ยารักษาสิว ตอนที่ 1 เรตินเอ/ดิฟเฟอรินเจล
krebs_laboratory83เป็นยาทารักษาสิวที่ใช้กันทั่วโลก มีงานวิจัยมากมาย แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธีถึงจะเห็นผล สรุปมาให้ดังนี้
.
ยาทาสิวกลุ่มเรตินอยด์
Retinoids (ยาทาสิวกลุ่มวิตามินเอ) ชื่อการค้า เรตินเอ(Retin A) ทาก่อนนอน ช่วยลดสิวอุดตัน ซื้อตามร้านขายยา มี 2 แบบ 0.025% กับ 0.05% รายละเอียดเพิ่มเติม
.
หน้าที่ ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันเพื่อป้องกันการเป็นสิวอักเสบ
.
เรตินเอช่วยปรับเรื่องการแบ่งเซลล์ให้เป็นปกติ(คนเป็นสิวเกิดจากเซลล์ผิวแบ่งตัวมากเกินไป)และคุมการสร้างผิว(เคราติน)ทำให้สิว(คอมีโดน)หลวมและหลุดออกง่าย แต่อาจทำให้ผิวชั้นนอกบางและไวแสงได้(แมทริกซ์ในผิวหนังลดลง) การหยุดทายาเรตินเอจะทำให้เกิดการรวมตัวของคอมีโดนใหม่และเป็นสิวอุดตันได้ภายใน 2-3 อาทิตย์ เรตินเออาจทำให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองได้ ดังนั้นเพื่อให้ทายาได้ต่อเนื่องควรใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอควบคู่กับสกินแคร์ดีๆ และใช้เมื่อสภาพผิวพร้อม(อันนี้ต้องรู้จักผิวตัวเองก่อนทา) เพื่อลดอาการระคายเคืองจะได้คุมสิวได้อยู่หมัด
.
งานวิจัยพบว่าการทาบำรุงก่อนใช้ยากลุ่มวิตามินเอ 2 อาทิตย์ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวได้(ค่า TEWL ไม่เพิ่มขึ้น) ยากลุ่มวิตามินเอจะดีกว่าเบนแซค (BP) ตรงที่ไม่ทำลายเกราะป้องกันผิว เพราะ BP ทำให้เกราะป้องกันผิวเสียรูป(ผิวอ่อนแอ สิวแย่ลง) นอกจากช่วยเรื่องสิวแล้ว เรตินเอยังกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและอีลาสตินในผิวได้
.
ข้อเสีย อาจทำให้ผิวแดง ผิวลอกได้ ผิวหนังร้อน คันผิว ถ้าใช้ไปสักพัก จึงต้องทาบำรุงให้เพียงพอ หรือลดความถี่ในการทายาบ้าง เพื่อให้สามารถทายาได้ต่อเนื่อง หลายคนเลิกทายาตัวนี้เพราะทนการระคายผิวไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ให้เน้นบำรุงผิวโดยเลือกชนิดที่เหมาะกับคนเป็นสิว ที่สำคัญใช้ไปต้องดูสภาพผิวตัวเองไปด้วยเพื่อความปลอดภัย
.
ถ้าผิวที่ระคายเคืองง่ายแนะนำให้ใช้ differin แทน retin A เพราะระคายเคืองผิวน้อยกว่า แต่ราคาแพงกว่า โดยใช้รักษาสิวได้เหมือนกัน
.
เมื่อควบคุมสิวได้พอใจแล้ว Dr.Rogers แนะนำให้ทาผิวด้วยกรดวิตามินเอหรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ(retinyl palmitate, retinyl acetate, retanal) เหลืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง และสามารถเพิ่มขึ้นได้เท่าที่รู้สึกสบายผิว เพื่อได้ประโยชน์ด้านสิว ริ้วรอย ผิวที่เรียบเนียน และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
.
ยังไม่หมดเท่านี้ ครั้งหน้าทาง krebslabs จะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนเป็นสิว จะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการรักษาสิว จะได้ไม่เชื่อใครง่ายๆ
.
ยาทาสิวกลุ่มเรตินอยด์
Retinoids (ยาทาสิวกลุ่มวิตามินเอ) ชื่อการค้า เรตินเอ(Retin A) ทาก่อนนอน ช่วยลดสิวอุดตัน ซื้อตามร้านขายยา มี 2 แบบ 0.025% กับ 0.05% รายละเอียดเพิ่มเติม
.
หน้าที่ ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันเพื่อป้องกันการเป็นสิวอักเสบ
.
เรตินเอช่วยปรับเรื่องการแบ่งเซลล์ให้เป็นปกติ(คนเป็นสิวเกิดจากเซลล์ผิวแบ่งตัวมากเกินไป)และคุมการสร้างผิว(เคราติน)ทำให้สิว(คอมีโดน)หลวมและหลุดออกง่าย แต่อาจทำให้ผิวชั้นนอกบางและไวแสงได้(แมทริกซ์ในผิวหนังลดลง) การหยุดทายาเรตินเอจะทำให้เกิดการรวมตัวของคอมีโดนใหม่และเป็นสิวอุดตันได้ภายใน 2-3 อาทิตย์ เรตินเออาจทำให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองได้ ดังนั้นเพื่อให้ทายาได้ต่อเนื่องควรใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอควบคู่กับสกินแคร์ดีๆ และใช้เมื่อสภาพผิวพร้อม(อันนี้ต้องรู้จักผิวตัวเองก่อนทา) เพื่อลดอาการระคายเคืองจะได้คุมสิวได้อยู่หมัด
.
งานวิจัยพบว่าการทาบำรุงก่อนใช้ยากลุ่มวิตามินเอ 2 อาทิตย์ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวได้(ค่า TEWL ไม่เพิ่มขึ้น) ยากลุ่มวิตามินเอจะดีกว่าเบนแซค (BP) ตรงที่ไม่ทำลายเกราะป้องกันผิว เพราะ BP ทำให้เกราะป้องกันผิวเสียรูป(ผิวอ่อนแอ สิวแย่ลง) นอกจากช่วยเรื่องสิวแล้ว เรตินเอยังกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและอีลาสตินในผิวได้
.
ข้อเสีย อาจทำให้ผิวแดง ผิวลอกได้ ผิวหนังร้อน คันผิว ถ้าใช้ไปสักพัก จึงต้องทาบำรุงให้เพียงพอ หรือลดความถี่ในการทายาบ้าง เพื่อให้สามารถทายาได้ต่อเนื่อง หลายคนเลิกทายาตัวนี้เพราะทนการระคายผิวไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ให้เน้นบำรุงผิวโดยเลือกชนิดที่เหมาะกับคนเป็นสิว ที่สำคัญใช้ไปต้องดูสภาพผิวตัวเองไปด้วยเพื่อความปลอดภัย
.
ถ้าผิวที่ระคายเคืองง่ายแนะนำให้ใช้ differin แทน retin A เพราะระคายเคืองผิวน้อยกว่า แต่ราคาแพงกว่า โดยใช้รักษาสิวได้เหมือนกัน
.
เมื่อควบคุมสิวได้พอใจแล้ว Dr.Rogers แนะนำให้ทาผิวด้วยกรดวิตามินเอหรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ(retinyl palmitate, retinyl acetate, retanal) เหลืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง และสามารถเพิ่มขึ้นได้เท่าที่รู้สึกสบายผิว เพื่อได้ประโยชน์ด้านสิว ริ้วรอย ผิวที่เรียบเนียน และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
.
ยังไม่หมดเท่านี้ ครั้งหน้าทาง krebslabs จะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนเป็นสิว จะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการรักษาสิว จะได้ไม่เชื่อใครง่ายๆ
Discussion (3)