เครียดค่ะ...ควรวางตัวไงดีnarana200829 Oct 0818ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววDiscussion (18)SEND Anonymous12 yr.ก่อนแต่งแม่สามีพูดกับลูกสาวว่าจัดงานแต่งให้มันแล้วๆไปถ้าเค้าตายไปจะได้ไม่โดนตำหนิว่าเค้าไม่ทำให้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แม่สามีเป็นคนพูดเองว่าควรแต่งงานกันได้แล้ว แต่ค่าสินสอดทองหมั้นต้องหากันมาเองนะ แม่สามีไม่ให้อะไรเลยแต่บาทเดียวจริงๆ (แต่ให้จัดงานแต่งที่บ้านแม่สามี งานแต่งเช้าเลี้ยงเย็น ค่าโต๊ะจีนก็จากซองคนมาช่วยงานไม่ขาดทุดนซักบาทไม่ต้องควักเนื้อด้วยซ้ำ) ฟังดูแล้วเหมือนว่าเค้าดีมาก อยากให้แต่งกันอยากให้เรามาอยู่ด้วย ที่ว่าเค้าลำเอียงก็เรืองลูกสาวของเค้านั่นแหล่ะ กลัวว่าเราจะมีเงินมีทองในงานแต่งมากกว่ากว่าเงินสินสอดก็ห้ามเกินสองแสน เพราะอะไรนะเหรอก็ลูกสาวเค้า่แต่งไว้สองแสนน่ะสิ พิลึกคน แทนที่จะทำอะไรให้สมกับหน้าตา แต่กลัวลูกสาวโรคจิตขี้อิจฉาจะน้อยใจคิดฆ่าตัวตายมากกว่า ขนาดงานแต่งของเรา ไม่มีใครสนใจจะช่วยจัดอะไรในงานให้เลย เราโชคดีที่มีเพื่อน มีพี่แค่คนเดียวที่คอยช่วย (เราเป็นครอบครัวที่ไม่มีพ่อและแม่แล้ว)แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เราคิดว่าเป็นเพราะบุญของเราที่เราทำดีกับครอบครัวของแม่สามีมาตลอด ที่ทำให้งานแต่งของเราผ่านได้ด้วยดี มีแขกมาี่ร่วมงานเป็นพันคนเลยล่ะ ถึงขนาดไม่มีโต๊ะก็ยืนรอกัน ทุกคนยินดีมาร่วมงานขนาดแม่สามีไม่ได้เอาการ์ดไปเชิญก็มา แม่สามีกั๊กไว้แค่800 แต่มาพันกว่า เพราะอะไรรุ้ไม่ อีกแล้วเค้ากลัวไม่ีมีคนมาแล้วขาดทุนค่าโต๊ะจีนน่ะสิคะ เฮ้อออเรื่องน้อยใจมีอีกแยะ แต่ตอนนี้แยกออกมาอยู่ลำพังแล้ว ไม่อยากรับฟังรับรู้เรื่องปัญญาอ่อนอะไรอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคุยกัน เราก็ไม่โทรหาเลย แต่ดีที่สามีเป็นคนดีมาก เข้าใจเราทุกอย่างเพราะเค้าเป็นคนเดียวที่รุ้ว่าเราโดนโขกสับยังไง REPLY narana200817 yr.เรียนคุณ คห.ที่ 16ค่ะ ขอทำความเข้าใจนิดหนึ่งนะคะ หากคุณอ่านข้อความในกระทู้แล้วทำให้คุณเข้าใจว่าดิฉันไม่ให้เกียรติศานาอิสลาม กรุณาอ่านแล้วคิดตามนะคะเพราะคนที่ว่าศานาอิสลามไม่ดีไม่ใช่ดิฉันเป็นคนพูด โดยส่วนตัวแล้วดิฉันจะเป็นคนที่ไม่เคยดูถูกศาสนาใดๆเพราะคนจะทำดีหรือเลวขึ้นอยู่ที่ตัวของคนคนนั้น และเท่าที่จำได้ไม่มีประโยคไหนที่ต่อว่าหรือดูถูกศานาเลยขอความกรูณาอ่านอีกครั้งนะคะ แล้วจุดประสงค์ที่เขียนเล่าเรื่องให้เพื่อนๆได้อ่านกันเพราะว่าอยากระบายและอาจจะได้ข้อคิดดีๆมาปรับใช้ได้บ้าง ไม่ทราบว่าคุณ คห.ที่ 16 คะ มีใครไปย่ำยีเกียรติของคุณมาก่อนหรือเปล่าคะ ถึงได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น " ที่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาเพราะว่าลองไปเรียนก่อนค่ะว่าหลักคำสอนเป็นยังไงเพราะมีหลายคนเตือนว่าอิสลามเห็นแก่ตัว แต่งแล้วต้องทิ้งพ่อทิ้งแม่ แต่พอศึกษาแล้วก็ไม่เป็นอย่างที่ได้ยินมาค่ะเพราะศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีและพ่อแม่ต้องเหนือสิ่งอื่นใด ส่วนเรื่องเห็นแก่ตัวอันนี้น่าจะเป็นที่นิสัยของคนเท่านั้นหนะค่ะ" แล้วที่ต้องบอกว่าบ้านแฟนนับถือศาสนาอิสลามเพราะเท่าที่เรียนมาศานาอิสลามจะให้เกียรติผู้ชายแต่ไม่ได้บอกว่าศาสนาอิสลามรังเกียจเด็กผู้หญิงนี่คะ แค่อยากให้มองเห็นภาพให้ชัดเจนเท่านั้นเองว่าในหมู่คนที่เค้าให้เกียรติผู้ชายแล้วการกระทำที่กล่าวถึงการอาบน้ำหน่ะมันสมควรหรือไม่ เพราะดิฉันก็นับถือศาสนาอิสลามแล้วเรื่องอะไรจะต้องดูถูกหรือไม่ให้เกียรติศาสนาที่ตัวเองนับถืออยู่ แม้แต่ตอนนี้ ดิฉันเป็นอิสลามเต็มตัวแต่ก็ไม่มีความคิดในสมองเลยว่าศาสนาอื่นๆไม่ดี ทุกศาสนาหน่ะดีอยู่แล้วค่ะ ถ้าคนที่นำมาปฎิบัติแล้วปฏิบัติให้จริงทำตามคำสอนอย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาคำสอนมาบิดเบือนให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์หรือเข้าข้างตัวเองในการกระทำบางอย่างแล้วอ้างข้อยกเว้นถ้าอย่างนั้นเค้าเรียกว่าเอาศาสนามาบังหน้าค่ะ แล้วคนที่มีการกระทำอย่างนั้นแหละค่ะที่เป็นคนหลบหลู่ศาสนาเองเพราะทำให้คนที่เข้าไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนานั้นๆเข้าใจว่าที่คนเป็นแบบนั้นเพราะศาสนา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย ถ้าสังเกตให้ดีๆ เรื่องความลำเอียง มันไม่ได้บัญญัติในศาสนาหรอกนะคะ มันอยู่กับที่ตัวของคนค่ะ อย่างคนจีนสมัยก่อนเค้าก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ใช่หรอคะ อินเดียก็รังเกียจลูกสาวไม่ใช่หรอคะ ทำไมต้องตั้งตราบาปให้ศาสนาอิสลามกันหรอคะ คือ เรามีอะไรก็คุยกันดีๆค่ะ พยามกลั่นกรองคำพูดก่อนพิมพ์นะคะ (ประโยคนี้ของคุณค่ะ) นี่ก็อีกเหตุผล1 ค่ะ การที่คุณบอกอย่างนี้คุณให้เกียรติหรือกลั่นกรองคำพูก่อนพิมพ์หรือเปล่าคะ คุณมีสิทธิ์ที่จะดูถูกคนจีน หรือคนอินเดียเหรอ แต่หากคุณไม่มีเจตนาที่จะดูถูกก็คงจะคล้ายๆกันนะค่ะเพราะดิฉันก็แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพที่มันชัดเจนขึ้น แล้วการตั้งตราบาปไม่มีใครตั้งให้ใครได้หรอกค่ะของอย่างนี้มันมีเหตุและผล และดิฉันไม่คิดจะตั้งตราบาปให้กับใครด้วย หากคุณทำแต่ความดีขอจงเชื่อมั่นในความดีของคุณเถอะค่ะ ไม่มีใครลบความดีของคุณได้หรอกค่ะ ดูอย่างเกลือซิคะ คุณสมบัติของเกลือคือความเค็ม ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเกลือก็ยังเค็ม ฉนั้นคุณจะคิดเล็กคิดน้อยทำไม ลองเปิดใจให้กว้างแล้วมองโลกในแง่ดีบ้าง อย่าอคติ ที่สำคัญอย่ามองว่าตัวเองหรือศาสนาที่คุณนับถือด้อยกว่าคนอื่นเพาะความคิดนั้นแหละค่ะจะทำให้คุณด้อยกว่าคนอื่นจริงๆ ดิฉันเองบ้างครั้งก็ล้า บางครั้งก็เหนื่อย ก็เลยอยากระบายออกมาบ้าง และเพื่อนๆก็น่ารักมากตอบให้กำลังใจแนะนำวิธิการต่างๆ พออ่านแล้วรู้สึกดี มีคุณนี่แหละทำให้ฉันงงค่ะ เพราะเจตนาของดิฉันไม่ได้ลบหลู่หรือดูถูกศานาอิสลามเลย หากคุณอ่านแล้วสามารถแยกแยะที่ดิฉันกล่าวถึงศาสนาและกล่าวถึงบุคคลในเรื่องแล้วคุณจะเข้าใจว่าดิฉันยกย่องศาสนานะคะถึงได้เข้ารับการป็นอิสลาม หากมีอะไรสงสัยก็เมลล์มาคุยกันได้ค่ะ narana2008@hotmail.com ยินดีตอบทุกคำถามที่คุณข้องใจ ขอบคุณค่ะ REPLY Anonymous17 yr.ขออนุญาต ชี้แจงการพาดพิงเรื่องศาสนานะคะ เรื่องศาสนาเนี่ยคุยกันยากนะคะ คือ...การพาดพิงถึงศาสนาอื่นเนี่ย บางที ควรพาดพิงด้วยคำพูดที่กลั่นกรองดีๆนะคะ การจะบอกว่าศาสนาอิสลามเห็นแก่ตัว ต้องทิ้งพ่อแม่ หรือว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ กรุณาชี้แจงด้วยค่ะ เพราะดิฉันเอง ถึงแม้จะเป็นมุสลิม แต่ดิฉันพร้อมที่จะยอมรับถ้าหากศาสนาไม่ดีจริง เพียงแค่คุณใช้คำพูดที่ดีกว่านี้....และกล้ายืนยันได้เลยว่า ศาสนาไม่ได้สอนให้ทิ้งพ่อแม่ หรือเห็นแก่ตัวนะคะ กรุณาระวังคำพูดด้วย แต่ก็ยอมรับอีกนั่นหละค่ะว่า ข้อปฏิบัติบางข้อ เช่น แบ่งสมบัติให้ลูกชาย 2ส่วนเนี่ย เรื่องจริง ซึ่งดิฉันเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างมาก คนเราเกิดมา ไม่ว่าจะเพศไหน ความเป็นคนมีเหมือนกัน ดังนั้น หลักคำสอนไหนที่เราเห็นว่าไม่สมควร ก็ไม่ได้นำมาปฏบัติ ถ้าสังเกตให้ดีๆ เรื่องความลำเอียง มันไม่ได้บัญญัติในศาสนาหรอกนะคะ มันอยู่กับที่ตัวของคนค่ะ อย่างคนจีนสมัยก่อนเค้าก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ใช่หรอคะ อินเดียก็รังเกียจลูกสาวไม่ใช่หรอคะ ทำไมต้องตั้งตราบาปให้ศาสนาอิสลามกันหรอคะ คือ เรามีอะไรก็คุยกันดีๆค่ะ พยามกลั่นกรองคำพูดก่อนพิมพ์นะคะ บ้านเมืองเราอาจจะให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามน้อยค่ะ ก็ไม่แปลก เพราะนั่นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม แต่เราก็ต้องการได้รับเกียรติจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ และขอโทษด้วยถ้าหากต้องพูดกันตรงๆจนทำให้อาจเกิดความไม่พอใจนะคะ ^ ^ REPLY deknoidukdik17 yr.โหหหหห ของเค้าแรงจริงๆนะคะเนี่ย อดทนไว้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆ อ่านแล้วคิดถึงแม่เลย อยากบอกพี่ว่าตอนแม่หนูแต่งงานเข้ามาอยู่กะอาม่า(ย่า)นะ เจอเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้เยอะค่ะ สงสัยความลำเอียงมันจะมีอยู่ในทุกครอบครัวเลยมั้งคะ อย่าคิดมากค่ะ เค้าคงรักลูกสาวเค้ามากอะ เราก้อยู่ส่วนเราไป ดีซะอีก เวลาเลี้ยงลูกเค้าไม่รักเท่าหลานคนอื่นก้อย่ามาบงการชีวิตลูกที่เราเลี้ยงมาเองกับมือละกันเนอะๆๆ ถ้ามันทนไม่ไหวจริงๆก้ลองคุยกับสามีพี่ดูมั้ยคะ ว่าอยากออกมาอยู่เป็นส่วนตัวอะไรอย่างนี้ แอบสงสัยอะค่ะ ไม่ได้อะไรนะคะ แต่จะมีบ้างมั้ยที่คนนับถือพุทธแต่งงานกะคนอิสลามแล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนาอะค่ะ ในเมื่อทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีเหมือนกัน มันก้ไม่จำเป็นว่าต้องเปลี่ยนรึเปล่าคะ ลองถามดูเฉยๆนะคะ แหะๆ REPLY narana200817 yr.เล่าต่อนะคะ...เมื่อตอนท้องแรกประมาณ7เดือนค่ะ คุณแม่ของสามีเกิดนึกอยากจะจัดบ้านขึ้นมาพอดีบ้านที่เราอยู่เป็นตึก 3 ชั้น คุณแม่จัดของอยู่ชั้น2 เราอยู่ชั้น3 พออยู่ๆเค้าก็เรียกเรามาช่วยยกของ(ของที่ว่าก็คือกล่องใส่ทีวีขนาดใหญ่ที่ใส่หนังสือที่ไม่ได้ใช้เต็มกล่อง กล่องทั้งหมด3 ใบ )คุณแม่สามีก็ใช้ให้ช่วยยกกล่องทั้งหลายซ้อนๆกันเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ตอนแรกมันก็เรียงเป็นระเบียบอยู่แล้วค่ะ พอยกกล่องนั้นเสร็จก็บอกเออ..ไม่เอาเอากล่องนี้ไว้บนดีกว่าเปลี่ยนไปมาอยู่ประมาณ 3 รอบ พอสามีนอนอยู่ชั้น1 เลยขึ้นมาดูเห็นว่าเรายกของหนักก็เลยบอกว่าไม่ต้องยกให้ลงไปข้างล่าง เราก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่สามีคิดอะไร (พยามคิดว่าเค้าคงไม่คิดอะไร) แต่น้องสาวของแฟนเราก็ท้องนะออ่นกว่าเราประมาณ 4 เดือน (ทุกๆคนแถวบ้านบอกลูกอิจฉา) ทำงานตจว.ขับรถกลับมาทีคุณแม่สามีก็จะพูดประมาณว่าสงสารลูกขับรถไกลๆ อะไรก็ไม่ต้องทำกลัวลูกจะแท้ง ลองนึกดูแบบเด็กอนุบาลค่ะ คน1 ขับรถเก๋งเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เหนื่อยก็พักเพราะงานไม่ได้จำกัดเวลา แต่อีกคนก็ทำงานนอกบ้านไปเช้าเย็นกลับโดยสารรถเมล์ พอเข้าบ้านต้องเจอคุณแม่สามี และบางเวลาก็มีระเบิดลง นึกใช้ทำอะไรแปลกๆ ก็ไม่รู้คนไหนน่าสงสารกว่ากัน ที่สำคัญนะเราเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำ ไม่เคยเกเร อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น เราเลยเลือกที่จะแต่งงานกับคนนี้ แต่เขย แฟนของลูกสาวจบม.3 ทำงานเป็นช่างตัดผม แรกๆ แม่สามีจะนั่งด่าเขยให้เราฟังตลอด แต่เราก็แค่รับฟังไม่ออกความคิดเห็นเพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น และตอนนี้เขยก็มีเมียน้อยได้ลูกชายอายุคงพอๆกับลูกคนเล็กของเขานั่นแหละ มันเลยทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าเค้าอยากจะให้ลูกชายเค้า(สามีเรามีเมียน้อยหรือเปล่า เราจะได้ผิดหวังเหมือนลูกเค้าอีก) ที่สำคัญนะ เคยมีที่ไหน คืนแต่งงานคืนแรกให้หลานอายุ10 กว่าปี ลูกของลูกสาวมานอนในห้องกับเรา มันคืนแต่งงานคืนแรกของเรานะนั่น !!!!!! คิดได้ไง และมีอีกเรื่องค่ะ อิสลามนี่เค้าจะรักความสะอาดมากค่ะ เมื่อก่อนลูกเราใส่แพมเพิร์สบ้างไม่ใส่บ้างพอลูกเราฉี่นะเค้าจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย หาว่าเป็นนะยีสมั่ง(นะยีสคือสิ่งสกปรกทำให้เสียละหมาด)เราต้องเอาน้ำมาล้างทำความสะอาดซึ่งบางที่เค้าก็จะตวาดแล้วก็แย่งหรือกระชากขันไปทำเองแบบว่าประชดงัย แล้วก็บ่นต่อไปอีกประมาร1-2 วันได้ค่ะ เรื่อง เดิมค่ะ เราก็ เออ...ต่อไปใส่แพมเพิร์สให้ลูกตลอดเวลา 24 ชั่วโมงค่ะ ตัดปัญหา มันก็น่าจะจบใช่ไหมคะ แต่พอดีหลังบ้านมีอ่างล้างจานค่ะ เวลาทานอาหารเสร็จทุกคนก็จะเอาจานมาวางไว้ในอ่าง รอแจ๋วกลับมาจากทำงานนอกบ้านแล้วมาล้างตอนเย็น(แจ๋วนั้นคือฉันเอง) วันหนึ่งลูกน้องสาวอึค่ะแลอะไปทั้งสองขา พ่อแฟนก็เอาหลานนะค่ะยื่นก้นหลานเข้าไปใต้ก๊อกน้ำตรงอ่างล้างจานที่มีทั้งจานข้าวที่ทานแล้ว แก้วกาแฟที่ใช้แล้วแล้วก็เปิดน้ำล้างค่ะก้นหลานสะอาดเอี่ยมอ่อง แต่ที่ถ้วยจานแก้วที่ใช้แล้วอุจจาระของแม่หลานสาวแข่งกันบานเต็มเลยค่ะ ไม่มีเสียงบ่นหรือบอกว่ามันเป็นนะยีสเลยค่ะ ทุกอย่างปกติดี ไม่ใช่ไม่มีใครเห็นนะคะทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.....(ขออภัยที่เล่าซะละเอียดอยากให้ทุกท่านเห็นภาพนะค่ะ) อาบน้ำ........ ลูกเราเป็นผู้ชายค่ะโดยปกติทุกที่ผู้ชายน่าจะได้รับการเคารพนะคะเพราะเท่าที่พอทราบมาผู้ชายเท่าเป็นผู้นำทางศาสนา(อิสลาม) แต่เวลาอาบน้ำ พ่อสามีจะอาบให้หลานสาวก่อนค่ะแล้วอาบให้หลานชาย โดยที่ใช้น้ำเดิมไม่มีการเปลี่ยนน้ำใดๆทั้งสิ้น เอาผ้าเช็ดตัวมาใช้ด้วยกันเช็ดทุกซอกทุกมุมของหลานสาวแล้วก็มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกชายเรา เราไม่ได้รังเกียจนะแต่โดยหลักแล้วของใช้เด็กควรที่จะแยกกันโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ขวดนม รวมถึงของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ไม่รู้เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่านะ เห็นบ่อยครั้งเข้าก็บอกให้สามีบอกเพราะหากเราพูดมันจะดูไม่ดี แต่ก็อีกจนได้พอพูดเค้าก็ไม่พอใจ จากนั้นเราก็ทำเองมันทุกอย่าง เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คือเราคิดว่าถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ หรือทำไม่ดีก้ไม่ต้องยุ่งไม่รู้เราจะหัวแข็งเกินไปหรือเปล่าพอเราไม่พูด เค้าก็ทำตามแบบเค้าเช่นมือซ้ายอุ้มลูกเรามือขวาดูดบุหรื่ เราเห็นเราก็เขาไปอู้มลูกแล้วบอกว่าถ้าจะอุ้มลูกเราก็ดูดให้เสร็จก่อนก็ได้เดี๋ยวเราอู้มมาให้ พอกินกาแฟ พ่อสามียก1ที่ ก็ยกใส่ปากลูกเราที่ (ตอนนั้นประมาณขวบเห็นจะได้) แต่ไม่ยักกะทำแบบนี้กับลูกของลูกสาวเขาเลยสงสัยว่า เค้าเป็นแบบนี้โดยนิสัย หรือเพราะเจตนากันแน่ มีเรื่องเล่าเยอะมากค่ะถ้าเล่าให้หมดทุกเรื่องไม่รู้ต้องใช้เวลากี่วัน แต่ตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้ค่ะเพราะเค้าแยกออกไปอยู่ต่างหากเราอยูกัน3 คนพ่อแม่ลูก แต่แม่เค้าก็จะมานอนด้วยบ่อยๆ เวลาแสดงออกไม่ชอบเรา แต่ก็ไม่พ้นหรอกเพราะเราคิดว่าสงสารแฟนทำอะไรให้ได้ก็ทำ เพื่อให้แฟนสบายใจเพราะพ่อแม่ใครๆก็ต้องรัก ถึงแม้คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักลูกไม่เท่ากันก็ตาม เราคิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเดี๋ยวเราก็จะต้องมีอีก1 ชีวิตให้เราดูแลคงมีเวลาคิดเรื่องไร้สาระน้อยลง ขอแค่สามีเข้าใจ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่ดี ก็พอใจแล้วค่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เป็นกำลังใจ REPLY VIEW 5 OLDER COMMENTS
Anonymous12 yr.ก่อนแต่งแม่สามีพูดกับลูกสาวว่าจัดงานแต่งให้มันแล้วๆไปถ้าเค้าตายไปจะได้ไม่โดนตำหนิว่าเค้าไม่ทำให้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แม่สามีเป็นคนพูดเองว่าควรแต่งงานกันได้แล้ว แต่ค่าสินสอดทองหมั้นต้องหากันมาเองนะ แม่สามีไม่ให้อะไรเลยแต่บาทเดียวจริงๆ (แต่ให้จัดงานแต่งที่บ้านแม่สามี งานแต่งเช้าเลี้ยงเย็น ค่าโต๊ะจีนก็จากซองคนมาช่วยงานไม่ขาดทุดนซักบาทไม่ต้องควักเนื้อด้วยซ้ำ) ฟังดูแล้วเหมือนว่าเค้าดีมาก อยากให้แต่งกันอยากให้เรามาอยู่ด้วย ที่ว่าเค้าลำเอียงก็เรืองลูกสาวของเค้านั่นแหล่ะ กลัวว่าเราจะมีเงินมีทองในงานแต่งมากกว่ากว่าเงินสินสอดก็ห้ามเกินสองแสน เพราะอะไรนะเหรอก็ลูกสาวเค้า่แต่งไว้สองแสนน่ะสิ พิลึกคน แทนที่จะทำอะไรให้สมกับหน้าตา แต่กลัวลูกสาวโรคจิตขี้อิจฉาจะน้อยใจคิดฆ่าตัวตายมากกว่า ขนาดงานแต่งของเรา ไม่มีใครสนใจจะช่วยจัดอะไรในงานให้เลย เราโชคดีที่มีเพื่อน มีพี่แค่คนเดียวที่คอยช่วย (เราเป็นครอบครัวที่ไม่มีพ่อและแม่แล้ว)แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เราคิดว่าเป็นเพราะบุญของเราที่เราทำดีกับครอบครัวของแม่สามีมาตลอด ที่ทำให้งานแต่งของเราผ่านได้ด้วยดี มีแขกมาี่ร่วมงานเป็นพันคนเลยล่ะ ถึงขนาดไม่มีโต๊ะก็ยืนรอกัน ทุกคนยินดีมาร่วมงานขนาดแม่สามีไม่ได้เอาการ์ดไปเชิญก็มา แม่สามีกั๊กไว้แค่800 แต่มาพันกว่า เพราะอะไรรุ้ไม่ อีกแล้วเค้ากลัวไม่ีมีคนมาแล้วขาดทุนค่าโต๊ะจีนน่ะสิคะ เฮ้อออเรื่องน้อยใจมีอีกแยะ แต่ตอนนี้แยกออกมาอยู่ลำพังแล้ว ไม่อยากรับฟังรับรู้เรื่องปัญญาอ่อนอะไรอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคุยกัน เราก็ไม่โทรหาเลย แต่ดีที่สามีเป็นคนดีมาก เข้าใจเราทุกอย่างเพราะเค้าเป็นคนเดียวที่รุ้ว่าเราโดนโขกสับยังไง REPLY
narana200817 yr.เรียนคุณ คห.ที่ 16ค่ะ ขอทำความเข้าใจนิดหนึ่งนะคะ หากคุณอ่านข้อความในกระทู้แล้วทำให้คุณเข้าใจว่าดิฉันไม่ให้เกียรติศานาอิสลาม กรุณาอ่านแล้วคิดตามนะคะเพราะคนที่ว่าศานาอิสลามไม่ดีไม่ใช่ดิฉันเป็นคนพูด โดยส่วนตัวแล้วดิฉันจะเป็นคนที่ไม่เคยดูถูกศาสนาใดๆเพราะคนจะทำดีหรือเลวขึ้นอยู่ที่ตัวของคนคนนั้น และเท่าที่จำได้ไม่มีประโยคไหนที่ต่อว่าหรือดูถูกศานาเลยขอความกรูณาอ่านอีกครั้งนะคะ แล้วจุดประสงค์ที่เขียนเล่าเรื่องให้เพื่อนๆได้อ่านกันเพราะว่าอยากระบายและอาจจะได้ข้อคิดดีๆมาปรับใช้ได้บ้าง ไม่ทราบว่าคุณ คห.ที่ 16 คะ มีใครไปย่ำยีเกียรติของคุณมาก่อนหรือเปล่าคะ ถึงได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น " ที่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาเพราะว่าลองไปเรียนก่อนค่ะว่าหลักคำสอนเป็นยังไงเพราะมีหลายคนเตือนว่าอิสลามเห็นแก่ตัว แต่งแล้วต้องทิ้งพ่อทิ้งแม่ แต่พอศึกษาแล้วก็ไม่เป็นอย่างที่ได้ยินมาค่ะเพราะศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีและพ่อแม่ต้องเหนือสิ่งอื่นใด ส่วนเรื่องเห็นแก่ตัวอันนี้น่าจะเป็นที่นิสัยของคนเท่านั้นหนะค่ะ" แล้วที่ต้องบอกว่าบ้านแฟนนับถือศาสนาอิสลามเพราะเท่าที่เรียนมาศานาอิสลามจะให้เกียรติผู้ชายแต่ไม่ได้บอกว่าศาสนาอิสลามรังเกียจเด็กผู้หญิงนี่คะ แค่อยากให้มองเห็นภาพให้ชัดเจนเท่านั้นเองว่าในหมู่คนที่เค้าให้เกียรติผู้ชายแล้วการกระทำที่กล่าวถึงการอาบน้ำหน่ะมันสมควรหรือไม่ เพราะดิฉันก็นับถือศาสนาอิสลามแล้วเรื่องอะไรจะต้องดูถูกหรือไม่ให้เกียรติศาสนาที่ตัวเองนับถืออยู่ แม้แต่ตอนนี้ ดิฉันเป็นอิสลามเต็มตัวแต่ก็ไม่มีความคิดในสมองเลยว่าศาสนาอื่นๆไม่ดี ทุกศาสนาหน่ะดีอยู่แล้วค่ะ ถ้าคนที่นำมาปฎิบัติแล้วปฏิบัติให้จริงทำตามคำสอนอย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาคำสอนมาบิดเบือนให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์หรือเข้าข้างตัวเองในการกระทำบางอย่างแล้วอ้างข้อยกเว้นถ้าอย่างนั้นเค้าเรียกว่าเอาศาสนามาบังหน้าค่ะ แล้วคนที่มีการกระทำอย่างนั้นแหละค่ะที่เป็นคนหลบหลู่ศาสนาเองเพราะทำให้คนที่เข้าไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนานั้นๆเข้าใจว่าที่คนเป็นแบบนั้นเพราะศาสนา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย ถ้าสังเกตให้ดีๆ เรื่องความลำเอียง มันไม่ได้บัญญัติในศาสนาหรอกนะคะ มันอยู่กับที่ตัวของคนค่ะ อย่างคนจีนสมัยก่อนเค้าก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ใช่หรอคะ อินเดียก็รังเกียจลูกสาวไม่ใช่หรอคะ ทำไมต้องตั้งตราบาปให้ศาสนาอิสลามกันหรอคะ คือ เรามีอะไรก็คุยกันดีๆค่ะ พยามกลั่นกรองคำพูดก่อนพิมพ์นะคะ (ประโยคนี้ของคุณค่ะ) นี่ก็อีกเหตุผล1 ค่ะ การที่คุณบอกอย่างนี้คุณให้เกียรติหรือกลั่นกรองคำพูก่อนพิมพ์หรือเปล่าคะ คุณมีสิทธิ์ที่จะดูถูกคนจีน หรือคนอินเดียเหรอ แต่หากคุณไม่มีเจตนาที่จะดูถูกก็คงจะคล้ายๆกันนะค่ะเพราะดิฉันก็แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพที่มันชัดเจนขึ้น แล้วการตั้งตราบาปไม่มีใครตั้งให้ใครได้หรอกค่ะของอย่างนี้มันมีเหตุและผล และดิฉันไม่คิดจะตั้งตราบาปให้กับใครด้วย หากคุณทำแต่ความดีขอจงเชื่อมั่นในความดีของคุณเถอะค่ะ ไม่มีใครลบความดีของคุณได้หรอกค่ะ ดูอย่างเกลือซิคะ คุณสมบัติของเกลือคือความเค็ม ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเกลือก็ยังเค็ม ฉนั้นคุณจะคิดเล็กคิดน้อยทำไม ลองเปิดใจให้กว้างแล้วมองโลกในแง่ดีบ้าง อย่าอคติ ที่สำคัญอย่ามองว่าตัวเองหรือศาสนาที่คุณนับถือด้อยกว่าคนอื่นเพาะความคิดนั้นแหละค่ะจะทำให้คุณด้อยกว่าคนอื่นจริงๆ ดิฉันเองบ้างครั้งก็ล้า บางครั้งก็เหนื่อย ก็เลยอยากระบายออกมาบ้าง และเพื่อนๆก็น่ารักมากตอบให้กำลังใจแนะนำวิธิการต่างๆ พออ่านแล้วรู้สึกดี มีคุณนี่แหละทำให้ฉันงงค่ะ เพราะเจตนาของดิฉันไม่ได้ลบหลู่หรือดูถูกศานาอิสลามเลย หากคุณอ่านแล้วสามารถแยกแยะที่ดิฉันกล่าวถึงศาสนาและกล่าวถึงบุคคลในเรื่องแล้วคุณจะเข้าใจว่าดิฉันยกย่องศาสนานะคะถึงได้เข้ารับการป็นอิสลาม หากมีอะไรสงสัยก็เมลล์มาคุยกันได้ค่ะ narana2008@hotmail.com ยินดีตอบทุกคำถามที่คุณข้องใจ ขอบคุณค่ะ REPLY
Anonymous17 yr.ขออนุญาต ชี้แจงการพาดพิงเรื่องศาสนานะคะ เรื่องศาสนาเนี่ยคุยกันยากนะคะ คือ...การพาดพิงถึงศาสนาอื่นเนี่ย บางที ควรพาดพิงด้วยคำพูดที่กลั่นกรองดีๆนะคะ การจะบอกว่าศาสนาอิสลามเห็นแก่ตัว ต้องทิ้งพ่อแม่ หรือว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ กรุณาชี้แจงด้วยค่ะ เพราะดิฉันเอง ถึงแม้จะเป็นมุสลิม แต่ดิฉันพร้อมที่จะยอมรับถ้าหากศาสนาไม่ดีจริง เพียงแค่คุณใช้คำพูดที่ดีกว่านี้....และกล้ายืนยันได้เลยว่า ศาสนาไม่ได้สอนให้ทิ้งพ่อแม่ หรือเห็นแก่ตัวนะคะ กรุณาระวังคำพูดด้วย แต่ก็ยอมรับอีกนั่นหละค่ะว่า ข้อปฏิบัติบางข้อ เช่น แบ่งสมบัติให้ลูกชาย 2ส่วนเนี่ย เรื่องจริง ซึ่งดิฉันเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างมาก คนเราเกิดมา ไม่ว่าจะเพศไหน ความเป็นคนมีเหมือนกัน ดังนั้น หลักคำสอนไหนที่เราเห็นว่าไม่สมควร ก็ไม่ได้นำมาปฏบัติ ถ้าสังเกตให้ดีๆ เรื่องความลำเอียง มันไม่ได้บัญญัติในศาสนาหรอกนะคะ มันอยู่กับที่ตัวของคนค่ะ อย่างคนจีนสมัยก่อนเค้าก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ใช่หรอคะ อินเดียก็รังเกียจลูกสาวไม่ใช่หรอคะ ทำไมต้องตั้งตราบาปให้ศาสนาอิสลามกันหรอคะ คือ เรามีอะไรก็คุยกันดีๆค่ะ พยามกลั่นกรองคำพูดก่อนพิมพ์นะคะ บ้านเมืองเราอาจจะให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามน้อยค่ะ ก็ไม่แปลก เพราะนั่นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม แต่เราก็ต้องการได้รับเกียรติจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ และขอโทษด้วยถ้าหากต้องพูดกันตรงๆจนทำให้อาจเกิดความไม่พอใจนะคะ ^ ^ REPLY
deknoidukdik17 yr.โหหหหห ของเค้าแรงจริงๆนะคะเนี่ย อดทนไว้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆ อ่านแล้วคิดถึงแม่เลย อยากบอกพี่ว่าตอนแม่หนูแต่งงานเข้ามาอยู่กะอาม่า(ย่า)นะ เจอเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้เยอะค่ะ สงสัยความลำเอียงมันจะมีอยู่ในทุกครอบครัวเลยมั้งคะ อย่าคิดมากค่ะ เค้าคงรักลูกสาวเค้ามากอะ เราก้อยู่ส่วนเราไป ดีซะอีก เวลาเลี้ยงลูกเค้าไม่รักเท่าหลานคนอื่นก้อย่ามาบงการชีวิตลูกที่เราเลี้ยงมาเองกับมือละกันเนอะๆๆ ถ้ามันทนไม่ไหวจริงๆก้ลองคุยกับสามีพี่ดูมั้ยคะ ว่าอยากออกมาอยู่เป็นส่วนตัวอะไรอย่างนี้ แอบสงสัยอะค่ะ ไม่ได้อะไรนะคะ แต่จะมีบ้างมั้ยที่คนนับถือพุทธแต่งงานกะคนอิสลามแล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนาอะค่ะ ในเมื่อทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีเหมือนกัน มันก้ไม่จำเป็นว่าต้องเปลี่ยนรึเปล่าคะ ลองถามดูเฉยๆนะคะ แหะๆ REPLY
narana200817 yr.เล่าต่อนะคะ...เมื่อตอนท้องแรกประมาณ7เดือนค่ะ คุณแม่ของสามีเกิดนึกอยากจะจัดบ้านขึ้นมาพอดีบ้านที่เราอยู่เป็นตึก 3 ชั้น คุณแม่จัดของอยู่ชั้น2 เราอยู่ชั้น3 พออยู่ๆเค้าก็เรียกเรามาช่วยยกของ(ของที่ว่าก็คือกล่องใส่ทีวีขนาดใหญ่ที่ใส่หนังสือที่ไม่ได้ใช้เต็มกล่อง กล่องทั้งหมด3 ใบ )คุณแม่สามีก็ใช้ให้ช่วยยกกล่องทั้งหลายซ้อนๆกันเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ตอนแรกมันก็เรียงเป็นระเบียบอยู่แล้วค่ะ พอยกกล่องนั้นเสร็จก็บอกเออ..ไม่เอาเอากล่องนี้ไว้บนดีกว่าเปลี่ยนไปมาอยู่ประมาณ 3 รอบ พอสามีนอนอยู่ชั้น1 เลยขึ้นมาดูเห็นว่าเรายกของหนักก็เลยบอกว่าไม่ต้องยกให้ลงไปข้างล่าง เราก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่สามีคิดอะไร (พยามคิดว่าเค้าคงไม่คิดอะไร) แต่น้องสาวของแฟนเราก็ท้องนะออ่นกว่าเราประมาณ 4 เดือน (ทุกๆคนแถวบ้านบอกลูกอิจฉา) ทำงานตจว.ขับรถกลับมาทีคุณแม่สามีก็จะพูดประมาณว่าสงสารลูกขับรถไกลๆ อะไรก็ไม่ต้องทำกลัวลูกจะแท้ง ลองนึกดูแบบเด็กอนุบาลค่ะ คน1 ขับรถเก๋งเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เหนื่อยก็พักเพราะงานไม่ได้จำกัดเวลา แต่อีกคนก็ทำงานนอกบ้านไปเช้าเย็นกลับโดยสารรถเมล์ พอเข้าบ้านต้องเจอคุณแม่สามี และบางเวลาก็มีระเบิดลง นึกใช้ทำอะไรแปลกๆ ก็ไม่รู้คนไหนน่าสงสารกว่ากัน ที่สำคัญนะเราเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำ ไม่เคยเกเร อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น เราเลยเลือกที่จะแต่งงานกับคนนี้ แต่เขย แฟนของลูกสาวจบม.3 ทำงานเป็นช่างตัดผม แรกๆ แม่สามีจะนั่งด่าเขยให้เราฟังตลอด แต่เราก็แค่รับฟังไม่ออกความคิดเห็นเพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น และตอนนี้เขยก็มีเมียน้อยได้ลูกชายอายุคงพอๆกับลูกคนเล็กของเขานั่นแหละ มันเลยทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าเค้าอยากจะให้ลูกชายเค้า(สามีเรามีเมียน้อยหรือเปล่า เราจะได้ผิดหวังเหมือนลูกเค้าอีก) ที่สำคัญนะ เคยมีที่ไหน คืนแต่งงานคืนแรกให้หลานอายุ10 กว่าปี ลูกของลูกสาวมานอนในห้องกับเรา มันคืนแต่งงานคืนแรกของเรานะนั่น !!!!!! คิดได้ไง และมีอีกเรื่องค่ะ อิสลามนี่เค้าจะรักความสะอาดมากค่ะ เมื่อก่อนลูกเราใส่แพมเพิร์สบ้างไม่ใส่บ้างพอลูกเราฉี่นะเค้าจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย หาว่าเป็นนะยีสมั่ง(นะยีสคือสิ่งสกปรกทำให้เสียละหมาด)เราต้องเอาน้ำมาล้างทำความสะอาดซึ่งบางที่เค้าก็จะตวาดแล้วก็แย่งหรือกระชากขันไปทำเองแบบว่าประชดงัย แล้วก็บ่นต่อไปอีกประมาร1-2 วันได้ค่ะ เรื่อง เดิมค่ะ เราก็ เออ...ต่อไปใส่แพมเพิร์สให้ลูกตลอดเวลา 24 ชั่วโมงค่ะ ตัดปัญหา มันก็น่าจะจบใช่ไหมคะ แต่พอดีหลังบ้านมีอ่างล้างจานค่ะ เวลาทานอาหารเสร็จทุกคนก็จะเอาจานมาวางไว้ในอ่าง รอแจ๋วกลับมาจากทำงานนอกบ้านแล้วมาล้างตอนเย็น(แจ๋วนั้นคือฉันเอง) วันหนึ่งลูกน้องสาวอึค่ะแลอะไปทั้งสองขา พ่อแฟนก็เอาหลานนะค่ะยื่นก้นหลานเข้าไปใต้ก๊อกน้ำตรงอ่างล้างจานที่มีทั้งจานข้าวที่ทานแล้ว แก้วกาแฟที่ใช้แล้วแล้วก็เปิดน้ำล้างค่ะก้นหลานสะอาดเอี่ยมอ่อง แต่ที่ถ้วยจานแก้วที่ใช้แล้วอุจจาระของแม่หลานสาวแข่งกันบานเต็มเลยค่ะ ไม่มีเสียงบ่นหรือบอกว่ามันเป็นนะยีสเลยค่ะ ทุกอย่างปกติดี ไม่ใช่ไม่มีใครเห็นนะคะทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.....(ขออภัยที่เล่าซะละเอียดอยากให้ทุกท่านเห็นภาพนะค่ะ) อาบน้ำ........ ลูกเราเป็นผู้ชายค่ะโดยปกติทุกที่ผู้ชายน่าจะได้รับการเคารพนะคะเพราะเท่าที่พอทราบมาผู้ชายเท่าเป็นผู้นำทางศาสนา(อิสลาม) แต่เวลาอาบน้ำ พ่อสามีจะอาบให้หลานสาวก่อนค่ะแล้วอาบให้หลานชาย โดยที่ใช้น้ำเดิมไม่มีการเปลี่ยนน้ำใดๆทั้งสิ้น เอาผ้าเช็ดตัวมาใช้ด้วยกันเช็ดทุกซอกทุกมุมของหลานสาวแล้วก็มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกชายเรา เราไม่ได้รังเกียจนะแต่โดยหลักแล้วของใช้เด็กควรที่จะแยกกันโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ขวดนม รวมถึงของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ไม่รู้เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่านะ เห็นบ่อยครั้งเข้าก็บอกให้สามีบอกเพราะหากเราพูดมันจะดูไม่ดี แต่ก็อีกจนได้พอพูดเค้าก็ไม่พอใจ จากนั้นเราก็ทำเองมันทุกอย่าง เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คือเราคิดว่าถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ หรือทำไม่ดีก้ไม่ต้องยุ่งไม่รู้เราจะหัวแข็งเกินไปหรือเปล่าพอเราไม่พูด เค้าก็ทำตามแบบเค้าเช่นมือซ้ายอุ้มลูกเรามือขวาดูดบุหรื่ เราเห็นเราก็เขาไปอู้มลูกแล้วบอกว่าถ้าจะอุ้มลูกเราก็ดูดให้เสร็จก่อนก็ได้เดี๋ยวเราอู้มมาให้ พอกินกาแฟ พ่อสามียก1ที่ ก็ยกใส่ปากลูกเราที่ (ตอนนั้นประมาณขวบเห็นจะได้) แต่ไม่ยักกะทำแบบนี้กับลูกของลูกสาวเขาเลยสงสัยว่า เค้าเป็นแบบนี้โดยนิสัย หรือเพราะเจตนากันแน่ มีเรื่องเล่าเยอะมากค่ะถ้าเล่าให้หมดทุกเรื่องไม่รู้ต้องใช้เวลากี่วัน แต่ตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้ค่ะเพราะเค้าแยกออกไปอยู่ต่างหากเราอยูกัน3 คนพ่อแม่ลูก แต่แม่เค้าก็จะมานอนด้วยบ่อยๆ เวลาแสดงออกไม่ชอบเรา แต่ก็ไม่พ้นหรอกเพราะเราคิดว่าสงสารแฟนทำอะไรให้ได้ก็ทำ เพื่อให้แฟนสบายใจเพราะพ่อแม่ใครๆก็ต้องรัก ถึงแม้คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักลูกไม่เท่ากันก็ตาม เราคิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเดี๋ยวเราก็จะต้องมีอีก1 ชีวิตให้เราดูแลคงมีเวลาคิดเรื่องไร้สาระน้อยลง ขอแค่สามีเข้าใจ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่ดี ก็พอใจแล้วค่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เป็นกำลังใจ REPLY
Discussion (18)
ถ้าสังเกตให้ดีๆ เรื่องความลำเอียง มันไม่ได้บัญญัติในศาสนาหรอกนะคะ มันอยู่กับที่ตัวของคนค่ะ อย่างคนจีนสมัยก่อนเค้าก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ใช่หรอคะ อินเดียก็รังเกียจลูกสาวไม่ใช่หรอคะ ทำไมต้องตั้งตราบาปให้ศาสนาอิสลามกันหรอคะ
คือ เรามีอะไรก็คุยกันดีๆค่ะ พยามกลั่นกรองคำพูดก่อนพิมพ์นะคะ (ประโยคนี้ของคุณค่ะ)
นี่ก็อีกเหตุผล1 ค่ะ การที่คุณบอกอย่างนี้คุณให้เกียรติหรือกลั่นกรองคำพูก่อนพิมพ์หรือเปล่าคะ คุณมีสิทธิ์ที่จะดูถูกคนจีน หรือคนอินเดียเหรอ แต่หากคุณไม่มีเจตนาที่จะดูถูกก็คงจะคล้ายๆกันนะค่ะเพราะดิฉันก็แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพที่มันชัดเจนขึ้น แล้วการตั้งตราบาปไม่มีใครตั้งให้ใครได้หรอกค่ะของอย่างนี้มันมีเหตุและผล และดิฉันไม่คิดจะตั้งตราบาปให้กับใครด้วย หากคุณทำแต่ความดีขอจงเชื่อมั่นในความดีของคุณเถอะค่ะ ไม่มีใครลบความดีของคุณได้หรอกค่ะ ดูอย่างเกลือซิคะ คุณสมบัติของเกลือคือความเค็ม ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเกลือก็ยังเค็ม ฉนั้นคุณจะคิดเล็กคิดน้อยทำไม ลองเปิดใจให้กว้างแล้วมองโลกในแง่ดีบ้าง อย่าอคติ ที่สำคัญอย่ามองว่าตัวเองหรือศาสนาที่คุณนับถือด้อยกว่าคนอื่นเพาะความคิดนั้นแหละค่ะจะทำให้คุณด้อยกว่าคนอื่นจริงๆ
ดิฉันเองบ้างครั้งก็ล้า บางครั้งก็เหนื่อย ก็เลยอยากระบายออกมาบ้าง และเพื่อนๆก็น่ารักมากตอบให้กำลังใจแนะนำวิธิการต่างๆ พออ่านแล้วรู้สึกดี มีคุณนี่แหละทำให้ฉันงงค่ะ เพราะเจตนาของดิฉันไม่ได้ลบหลู่หรือดูถูกศานาอิสลามเลย หากคุณอ่านแล้วสามารถแยกแยะที่ดิฉันกล่าวถึงศาสนาและกล่าวถึงบุคคลในเรื่องแล้วคุณจะเข้าใจว่าดิฉันยกย่องศาสนานะคะถึงได้เข้ารับการป็นอิสลาม หากมีอะไรสงสัยก็เมลล์มาคุยกันได้ค่ะ narana2008@hotmail.com ยินดีตอบทุกคำถามที่คุณข้องใจ ขอบคุณค่ะ
ของเค้าแรงจริงๆนะคะเนี่ย อดทนไว้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆ อ่านแล้วคิดถึงแม่เลย อยากบอกพี่ว่าตอนแม่หนูแต่งงานเข้ามาอยู่กะอาม่า(ย่า)นะ เจอเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้เยอะค่ะ สงสัยความลำเอียงมันจะมีอยู่ในทุกครอบครัวเลยมั้งคะ อย่าคิดมากค่ะ เค้าคงรักลูกสาวเค้ามากอะ เราก้อยู่ส่วนเราไป ดีซะอีก เวลาเลี้ยงลูกเค้าไม่รักเท่าหลานคนอื่นก้อย่ามาบงการชีวิตลูกที่เราเลี้ยงมาเองกับมือละกันเนอะๆๆ
ถ้ามันทนไม่ไหวจริงๆก้ลองคุยกับสามีพี่ดูมั้ยคะ ว่าอยากออกมาอยู่เป็นส่วนตัวอะไรอย่างนี้
แอบสงสัยอะค่ะ ไม่ได้อะไรนะคะ แต่จะมีบ้างมั้ยที่คนนับถือพุทธแต่งงานกะคนอิสลามแล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนาอะค่ะ ในเมื่อทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีเหมือนกัน มันก้ไม่จำเป็นว่าต้องเปลี่ยนรึเปล่าคะ ลองถามดูเฉยๆนะคะ แหะๆ
และมีอีกเรื่องค่ะ อิสลามนี่เค้าจะรักความสะอาดมากค่ะ เมื่อก่อนลูกเราใส่แพมเพิร์สบ้างไม่ใส่บ้างพอลูกเราฉี่นะเค้าจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย หาว่าเป็นนะยีสมั่ง(นะยีสคือสิ่งสกปรกทำให้เสียละหมาด)เราต้องเอาน้ำมาล้างทำความสะอาดซึ่งบางที่เค้าก็จะตวาดแล้วก็แย่งหรือกระชากขันไปทำเองแบบว่าประชดงัย แล้วก็บ่นต่อไปอีกประมาร1-2 วันได้ค่ะ เรื่อง เดิมค่ะ เราก็ เออ...ต่อไปใส่แพมเพิร์สให้ลูกตลอดเวลา 24 ชั่วโมงค่ะ ตัดปัญหา มันก็น่าจะจบใช่ไหมคะ แต่พอดีหลังบ้านมีอ่างล้างจานค่ะ เวลาทานอาหารเสร็จทุกคนก็จะเอาจานมาวางไว้ในอ่าง รอแจ๋วกลับมาจากทำงานนอกบ้านแล้วมาล้างตอนเย็น(แจ๋วนั้นคือฉันเอง) วันหนึ่งลูกน้องสาวอึค่ะแลอะไปทั้งสองขา พ่อแฟนก็เอาหลานนะค่ะยื่นก้นหลานเข้าไปใต้ก๊อกน้ำตรงอ่างล้างจานที่มีทั้งจานข้าวที่ทานแล้ว แก้วกาแฟที่ใช้แล้วแล้วก็เปิดน้ำล้างค่ะก้นหลานสะอาดเอี่ยมอ่อง แต่ที่ถ้วยจานแก้วที่ใช้แล้วอุจจาระของแม่หลานสาวแข่งกันบานเต็มเลยค่ะ ไม่มีเสียงบ่นหรือบอกว่ามันเป็นนะยีสเลยค่ะ ทุกอย่างปกติดี ไม่ใช่ไม่มีใครเห็นนะคะทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.....(ขออภัยที่เล่าซะละเอียดอยากให้ทุกท่านเห็นภาพนะค่ะ)
อาบน้ำ........
ลูกเราเป็นผู้ชายค่ะโดยปกติทุกที่ผู้ชายน่าจะได้รับการเคารพนะคะเพราะเท่าที่พอทราบมาผู้ชายเท่าเป็นผู้นำทางศาสนา(อิสลาม) แต่เวลาอาบน้ำ พ่อสามีจะอาบให้หลานสาวก่อนค่ะแล้วอาบให้หลานชาย โดยที่ใช้น้ำเดิมไม่มีการเปลี่ยนน้ำใดๆทั้งสิ้น เอาผ้าเช็ดตัวมาใช้ด้วยกันเช็ดทุกซอกทุกมุมของหลานสาวแล้วก็มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกชายเรา เราไม่ได้รังเกียจนะแต่โดยหลักแล้วของใช้เด็กควรที่จะแยกกันโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ขวดนม รวมถึงของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ไม่รู้เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่านะ เห็นบ่อยครั้งเข้าก็บอกให้สามีบอกเพราะหากเราพูดมันจะดูไม่ดี แต่ก็อีกจนได้พอพูดเค้าก็ไม่พอใจ จากนั้นเราก็ทำเองมันทุกอย่าง เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คือเราคิดว่าถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ หรือทำไม่ดีก้ไม่ต้องยุ่งไม่รู้เราจะหัวแข็งเกินไปหรือเปล่าพอเราไม่พูด เค้าก็ทำตามแบบเค้าเช่นมือซ้ายอุ้มลูกเรามือขวาดูดบุหรื่ เราเห็นเราก็เขาไปอู้มลูกแล้วบอกว่าถ้าจะอุ้มลูกเราก็ดูดให้เสร็จก่อนก็ได้เดี๋ยวเราอู้มมาให้ พอกินกาแฟ พ่อสามียก1ที่ ก็ยกใส่ปากลูกเราที่ (ตอนนั้นประมาณขวบเห็นจะได้) แต่ไม่ยักกะทำแบบนี้กับลูกของลูกสาวเขาเลยสงสัยว่า เค้าเป็นแบบนี้โดยนิสัย หรือเพราะเจตนากันแน่ มีเรื่องเล่าเยอะมากค่ะถ้าเล่าให้หมดทุกเรื่องไม่รู้ต้องใช้เวลากี่วัน แต่ตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้ค่ะเพราะเค้าแยกออกไปอยู่ต่างหากเราอยูกัน3 คนพ่อแม่ลูก แต่แม่เค้าก็จะมานอนด้วยบ่อยๆ เวลาแสดงออกไม่ชอบเรา แต่ก็ไม่พ้นหรอกเพราะเราคิดว่าสงสารแฟนทำอะไรให้ได้ก็ทำ เพื่อให้แฟนสบายใจเพราะพ่อแม่ใครๆก็ต้องรัก ถึงแม้คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักลูกไม่เท่ากันก็ตาม เราคิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเดี๋ยวเราก็จะต้องมีอีก1 ชีวิตให้เราดูแลคงมีเวลาคิดเรื่องไร้สาระน้อยลง ขอแค่สามีเข้าใจ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่ดี ก็พอใจแล้วค่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เป็นกำลังใจ