เกลียดตัวเองเพราะโรงพยาบาลผิวหนัง
g.phanpa615อันนยองอาเซโย ยอรอบุน⭐️ก็วันนี้เราจะมาบอกเรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาลผิวหนังที่เราได้เคยไปรักษามานะขอบอกก่อนว่าทั้งหมดที่เราเขียนเราเขียนโดยมุมมองของเรานะอาจจะยาวหน่อยแต่ย่อให้ก็คือเมื่อประมาณปีที่แล้วเราได้ไปหาหมอมาที่โรงพยาบาลผิวหนังแห่งหนึ่งเพราะว่าเราเป็นผดร้อนบอกก่อนว่าโรงพยาบาลนี้ตั้งอยู่ที่ อโศกเป็นโรงพยาบาลผิวหัง ตั้งอยู่หลังมหาลัย มศว ใกล้กับ MRT เพชรบุรีแต่เราไม่บอกชื่อนะ 5555 ก็คือเราก็ไปหานี่แหละก็หาไปประมาน 1 เดือนแล้วคือตอนหาอะเราชอบผิวตัวเองมากมันนุ่มนิ่มทุกครั้งที่เราจับตอนล้างหน้าเช้าเย็น ตอนนั้นชอบมากๆนี่บอกเลยและพอมันเริ่มหายและเราก็แบบอะโอเคเลิกหาได้แหละเพราะหายแล้วและหลังจากนั้นแบบด้วยความที่เราเป็นสิวมาตั้งแต่ ม ปลายใช่ป่ะเราก็จะมีแบบรอยอยู่แล้วเพราะเมื่อก่อนเราทาแค่ยาแต้มสิวอย่างเดียวและแบบเหมือนว่าที่บ้านก็บอกว่าหาต่อไหมจะได้มีผิวหน้าที่ใสๆบ้างเราก็แบบโอเคนิอยากหน้าใสบ้าง เราก็เริ่มหาหมอและหมอคนนี้คือคนละคนกับที่เรารักษาผด ก็คือเราไปหาเขาก็แบบเหมือนรู้ละว่าเรามาหาเรื่องสิวใช่ป่ะเขาก็ดูและก็แบบบอกเลยว่าเราเป็นสิวที่เกี่ยวกับหน้ามันเราเป็นคนหน้ามันก็เราแบบเออๆเพราะแบบช่วงนั้นมีงานเยอะด้วยนอนดึกด้วยก็คงเป็นเพราะอย่างอื่นด้วยแต่ตอนนั้นเราก็มาสังเกตุมาเออหน้าเราก็มันจริงๆหลังจากนั้น เออเราหาตอนเดือนตุลาช่วงนั้นอะแล้วเขาก็ให้ยาเรามากินคือ แอคโนตินที่เป็นสีม่วงอะ และก็แบบยาละลายขุยทาก่อนล้างหน้าตอนเย็นและก็โฟมล้างหน้าด้วยเราก็ใช่มาตลอดแล้วเขาบอกว่ากินยานี้แค่หกเดือนก็พอแล้วน่าจะโอเคแล้วพอถึงเดือน5หมอคนนี้ก็แบบลาพักร้อนยาวเลยคือออกจากโรงบาลแล้วแหละเราคิดว่าหลังจากนั้นเขาก็ให้เราเลือกต่อว่าจะรักษากับหมอคนไหนต่อดีเขาให้เลือก หมอ ผญ 2 คนเราก็เลือกคนหนึ่งที่เออเวลาเราว่างในครั้งต่อไปพอดีก็แต่แบบรักษาต่อเราก้ไม่ได้อะไรเสร็จปุ๊ปเราก็แบบนึกว่าเขารู้กันว่าแบบหกเดือนแบบหมอคนแรกแต่คือเขาก็แบบรักษามาถึงเดือนที่7-8เราก็แบบทำไมไม่แบบจบสักทีแล้วที่บ้านก็แบบเริ่มถามว่าทำไมยังรักษาไม่จบเหรอแล้วคือก่อนหน้านี้เราเริ่มเปลี่ยนโฟมจากที่ใช้ของหมอเราเปลี่ยนมาใช้ แอคเน่เอจสีฟ้าและก็ลาโรสโพเซ คือใช้ไปแล้วก็สิวขึ้นนี่คือขนาดของผิวบอบางนะเนี่ยสิวก็ขึ้นพอกลับมาใช้โฟมหมอสิวก็หายไปเราก็เริ่มเอ๊ะใจแล้วแหละนี่คือจุดพีคเราเริ่มเครียดเพราะว่าเราต้องแบบไม่มีสิวเพื่อที่จะไปหาหมอหมอจะได้ให้หยุดยาได้และจบสักที(อันนี้คือในความคิดเราบวกหมอด้วยเขาบอกว่าถ้าไม่ขึ้นอีกก็ไม่ต้องกินแล้ว)เราเริ่มเครียดมากเพราะทั้งเรื่องที่ต้องหยุดยาและเรื่องทางบ้าน เราแบบเริ่ดแบบกังวลว่าเรากินนู่นนี้แล้วสิวจะขึ้นไหม กินหวานมากก็กังวล นอนน้อยไหม(เรานอน9ชม)ต่อวัน เครียดกะทั้งยืนรอ bts ร้อนเกินแล้วจะส่งผลต่อสิวไหม มีช่วงหนึ่งเราเครียดจนกลายเป็นว่าเรารู้สึกว่ามันหนักๆอยู่ที่หัวด้านหลังเลยทำให้เราต้องกินยาแก้ปวดหัวทุกคืนก่อนนอนช่วงหนึ่ง จนแบบเพื่อนบอกว่าไปหาหมอจิตไหม (เออลืมบอกว่าเราเป็นคนคิดมากๆๆๆและก็ค่อนข้างโฟกัสตัวเองหนักมาก)แล้วจนสุดท้ายหมอก็ให้หยุดยาได้เรารักษามาทั้งหมด9เดือนหลังจากนั้นยาเริ่มหมดเราก็มีอาการของสิวขึ้นมาแล้วคือบอกก่อนว่าตอนที่เรากังวลเรื่องสิวอะทำให้สิวขึ้นมา1เม็ดเราก็เครียดมากแบบไม่ไหวแล้วอะแล้วคือตอนนั้นเราแทบจะเป็นบ้าอะเพราะมันเริ่มจะทยอยขึ้นมาแบบ3เม็ดเป็น5แล้วก็เพิ่มเรื่อยๆจนมันเยอะมากเราแบบเสียใจมากจนแบบทุกคนในบ้านแบบเครียดไปด้วยทุกคนในบ้านสงสารเราหมดเลยและอาการที่เราไม่คิดว่าจะเกิดกับเราก็เกิดขึ้นคือที่บ้านบอกเราว่าเราเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าตอนนั้นนำ้หนักลดลงเกือบสิบกิโล นั่งร้องไห้บ่อยมาก เกือบทั้งวันไม่ได้ออกไปข้างนอก ถึงได้ไปก็ไปร้องไห้ข้างนอกอีก กินอะไรไม่ค่อยได้ จนสุดท้ายเราเริ่มคิดฆ่าตัวตาย เศร้ามะ คือไม่เข้าใจว่าแบบยามีผลไกมแต่มันคงเป็นส่วนหนึ่งแหละ คือเราไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงไข้หรือว่าอะไรเพราะเรารู้สึกว่าที่นี้เป็นโรงบาลที่โอเคเลยนะเอาจริงมีดารามารักษาด้วยเราเจอหลายคนนะ2-3อะ คือเขาคงไม่รู้หรอกว่าคนๆหนึ่งอะความอ่อนแอของเขาจะไปได้ขนาดไหนคือถ้าเราไม่ให้กำลังใจตัวเองอะก็คงไม่ได้อยู่แล้วแหละแล้วลองคิดดูกับการที่เขาจะฆ่าตัวตายเพราะโรงพบาลผิวหนังอะถ้าเขารักษาไม่ได้ก็ไม่ควรไหมที่จะรักษา ความคิดเราคนเดียวนะ มันอาจจะมีคนที่เข้มแข็งกว่าเราและอ่อนแอกว่าเราก็ได้ ตอนแรกคิดว่าถ้าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นเขาจะคิดว่าไร้สาระไหม แต่เราก็คิดว่าทุกคนก็คงต้องมีเรื่องเครียดบ้างเหมือนกันแหละก็อยู่กับที่ความคิดเขา แล้วสุดท้ายเรามาคิดว่าเราไปหาหมอเพราะสิว เขาก็ต้องทำให้สิวหายสิแต่เขาไม่ได้นึกถึงผิวเราเลยว่ามันจะโอเคไหมแข็งแรงไหมเพราะถ้าแข็งแรงเราก็คงไม่มาเป็บแบบนี้แล้วพอเขาเดือนสิงหาเราก็ได้ปรึกษากับพี่คนหนึ่งซึ่งเขาเป็นคนที่ดูเรื่องผิวหนังโดยเฉพาะแบบเขารับรักษากับหน้าคนที่ไปหาหมอแล้วแบบพังมาค่อนข้างพอสมควร แล้วตอนนั้นเขาก็บอกเราว่าหน้าเรามันมากเลยนะแต่แบบข้างในผิวแห้งมาก(ตอนหาหมอๆไม่ได้ให้ทาครีมอะไรเป็นการบำรุงเลย)แล้วก็บอกว่าผิวตอนนี้ค่อนข้างบางมากผิวชั้นนอกเราอ่อนแอมากเลยทำให้เชื้อโรคเข้าผิวได้ง่ายมากเลยทำให้ผิวเราระคายเคืองในรูปแบบหนอง คือตอนนี้เราก็รักษามาด้วยการกินโปรตีน วิตามินต่างๆ แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้หายแบบ100%นะเพราะว่าเราอยากรักษาแบบธรรมชาติแต่เราก็ไม่กล้าเอาอะไรลงหน้าเพราะตอนแรกเราแพ้หมดเลยคือไม่ว่าจะใช้อ่อนโยนแค่ไหนก็แพ้อะ เราก็เลยกินโปรตีนกับวิตามินเพื่อที่จะได้สร้างเซลใหม่ไปเลยคือบำรุงข้างในเอาก็เลยใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าด้วยแหละและสุดท้ายเราว่าเราควรรักษากับคนที่ก็ดูอยากให้สิวเราหายนะ ตอนหาหมอคือไปเจอหมอไม่ถึง2นาทีดูหน้าเราแค่แป๊ปเดียวเองเสียละ500แต่ค่าหมอนะ แต่พี่คนนี้เขาแบบค่อยถามเช็คตลอดว่าเป็นยังไงบ้างถ่ายรูปให้ดูหน่อย ให้คำแนะนำเรื่องกินอาหาร คือเราไม่ได้กินของทอด กินนำ้อัดลมและนำ้ที่มีนำ้ตาลเกิน8กรัมเลยอะ แล้วก็แบบยังหายาทามาให้เพราะเราลองใช้ยาแต้มสิวแล้วก็มีอาการผิวแดงขึ้นมาแล้วสิวขึ้นเพิ่มอีก เขาก็หาที่แบบอ่อนโยนมาให้ แล้วเราก็นอนไม่เกินสี่ทุ่มครึ่งด้วย จบแล้วยาวมากเราก็งงที่เราพิมมาได้ยังไง ยังไงก็ถ้ามีคนที่รักษาอยู่เราก็ดป็นกำลังใจให้น้า แล้วก็เพื่อคนที่กำลังเป็นแบบเราด้วย อ่านจะได้เพื่อมีวิธีปรับรักษา คือตอนนี้เรายังไม่หายแบบ100%ไง ถ้าหายยังไงจะไว้มารีวิวกับสิ่งที่เราใช้กับกินนะ โปรตีน วิตามิน (เรากิน27เม็ดต่อวันอะ) ใครที่อ่านจบก็นะขอบคุณมากเราแค่อยากให้ทุกคนระวังขนาดเรารักษากับที่ๆคิดว่าดีแล้วเรายังเจอกับเรื่องแบบนี้เลย ไปละนะอันนยอง ยอรอบุน
Discussion (15)
ถ้าตะเองมีความคิดด้านลบวนเวียนมาในหัวบ่อยๆ คิดฆ่าตัวตายเป็นระยะ เราแนะนำให้พบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเน้อ เค้าไม่ได้บอกว่าตะเองบ้านะ แต่โรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์มันอันตรายมาก ดูแลผิวแล้วก็ดูแลหัวใจดีๆนะ เป็นห่วง
คนอื่นเขาเกิดมาพิการ ยังสู้ชีวิต คุณคิดแบบนี้ สงสารพ่อแม่คุณเหอะค่ะ
เรื่องสิว คิดใหม่เสียว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แค่สามถึงห้าเม็ดนี่ บอกเลยว่า กระจอกมากๆ เราเป็นจนเต็มหน้า ก็รักษาไปในที่ๆเราสบายใจ หมอคนไหนทำให้เราหายไม่ได้ ก็เปลี่ยน จะเครียดไปทำไม
อีกอย่าง ปัจจับเรื่องสิว มันเยอะมาก ต่อให้รักษายาหมอหาย แต่ป้องกันไม่ให้เกิดใหม่ สำคัญยิ่งกว่า ดังนั้น เราว่า อย่าคาดหวังว่า หาหมอสิวคราวหนึ่ง แล้วจะหน้าใสตลอดไป หมอสิวก็แค่รักษาปลายเหตุแล้ว ดูที่ต้นเหตุดีกว่า ว่าเกิดจากอะไรแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น แต่ถ้าหน้ามันเพราะฮอร์โมน มันก็ต้องทำใจ หมอไหนก็ช่วยไม่ได้หรอก