Review | APARA (อะพาร่า) น้ำตบยางพารา ลองแล้ว 2 สัปดาห์ ลดมัน ผิวเด้ง หน้าดีขึ้นจริง
พุงนำนม1411สวัสดีค่ะสาวๆชาวจีบัน วันนี้มีของแปลกใหม่มา Review ให้ดู นั่นคือ APARA (อะพาร่า) "เอสเซ้นส์น้ำตบยางพารา" เป็นของดีจากฝีมือและงานวิจัยของคนไทย ที่ใช้ทรัพยากรอันโดดเด่นของไทยอย่าง "น้ำยางพารา" ซึ่งเต็มไปด้วยสารบำรุงผิวมากมายเลย ขอบอกเลยว่าคุณสมบัติและสารบำรุงนั้นดีไม่แพ้ของแบรนด์ของนอกเลย (แอบเชียร์คนไทยและของไทย)***คุยกันก่อนอ่าน - รีวิวนี้แบรนด์ส่งของมาให้ลองนะจ๊ะ ก็ลองกันไปตามเนื้อผ้าเหมือนเดิมนะ เราพยายามเก็บข้อมูลละเอียดมาก เพราะมันแปลกใหม่ เราเลยอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง ดียังไง*** ด้วยความที่ไม่เคยรู้เลยว่า เห้ยน้ำยางพารามันเอามาบำรุงผิวได้ด้วยเหรอ?? เราเลยไปหาข้อมูลมาก่อนจะลองใช้ ก็เลยพบว่ามันมีการวิจัยโดย ม. สงขลานครินทร์ และเคยออกรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" มาแล้วว่า ต้นยาง และน้ำยาง มันมีประสิทธิภาพในการเยียวยา และมีสารที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว และสารบำรุงผิวดีๆอีกหลายตัวเลย ใครสนใจลองไปหาดูใน google ได้เน้อ
เอาล่ะ มาดูคุณสมบัติ และสารบำรุงกันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรบ้างเนื้อผลิตภัณฑ์ - บางเบา ซึมซาบเร็ว มอบความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า โดยไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ
คนผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้ เพราะปราศจากการแต่งกลิ่น, สี, แอลกอฮอล, สารกันเสีย (Paraben), สารที่ก่อให้เกิดการอุดตันผิวไม่ทดสอบกับสัตว์ (Not Tested on Animals) ด้วยล่ะเออ ดีต่อใจ
สิ่งที่จะได้จากเอสเซ้นส์น้ำตบยางพาราตัวนี้ ตามคำเคลมของแบรนด์คือ
- ลดและควบคุมความมัน
- กระชับรูขุมขน นอกจากสารสกัดจากเซรั่มยางพารา ทางแบรนด์มีการเพิ่ม Witch Hazel ลงไปด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเรื่องกระชับรูขุมขน
- ลดการเกิดสิว หลังใช้ไป 3 เดือนสิวเกิดใหม่จะลดลง 100% เลย (อ้างอิงผลจากการวิจัยของ ม. สงขลานครินทร์)
- ผิวขาวใสขึ้น เพราะสารสกัดจากเซรั่มยางพาราช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีผิว (เมลานิน) และยังช่วยเปลี่ยนเม็ดสีผิวให้มีสีขาวขึ้น นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังเสริม Niacinamind (Vitamin B3) ลงไป ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวขึ้นเช่นกัน
- ผิวนุ่มชุ่มชื่น นอกจากสารสกัดจากเซรั่มยางพารา ทางแบรนด์ได้เติม Aloe Vera และ Sodium Pac ที่จะช่วยกันมอบความชุ่มชื่นให้ผิว
- ลดริ้วรอย ในสารสกัดจากเซรั่มยางพาราอุดมไปด้วยสาร Anti-Oxidant ที่ช่วยยับยั้งการทำงานของอนุมูลอิสระของออกซิเจน และไนโตรเจน และยับยั้งการสร้างสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เมื่อผิวโดนแดด ใครงงมาทางนี้ >>เราอ่านไปก็งงๆไป เอาเป็นว่า เจ้าสารพวกนี้ คือสารที่ก่อให้เกิดริ้วรอย แล้วสารสกัดจากเซรั่มยางพาราเนี่ย สามารถยับยั้งกระบวนการสร้างและทำงานของสารเหล่านี้ต่อผิวเราได้ เย้!! จบ 555
เอาล่ะ มาถึงช่วง Hilight ของกระทู้ นั่นก็คือการลองใช้ และรีวิวนั่งเอง ... เย้!! เราใช้ APARA (อะพาร่า) 2 อาทิตย์ โดยอาทิตย์แรกใช้เดี่ยวๆเลย เช้า-เย็น อาทิตย์ที่ 2 ใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ผลจะเป็นยังไงนั้น ตามมาค่ะสาวๆ
เริ่มด้วยสภาพหน้าสดเราก่อนใช้ APARA (อะพาร่า) สังเกตได้ว่าผิวจะดูไม่สดใส ดูมีริ้วๆกร้านๆ มีสิว และรอยสิวที่เกิดจากการแพ้ทิชชู่เปียก (อันนี้เรามีกระทู้เตือนใจแยกออกมาแล้วเมื่อวาน) คือวิบากมาก
วันแรกเราไม่แต่งหน้านะ ทาแค่ APARA (อะพาร่า) อย่างเดียวเลย อยากดูว่าจะช่วยเรื่องความมันได้แค่ไหน เพราะปกติเราหน้ามันระดับเมือกมากๆ ปกติขนาดไม่แต่งหน้า ทาแค่สกินแคร์ บ่ายๆเยิ้มแล้ว กระดาษซับมัน 3-4 แผ่นขึ้นไปตลอด วันนี้ซับไป 1 แผ่น แค่ 1 ครั้งตอนเที่ยงเอง
รูปนี้ถ่ายตอนเลิกงาน กำลังจะกลับบ้าน สำหรับเราถือว่าเห็นผลได้ชัดเจนเรื่องช่วยลด และควบคุมความมันนะ หน้ามันน้อยลงจริงๆ
วันที่ 2เราใช้ APARA (อะพาร่า) แค่อย่างเดียว แล้วตามด้วยรองพื้น CATRICE 18+ Hrs ALL MATT (ตัวนี้ใช้ดีนะเออ คุมมันใช้ได้ เดี๋ยวจะหาเวลามารีวิวแบบเต็มๆ) ปกติถ้าแต่งหน้า ตอนเที่ยงเราซับมัน 3-4 แผ่นอย่างต่ำอะ แค่ 3-4 ชม หน้าก็เยิ้มแล้ว แต่วันนี้ซับมันแค่ 1 แผ่นก็เอาอยู่อ่ะ เป็นคู่หูงานผิวที่ลงตัวดีมากสำหรับคนผิวมันแบบเรา
ซับมันแค่แผ่นเดียวเองอะ เรานี่ว้าวเลย ปกติขนาดไม่แต่งหน้า ทาแค่สกินแคร์ ยังซับมัน 3-4 แผ่นอะ หลังจากนั้นเราก็ใช้ APARA แบบเดี่ยวๆต่อไปอีกจนครบ 7 วัน
มาดูวิธีใช้กันวิธีใช้ก็ง่ายมาก หยดลงบนฝ่ามือประมาณ 5 หยด (คนหน้าบานก็ใช้เยอะแบบนี้แหละ) แล้วก็ตบๆให้ซึมลงสู่ผิว ตบแป๊บเดียวแหละ นับ 1-10 ก็ซึมเข้าผิวแล้ว เพราะเนื้อมันบางเบา แต่ว่าพอซึมแล้วผิวกลับนิ่มขึ้น ชุ่มชื่นขึ้นนะ มันไม่ทิ้งความเหนอะหนะบนผิว แต่ผิวจะดึ๋งๆ ชุ่มชื่นอะ
ครบอาทิตย์นึง ผิวหน้าก็จะประมาณนี้ คือจากที่ดูกร้านๆ ดูโทรมๆ มันจะดูอิ่มน้ำขึ้น ผิวดูสดชื่น ดูนิ่มๆขึ้น เราชอบมากตอนที่ตื่นมาส่องกระจกตอนเช้า เทียบกับตอนก่อนนอน แล้วพบว่าเห้ยผิวมันดูสุขภาพดีขึ้น ดูอิ่มฟู สดใสกว่าเดิม (ไอ้ที่วาวๆบนหน้าไม่ใช่ความมันนะ เป็นเจลแต้มสิว)
คราวนี้ก็ลองต่ออีก 7 วัน อยากรู้ว่าถ้าใช้สัก 2 อาทิตย์จะเป็นยังไง แต่คราวนี้เราลองใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่เราใช้อยู่เป็นประจำด้วย คือ Shiseido Ultimune และ Clinique Even Better ความดีของเอสเซ้นส์น้ำตบยางพาราตัวนี้คือ มันเหมือน Pre-Serum ที่ช่วยให้ผิวเราเปิดรับสกินแคร์ตัวอื่นๆได้ดีขึ้นปกติเราทาสกินแคร์ที่ใช้อยู่ จะใช้ปริมาณเยอะกว่า และใช้เวลานานกว่าในการรอให้มันซึมเข้าผิว แต่ถ้าเราลง APARA ก่อน มันซึมเข้าผิวเร็วขึ้นอะ แล้วก็ใช้น้อยลงกว่าเดิมด้วยตื่นเช้ามาผิวอิ่มฟู เด้ง ดูมีน้ำมีนวล สดใสกว่าตอนก่อนนอน ชอบผิวตัวเองตอนเพิ่งตื่นมากๆเลย
ผ่านไป 14 วัน มาดูความเปลี่ยนแปลงกันว่า ผิวหน้าเราเป็นยังไงบ้าง
สรุปผลการใช้ตามสภาพผิว และประสบการณ์ของเราตลอด 14 วันที่ผ่านมา
- ผิวชุ่มชื่นขึ้น ดูอิ่มน้ำ มีน้ำมีนวลขึ้น ทำให้ดูรูขุมขนเล็กลงจิ๊ดนึงเพราะผิวมันอิ่มฟู ไม่แห้งกร้าน
- ผิวนิ่มดึ๋งๆ
- หน้ามันน้อยลง ชัดเจนมาก
- ผิวดูใสเปล่งปลั่งขึ้น คือไม่ได้ขาวจั๊วะ ขาวโอโม่ แต่มันจะดูโกลว์ขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้น
- แต่งหน้าง่ายขึ้น เครื่องสำอางติดหน้ามากขึ้น
- ใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอิ่น ทำให้ทาง่ายขึ้น ซึมสู่ผิวไวขึ้น ใช้สกินแคร์ปริมาณน้อยลงกว่าเดิม
โดยรวมถือว่าน่าพอใจสำหรับเรานะ ถ้าถามว่าชอบที่สุดตรงไหน ก็ต้องบอกว่าตรงที่ ช่วยให้หน้ามันน้อยลง เนื้อเอสเซ้นส์บางเบาซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะ ส่วนผสมดี และอ่อนโยน และที่สำคัญคือ แปลก เพราะมาจากสารสกัดจากเซรั่มยางพารา แถมไม่ทดสอบกับสัตว์ด้วย ใช้แล้วสบายใจ
เป็นรีวิวที่ละเอียดมาก เพราะเราพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใช้แล้วจะเป็นยังไง จะได้อะไรจากเจ้าเอสเซ้นส์น้ำตบยางพาราตัวนี้บ้าง
หวังว่าสาวๆคงชอบ หรืออ่านจนจบ (ฮา) ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ฝากเม้นท์ ฝากไลค์ เป็นกำลังใจให้กันหน่อยเน้อ
Discussion (11)
น่าลองจังเลย