่เคยใช้อยู่หมดพอดี เลยไปหามาลองซักหน่อย ใช้ดีมากเหมือนกันค่ะ สะอาดดี
SK-II Facial Treatment Cleansing Gel (ได้เป็นของแถม)ตัวนี้ได้มาเป็นของแถมพร้อมกับสครับหน้าของลอร่า เราได้ลองใช้ไม่กี่ครั้งตอนไปฮ่องกง แล้วไม่อยากแบกคลีนซิ่งน้ำไป เลยหยิบตัวนี้ไปแทน ขั้นตอนการใช้จะยุ่งยากกว่าแบบน้ำนิดหน่อย แต่ก็โอเค สะอาดดีค่ะ แต่ถ้าจะซื้อไซส์จริงคงไม่เอา รู้สึกแพงไป ใช้แบรนด์ดรักสโตร์ก็สะอาดเหมือนกัน
Bioderma Sensibio H2O
ราคา : เป็นเงินไทยประมาณ 500 บาทสถานที่ซื้อ : ร้าน sasa ฮ่องกงเป็นคลีนซิ่งที่เป็นที่พูดถึงมาก ๆว่ามันคือเดอะเบสต์ของคลีนซิ่งแบบน้ำ แต่ด้วยราคาขายในประเทสไทยที่แรงจนเราเบรกตัวเองไว้ เลยยังไม่มีโอกาสได้ใช้ค่ะ จนมามีโอกาสตอนไปเที่ยวฮ่องกง แล้วเห็นว่าที่นู่นขายถูกกว่าที่ไทยมาก ๆเลยลองซื้อมาใช้ขวดนึง ใช้แล้วเข้าใจเลยค่ะว่า ทำไมหลาย ๆคนถึงบอกว่า ตัวนี้คือที่สุด มันสะอาด สบายผิวมาก ๆๆ เหมือนสิวผดจะลดลงไปนิดนึงด้วย ถ้าซื้อได้ราคานี้ตลอดไปนี่รักเลยค่ะ แต่ดันซื้อมาแค่ขวดเดียว ใช้หมดคงกลับไปใช้อันที่เคยใช้เหมือนเดิมต่อ 5555
Sulwhasoo Cleansing Oil EX
ราคา : ซื้อจาก Beauticool 2 ขวด(ขวดละ 50 ml.) ราคาประมาณ 3xx บาท
อันนี้ซื้อเพราะกำลังจะไปทริปตจว. แต่ไม่อยากแบกคลีนซิ่งน้ำขวดใหญ่ ๆไป ขี้เกียจพกสำลีไปด้วย ประกอบกับอยากลองคลีนซิ่งออยล์บ้าง เลยลองหา ๆรีวิวดู จนมาเจออันนี้ รีวิวบอกว่า ถ้าแต่งหน้าไม่เยอะ ใช้อันนี้ก็โอเค ขนาดขวดก็พกง่าย (จริง ๆมันมีที่ล็อกตรงปั๊มด้วยนะคะ ทำให้ไม่หก) เลยลองซื้อมาดู ชอบกลิ่นค่ะ กลิ่นหอมม สำหรับเราที่แต่งหน้าไม่เยอะ ก็ล้างออกได้สะอาดดี (ตอนแรกที่ได้มาลองล้างที่บ้านก่อนแล้วเอาไบโอเดอร์ม่าเช็ดซ้ำอีกรอบแล้ว แทบไม่มีอะไรติดสำลีออกมาเพิ่มเลยค่ะ)
โอเค ในที่สุดเราก็มาถึงหมวดเมกอัพแล้วค่ะ ใกล้จะจบแล้ว//ปาดเหงื่อ ไม่คิดเลยว่า การรีวิวจะเหนื่อยอย่างนี้ 555555
Cushion Lancome Blanc Expert High Coverage สี PO-01 กับ O-01ราคา : รีฟิลประมาณ 1,300 บาท ตัวตลับจำราคาไม่ได้แล้ว สถานที่ซื้อ : เคาน์เตอร์ Lancome สาขาเซ็นทรัลบางนา, Kingpower สุวรรณภูมิBA : ดีค่ะ บริการดี คุยดีทั้งสองที่เลย เป็นคุชชั่นอันแรกของเรา และเราชอบ Finish ของมันมาก ๆ ไม่แมทจนเกินไป มีความวาวอยู่เล็กน้อย เนื้อดีมาก แต่ปกปิดได้ไม่ค่อยเยอะ รอยสิวยังเห็นอยู่จาง ๆแล้วก็ไม่ได้ติดทนขนาดนั้น บ่าย ๆก็มีหลุดไปบางส่วน แต่สีไม่ดรอปเลยย ใช้ทิชชู่ซับก็ไม่ติดสีออกมาด้วยค่ะ ครั้งแรกที่เลือกเป็นสี PO-01ที่ติดติ่งชมพูมานิดหน่อย(พี่บีเอบอกว่า สีนี้จะมีความกระจ่างใสมากกว่าอีกสีที่เหลืองกว่าซึ่งเราก็สงสัยเหมือนกันว่า คอเราออกเหลืองแต่ทำไมบีเอหลาย ๆคนเชียร์ให้ใช้สีโทนชมพู Orz) บางวันใช้จะลอยไปนิดนึง ครั้งที่สองที่ไปซื้อที่ Kingpower เลยเลือกให้มีความเหลืองมากขึ้น มันพอดีหน้าเรามาก ชอบสุด ๆ แต่ตอนใช้ เราสังเกตว่า เหมือนเนื้อคุชชั่นมันทะลักออกมาเยอะกว่าปกติ เลยถ่ายรูปไปถามเพจลังโคมดู เค้าเลยให้เราส่งไปเปลี่ยน แต่พอส่งกลับมาอีกที สี O-01 เหมือนเดิม แต่เรารู้สึกว่ามันขาวขึ้นกว่าเดิม เลยยกให้น้องสาวที่หน้าขาวกว่าเรา 1 เฉดเอาไปใช้แทน ขนาดน้องใช้บางวันยังแอบลอยนิดนึงเลย ก็เฟลกันไปค่ะ OTL จะซื้อมาใช้ต่อมั้ยหรือยังไง คงรอหลังจากน้องใช้หมดแล้วค่อยคิดอีกที
Cushion Missha Brown #23ราคา : พรีออเดอร์มาจากในทวิตเตอร์ในราคาเกือบ 500 บาท เป็นเครื่องสำอางอันแรกที่เราพรีออเดอร์ผ่านเน็ต ปกติไม่กล้าซื้อเลยเพราะกลัวเทียบสีผิด แต่ด้วยความน่ารักของน้องบราวน์กับกิเลสที่พุ่งขึ้นสูงมาก เลยตัดสินใจลองพรีมาดู ถึงแม้ตัวนี้จะมีความแมทมากกว่าตัวแซลลี่ แต่ก็ไม่ได้คุมมันขนาดนั้น ทาไปซักสองชม.ก็เริ่มมัน ๆแล้ว ระหว่างวันยังไงก็ต้องซับ ไม่งั้นจะมันย่องมาก 555 สำหรับสี อันนี้เราแปลกใจมาก เหมือนสภาพหน้าแต่ละวันเราไม่เหมือนกัน ช่วงแรก ๆที่ใช้หน้าส้มมาก สีตัดกับคอสุด ๆ 55555 เลยพักเก็บไว้พักนึง จนไม่ค่อยโอเคกับลังโคมเลยสลับมาใช้อันนี้ แล้วก็พบว่า เฮ้ย มันดี มันไม่ส้มแล้วว ก็ใช้ไปเรื่อย ๆจนใกล้จะหมด อยู่ ๆมันก็ลอยซะงั้น (อ้าว...) ลอยเหมือนสาวเกาหลีที่นิยมใช้รองพื้นขาวกว่าหน้าเลยค่ะ ฮืออ ทั้ง ๆที่เราไม่ได้ไปทำอะไรให้ผิวคล้ำขึ้นเลยนะคะ ทำตัวขี้เกียจกิน เดิน เล่น นอน ใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆมาก แต่ทำไมมันลอยก็ไม่รุ้ TT ตอนนี้เลยส่งต่อไปแล้วค่ะ แต่ช่วงที่สีมันพอดีหน้านี่มันดีมากจริง ๆนะ ช่วงนั้นใช้ทุกวันเลย
Laneige BB Cushion Whitening #21 Beige
ราคา : ซื้อจาก Beauticool 5g.*2 ตลับ ราคาประมาณ 350 บาท
หลังจากที่เฟลซ้ำซ้อนกับลังโคมมา เราก็เริ่มมองหาคุชชั่นลูกรักอันต่อไป โดยเริ่มเบนมาสายเกาเพราะอิทธิพลจากซีรี่ส์เกาหลีค่ะ 55555 ตัวแรกที่มอง ๆเลย คือ Laneige เพราะคุณหมอคังกับแพกเกจจิ้งใหม่สวยมาก (เดี๋ยวนะ....) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโอเคมั้ย หรือจะมีปัญหาเรื่องสีเหมือนเดิม เลยตัดสินใจหาไซส์เล็กมาลองก่อนค่ะ ข้อดีของการลองแบบนี้คือ เราสามารถสังเกตได้ตลอดทั้งวัน และทำการสังเกตได้หลายครั้ง ไม่แน่ใจก็ลองอีก ๆ ไปเรื่อย ๆ 5555 เหมาะกับคนขี้ลังเลแบบเรามาก ๆค่ะ ส่วนข้อเสียคือแน่นอนว่า ต้องเสียเงิน 5555
คุชชั่น Laneige อันนี้เป็น sample size ที่แพกเกจจิ้งดีมาก ๆๆ เปิดมาเหมือนคุชชั่นตลับจริงทุกอย่างเลยค่ะ แค่ย่อขนาดให้เล็กลง จริง ๆอยากลองตัว pore control มากกว่า แต่มันไม่มี ก็เลยเอาอันนี้มาลองก่อนแทน และเราก็ค้นพบว่า เฮ้ยย สีมันพอดีหน้าเป๊ะเลย//จุดพลุฉลอง TvT แต่มันปกปิดได้ค่อนข้างน้อย เหมือนทำให้หน้าสว่างขึ้นตามชื่อรุ่นมันมากกว่า
Sulwhasoo Perfecting Cushion #23 Medium Beige
ราคา : ได้จาก Beauticool ซื้อสองชิ้น ราคาประมาณ 450 บาท
เป็นคุชชั่นอีกอันที่ซื้อมาลองพร้อมกับ laneige แล้วเราก็ค้นพบว่า เฮ้ยย สีมันตรงหน้าอีกแล้วว ! (หรือจริง ๆเราควรเลือกสีเอง 5555) ตัวนี้จะให้ระดับการปกปิดที่มากกว่า laneige ราคาไซส์จริงก็สูงกว่า แต่บางวัน เราสังเกตเห็นว่า ตอนเช้าใช้แล้วพอดีหน้า แต่พอตอนเย็น ๆส่องกระจกอีกที เหมือนมันขาว ๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าลอยนะ เหมือนแบบดูออกว่า โป๊ะหน้ามาอะไรงี้ 5555 ตอนนี้ชอบทั้งคู่เลย กะว่าใช้หมดแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะซื้อไซส์จริงอันไหนดี ตอนนี้ขอทำการสังเกตไปเรื่อย ๆก่อนค่ะ
Freshel BB Cream
ราคา : ประมาณ 500 บาท
สถานที่ซื้อ : เซ็นทรัลลาดพร้าว
เป็นเครื่องสำอางชิ้นแรกของเราเลย ใช้ตั้งแต่หัดแต่งหน้าแรก ๆ เห็น 500 บาท แต่ปริมาณเยอะมากกก ใช้ได้นานมากกก (ตัวอักษรที่หลอดเลือนละยังใช้ไม่หมดเลยค่ะ 5555) เป็นบีบีครีมที่ปกปิดได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ อาจจะไม่เนี้ยบขนาดรองพื้น แต่เราพอใจกับการปกปิดของมันมาก ๆค่ะ ปิดพวกรูขุมขนอะไรงี้ได้ดีเหมือนกันนะคะ พอทาเสร็จทิ้งไว้แป๊ปนึง ผิวจะฉ่ำ ๆนิดนึง ระหว่างวันก็มันตามปกติ พอซับก็เด้งสวยเหมือนเดิม
THREE Flawless Ethereal Fluid Foundation spf 36 pa+++ no. 203ราคา : ซื้อตอนมันเซลล์ น่าจะได้มาในราคาประมาณ 1,1xx บาท สถานที่ซื้อ : เซ็นทรัลลาดพร้าว BA : แนะนำดี คุยดีค่ะ แต่มันเป็นงานเซลล์ คนก็เยอะ บีเอเลยไม่ได้มีเวลาดูแลเราคนเดียวเหมือนไปซื้อที่เคาน์เตอร์ เป็นหัวปั๊ม ทำให้กะปริมาณได้ง่าย เนื้อรองพื้นค่อนข้างเหลว ปกปิดได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ผิวดี ไม่ค่อยมีอะไรต้องปกปิดมากมาย เราหน้าค่อนไปทางมัน ตกบ่ายก็มัน ๆแล้ว ต้องเอากระดาษมาซับ ตอนซับมีสีติดออกมานิดนึง บางวันใช้แล้วหน้าส้ม ไม่รู้สีไม่ตรงกับผิวหรือยังไง (ทำไมต้องมีปัญหากับการเลือกสีตลอดเลยเนี่ย โฮฮฮ TT ) Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder
ราคา : ซื้อตอนมีโปรโมชั่นนักเรียนนักศึกษา น่าจะประมาณ 1,1xx บาทได้
สถานที่ซื้อ : เซ็นทรัลลาดพร้าว
BA : น่ารักและบริการดีมาก ๆค่ะ ถึงแม้เราจะโผล่ไปที่เคาน์เตอร์ในสภาพนิสิตที่แอบโทรมเบา ๆก็ตาม 555555
เห็นรูปประกอบแล้วหลาย ๆคนอาจจะงง คิดว่า เฮ้ยย มันไม่ใช้ป้าลอร่าาา หน้ากระปุกยังมี Shisedo เลือน ๆอยู่เลยย แต่มันใช่ค่ะทุกคน เรื่องของเรื่องคือกระปุกมันแตก ซื้อมาใช้ตั้งแต่ต้นปี ใช้ไปเดือนนึงก็แตกไปรอบนึงเลยเอาไปเปลี่ยน พอใช้ไปอีกสามสี่เดือนก็แตกอีก ทั้ง ๆที่ตั้งแต่ซื้อมา ไม่เคยพกมันออกนอกบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งตลอด ไม่เคยทำตกด้วยนะคะ แต่ก็ยังแตกอีก - - คราวนี้ขี้เกียจเอาไปเปลี่ยนแล้ว เลยไปขอกระปุกแป้งของน้องสาวที่ใช้หมดแล้วเอามาแงะเปลี่ยนใส่แทนค่ะ แล้วมันก็ไม่แตกอีกเลย ฮูเร่ ~ นอกจากเรื่องกระปุกที่ไม่ค่อยทนทานสมราคาแป้งเคานเตอร์แบรนด์แล้ว อย่างอื่นก็คือดีย์ค่ะ ♥ คุมมันดี ปริมาณเยอะมาก ใช้มาปีนึงแล้วยังไม่หมดเลย เนื้อแป้งละเอียด เป็นแบบโปร่งแสงเลยไม่ต้องเลือกสีให้วุ่นวาย แต่ใช้มาสองกระปุกแล้ว ถ้าหมดก็อยากลองแบรนด์อื่นบ้างเหมือนกัน เบื่อความแตกง่ายของกระปุกแป้งค่ะ
NARS Blush Mini #Orgasm
ราคา : ซื้อจากเน็ต ในราคาประมาณ 3xx บาท เราเป็นคนที่ใช้เครื่องสำอางแต่ละอย่างได้นานมากก ทั้ง ๆที่มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ผ่านไปนานจนจะเป็นปีแล้วยังใช้ไม่หมดเลยชอบอะไรที่เป็นไซส์เล็ก ๆมากกว่า พอเห็น NARS Mini เลยรู้สึกว่ามันตอบโจทย์เราได้ดี สีนี้เป็นสียอดนิยมที่สาว ๆหลายคนชอบมากรวมถึงเราด้วย ดูในตลับจะเหมือนเป็นสีออกส้ม ๆชมพู ๆแต่ปัดจริงสีจะออกชมพูเยอะกว่านะ มีชิมเมอร์วิ้ง ๆสีทองด้วย สำหรับความติดทน บลัชอันนี้ค่อนข้างติดทนมาก ๆค่ะ ตอนเช้าปัดไปยังไง ถ้าไม่ไปทำอะไรกับหน้ามาก ตอนบ่ายก็ยังอยู่อย่างนั้น นี่ขนาดซื้อเป็นแบบมินิมา ใช้มาจะปีแล้วยังใช้ไม่หมดเลยค่ะ
Canmake Cream Cheek
ราคา : 300 บาทได้ สถานที่ซื้อ : วัตสันครีมชีคสีชมพูนมที่น่ารักมาก ๆๆ สีน่ารัก แพกเกจจิ้งน่ารัก ราคาก็น่ารัก แต่มีข้อเสียคือไม่ค่อยติดทนเท่าไหร่ บางทีทาหลังคุชชั่น ตบแป้งหนักไปหน่อยก็แอบเลือนไปแล้วส่วนนึง - - ;;
Canmake Mat Fleur Cheek
ราคา : ประมาณ 300 บาท สถานที่ซื้อ : วัตสันเป็นบลัชออนอันแรกในชีวิตที่ไปยืนเลือกนานมากทั้ง ๆที่มีอยู่ไม่กี่สี 5555 สีมันน่ารักมากจนเคยมีเพื่อนมาถามด้วยว่าใช้บลัชของอะไร แต่ข้อเสียก็เหมือนกันแบบครีมคือไม่ค่อยติดทนเท่าไหร่ ตอนบ่าย ๆก็เริ่มหายไปแล้ว
Himalaya Lip Blam ราคา : มีคนให้มาเลยไม่ทราบราคาค่ะเป็นลิปมันที่ได้รับมาเป็นของฝากจากเพื่อนสนิท นางบอกว่าแบรนด์นี้ที่อินเดียเค้าดังมากเลยนะ เราที่ไม่รู้จักก็ได้แต่เออออตามน้ำไป แต่มันดีมากจริง ๆค่ะ ใช้แล้วทำให้ปากไม่แห้ง ไม่แตกระแหง มันดีจนโดนน้องสาวยึดเอาไป (อีกแล้ว !)
Dior Dior Addict Lip Glow
ราคา : 1,250 บาท แต่ไปครั้งล่าสุดเหมือนจะเป็น 1,300 ไปแล้ว... สถานที่ซื้อ : เคาน์เตอร์ Dior เซ็นทรัลลาดพร้าวBA : บริการดี ใจดีมาก ๆค่ะ เคยไปซื้อฟองน้ำไข่แค่อย่างเดียวแต่เค้าให้เราลองหลายอย่างมาก ทั้ง Lip Glow สี limited (สีมันจะออกม่วง ๆนิดนึง) ทั้งน้ำหอม ฉีดที่ตัวให้ด้วย แล้วยังแถมแซมเปิ้ลรองพื้นให้อีกซองนึง ทั้ง ๆที่ตอนนั้นไปกับน้องสาวสองคน แต่งตัวก็ธรรมดาแบบดูไม่น่าสามารถกวาดซื้อทุกอย่างของเค้าได้ เลยประทับใจมาก ๆ ลิปโกลว์ในตำนานที่ใคร ๆหลงรัก เราชอบความเป็นธรรมชาติของมันมาก ๆ เหมือนตื่นมาปากก็เป็นสีชมพูระเรื่อธรรมชาติแบบนี้อยู่แล้ว แล้วก็ชอบที่มันเปลี่ยนตามอุณหภูมิด้วย เหมือนได้เป็นสีเฉพาะตัว 555555 แต่จากที่เคยลองมาทั้งหมด 3 สี เรายังคงชอบสีชมพูที่สุดค่ะ สี limited อันนั้นก็ชอบนะ แต่ไปซื้ออีกทีมันหมดไปแล้ว ถ้ามีโอกาสได้ใช้จริงคงชอบมากขึ้นกว่านี้ TvT ส่วนสีคอรัล ปากเราทาแล้วมันไม่มีความคอรัลเลยค่ะ มันกลายเป็นสีที่ค่อนข้างก่ำไปหน่อย เลยชอบสีชมพูมากกว่า แต่น้องสาวเราใช้สีคอรัลก็ออกเป็นสีปกตินะ นางชอบมาก ๆด้วย
YSL Volupté Tint-In-Oil #Peach me love
ราคา : ซื้อจาก Central Online ราคาเต็ม 1,350 บาท แต่ได้ส่วนลด + Coupon เลยเหลือ 1,050 บาท BA : เคยไปวอแวก่อนจะซื้อจริงที่เซ็นลาดแต่สีที่อยากได้มันหมด พี่บีเอก็บริการดีนะคะ มีแนะนำลิปรุ่นอื่นด้วย เป็นลิปทิ้นท์ราคาแพงที่ตอนแรกคงจะไม่ซื้อแล้ว แต่โชคดีมันลด 10% บวกกับ E-coupon ที่ได้รับมาตอนไปซื้อของที่ห้าง เลยลดมาในระดับที่พอกัดฟันซื้อได้ แต่ใช้แล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ จริง ๆเราเคยรีวิวไปรอบนึงแล้วด้วย >>> กระทู้นี้ ๆ <3 ใช้ดีมาก ๆ แพกเกจจิ้งสวยงาม กลิ่นหอม แปรงก็ออกแบบมาให้ใช้ง่ายมาก ๆ เป็นลิปที่เหมาะกับสาวปากแห้งแตกระแหงอย่างเรามาก ๆ ลิปนี้เอาอยู่ค่ะ ! ตอนแรก ๆที่ใช้จะไม่ค่อยีเห็นสี จะออกวาว ๆแต่พอเวลาผ่านไปสีจะชัดขึ้น ความวาวจะหายไป ส่วนความติดทน ถ้าไม่ได้ไปทำอะไรกับปากมาก ก็ค่อนข้างติดในระดับนึง แต่สำหรับเราที่ขยันกินอยู่บ่อย ๆ มันไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ 55555
Kiehl’s Lip Balm
ราคา : ตอนนั้นจำได้ว่ามีลด 10% เลยเหลือประมาณ 3xx บาท สถานที่ซื้อ : Kiehl’s shop สาขาพารากอน BA : คุยดี ใจดีมาก ๆค่ะ เหมือนตามที่บอกไปในรีวิวโฟมล้างหน้าเลย เป็นลิปบาล์มที่พอวางทิ้งไว้ในห้องนอน กลับมาอีกที มันออกจะเหลว ๆไปแล้ว มาเป็นน้ำเลย บางทีถ้าพกออกไปข้างนอกแล้วอากาศร้อนมาก ๆต้องระวังตอนบีบออกมาค่ะ อาจจะเลอะเทอะได้ แต่เราใช้แค่ตอนกลางคืน โปะเข้าไป ตื่นมาปากนิ่มเลย จะทาลิปสติกอะไรต่อก็สะดวกมาก ๆปากไม่แห้ง ไม่ลอกเลย กลิ่นก็หอมดีด้วยค่ะ
Rii No.52
ราคา : น่าจะประมาณ 70 บาท
สถานที่ซื้อ : Tops Supermarket
เอาจริง ๆคือไม่คิดว่า ทำไมเราต้องซื้อสำลีแพงขนาดนี้ด้วย 5555 ปกติจะซื้อตามวัตสัน โลตัสตอนมีโปรโมชั่นตลอด ราคาก็ประมาณ 40 บาท แต่ปริมาณเยอะกว่านี้มาก ๆ แต่จนกระทั่งเราเริ่มใช้ SKII ความงกทำให้เราอยากประหยัด เลยมองหาสำลีที่เหมาะกับการใช้โทนเนอร์ สุดท้ายก็มาจบที่สำลียี่ห้อนี้ค่ะ แผ่นใหญ่ บาง ไม่กินเนื้อโทนเนอร์เท่าไหร่ คือดีงาม
AIME' Cotton Pad
ราคา : ซื้อจาก Beauticool ประมาณ 65 บาท
อันนี้ซื้อมาเพราะอยากให้มันครบตามยอดที่เค้ากำหนด จะได้ได้ของแถมมา 5555 เป็นสีลีที่ถุงใหญ่มาก ปริมาณได้เยอะมากก ปกติสำลีที่เราซื้อมาจะมีสองแถว แต่นี่มีถึงสาม ! แต่มันค่อนข้างหนา ;__; ไม่เหมาะกับการเอาไปใช้กับโทนเนอร์หรือน้ำตบแพง ๆเลยแม้แต่น้อย แต่มันนุ่มมาก ปัจจุบันเลยเอาไว้ใช้เช็ดคลีนซิ่งไม่ก็เช็ดน้ำเกลือหลังออกกำลังกายเสร็จค่ะ
เดี๋ยวนะ นี่จบยัง เริ่มเหนื่อยแล้ว 5555 โอเค ชิ้นสุดท้ายแล้วค่ะ
Fresh Drop Pure Mineral Spray
ราคา : 99 บาท
สถานที่ซื้อ : Eve and Boy
เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่ราคาน่ารักมาก ๆ ขวดก็น่ารัก พกพาง่าย ชอบเวลาสเปรย์ใส่หน้ามาก ๆเลยค่ะ มันฟุ้ง ๆดี แต่ตอนหลัง ๆพอใช้ไปเกินครั้ง เหมือนมันเริ่มสะดุดเล็กน้อย คือ ฉีดแล้วไม่รู้สึกลื่นเหมือนตอนที่ใช้แรก ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพระาอะไร อาจจะเป็นที่เราเก็บไม่ดี หรือมันใกล้หมดแล้วก็ไม่รู้
ในที่สุดก็ครบทุกชิ้นแล้วค่ะ เหนื่อยมาก 555 นี่ขนาดทำคอนเท้นต์บางส่วนไว้ล่วงหน้าแล้ว ยังใช้เวลามากมายขนาดนี้ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์กับสาว ๆที่กำลังมองหาสกินแคร์หรือเมกอัพชิ้นใหม่ ๆ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนค่ะ เจอกันกระทู้หน้านะคะ บ๊ายบาย <3
Discussion (5)
ใช้ตัวไหนเหมือนกันบ้างเหรอคะ มาคุยกันได้นะคะ ^ ^