ปริมาณมาก = คุ้ม VS ซื้อมาใช้หมด = คุ้ม สาวๆ เป็นแบบไหน มาคุยกันค่ะ

สวัสดีค่า ทุกคนนนน

ช่วงนี้กลางปี หลายๆห้าง เครื่องสำอางหลายๆแบรนด์ นู้น นี่ นั่น ก็จัด Mid Year Sale ลดกันเข้าไป ใจหวั่นไหว ก็ต้องจัดกันไป

วันนี้ POPuniCORN ชวนทุกคนมาดึงสติกับเหตุผลที่จะเป็นภูมิต้านทานให้จิตใจของเรากันค่า



ความคิดนี้อยู่ในหัวเค้า และตีกันมาพักนึงคะ(แต่บอกตรงๆแอบไม่มั่นใจกับtopicนี้เท่าไรเลย 55) กับคำว่าคุ้ม เน้นปริมาณมากเท่ากับคุ้มVSซื้อมาใช้หมดแล้วคุ้ม แล้วถ้ามากใช้ไม่หมด มันจะคุ้มหรือเปล่าน้ะ


แต่ต้องบอกว่าอันนี้ต้องแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนและปัจจัยของแต่ละคนด้วยนะคะ อย่างเช่น ตัวเราเองใน1สัปดาห์ แต่งหน้านับครั้งได้ เรียกว่าน้อยมากๆ บางสัปดาห์ก็ไม่ได้แต่งหน้าเลย

 มันเลยทำให้เราตัดได้ง่าย เวลาที่จะซื้อเครื่องสำอาง เพราะเวลาโล๊ะตู้เก็บเครื่องสำอางก็พบว่า ใช้ไม่หมดแต่หมดอายุ ก็เสียดาย (เราทำบัญชีคสอ.ที่มีด้วย ว่าเราจำหน่าย จ่าย แจก หมดอายุหรืออะไรขนาดไหน)และพบว่าเครื่องสำอางที่มีไม่ถึง10% คือใช้หมด อีกประมาณ80% หมดอายุก่อนT_T ใช้ไม่ทัน เสียดายอ่าา จึงคิดว่า เราต้องเปลี่ยนแล้ว วิธีแก้สำหรับเราคือ พยายามเลิกซื้อจุกจิก  ช็อปแค่ปลายปีหนักๆไปเลย ระหว่างนั้นประปรายได้แต่ราคาต้องไม่เวอร์เกิน เดือนละครั้ง สองครั้งเพื่อให้หายคันไม้คันมือพอและเลือกซื้อพวกคสอ.ขนาดทดลองหรือไซส์จิ๋วๆ มาก็ยังใช้แทบไม่หมดเลย


หลักการในการในการเปลี่ยนความคิดคือ

  1.  เครื่องสำอางไม่ใช่ของสำคัญแต่ซื้อแล้วมีความสุข เป็นผู้หญิงต้องช้อปปปปปิ้ง ฉะนั้นต้องเลือกเท่าที่อยากใช้จริงๆ เลือกที่อยากได้จริงๆ เลือกตามความจำเป็นที่ต้องใช้ ตัดความคิดว่า ต้องมีทั้งหมด ,เลิกซื้อตุน มีไว้เดี๋ยวก็ได้ใช้ เดี๋ยวของแต่ละคนนานไม่เท่ากัน ตุนไว้จนลืม บางทีหยิบมาใช้ก็อาจพบว่ามันใกล้หมดอายุ แง้T__T
  2. เลือกเป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าหัวใจบ้างก็ดีนะ  เช่น อะไรที่มีอยู่แล้วไม่ซื้อซ้ำ บรัชออนสีส้ม มีเป็นสิบแล้วก็สอยอีก อันนี้ก็ต้องแตะเบรคนะ,ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ทุกสี มันไม่ขนาดนั้น
  3. ก่อนตัดสินใจ ศึกษารีวิวเยอะๆ ดูข้อดี ข้ออ่อน ของผลิตภัณฑ์ให้มากพอ หรือ ลองไปเล่นที่ร้านก่อนสักครั้งสองครั้ง ให้รู้สึกว่า มันใช่จริงๆ ไม่อารมณ์ชั่ววูบ เพราะบางอย่างใช้แล้วก็วูบเหมือนกัน 555
  4. หยุดเป็นคนขี้เบื่อ เบื่อในสิ่งที่มี มันก็เลยต้องช้อปปปป
  5. เลือกซื้อคสอ เป็นช่วงๆ เช่น ปลายปีลดกระหน่ำ สินค้าใหม่ๆเยอะ จัดมาเป็นเซ็ต พาเลทคุ้มก็เลือกช้อปช่วงนั้นไป ช้อปให้หนักไปเลย หรือ บางคนเลือกช้อปกลางปี ก็แล้วแต่สะดวก
  6. ถูกและดีมีอยู่จริง ไม่ต้องพึ่งแบรนด์ hi-end ไปสะหมด ช่วงคันไม่คันมือ เราเลือกช้อปเครื่องสำอางในราคาน่ารักและซื้อให้น้อยชิ้น
  7. เครื่องสำอางทุกชิ้น ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างมีอายุขัย ติดวันที่เปิดใช้/หมดอายุหรือแน่จริงก็ต้องไม่ลืมนะ ว่าเปิดใช้เมื่อไหร่ ควรจะเช็คผลิตภัณฑ์เสมอๆ ใช้ของหมดอายุ หน้าแหกมามันไม่คุ้มกันนะ  เราเองก็เคย ดินสอเขียนขอบตา ใช้ไม่บ่อย มันเลยไม่หมด เอามาเขียนอีกที ตุ่มขึ้นตาค่ะ ได้ไม่คุ้มเสีย
  8. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย การซื้อเครื่องสำอางแล้วมาเปรียบเทียบกันในแต่ละปี
  9. มาจากข้อ8บัญชีรายรับรายจ่ายแล้ว ก็ต้องเช็คด้วย คือ เช็คเครื่องสำอางแล้วโละออก จดไว้เลยค่ะ ว่า ใช้หมดกี่ชิ่น ขายกี่ชิ้น หมดอายุใช้ไม่หมดกี่ชิ้น ให้พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงกี่ชิ้น แล้วมาเปรียบเทียบ ก็จะได้คำตอบที่เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
  10. เครื่องสำอางบางประเภท เรายังไม่รีบใช้ ไม่จำเป็นต้องรีบ ก็จดเป็นWish listsไว้ว่า ต่อไปจะซื้อ อันที่มีหมดจะลองอะไรใหม่ๆมาแทน เพราะเครื่องสำอางยังไงก็มีให้ซื้อกันเรื่อยๆ บางอย่างแทบไม่ต้องกลัวจะซื้อไม่ทัน ไม่จำเป็นต้องตามกระแส ไม่ต้องกลัวตกเทรน ไม่ต้องกลัวเอ้าท์ ซื้อทีหลังยังทันจ้า


สุดท้ายแล้วจะเลือกซื้อแบบไหน ก็แล้วแต่Buggetของตัวเอง ช้อปแล้วต้องไม่เดือดร้อน มีน้อยช้อปจำกัด(แบบเรา) มีมากอยากช้อปมากก็แล้วแต่สะดวกเลยค่า ซื้อได้ตามกำลังศรัทธา ตามอัธยาศัยเลยจ้าาา

สำหรับเราแล้ว การซื้อคสอ.ไซส์เล็กๆ มันทำให้เราดีใจจนภูมิใจเลย คือ ใช้หมด ภูมิใจอ่า ฮืออออT____T แต่บางอันก็ไม่หมด(ขนาดใช้ไซส์เล็กน้ะ)หลังๆซื้อคสอ.ไซส์จิ๋วตลอดเลยจ้า >>อันนี่เป็นวิถีเค้าเลย 55


นี่ก็เป็น ความคิดของเราที่อยากจะมานำเสนอต่อทุกๆคนน้า  
ใครมีไอเดีย มีความคิดแปลกๆ แตกต่างจากเรา ก็มาแสดงความเห็นกันนะ หรือช่วยโหวตกันหน่อย ว่า เน้นปริมาณมากเท่ากับคุ้มVSซื้อมาใช้หมดแล้วคุ้ม   เพื่อนๆเป็นกันอย่างไหน ??



ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นกันนะคะ
เจอกันใหม่กระทู้หน้า บ้าย บายยยย

Discussion (8)

คิดว่าใช้หมด เท่ากับคุ้ม แต่ตัวเองก็มีหลายครั้งที่ซื้อมาแล้วใช้ไม่หมด หมดอายุก่อน หรือแพ้ต้องทิ้งบ่อยเหมือนกันค่ะ รู้สึกเสียดายมาก บางชิ้นก็อาจยกให้เพื่อนต่อได้ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น555
ความคิด:ซื้อแล้วใช้หมดคือคุ้มค่ะ
ความจริง: ซื้อแล้วได้ใช้ แต่ไม่เคยหมดซักอย่าง???
ของเอมคือซื้อใช้หมด แพงเท่าไหร่ กี่หมื่นก็คือคุ้ม แต่ของถูกถ้าซื้อมาแล้วไม่ถูกใจ ไม่ใช้ต่อ ก็คือไม่คุ้มจ้า 5555

หลังๆ เลยแบบว่า ซื้อไซส์จิ๋วก่อน ใน Sephora หรือพวกเซ็ต Mini size ถ้าชอบ เห็นผลจริง ก็ค่อยซื้อขวดใหญ่ต่อ เพราะเอาจริงๆ บางตัวก็แค่อยากลองเพราะกระแส แต่ลองใช้จริงไม่เวิร์ค ถึงซื้อขวดใหญ่จะเทียบราคาแล้วดูคุ้ม แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้ก็ต้องทิ้งอยู่ดี

หลังๆ พอซื้อไซส์จิ๋ว ใช้หมดหลายอัน คือปริ่มมากกกก
ถูกหรือแพงก็ใช้ไม่ค่อยจะหมด ซื้อมาเพิ่มเรื่อยเลย ^^
แต่ถ้าให้เลือกฟริ้งจะเลือกซื้อมาใช้หมดแล้วคุ้มค่าาาาา
ฟริ้ง เน้นซื้อ 55
สำหรับเราใช้มาแล้วใช้หมดถือว่าคุ้มค่ะ พอใช้หมดไปหนึ่งสิ่งจะดีใจและภูมิใจมากเลย(เฉพาะตัวที่มันใช้ดีและเหมาะกับผิวเรานะคะ) แต่ก็มีหลายปัจจัยในการเลือกซื้ออยู่แหละเนอะ คล้ายๆ พี่ @พุงนำนม เลยค่าา 
พวกคสอ.ที่เราซื้อบ่อยที่สุดจะเป็นพวกลิปสติก, มาสคาร่าและดินสอเขียนคิ้วค่ะ พวกอายแชโดว์ บลัชออนหรือรองพื้นนี่นานๆ จะซื้อทีนึงเลยอ่ะ ไม่ใช่ไม่อยากได้นะ แต่เรารู้สึกว่าตัวเองใช้แล้วมันนานมากกว่าจะหมด 55555 แล้วเราเน้นเอาตังไปซื้อพวกสกินแคร์ต่างๆและโลชั่นบำรุงผิวซะเยอะด้วยค่ะ เนื่องด้วยเป็นคนผิวมันขาดน้ำแล้วรูขุมขนกว้าง เป็นสิวง่ายงี้อ่ะ เลยคิดว่าควรบำรุงผิวให้ดูก่อนไรงี้ มันเลยมาเปลืองตรงสกินแคร์ TT
จริงค่าาาา พยายามบำรุงให้มันดีกว่าเดิมเพราะต้นทุนมาไม่ค่อยดีเลย TT