Please Bring J - Wave Back! เหตุผลที่อยากให้อุตสาหกรรมบันเทิงญี่ปุ่นกลับมาบูมเหมือนเดิม candy 29 Jan 18 10 7หลังจากที่กระแส Hallyu หรือ Korean Wave ได้ครอบครองอุตสาหกรรมบันเทิงในหลายประเทศทั่วเอเชียมานานกว่าทศวรรษ และกระแสนี้ได้สร้างความสนุกสนานประทับใจให้กับแฟนๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
แต่มีบางสิ่งที่ทำให้พวกเราใจหายมาหลายปี คือความซบเซาของกระแสบันเทิงญี่ปุ่นในบ้านเรา จากที่เคยติดตามเรื่องราวของศิลปินดาราจากแดนพระอาทิตย์ตามแม็กกาซีน จากที่ต้องพุ่งตรงกลับบ้านมาดูซีรีย์ที่ฉายตอนบ่าย 3 ช่อง 3 หรือหลังจากนั้นมาหน่อยก็ต้องเป็น ITV ต้องตามดูซีรีย์หลังข่าวที่ทำให้ติดงอมแงมจะได้เอาไปเม้ากับเพื่อนที่โรงเรียนในวันรุ่งขึ้นได้ จากที่อินกับเพลงญี่ปุ่นมาก แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่มีใครทำ subtitle ให้เข้าใจความหมาย และก็ไปเสาะหาเนื้อร้องมาร้องตามได้เฉยเลย
แม้ความนิยมในบันเทิงญี่ปุ่นจะไม่ได้ลบเลือนไป แต่ก็เปรียบเทียบกับความเฟื่องฟูในอดีตไม่ได้ มันทำให้เราโหยหา ... ขอร้องจะได้ไหม ... ขอ J wave ให้กลับคืนมาอยากจะเสพแบบไม่ต้องภาวนาให้คนแปล subtitle มาแจก อยากจะเปิด Netflix หรือช่องออนไลน์ก็มีให้เลือกดูเป็นพรืด มีรายการแนะนำเพลงให้พวกเราได้อัพเดทกันเหมือนแต่ก่อน ... ถ้าได้แบบนั้นคงจะเติมเต็มแบบฟินเต็มที่
มาชมกันค่ะว่าเพราะอะไรเราจึงอยากให้ บันเทิงญี่ปุ่นกลับมาบูมเหมือนเดิม หนังและซีรีย์ดราม่าสะท้อนสังคม ที่ให้ข้อคิดและเสียน้ำตาพร่าวพรูในเวลาเดียวกัน
มีคนบอกเราว่า สังคมญี่ปุ่นนั้น แม้จะมีการพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยีไปกว้างไกล แต่ก็ยังมีความเป็นอนุรักษ์สูง จะไม่ยอมรับเรื่องที่ดูผิดแผกไปจากแบบแผนและกรอบความคาดหวังทีคนหมู่มากตั้งเอาไว้
ซึ่งคำกล่าวนี้จะจริงสักแค่ไหน เราก็คงยังไม่รู้ชัด แต่ที่รู้คือ สิ่งที่อุตสาหกรรมการแสดงที่ญี่ปุ่นได้นำเสนอมาตลอด ได้ก้าวออกมาจากกรอบเดิมๆ มาตั้งนานแล้ว พวกเขาสามารถจิกกัดสังคมได้อย่างเจ็บแสบผ่านบทพูดแบบตลกร้าย และดูไม่หวั่นที่จะตีแผ่ปัญหาสังคมที่มักจะถูกปัดกวาดไปซุกซ่อนใต้พรม
ตั้งแต่ยุค 90s ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ได้มีอัตราผู้ติดเชื้อ HIV สูงได้สร้างซีรีย์ว่าด้วยชีวิตของเด็กสาวมัธยมที่คิดตื้นเขินขายบริการทางเพศเพื่อแลกเงินซื้อตั๋วคอนเสิร์ตโดยไม่ป้องกันจนติดเชื้อ HIV โรคร้ายนี้ได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตของเธอและคนรอบข้างโดยไม่คาดคิดมาก่อน เป็นผลงานที่ไม่ว่าจะกลับไปชมอีกกี่ครั้งก็ทำให้เราหลั่งน้ำตา ไม่ใช่เพียงแต่เสน่ห์ของพระนางที่ทำให้เราติด "อยู่เพื่อรัก" แบบถอนตัวไม่ได้ แต่วิธีการบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกมองเป็นเด็กใจแตกทำตัวไร้ยางอายนั้นมีภูมิหลังเป็นครอบครัวที่มีพ่อเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลาเอาใจใส่ลูกเมีย แม่ที่ต้องอดทนฝืนกับความเย็นชาของสามีและทนอยู่เพื่อลูกๆ เมื่อโหยหาในความรักและความเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจทำอะไรราวกับคนขลาดเขลา แค่มี sex กับชายแปลกหน้าครั้งเดียวก็ได้เงินพอสำหรับตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินที่เธอคลั่งไคล้แล้ว เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าผลที่ตามมาจะสร้างความทุกข์แสนสาหัสให้ ซีรีย์ออนแอร์ตั้ง 20 ปีมาแล้ว แต่ยังตราตรึงในใจของแฟนๆ เรื่องทางการแพทย์อาจจะดูล้าสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในปัจจุบัน และเพื่อเพิ่มความดราม่า ก็เติมความโลกสวยให้นางเอกจนคุณอาจจะขัดใจบ้าง แต่ยังเป็นซีรีย์น้ำดีที่แสดงถึงปัญหาการขาดความรับผิดชอบเรื่อง safe sex แม้ญี่ปุ่นจะมีอัตราผู้ติดเชื้อต่ำ แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนรู้จักป้องกันตัวเองได้เป็นอย่างดี ซีรีย์สะท้อนปัญหาสังคมที่โดนใจมากๆ และทำเรตติ้งสูงคือ Last Friends เรื่องนี้ได้เสนอมุมมองของความรักที่แตกต่างออกไป แคแรคเตอร์เด่นในเรื่องจะเป็นตัวแทนของ ความรัก การปลดปล่อยตัวตน ความเจ็บปวดที่เก็บกดไว้ ความอ้างว้างโดดเดี่ยว และความขัดแย้ง
ซีรีย์เปิดตัวด้วยชีวิตของหนุ่มสาวที่แชร์บ้านกันอยู่ จนกระทั่งรุกะได้มาพบกับมิจิรุ เพื่อนที่เคยสนิทสนมกันเมื่อยังเด็ก พวกเธอสานต่อมิตรภาพแบบไม่ต้องลังเลใจ แต่เมื่อนานวันไป รุกะก็เริ่มสัมผัสถึงปัญหาหนักหน่วงที่มิจิรุต้องแบกรับ เธอจึงอ้าแขนต้อนรับให้มิจิรุเข้ามาอยู่ร่วมในแชร์เฮาส์เพื่อช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความรุนแรงจากน้ำมือโซสุเกะ หนุ่มคนรักของเธอเอง จะทำเช่นไร หากแฟนหน่มแสนดีที่ดูแลเทคแคร์คุณราวกับเจ้าหญิงได้แสดงตัวตนที่โหดร้ายเหมือนถูกปีศาจเข้าสิง เพียงเพื่อที่จะครอบครองคุณไว้เพียงผู้เดียว เขาจะลงมือทุบตีคุณจนบอบช้ำและถ้าขัดขืนไม่ทำตามก็ยิ่งจะโดนหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ต่เมื่อใจแข็งทำท่าจะตีจาก เขากลับกลายไปเหมือนสุนัขเชื่องๆเฝ้ารอเจ้าของจนคุณเริ่มใจอ่อนคิดให้อภัย เรื่องราวมันวนลูปอยู่อย่างนี้ Last Friend ไม่ได้พูดถึงแต่ความน่าประทับใจจากมิตรภาพและรักสามเส้าตามสูตรสำเร็จที่เคยชมมาเท่านั้น แต่ได้เปิดเผยแง่มุมความโหดร้ายที่เกิดจากความรักที่บิดเบี้ยว ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากบาดแผลในจิตใ ในจุดนี้เองที่เราชื่นชมนักแสดงจากญี่ปุ่นที่เลือกรับบทที่หลากหลายท้าทายโดยไม่ 'ยึดติด' กับภาพของตัวเอกฝ่ายธรรมะ หลายครั้งคุณจะพบว่านักแสดงที่ดังมากๆ เลือกที่จะรับบทสมทบหากถูกใจกับแคแรคเตอร์นั้น ๆ ดังเช่น เรียว นิชิกิโดะ ผู้เป็นไอดอลมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาพลิกบทบาทแสดงที่ดูทั้งน่าขยะแขยงและน่าสมเพชในเวลาเดียวกัน แววตาอันน่าสะพรึงตอนที่ทุบตีคนรักและอีกตัวตนที่รู้สึกผิดย้อนแย้งกับการกระทำขของตัวเองทำให้น่าเชื่อว่าโซสุเกะกำลังเจ็บป่วยทางจิตใจ ( ตามการศึกษาว่าพวกที่ใช้ความรุนแรงหลายเคสจะเคยตกเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำมาก่อน) ผลงานการแสดงจาก Lasr Friends ทำให้เรียวคว้าไปหลายรางวัลเลยล่ะ เราจะได้เห็นความยากลำบากในการค้นหาและปลดปล่อยตัวเองจาก label เรื่องเพศของรุกะ เธอต้องเอาชนะคำสบประมาทที่แบ่งแยกชายหญิงและสายตาที่มองอย่างไม่เข้าใจเมื่อเธอแต่งกายและแสดงออกเหมือนเด็กผู้ชาย แต่สิ่งที่ดูยากที่สุดสำหรับเธอคือบอกความในใจว่ารักเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เพราะถ้าบอกไป เธออาจจะสูญเสียคนที่รักมากไปตลอดชีว้ตก็เป็นได้ (เรื่องนี้มีเพลงประกอบคือ Prisoner Of Love ของฮิคารุ อุทาดะ ที่แค่ชื่อเพลงก็ตรงกับชีวิตของตัวละครในเรื่องแล้ว เพลงขึ้นมาทีไรกระชากใจเมื่อนั้น) ทาเครุ เมคอัพอาร์ทิสท์หนุ่มหล่อที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เพราะไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหน เขานุ่มนวลอ่อนโยนต่อคนรอบข้างด้วยใจจริง แต่ภายใต้ความใจดีนั้น ทาเครุถูกความทรงจำในอดีตตามหลอกหลอนจนไม่สามารถมีความรักกับใครได้ การสัมผัสจากผู้หญิงสร้างความหวาดกลัวให้กับเขา ถึงแม้ซีรีย์จะไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างชัดแจ้ง แต่ก็ทำให้คนดูเดาได้ไม่ยากว่าทาเครุถูกคนในครอบครัวล่วงละเมิดทางเพศ การเก็บซ่อนแผลในใจมาเนิ่นนานทำให้ให้ทาเครุมองความรู้สึกของคนรอบข้างออก เขาเฝ้ามองรุกะด้วยความชืนชมและเห็นใจและตกหลุมรักเธอในที่สุด เป็นการนำเสนอโลกสีเทาตามแนวถนัดของญี่ปุ่น ไม่มีใครที่ดีหมดจดหรือเลวทรามไปซะทุกอย่าง เรื่องราวดำเนินไปอย่างบีบคั้นความรู้สึก แต่กล้าเล่นประเด็นบางคนหลีกเลี่ยงจะพูดถึง จริงๆแล้ว มีข่าวของความรุนแรงบ่อยแค่ไหน คุณผู้อ่านคงทราบกันดีใช่มั้ยคะ อุ้มฆ่า สาดน้ำกรด จุดไฟเผา เรื่องสยองเหล่านั้นอาจจะมีจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากใน Last friends ก็เป็นได้ ส่วนประเด็นรักร่วมเพศของตัวเอกนั้นไม่ได้ถูกสร้างเป็นจุดขายเพื่อสร้างความฮือฮา แต่ได้แสดงถึงเส้นทางการค้นหาตนเองเพื่อยอมรับรสนิยมทางเพศที่แตกต่างและส่งสารถึงสังคมที่ควรจะมองเรื่องนี้อย่างเข้าใจ มิใช่ดูถูกดูแคลน รวมไปถึงประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ อันเป็นภัยที่ทุกคนควรระแวดระวังช่วยกัน เพราะแม้จะเป็นคนในครอบครัว แต่สามารถสร้างบาดแผลฝังลึกที่ตามหลอกหลอนไปตลอดชีวิต ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในทุกสังคม และอาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด แม้ยูนิเซฟจะเคยประกาศว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราคุณแม่วัยทีนน้อยที่สุด จากการให้ความรู้เรื่องการรับผิดชอบชีวิตของตัวเองและคนอื่นโดยไม่หลายเป็นภาระสังคม ลบ label เกี่ยวกับการคุมกำเนิดว่าเป็นสิ่งยั่วยุ ยอมรับถึงธรรมชาติของวัยรุ่นแล้วหันมาประชาสัมพันธ์ให้พวกเค้าป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อจากการใช้ถุงยาง เรื่องของคุณแม่วัยใสจึงดูจะไม่ใช่ปัญหาหลักของสังคมที่จะต้องรีบหามาตรการป้องกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน แต่ก็มีการสร้างซีรีย์ตีแผ่เรื่องราวของสาวน้อยวัย 14 ที่พลาดท้องจากการไม่ป้องกัน แต่เธอกลับแหวกกระแสสังคมด้วยการยืนยันจะตั้งท้องและคลอดเด็กออกมาเพื่อจะรับบทบาทแม่ทั้งๆที่ยังเป็นเด็กอยู่
เมื่อได้ชมแล้ว คุณจะไม่รู้สึกว่านี่คือการชี้นำให้เด็กวัยรุ่นปล่อยปละละเลยการคุมกำเนิดและหันมาเชิดชูการเป็นคุณแม่วัยใส แม้น้องนางเอกในเรื่องจะเป็นเด็กดีและเข้มแข็งเกินวัย ทั้งยังมาจากครอบครัวที่อบอุ่น แม่พ่อแม่จะปวดร้าวใจที่ต้องเห็นลุกสาวที่ยังเด็กมากต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่กำลังตามมา แต่ก็รวบรวมสติและร่วมมือกันสนับสนุนการตัดสินใจของลูก ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นเคสที่โชคดีเพราะไม่ได้ขาดแคลนกำลังใจจากครอบครัว สถานะทางการเงินก็ไม่ได้เลวร้าย แต่กระนั้น คุณจะพบว่าผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เสี่ยงต่ออันตรายทั้งทางจิตใจและร่างกาย ความคิดโลกสวยแบบเด็กๆดูจะไม่ได้เข้ากับการเป็นแม่คนเลย แค่ชือเรื่องก็น่าจะทำให้หลายคนทราบแล้วว่านี่ไม่ใช่ซีรีย์สไตล์ feel good แม้จะสัมผัสถึงการนำเสนอความรักความอบอุ่นของครอบครัวแบบยูโทเปีย แต่ก็แสดงถึงด้านสีเทาของโลกที่ไม่ได้อ่อนโยนกับคุณตลอดเวลา ซีรีย์อิงกับความเป็นจริงว่า ในที่สุดแล้ว เมื่อเด็ก 14 ตั้งใจจะมีลูก ความทุกข์ระทมที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้ ข้อเท็จจริงที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องการยอมรับคือลูกหลานเริ่มมีเพศสัมพันธ์กันเร็วขึ้น มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาของบ้านเราที่บุคลากรทางการแพทย์จะต้องทำงานร่วมกับคุณแม่วัยคอซอง สิ่งที่บางคนมองข้ามไปคือความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ ร่างกายของเด็กวัยรุ่นที่ยังเจริญไม่เต็มที่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งในการคลอดก่อนกำหนด สุ่มเสี่ยงต่อการรอดชีวิตของทารกที่ยังมีน้ำหนักตัวน้อย นอกจากเรื่องสุขภาพทางกายก็ยังมีเรื่องของจิตใจของผู้เป็นแม่ที่ดำเนินชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นที่ยังอ่อนประสบการณ์ แล้วจู่ๆต้องรับผิดชอบอุ้มท้องอีกชีวิตในครรภ์ ความกดดันจากสังคมภายนอกที่ตั้งอคติกับการตั้งครรภ์ในวัยเรียนอาจทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ ยังไม่รวมถึงปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและการทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกน้อย ซึ่งคุณแม่วัยใสจะต้องกลับไปร่ำเรียนเพื่อการศึกษาอันเป็นหลักประกันในการหาเลี้ยงชีพเมื่อเป็นผู้ใหญ่ แล้วภาระรับผิดชอบสมาชิกใหม่จะตกอยู่ที่ใคร ? ผู้สร้างได้นำเสนอภาพครอบครัวที่อบอุ่นสมัครสมานในอุดมคติ เมื่อเกิดความผิดพลาดไปแล้ว ถึงจะเจ็บปวดผิดหวังอย่างไรก็ร่วมยืนหยัดสู้ปัญหาไปด้วยกันจนถึงที่สุด ถึงกระนั้น แม้แต่ครอบครัวที่เต็มไปด้วยรักอันอบอ่นของนางเอกก็ยังต้องผ่านความทุกข์หนักหนาสาหัส ความดราม่าน้ำตาแตกคงไม่เกิดขึ้นหากเธอและแฟนหนุ่มเลือกจะมี safe sex นี่ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ว่านี่เป็นการสื่อถึงอุทาหรณ์ มิใช่การส่งเสริมให้เกิดการตั้งครรภ์ในวัยเรียน Comedy ถ้าเป็นผลงานสุดฮาจากญี่ปุ่นนั้นจะถูกจริตเรามาก อันนี้พูดถึงตลกแบบจริงจังไม่ใช่แค่มุกสอดแทรกเบาๆเหมือนรอมคอมหวานแหวว ผลงานหลายเรื่องทำให้เราเซอร์ไพรส์มากที่นักแสดงหน้าตาดีเวิ่นเวอเค้ารั่วกันได้แบบสุดๆแบบไม่รักษาภาพลักษณ์กันสักนิด
โนดาเมะ ความตลกในตำนานที่รั่วให้ถึงขีดสุดเหมือนกับตัวละครในมังงะมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ เรียกว่าพระนางไม่ห่วงสวยห่วงหล่อกัันบ้างเลย และเพราะจูริเล่นเป็นโนดาเมะได้ฮาฝังใจแฟนๆมาก มันจึงเป็นงานหินสำหรับเธอที่จะลบภาพนี้ออกไป ไปเล่นเรื่องอื่นก็ถูกติว่าติดภาพโนดาเมะไปแล้ว ดูยังไงก็ไม่อิน แต่ได้การแสดงใน Last friendsมาพิสูจน์ตัวไว้ได้ หรือจะเป็นตลกเสียดสีสังคมผ่านกระบวนการยุติธรรมใน Legal High ที่ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และเอาใจช่วยพระเอกที่เป็นทนายจอมเจ้าเล่ห์ หลายๆตอนมันควรที่จะซาบซึ้ง แต่เพราะมุกจิกกัดเพียบทำให้อดหัวเราะไม่ได้ คุณจะได้เห็นนางเอกที่สวยแบ๊วน่ารักสุดๆมารับบทอะไรแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หรือจะเป็นพระเอกมาดเข้มที่เล่นดราม่าได้สะเทือนอารมณ์สุดอย่างชุน โอกุริ ที่พอมาทางคอเมดี้ก็ต๊องได้หมดรูปความเท่ไปเลย
ตอนนี้ติด Princess Jelly Fish มาก >////<