หลุยส์วิตตอง ตะลึงมึนตึบ!?! โดน"หลุยส์จีน" ชี้หน้าละเมิดลิขสิทธิ์

             
หากเปรียบเปรยเป็นคน อาจเรียกได้ว่า เวลานี้ ราชาแบรนด์หรูแดนน้ำหอม หลุยส์ วิตตอง Louisvuitton (LV)กำลังน้ำตาตกอกกลัดหนอง ดิ้นพล่านเป็นเสือติดจั่นในจีน ที่วันดีคืนดี ก็มาโดนยึดสินค้าในจีน ด้วยข้อหาสุดเจ็บปวดคือ “เป็นสินค้าต้องสงสัยละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” และยังโดนยื่นข้อเสนอขาย“หลุยส์จีน” ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของจีน ให้ในราคาเพียง 1 หยวน หากชักช้าไม่รับข้อเสนอแต่แรก....และยังอยากเข้ามาขายสินค้าในตลาดใหญ่ที่สุดในโลกของจีน“ลื้อ (หลุยส์ฝรั่งเศส) อาจจะต้องซื้อคืน “แบรนด์ตัวเอง”ในราคาถึง 120 ล้านหยวน” ! หรือไม่ก็ต้องเป็นฝ่าย “เปลี่ยนหน้า” คือ เปลี่ยนหน้าตาโลโก รูปลายสัญลักษณ์ของตัวเองในการนำสินค้าเข้าเจาะตลาดจีน !?! ทั้งนี้ สื่อยักษ์ใหญ่แห่งฮ่องกง“เหวินฮุ่ยเป้า”และกลุ่มสื่อจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รายงานถึงข้อพิพาทดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ(17 ม.ค.)



  นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ของวงการแบรนด์ดังโลก ที่ยืดยื้อมาร่วม 10 ปี นับจากในปี 2002 นายหวัง จวินพ่อค้าเสื้อผ้าขมองใสในอู่ฮั่น ลุกขึ้นมาศึกษากฎหมายเครื่องหมายการค้า ก็พบแสงสว่างฉายโชนออกมาจากช่องโหว่ทางกฎหมายตรงมาตรา “การจดทะเบียนสิทธิบัตรสำหรับสินค้าหนึ่งประเภท” (Single registration for one class) และได้ไปยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในชื่อเทียบอักษรโรมัน คือ “LOUYIVEITEN” และในชื่อจีนคือ 《路易威登》ออกเสียงว่า “ลู่อี้เวยเติง” ซึ่งเป็นชื่อ Louisvuitton ที่จีนถ่ายเสียงออกมาเป็นภาษาจีน ต่อมา ในวันที่ 8 ตุลาคม 2003 สำนักงานคุ้มครองสิทธิบัตรแห่งชาติจีนยังได้รับรองสิทธิบัตรแก่นายหวัง จวิน ได้แก่การออกแบบ (design patent right) กระเป๋าถือลายตัวอักษร LV รูปแบบลายดอก ที่รูปพรรณสัณฐานเหมือนกับลายโลโกของราชาแบรนด์หรูโลก เรียกได้ว่าเป็นฝาแฝดกับ “หลุยส์ฝรั่งเศส"

     สำหรับหลุยส์ วิตตองแดนน้ำหอม หรือ LV ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผลิตภัณฑ์ของตนในจีนได้แก่ สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ และสินค้าโลหะราคาแพง แต่ไม่ได้จดทะเบียนคุ้มครองสินค้าประเภทกระเป๋า และอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นช่องโหว่ทางของกฎหมายสิทธิบัตร ที่พ่อค้าหัวใสจีนล้วงมือเข้าหยิบพุงปลาไปกินอย่างหวานคอแร้งดังที่กล่าวมา

     ด้านLV โดดขึ้นสังเวียนกฎหมายสู้ศึกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ร้องขอให้ยกเลิกการรับรองสิทธิบัตร “หลุยส์จีน” ยื้อกันมาถึง 3 ปี ผลปรากฏ LVตัวจริง พ่ายยับหมดรูปในปลายปี 2006 โดยสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติจีน ได้ตัดสินยืนยันสิทธิบัตร “หลุยส์จีน” โดยคณะกรรมการแจงเหตุผลว่า LV ไม่มีหลักฐานเพียงพอในการพิสูจน์ความเสียหายจากการที่นายหวังจะใช้เครื่องหมายการค้าของตนในสินค้าของเขา

ในเดือนเมษายน ปี 2007 LVนำคำตัดสินของสำนักงานคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ไปอุทธรณ์ศาลชั้นกลางแห่งกรุงปักกิ่ง เจ็ดเดือนผ่านไป ศาลปักกิ่งก็ยังเงียบเป็นเป่าสาก

ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2007 หวัง จวิน ได้ยื่นข้อเสนอเจรจาออมชอมกับLV โดยเสนอขายสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาในมือของเขา ให้แก่LV เป็นเงิน 1 หยวน โดยมีเงื่อนไขว่าLVจะต้องอนุญาตให้นายหวัง จวินเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าหลุยส์ วิตตองแต่เพียงผู้เดียวในอู่ฮั่น แต่ “เสือ”หลุยส์แดนน้ำหอมที่ยึดถือรูปแบบการขายตรงด้วยตัวเองมาตลอดนั้น ดูจะรับไม่ได้

และในวันที่ 22 พฤศจิกายน นายหวัง จวินยังได้อ้างกฎหมายสิทธิบัตร ร้องให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเมืองอู่ฮั่น ยึดและกักกันสินค้านำเข้าที่ต้องสงสัยละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของหลุยส์ วิตตอง และยื่นข้อเสนอว่าหากLVต้องการสินค้าที่ถูกยึดเหล่านี้คืน จะต้องนำเงินหนึ่งแสนหยวนมา “ประกัน” สินค้าออกไป


ข่าวเรื่องการเจรจาออมชอมหายเข้ากลีบเมฆไปพักใหญ่ นายหวัง จวินก็ออกโรงมาเล่นลิ้นในช่วงก่อนคริสต์มาสปีที่แล้ว ว่า“ ผมมีทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ลู่อี้เวยเติง” และสิทธิบัตรอยู่ในอุ้งมือ แต่ยังไม่ได้เริ่มผลิตสินค้าออกมา ก็เพราะ...ผมยังเคารพในแบรนด์สินค้าชั้นนำของLV แต่LVกลับมาทำโยกโย้ชักช้า ถ้ายังปล่อยให้ผมรออย่างไม่มีความหมายอยู่แบบนี้ หลังคริสต์มาส ผมก็จะไม่เจรจาออมชอมด้วยแล้ว และจะลงมือผลิตสินค้าในเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรที่ผมได้มา และสินค้าภายใต้แบรนด์ “หลุยส์” จีน จะมีราคา เพียง 1 ใน 3 ของหลุยส์ฝรั่งเศสเท่านั้น ผมเชื่อว่าเมื่อบรรดาเจ้านายผู้บริหารและพนักงานในจีน หันมาใช้ “ลู่อี้เวยเติง” กันแล้วละก็ สถานภาพของหลุยส์ วิตตองฝรั่งเศส ก็จะมีอันจบเห่แน่ ”

นายหวัง จวิน ยังตอกย้ำเตือนอีกว่า ถ้าLV ไม่รับข้อเสนอให้เขาเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าหลุยส์วิตตองในจีนละก็ จะมาขอซื้อคืนสิทธิบัตรนี้ทีหลัง เขาอาจขึ้นราคาสูงถึง 120 ล้านหยวน และถ้ายังชักช้าอยู่อีก ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นๆ

ขณะนี้ หวัง จวิน ได้ยื่นข้อเสนอ 2 ข้อ ได้แก่ :

1) หลุยส์ วิตตอง จ่ายเงิน 120 ล้านหยวน ซื้อสิทธิบัตร
2) หลุยส์ วิตตองให้สิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวแก่เขา (นายหวัง จวิน) แลกกับทรัพย์สินทางปัญญา "ลู่อี้เวยเติง"

“หากคิดจะขาย LV ในจีน หรือไม่ก็ต้อง “เปลี่ยนหน้า””

หวัง จวิน ได้ใช้สิทธิบัตรการออกแบบ (design patent) ที่จีนรับรองให้นั้น คุกคามLV ชนิดเด็ดขั้วหัวใจ รูปแบบลายที่นายหวัง จวินได้สิทธิมานั้น ดูไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใดกับรูปแบบลายของหลุยส์แดนน้ำหอมเลย และบทเรียนในการเข้าเจาะตลาดจีนที่LV ต้องจดจำกันจนวันตายคือ “การมองข้าม” ขึ้นทะเบียน design patent ในจีน นายหวัง จวินจึงได้กล่าวอย่างอหังการ์ว่า รูปแบบลายบนประเภทสินค้าหลักของLVนั้น ได้ละเมิดผลประโยชน์สิทธิบัตรของเขา และหาก LV ต้องการหากินในตลาดจีน ก็มีทางเดียวเท่านั้น คือ “เปลี่ยนหน้า” (เปลี่ยนหน้าตารูปแบบโลโก ลวดลายสัญลักษณ์)

credit :http://women.thaiza.com/detail_87358.html


อ่านข่าวนี้แล้วตะลึงค่ะ แกม โมโห ด้วย
บางคนอาจมองว่าเมย์โอเวอร์ แต่เมย์ถือเรื่องแบบนี้จริงๆ คิดว่า คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์จะทำให้โลกน่าอยู่ค่ะ

ฉลาดเป็นเรื่องดีค่ะ แต่ถ้าฉลาดแกมโกง คิดว่าโง่แล้วซื่อสัตย์ยังจะดีเสียกว่า
สังคมที่มันมีปัญหาแย่ๆตอนนี้ไม่ได้เกิดจากคนโง่นะคะ แต่เป็นคนประเภทนี้แหละค่ะ

มีลูกก็สอนลูก มีหลานก็สอนหลานนะคะ สอนให้ซื่อสัตย์เพื่ออนาคตและสังคมที่ดีค่ะ
ทุกอย่างมันเริ่มมาจากความซื่อสัตย์ทั้งนั้น ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อพ่อ-แม่ สามี-ภรรยา

Discussion (21)

อ่านแล้ว รู้สึกแย่ค่ะ

เราก็เป็นอีกคนที่เกลียดคนที่มีความคิดแกมโกง

อันนี้น่าเกลียดมาก เหมือนทำนาบนหลังคนเลย

แต่ยังเชื่อนะคะว่า ทำดีย่อมได้ดี

 

ถึงจะทำได้จิง แต่คุณภาพ ของฝรั่งเศส ก็ยังมีคุณภาพ การใช่งาน ดีกว่าเยอะ เคยฟังคำนี้ปะ ของถูกไม่มีดี ของฟรี ไม่มีในโลกอะ ก็คิดดิว่าถ้ามันถูก เข้า จะเอาหนังอะไร ทำทำกระเป๋า ยังไงเราก็ชอบหลุยส์ฝรั่งเศส อะคับ
หุย .. อ่านแล้วแบบ
เพ่แกเนียนเลย .. คือ  เป็นฝ่ายถูก เฉย เลยอ่ะ  ไรเนี้ยะ ...
ฝรั่งเศส .. เมา เลยงานนี้
เฮียแกตั้งใจมาโกงจริงๆ
นักธุรกิจสมัยนี้น่ากลัวจัง

เจ็บใจแทนจริงๆ กับคนแบบนี้
อ่านแล้วเสียความรู้สึก....