"แบกท้องท่องโตเกียว" ไปกันเองไม่ง้อทัวร์ 6คืน7วัน งบ 3หมื่นนิดๆ (Part2)
YuiiNuntaya1110เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาดูสถานที่ต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ
3/6/60 ( part 1 )Yokohama(Shin-Yokohama Raumen Museum)
การเดินทาง
ขาไป >> Tokyu-Toyoko Line ไปลงสถานี Yokohama >> เปลี่ยนสายไปนั่ง JR Yokohama Line เพื่อไป Shin-Yokohama Raumen Museum
ขากลับ >> JR Yokohama Line >> เปลี่ยนสายไปนั่ง Tokyu-Toyoko Line ไปสถานี Shibuya
อันดับแรกนั่ง Ginza Line จากสถานีใกล้โรงแรมไปลงสุดสายที่สถานี Shibuya ถึงสถานี Shibuya แล้ว ให้มองหาตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติรถไฟสาย Tokyu-Toyoko Line หน้าตาแบบนี้ >> หน้าตาตั๋ว Tokyu-Toyoko Line (ใช้ตั๋วนี้ไปลงสถานี Yokohama) >> ถึงสถานี Yokohama ให้ซื้อตั๋ว JR Yokohama Line เพื่อไปลงสถานี Shin-Yokohama เนื่องจากวันนี้เราไปเส้นทางนอกเหนือจาก Tokyo Metro จึงทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปเยอะกว่าปกติเล็กน้อย >> และก่อนที่จะขึ้นรถ ต้องเช็คสายรถให้ถูกต้องนะ ไม่งั้นมีเสียเที่ยวนั่งไปนั่งมาแน่นอน (แรกๆนี่ก็เกือบนั่งรถผิด เพราะดูป้ายไม่ค่อยเป็น พักหลังเริ่มโอเคขึ้น) รถไฟ JR มาแล้ว >> ไม่กี่อึดใจเราก็มาถึงสถานี Shin Yokohama ไม่รอช้า เรารีบมุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์ราเมนทันที (ณจุดนั้นคือ หิวไส้กิ่วมากกกก) >> ถึงล๊าววว Shin-Yokohama Raumen Museum จะมีเส้นราเมนลอยได้อยู่หน้าอาคารเลย (จริงๆมันขยับขึ้นลงด้วยนะ) คนแห่กันถ่ายรูปเยอะเชียว >> ก่อนที่จะเข้าไปข้างในต้องซื้อตั๋วก่อน // ผู้ใหญ่ 310 เยน (96บาท) เด็ก 100 เยน (31บาท) สำหรับใครกินมัง เค้าก็จะมีร้านค้าแนะนำให้ด้วย >> จริงๆแล้วนี่อยากกินราเมนไก่ร้านดังมาก แต่เนื่องจากว่าคนเยอะมากกก ย้ำว่ามากชนิดที่ว่าถ้าต่อคิวรอมีหวังได้เป็นลมตายซะก่อน เลยตกลงปลงใจมากินที่ร้าน YUJI Ramen (เมนูที่ขึ้นชื่อของร้านนี้คือ “ราเม็งซุปกระดูกปลาทูน่า”) >> กดสั่งอาหารที่ตู้อัตโนมัติหน้าร้านได้เลย >> ภายในร้านก็เล็กๆแคบๆแค่นี้ นั่งรอสักพักก็มี พนง.มาเสริ์ฟอาหาร // ค่าเสียหายราเม็งซุปกระดูกปลาทูน่าถ้วยนี้ อยู่ที่ 1,350 เยน (416บาท) เอาตามตรงคือ แพงอะ แพงไป รสชาติก็จืดๆ คาวๆ แต่เส้นราเมนอร่อยจริง นอกนั้นเฉยมาก เครื่องปรุงก็ไม่มี ง่ายๆคือมาม่าปลากระป๋องเริ่ดกว่า(คหสต.) หลังจากกินเสร็จก็เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ >> ข้างในก็เหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไปที่บอกความเป็นไปเป็นมาของราเมน แล้วก็ขายของฝากของที่ระลึก ที่ห้อยโทรศัพท์ราเมนถ้วยเล็กๆน่ารักๆ >> ผงซุปปรงรส >> โมเดลจำลอง >> โมเดลเล็กๆก็มี อันนี้พวงกุญแจ (น่ารักตะมุตะมิ) >> แม่เหล็กติดตู้เย็น >> มีลานแข่งรถด้วย >> ใครอยากไปลองทำราเมนกินเองที่บ้าน เค้าก็มีเส้นราเมนขายด้วย มีเส้นก็ต้องมีผงซุปขายด้วย >> นอกเหนือจากอาหารการกินก็มีตุ๊กตุ่นตุ๊กตาขายด้วย (เอาซี๊) (ราคาแต่ละตัวไม่เท่ากันนะ) จริงๆแล้วที่โยโกฮาม่ายังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกเยอะมาก แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัดจริงๆ เราเลยตกลงกันว่าไว้มีโอกาสจะมาพักแถวนี้แล้วเที่ยวยาวๆไปเลย 1-2 วัน // หลังจากกินราเมนเสร็จจึงตัดสินใจนั่งรถสายเดิมไปลง Shibuya 3/6/60 ( part 2 )Shibuyaการเดินทาง (จากสถานี Shin-Yokohama)
นั่ง JR Yokohama Line ไปลงสถานี Kikuna >> เปลี่ยนสายไปนั่ง Tokyu-Toyoko Line
ไปลงสถานี Shibuya
มาถึงอีกย่านนึงที่คึกคักและเจริญมากๆนั่นก็คือ Shibuya มองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกสูงระฟ้า (เราเลือกมาที่นี่ทั้งวันนี้แล้วก็วันเก็บตก) >> แท็กซี่ญี่ปุ่น (คลาสสิกดีนะ) >> ข้างทางมีนักร้องเปิดหมวกด้วย >> ตึก Tower Record (ร้านขายซีดีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก) ที่แรกที่เราแวะคือช็อป Onitsuka Tiger >> จะบอกว่าวันนั้นคนไทยเยอะมากกก มากชนิดที่ว่าได้ยินแต่ภาษาไทยเลย พนง.ที่เป็นคนไทยก็มีหลายคนด้วย >> สาเหตุที่คนไทยแห่มาซื้อรองเท้ากันเยอะขนาดนี้ เดาว่าราคาที่นี่ถูกกว่าแถวบ้านเรามาก แล้วก็มีหลายๆรุ่นที่ไม่ได้วางขายในไทยแต่ช็อปนี้มีทุกรุ่นทุกไซส์ >> สำหรับใครที่เป็นสาวกแบรนด์นี้ ควรแวะอย่างยิ่ง เดินมาเรื่อยๆก็มาถึงแยกห้าง MODI >> ยังไม่ได้เข้าไปในห้างนะ แต่ขอแชะรูปแปบ เดินไปเรื่อยๆก็มาโผล่ที่ตรอกไหนสักแห่ง ผ่านร้าน Matsumoto ด้วย (ของบางอย่างไม่ได้ถูกไปกว่าย่านอื่นเลย) และแล้วก็มาถึง 5 แยกชิบูย่า( Shibuya crossing) >> เป็นแยกที่โคตรจะวุ่นวาย แล้วก็คนเยอะอะไรเบอร์นั้น เยอะมากกกก >> ก่อนจะข้ามทาง ก็ขอหาอะไรมากระแทกปากแปบ >> ไอติมแท่งละ 150 เยน (46บาท) ได้ชาเขียวมา รสชาติใช้ได้ แวะร้าน Daikokuya (ร้านสินค้าแบรนด์เนมมือ2คุณภาพดี) >> ถามว่าจะซื้อหรอ?? ก็ไม่ (แวะให้เห็นกับตาเฉยๆ 555) >> แต่ของที่นี่สภาพดีเหมือนใหม่เลยอะ ใหม่จนแฟนงง แล้วมาเถียงว่ามือ 1 ไม่ใช่เหรอ >> ส่วนราคาก็...มือสองก็ยังแพงขนลุก ถามว่าอยากได้มั๊ย?? ก็อยากได้ แต่จะซื้อมั๊ย?? ไม่ซื้อ (แต่ถ้าสามีจะกรุณาซื้อให้ก็เอา 555) ใบนี้ 42,222 บาท (เกือบซื้อมอเตอร์ไซด์ได้คันนึง) ใบไหนตำหนิเยอะหน่อย ก็จะถูกแขวนไว้แบบนี้ >> ราคาก็จะถูกกว่าในตู้กระจก คลัทช์ใบเล็กๆน่ารักๆแต่ราคาไม่ค่อยน่ารัก ที่นี่ไม่ได้ขายแต่กระเป๋านะ เสื้อผ้าก็มี รองเท้าก็มี ส่วนรองเท้าผู้ชายก้มีบ้างประปราย มาถึงโซนนาฬิกาข้อมือกันบ้าง >> ละลานตาไปหมด >> เหลือบไปเห็นราคาเรียกได้ว่า แทบจะขายนาเลยทีเดียว (672,500 บาท) >> ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ไว้ถูกรางวัลที่ 1 จะกลับมาใหม่เด้อ 555 ไม่ได้มีเฉพาะ Rolex นะ แบรนด์อื่นก็มีเยอะแยะมากมาย เพิ่งจะเห็นราคาหมื่นกว่าเยนนี่แหละ ส่งท้ายที่รูปนี้ ก่อนเดินออกจากร้านไปเงียบๆ 555 ถัดมาเราจะไปลุยร้าน Big camera กัน >> คือตึกใหญ่มากกก หลายชั้นมากกก (7-9ชั้นนี่แหละ) >> ของเยอะมากเช่นกัน มีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ >> หน้าร้านมีนาฬิกาข้อมือ Casio รุ่นเดอะแขวนขายให้พรึ่บ (เริ่มต้นเรือนละ 280 บาทเองแก ถู๊กกกก ถูก) พาวเวอร์แบงค์ >> หูฟัง >> เมมโมรี่การ์ด >> ข้างในขายมือถือ แท็บเล็ต นี่ก็นึกว่าจะขายเฉพาะอุปกรณ์ไอที ที่ไหนได้ กันแดดก็มี ความสวยความงามก็มา เอาซี๊ >> แว๊บไปชั้นบน นาฬิกาเยอะมากกกกก ชักไม่แน่ใจว่านี่ร้าน Big camera หรือร้านอะไรกันแน่ ทำไมของมันหลากหลายขนาดนี้ >> คือมันเยอะมากจริงๆ แบรนด์ hi end คือขนมาไว้ที่นี่เยอะมาก สวยขนลุก ราคาก็ชวนขนลุกเช่นกัน (เรือนไหน made in japan ก็จะมีป้ายบอกแบบนี้เลย) มาดูฝั่ง G-shock กันบ้าง (ตู้นี้ made in japan ราคาสูงลิ่วเลย) >> สีพื้นๆเรียบๆ >> สีสันสดใสสไตล์ Baby-G อย่าว่าแต่นาฬิกาเลย มีขายยันน้ำหอมอะ พีคมาก ส่งท้าย Shibuya กันที่ภาพนี้ (นี่เป็นเพียงบางส่วนของร้าน Big camera สาขา Shibuya นะ ยังเหลืออีกหลายชั้นที่ไม่ได้ไปดู เพราะอิชั้นไม่ไหวแล้ว อยากนอนมาก เวลาก็มืดค่ำ เลยขอปิดจ็อปของวันนี้ไว้แค่นี้ ) เสร็จสรรพนั่งรถไฟกลับโรงแรม วันนี้เดินไปทั้งหมด 5.9 กิโลจ้า 4/6/60ขอส่งท้ายทริปนี้ที่ Shinjukuการเดินทาง
นั่งสาย Ginza Line ไปลงสถานี Akasaka-mitsuke >> จากนั้นเปลี่ยนสายไปนั่ง
Marunouchi Line ไปลงสถานี Shinjuku-sanchome
ออกจากสถานี ก็จะเจอขนมน่าตาน่ากินแบบนี้เดาว่าน่าจะคล้ายๆเครป เดินตาม google map เรื่อยๆก็มาโผล่ที่ตรอกนี้ >> ถ่ายรูปคู่ตามธรรมเนียม (เอ๊ะ! ต้องเรียกว่ารูปคี่สิ มีในท้องอีกคนนึง อิอิ) ผ่านร้าน 100 เยนพอดี เลยแว๊บเข้าไปดู >> เหมือนร้านสินค้าราคาถูกบ้านเราเลยเนอะ >> สากกระเบือยันเรือรบที่แท้จริง >> ผ้าพันแผล,แผ่นเจลลดไข้ก็ 100 เยน ขนตาปลอมก็มี สติ๊กเกอร์ติดเล็บก็มา เดินไปเรื่อยๆก็เจอร้านข้าว หน้าตาหน้ากินเชียว >> ราคาเริ่มต้นที่ชามละ 850 เยน (260บาท) >>ให้เดาอันนี้น่าจะข้าวหน้าปลาไหล ชามละ 460 บาท >> เซ็ททะเล 367 บาท แป๊บๆมาโผล่ตรงนี้ละ >> มีตู้คีบปิ๊กกาจูด้วย (น่าจะครั้งละ 500 เยนนะ เห็นเลขแว๊บๆ) เจอร้านรองเท้า แวะแป๊บ >> ก็คึกคักอยู่นะ คนไทยเยอะด้วย มีร้าน Tax free อยู่ร้านนึง ติดร้านรองเท้าเลย แวะไปส่องราคากันแดดหน้าร้าน ตีเป็นเงินไทยก็ไม่แพงเท่าไหร่ รอข้ามทางเพื่อจะไปร้าน ดองกิ ถึงแล้ว Don Quijote สาขา Shinjuku >> คนเยอะมาก ของก็เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกกว่าร้าน tax free อื่นๆไปซะทุกอย่าง >> อันนี้น่าจะแผ่นแปะผ่อนคลายเท้า >> แผ่นรัดตั่งต่าง พวกนี้เค้าเรียกว่าชุดแฟนซีป่ะ?? หรืออะไร ไม่รู้จัก >> ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน ไปดูเครื่องใช้ไฟฟ้ากับพวกอุปกรณ์ไอที หูฟัง sale เหลือ 398-500 เยน (122-153บาท) >> พวกเลนส์หนีบก็มี อันละ 244 บาท >> แบบนี้ก็แพงขึ้นมานิดนึง >> ไฟเซลฟี่ก็มี อันละ 1,056 บาท กล้องโพราลอยด์ >> แผ่นฟิล์มก็แพ็กเกจน่ารักตะมุตะมิมาก ชื่นชมความน่ารักของแผ่นฟิล์มได้ไม่นานก็หันไปเจอคลังแสง (20+) คุณพระคุณเจ้า! อะไรมันจะเยอะขนาดเน้! >> อย่าหาว่าอนาจารเลยนะคะ ตั้งแต่เกิดมายันมีสามีมีลูก เพิ่งเคยพบเคยเห็น..ปลอมนี่แหละ สาบานสามนิ้วเลย >> มันเก๋ตรงมีให้เทส(ด้วยตา)นี่แหละ 555 >> บางอันก็มุ้งมิ้งเกิ๊นนน สาวโสดควรมาอย่างยิ่ง นี่พูดเลย แล้วก็ไม่ได้มีเฉพาะของผู้หญิงนะ ของผู้ชายเค้าก็มีครบหมด >> เอ๊ะ! เห็นภาษาไทยแว๊บๆป่ะ แสดงว่าคนไทยมาซื้อกันเยอะงี้หรอ?? อืมมม..เอาอันไหนดีน้า?? (ครุ่นคริส) หลังจากดูของเล่นผู้ใหญ่จนตาแฉะก็ออกมาหาไรกิน ร้านอาหารที่จะกินอยู่ในซอยนี้ >> ชื่อร้าน Jonetsu Horumon >> คนแน่นร้านเลย ต้องนั่งรอหน้าร้านประมาณ 20 นาที >> ได้เวลาก็ขึ้นไปชั้นบน (ร้านไม่ได้ใหญ่เลยนะ แต่คนก็เข้าๆออกๆตลอด) นี่สั่งเซ็ทเนื้อ Lean meat all stars ไป 2 เซ็ท ราคาเซ็ทละ 3,290 เยน (1,006บาท) ห๊อมมมม หอมมมม รสชาติก็อร่อยดี ปิดจ๊อบ Shinjuku ที่ภาพนี้ค่ะ สรุปวันนี้เดินไป 3 โล (เบากว่าวันอื่นสุดๆละ) แถมรีวิวข้าวหน้าเนื้อร้าน Yoshinoya เนื้อนุ่ม รสชาติกลางๆ เขียวๆนั่นน่าจะต้นหอมซอย แต่ไม่ฉุน (ปกตินี่เป็นคนไม่กินต้นหอมเลย แต่อันนี้กินเกลี้ยง) ไข่ดิบคาวดี 555 // ราคาประมาณ 650 เยน (199บาท) ถ้วยนี้เพิ่มกิมจิด้วย อร่อยดี (จำราคาไม่ได้) ข้าวหน้าเนื้อ+แกงกระหรี่ (จำราคาไม่ได้ น่าจะราวๆ 750 เยน(229บาท) ) เห้ย! น้ำแกงกะหรี่อร่อยอะ เข้มข้น ต้องให้ เนื้อปลาสดดี แต่เค็มไปนิด // ราคาชิ้นละ250 เยน (76บาท) อันนี้ร้านเทมปุระ (จำชื่อร้านไม่ได้ ลืมถ่ายป้ายร้าน) เซ็ทนี้ 990 เยน (303 บาท) แพงอ่ะ!! มันก็คือกุ้ง+ผักชุบแป้งทอดนี่แหละ รสชาติธรรมดามาก เส้นอุด้งเหนียวนุ่มดี แต่รสชาติน้ำซุปจืดติดลบ ทั้งหมดทั้งมวล รสชาติแพ้ข้าวกระเพราไข่เจียวบนเครื่อง 555 เกาะไรไม่รู้ มองแค่นี้ยังสวย ลงไปเห็นของจริงน่าจะสวยมาก เกร็ดน้ำแข็งที่กระจกเครื่องบิน จบทริป "แบกท้องท่องโตเกียว ไปกันเองไม่ง้อทัวร์ 6คืน7วัน งบ 3หมื่นนิดๆ "อย่างเป็นทางการขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ
Discussion (10)
@maityjoe
@Violenze_DeZeM