[Review] Clarisonic mia 2 กับหัวแปรงทั้ง 4 แบบ !

สวัสดีค่าาา จอยจี้เองค่ะกลับมาพบกันคราวนี้ อยากเอาไอเท็มลูกรักมานำเสนอจากที่ได้ใช้ติดต่อกันมาเกือบ 2 ปีได้แล้วมั้ง 5555 ยาวนานเว่อร์แต่รักมากก เพิ่มเติมคือหัวแปรงที่เพิ่มมากขึ้น

สภาพแปรงบางหัวอาจดูหมองซักเล็กน้อย ตามอายุการใช้งานนะฮะสำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก หรือพอจะคุ้นๆ ตาเจ้าเครื่องทำความสะอาดผิวหน้านี้ค่ะClarisonic Mia 2 นั่นเองค่ะ

ถามว่าทำไมต้องใช้เครื่องล้างหน้า แค่มือถูไม่ได้หรอ แพงก็แพงอีกต่างหากซึ่งคำตอบของจอยคือ มือเปล่าก็ล้างได้! แต่จะไม่เร็วและสะอาดเท่าใช้เครื่องเท่านั้นเองคือจอยว่าเหมาะสำหรับสาวๆ สมัยใหม่ที่ต้องการความเร่งรีบ และชอบแต่งหน้าเป็นประจำทุกๆ วันจอยว่ายิ่งสมควรมีไว้ติดบ้าน เพราะมันทำให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ

ที่สำคัญคือรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวได้จริงผิวเรียบเนียนขึ้น สิวอุดตันเล็กๆ ที่มักทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอก็หายไปเลยเป็นการสครัปผิวหน้าไปในตัว แต่ไม่ต้องถูให้ผิวเกิดริ้วรอยเลย

เจ้าตัวนี้สนนราคาอยู่ที่ 6,500 บาท จำได้เลยว่าไปซื้อที่ sephora สาขา emquatierตอนนั้นแบรนด์เชิญไปทดลองใช้ ประจวบเหมาะกับที่เม้ากับคุณอาที่อเมกา บอกว่าเธอต้องมีนี่ก็สอยไปตามระเบียบสิฮะ(ความคุ้มค่าในวันนั้น คือได้หัวแปรงแถมมาอีกหัวนึง) 

แน่นอนว่าต้องมีคำถาม พี่คะ แล้วผิวบอบบางอย่างนู๋ จะใช้ได้หรอคะเอาแปรงมาขัดหน้า หูยย ดูทำร้ายผิวมากกว่ารึเปล่า

คือเขาออกแบบขนแปรงมาหลายรุ่นค่ะ ตั้งแต่ขนนุ่มสุดฟินไปจนถึงขนแน่นละเอียดสครัปล้ำลึกสองวิธีที่จอยแนะนำสำหรับคนที่ผิวบางระคายเคืองง่ายคือใช้ขัดผิวสัปดาห์ละครั้งถึงสองครั้งพอหรือไม่ก็เลือกหัวแปรงที่มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ แค่นี้เราก็สามารถมีผิวที่สะอาดเนียนนุ่มประดุจแก้มก้นเด็กได้แล้วล่ะฮะ

วันนี้จอยเอาหัวแปรงทั้ง 4 ที่มีในครอบครองมารีวิวให้ดูกันทีละตัวเลยยย

เริ่มจากตัวแรก หัวแปรงแสตนดาด หรือหัวแปรงที่แถมมากับตัวเครื่องนี่เองซึ่งคือรุ่น Sensitive (ราคา 1,030 บาท)

รุ่นคลาสสิกแบบนี้ คือใช้ได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าผิวธรรมดาหรือผิวบอบบางขัดถูได้ทั่วหน้า ไม่รู้สึกเจ็บหรือแสบแต่อย่างใดสำหรับหัวตัวนี้ไม่ต้องเลือก เพราะยังไงก็แถมมาให้กับตัวเครื่องอยู่แล้วแต่แบรนด์แนะนำให้เปลี่ยนหัวแปรงทุกๆ 3 เดือน นี่ใช้มาจะ 3 ปีแล้ว ยังไม่เปลี่ยนจ้า 5555

หัวแปรงอันต่อมาคือสุดยอดของความฟิน น้องสาวเบอร์ 2 ที่ได้ตามมาติดๆกับเจ้าหัวแปรง Cashmere Cleanse (ราคา 1,030 บาท)

ตัวนี้คือหัวแปรงที่ได้แถมมา ตอนซื้อเครื่อง (เพราะซื้อในงานอีเว้นท์)มีความฟินสุดยอดเพราะหัวแปรงนุ่มมากกกกกกกก ที่สุดๆๆๆขนแปรงค่อนข้างยาว เรียวเล็กสุดๆ ตัวนี้จอยว่าใช้ขัดผิวตอนเช้าๆ ที่ไม่ได้มีเครื่องสำอางจะดีกว่าเพราะถ้าใช้ล้างเครื่องสำอางแน่นๆ พวกหัวแปรงธรรมดาจะขัดมันส์กว่า

ด้วยความที่ขนแปรงนุ่มเป็นพิเศษ ดุจขนแคชเมียร์ ทำให้เราสามารถขัดผิวหน้าได้ทุกๆ วันเช้า-เย็น โดยไม่รู้สึกระคายเคืองผิวเลย

แน่นอนว่าใช้แปรงนุ่มๆ ขัดหน้าแบบนี้ ดีกว่าการใช้นิ้วกดลากถูตอนล้างด้วยโฟมแน่ๆ

มาที่หัวแปรงอันถัดไป ซึ่งจอยเพิ่งได้ทดลองใช้มาเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งก็คือ หัวแปรง Deep Pore Cleansing (ราคา 1,030 บาท)

เด่นมากๆ กับวงแหวนสีฟ้าสดใส รุ่นนี้เชื่อว่าหลายๆ คนต้องสนใจ เพราะเป็นรุ่นที่เคลมว่าช่วยทำความสะอาดล้ำลึกถึงรูขุมขนและช่วยให้ผิวหน้าเนียนกริบบบไอเดียของหัวแปรงตัวนี้คือ ขนแปรงที่ต่างระดับกัน ทำให้ซอกซอน(?) เข้าถึงทุกรูขุมขน(เดี๋ยว หรือนี่คือโฆษณาแปรงสีฟัน)เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันและรูขุมขนกว้างตัวนี้จนว่าขนแข็งกว่าหัวแปรง Sensitive จิ๊ดดดดด นึงถึงจะไม่ค่อยต่างกัน แต่ก็รู้สึกว่าคนที่หน้าบอบบางมากๆ อาจจะต้องแนะนำเป็นหัวแปรงอันสุดท้ายที่จอยกำลังจะรีวิว จะดีกว่า

ซึ่งหัวแปรงอันสุดท้าย และเป็นความเห่อสุดๆ ของบทความนี้นั่นก็คือ Sonic Radiance Brush Head (ราคา 1,030 บาท)

อ๊ากกกก ความมุ้งมิ้งงกิงก่องแก้วว!!คือสีขนแปรงช่างเข้ากับตัวเครื่องสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง!! รักเลยยยยและที่สำคัญ ขนนุ่มมากกกกกกก อาจจะไม่ได้นุ่มเท่าขนแคชเมียร์แต่คือนุ่มกว่าหัวแปรงอีกสองตัวที่เหลือมากๆ คือกำลังดี ขัดหน้าได้ แถมนุ่มด้วย โอ เริศศศศตัวนี้จอยว่าใช้ขัดผิวด้ทุกวัน ถึงเมคอัพจัดเต็มก็คลีนได้สบายเอาไปเลย 10 หัวใจ

แล้วจอยจะเทสขนแปรงหัวสีชมพูนี้ให้เพื่อนๆ ดูไปพร้อมๆ กันเลยจ้าวิธีการทำงานของเจ้าเครื่องนี้ คือระบบสั่นที่รัวและเร็วมาก(ไม่ใช่การหมุนนะ แต่เป็นระบบสั่น ที่สบายผิว+จั๊กจี๊ดี) สำหรับ mia 2 สามารถปรับระดับความแรงได้ 2 ระดับ (ซึ่งจอยก็ใช้ระดับต่ำอยู่ระดับเดียว)สังเกตเวลาเรากดปุ่มเริ่มทำงาน ที่ปุ่มจะเรืองแสงขาวๆ แบบในรูปเลย(ถ้าแบตใกล้หมด ไฟสีขาวจะกระพริบถี่ๆ เป้นการเตือน)อีกอย่างที่จอยชอบคือเวลาชาร์จแบต จะเป็นหัวชาร์จมาแปะไว้ที่ด้ามจับ ไม่มีช่องให้เสียบใดๆสะดวกและง่ายมาก แถมไม่ต้องกลัวไฟช็อตด้วยเครื่องทั้งเครื่องเลยสามารถโดนน้ำได้ 100%

หลัวจากบีบโฟมลงบนแปรงแล้ว เราก็เอามาวนๆ ถูๆ ที่บริเวณผิวหน้าได้เลยโดยเทคนิกคือห้ามออกแรงกดลงบนผิวนะ! ห้ามเลย อย่าทำร้ายผิวตัวเองแค่ลากๆ วนๆ บนผิว สิ่งสกปรกก็กระเด็นออกไปหมดแล้วระหว่างวนไป ก็สบาย ฟินเบาๆ หัวแปรงตัวนี้จอยวนบริเวณเปลือกตาได้เลย ไม่แสบด้วย

ตอนเริ่มกดปุ่มให้เครื่องทำงาน มันจะมีเวลากำหนดไว้ด้วยและจะมีเสียงเตือน ปี๊ปๆ ทุกๆ 15 วินาที ถ้าจำไม่ผิดคือเครื่องมันกำหนดเวลาให้เราวนบริเวณต่างๆ ของใบหน้า เช่นหน้าผาก 15 วิ แล้วเครื่องก็จะเตือนให้เราเปลี่ยนไปวนส่วนอื่นบ้างตอนแรกๆ นี่ก็วนตามที่เค้าบอกอ่ะ หน้าผาก แก้มซ้าย แก้มขวา ทีโซน คาง เปลี่ยนๆ ไปหลังๆ เริ่มขี้เกียจ วนมั่วๆ ไปทั่วหน้าเนี่ยแหละ สบายใจดี 55555

จะเห็นได้ว่า แค่ลากแปรงไปเบาๆ ทั่วหน้า เครื่องสำอางก็หลุดออกมาติดแปรงหมดแล้วโดยไม่ต้องถ ไม่ต้องเช็ดหรือขยี้เลย แม้กระทั่งอายไลน์เนอร์ก็หลุดออกมาหมดสะอาดเกลี้ยง สบายใจ แถมขนแปรงนุ่มฟินอีกตางหาก

ใครที่มองหาเครื่องทำความสะอาดหน้า จอยอยากแนะนำแบรนด์นี้นะอาจจะเหมือนการลงทุน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคุ้มค่าสุดๆยิ่งคนที่แต่งหน้าบ่อยๆ บล็อกเกอร์ทั้งหลาย ยิ่งควรมีติดห้องน้ำเลยเพราะการดูแลผิวให้สะอาด เป็นจุดเริ่มต้นของผิวที่ดีเลยล้างหน้าไม่สะอาด ต่อให้บำรุงเริศยังไง หน้าก็เจ๊งนะจ้าาาจัดเครื่องนี้ไป เจ็บแต่จบนะฮะ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะคะมีข้อสงสัยตรงไหนก็แวะมาถามจอยได้เลยแล้วพบกันใหม่บทความหน้า แล้วพบกันจ้าาาLoveberry Joyjee 'blog

Discussion (8)

ซื้อหัวแปรงที่ไหนคะ
ซื้อหัวแปรงที่ไหนคะ

สงสัยต้องรอสอยช่วงแบล็กฟรายเดย์ปีนี้แล้วล่ะค่ะ