[•Recover from disaster II•]☆กู้หน้าพังขั้นกว่า!
KarimuKram Panuim174- กระทู้ที่แล้วเราพูดถึงการล้างเครื่องสำอางไป กระทู้นี้เราจะพูดถึงการเตรียมผิวเพื่อการบำรุงในขั้นต่อไปค่ะ
- เราเป็นคนผิวมัน แพ้ง่าย มีสิวและรอยแผลเป็นจากสิว
- ผลิตภัณฑ์ต่างๆอาจมีผลแตกต่างกันไปในแต่ละคนนะคะ
นอกจากล้างเครื่องสำอางให้สะอาด ต้องระวังเรื่องอะไรอีก?
เหงื่อค่ะ!! บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่หลายคนประมาท และอาจจะระวังแค่เรื่องแสงแดด ฝุ่นควันอื่นๆ
การที่เราแต่งหน้า แต่ปล่อยให้เหงื่อไหลบนผิวเพราะกลัวเครื่องสำอางหลุด เป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดค่ะ!! เหงื่อนั้นจะเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก เพราะนอกจากจะเป็นของเสียที่ขับจากผิวแล้ว ยังชะเอาสิ่งสกปรกจากสภาพแวดล้อมออกมาด้วยค่ะ
- นอกจากเราจะใช้ฉีดบนใบหน้าหลังการแต่งหน้า แทนการใช้ Fixing spray แล้ว ยังใช้ได้เรื่อยๆทั้งวันค่ะ
- เวลามีเหงื่อออกจากการแต่งหน้า ให้ซับเหงื่อออกก่อน แล้วฉีดสเปรย์น้ำแร่ยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ บางๆ แล้วซับออกอีกที
- แม้ว่าจะไม่ได้แต่งหน้า แต่ระหว่างวันที่มีเหงื่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ค่ะ ผิวจะมันน้อยลงโดยไม่ทำให้ผิวหน้าแห้ง ทั้งยังทำให้สดชื่นด้วยค่ะ
- เพิ่มเติมว่ายี่ห้อ EAU Thermale ตัวนี้ค่อนข้างมีเกลือแร่สูง เลยออกจะเค็มๆค่ะ ;)) แนะนำว่าเอาสเปรย์น้ำแร่ยี่ห้อ Smooth E , Avene , evian หรือยี่ห้ออื่นๆดูนะคะ
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระวังอีก ก็คือ แสงแดด ฝุ่นควัน และที่สำคัญคือความสะอาดแบบยกระดับ!!
ยกระดับด้วยการรักษาปัจจัยแวดล้อมของการทำให้ผิวหน้ามันและสกปรกค่ะ
- หมั่นสระผม อย่างน้อยวันเว้นวัน และล้างออกให้เกลี้ยง : จริงๆครีมนวดผมแทบไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะยาสระผมยุคใหม่มักทำให้หนังศีรษะมันง่ายมากอยู่แล้ว เน้นการหวีผมแทน///หวีผมจะช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง ความมันส่วนเกินจะน้อยลงด้วยค่ะ
- เปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ทุกอาทิตย์! : สำคัญมากค่ะ ลดการสะสมเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกที่สัมผัสผิวเราทั้งคืน ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ด้วยนะคะ///เช่นเดียวกับผ้าขนหนูเช็ดหน้า และเช็ดตัวด้วยค่ะ ทุก 3 วันเลยยิ่งดี
- ดูดฝุ่นห้อง เตียง เป็นประจำ : ในฝุ่นมีทั้งสิ่งสกปรก และอาหารของไรฝุ่น ซึ่งอึของไรฝุ่นและสิ่งที่ไรฝุ่นขับถ่ายทำให้เกิดการแพ้และสกปรกต่อผิว
- ล้างหน้า ต้องเช็ดให้แห้งเสมอ! : อย่าปลอยทิ้งไว้ให้แห้งเองเด็ดขาด และระวังการเหงื่อออกก่อนนอนค่ะ เปิดแอร์ หรือเอาพัดลมจ่อหน้าให้เกิดการระบายอากาศอย่างต่อเนื่องสำคัญมาก
ขั้นตอนที่สำคัญ!
คือการเตรียมผิวก่อนการบำรุง
บางทีสิ่งที่ยังหลงเหลือบนใบหน้า คือสารเคมี และสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นค่ะ ดังนั้นเราต้องเตรียมผิวก่อนที่ทำการบำรุงลงไป เพื่อไม่ให้มีการสะสมสิ่งสกปรก และทำให้ครีมบำรุงต่างๆซึมสู่ผิวได้ดีขึ้น
- การใช้ตัวนี้เช็ดหน้าก่อนใช้ครีมบำรุง จริงๆไม่ได้ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองนะคะ
- แต่การใช้แค่น้ำเกลือเดี่ยวๆต่างหากคือวิธีที่ไม่ถูกต้อง เราใช้ในกรณีที่มีแผลจากสิวที่แตก ;// เป็นการล้างทำความสะอาดแผลไปด้วย ซึ่งแผลจะหายเร็วขึ้นด้วยค่ะ
- แนะนำให้ใช้หลังล้างเสร็จใหม่ๆ โดยเช็ดหน้าให้หมาดๆ แล้วใช้สำลีชุบน้ำเกลือและเช็ดบนใบหน้า พยายามเช็ดวนย้อนรูขุมขนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันบนรูขุมขน
- ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้กับใบหน้าที่อยู่ในระยะการทำเลเซอร์เด็ดขาดค่ะ เพราะผิวที่เลเซอร์จะบอบบางมากกว่าผิวปกติหลายเท่า อาจมีอาการระคายเคืองได้ และจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีนะคะ
ขั้นต่อไป เมื่อเราเจอสิ่งนี้ เราเลิกวิธีการใช้ Toner แบบเดิมไปเลยค่ะ และเป็นวิธีที่เรายังไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน
เราขอออกตัวตรงนี้ก่อนนะคะ ว่าขั้นตอนนี้เราบังเอิญค้นพบด้วยตัวเอง ซึ่งอาจไม่ได้รับรองความถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอาจมีผลลัพธ์แตกต่างออกไปในแต่ละคนค่ะ ;))
เรื่องมันเริ่มต้นจากว่า เราพยายามหา Toner ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย แต่ก็ช่วยเช็ดสิ่งสกปรก ขี้ไคลออกได้ดี แต่ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ :// เลยลองใช้สิ่งที่มีใกล้ตัว แต่แน่นอนว่าโดยมองจากความปลอดภัยเป็นหลักค่ะ ขอเตือนสำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องสารเคมี และตัวยาในผลิตภัณฑ์ ว่าห้ามทดลองอะไรโดยไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องนะคะ ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผิวอาจจะทำให้อาการสิวแย่ลง หรือกลายเป็นฝันร้ายไปเลย
- แนะนำว่าคนที่จะลอง ให้ทดสอบการแพ้บนใบหน้าก่อนนะคะ อย่าผลีผลามใช้ โดยลองเช็ดบริเวณหลังใบหู หรือข้อพับแขนก่อน เนื่องจากเป็นบริเวณผิวที่ค่อนข้างบอบบาง
- ขั้นตอนนี้ห้ามใช้น้ำยาล้างคอนแทคของปลอมหรือราคาถูกเด็ดขาดค่ะ แนะนำให้ซื้อตามร้านขายยาค่ะ
- แนวความคิดคือ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ใช้ในการชำระล้างโปรตีนและสิ่งสกปรกที่ติดมาจากลูกตาบนคอนแทคเลนส์ แต่ก็ยังต้องให้ความชุ่มชื้นกับคอนแทคเลนส์ และไม่ทำให้ระคายเคืองดวงตา : เราเลยอนุมานว่าอาจใช้กับใบหน้าได้เช่นกัน
- ผลลัพธ์จากการลองใช้เช็ดใบหน้า บนว่ามีคราบจากเหงื่อไคลที่หลงเหลือติดสำลีมาด้วย เราใช้เช็ดใบหน้า จนถึงลำคอเลยค่ะ รู้สึกว่าผิวสะอาดมากขึ้น และสิวอุดตันเราน้อยลงมาก
- ข้อควรระวัง : ขั้นตอนนี้ยังไม่ได้รับการรับรองที่ถูกต้องทางการแพทย์ แม้ว่าเราอาจจะใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ ตัวผลิตภัณฑ์อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน
- ที่สำคัญ ไม่ควรใช้กับผิวในระยะการทำเลเซอร์เด็ดขาดค่ะ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้
- ด้วยความที่ผิวมัน รูขุนขนกว้าง ทำให้สิวอุดตันง่าย เลยพยายามมองหาผลิตภัณฑ์บำรุงที่เนื้อสัมผัสเบาบาง แต่ก็ทำให้ผิวอิ่มน้ำ เลยลองดูน้ำตบบำรุงผิวต่างๆ
- ตัวนี้เริ่มจากพบการรีวิวที่ดีในอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก แต่ก็ลังเลอยู่นานเพราะราคาค่อนข้างแพง โชคดีที่ว่าในแอพของ Sephora มีขนาดพกพาวางขาย จึงลองซื้อมาใช้
- เราใช้เทลงบนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วลูบตัวใบหน้าหลังจากเช็ดหน้าเตรียมผิวแล้ว
- ผลคือผิวชุ่มชื้น อิ่มแบบที่รู้สึกได้เลยว่ามันลึกลงไปในชั้นผิว ทั้งยังไม่ทำให้เราหน้ามัน และช่วยกระตุ้นการทำงานของผิว รู้สึกว่าหน้านุ่มขึ้น และแข็งแรงขึ้นมาก
- ข้อควรระวัง : ก่อนใช้ควรเขย่าให้ดีเสียก่อน และเวลาทาก็ทาแค่บางๆก็พอค่ะสำหรับคนผิวมัน
- ตัวแรก Provamed : vitamin E ช่วยลดรอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ///เราใช้ทำให้ผิวนุ่มขึ้นมาก รอยจุดด่างดำจางลง แต่ทาบางๆก็พอค่ะ ตัวยาค่อนข้างเข้มข้น
- ตัวที่สอง Laroche Posay : Toleriane Ultra//แต่ผิวมันเราแนะนำ Toleriane Light ค่ะ Ultra นี้เหมาะกับเฉพาะกลางคืนมากกว่า
- ตัวที่สองช่วยในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นค่ะ บำรุงผิวแพ้ง่าย ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ข้อควรระวัง : ควรทดสอบการแพ้ก่อนเลือกซื้นผลิตภัณฑ์บำรุงนะคะ และควรลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง เช่น เวชภัณฑ์ต่างๆ
- น้ำมันสกัดทั้งหลาย ไม่ควรใช้เดี่ยวๆทาบนผิวหน้านะคะ แนะนำว่าให้ผสมในครีมบำรุงผิวเพียงแค่ 1-3 หยดก็พอ จะให้ผลที่ดีกว่า
- เราใช้มาทั้ง Tea tree oil (MUJI), Rose Hip oil (MUJI), Argan oil (ภูตะวัน), Moringa oil (ภูตะวัน), น้ำมันมะพร้าว (ภูมิดิน) ซึ่งแตะละตัวมีสรรพคุณแตกต่างกันไป
- เตือนว่าควรเก็บให้ดี อย่าเก็บในที่ร้อนและมีแสงแดดจัด รวบรวมใส่กระเป๋าเครื่องสำอางไว้จะดีกว่าตั้งทิ้งบนโต๊ะนะคะ
- น้ำมันมีกลิ่นแรงค่ะ บางคนที่ไม่ชินอาจนะยี้ได้ แต่ใช้ๆไปเดี๋ยวก็ชินค่ะ 5555+///แต่ควรจำกลิ่นในช่วงแรกๆไว้นะคะ เพราะถ้ากลิ่นน้ำมันเปลี่ยนไป มีกลิ่นที่เหม็นหืนผิดปกติจากที่ซื้อมาใหม่ๆ นั่นคือน้ำมันอาจจะเสียหรือเสื่อมสภาพแล้ว ห้ามเสียดายเก็บมาใช้เด็ดขาดค่ะ!! อันตรายมากนะคะ ไม่คุ้มกัน
- น้ำมันมะพร้าวใช้ได้ครอบจักรวาลที่สุดค่ะ และควรผสมเป็นเบสทุกครั้งพร้อมกับน้ำมันตัวอื่นๆ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวให้การบำรุงที่อ่อนโยน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดผิวผด ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- วิธีใช้น้ำมันสกัดแบบเพียวๆคือ น้ำมันมะพร้าว 3 หยด + น้ำมันอื่นๆอีก 1-2 หยด //วิธีนี้แนะนำว่าอย่าใช้บ่อยสำหรับคนหน้ามันค่ะ ใช้ก่อนนอนวันเว้นวันก็พอ
- ข้อควรระวัง : น้ำมันสกัดจะมีความเข้มข้นสูงมากทีเดียว ฉะนั้นต้องศึกษาวิธีใช้ให้ละเอียด และการทดสอบการแพ้จำเป็นมากค่ะ อย่าประมาทเด็ดขาด
- ต่อมาค่ะ ใครมีสิวก็อย่าลืมแต้มสิวกันด้วยนะคะ ตัวแรก Hiruscar : Anti-Acne SPOT GEL ใช้แต้มสิวอุดตันที่ยังไม่เป็นหัวเต่งออกมา ทาบางๆ จะช่วยกระตุ้นให้สิวถูกดันออกมาค่ะ อย่าตกใจ 555+
- Clinda M เรียกได้ว่ายาสามัญประจำบ้าน ราคาไม่แพง และใช้ง่าย แต้มบริเวณหัวสิวที่เต่งออกมาค่ะ เช้า-เย็น
- อีกวิธีคือแปะแผ่นซับสิวค่ะ แนะนำว่าแปะหลังจากเช็ดหน้าเตรียมผิว ก่อนการบำรุง จะได้ประสิทธิภาพดีกว่า
- แนะนำว่าแปะทิ้งไว้ 3-12 ชม. ไปเลยค่ะ พอขาวๆก็ลอกออก
- มีรอยแผลเป็น อย่าลืมทากันนะคะ
- Erase ตัวยาเยอรมัน ช่วยเรื่องทำให้แผลเป็นนุ่มลง สำหรับเราคือดีกว่า Hiruscar ในเรื่องทำให้แผลนุ่มลง เนียนขึ้น แต่ไม่ได้มีสรรพคุณในการลดเลือนริ้วรอยมาก
- Hiruscar เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือมี product ออกมาหลากหลายมากขึ้น Post-Acne หลอดสีฟ้าอ่อน ทาได้ตลอดค่ะ แต่ห้ามทาบนแผลที่ยังไม่ตกสะเก็ดเด็ดขาด เดี๋ยวแผลจะดำได้
- Hiruscar : Silicone Pro เหมาะกับการทา แล้วแต่งหน้าค่ะ ทำให้แผลเป็นจางลงได้ดี ลดการเกิดสิว และปกป้องรอยแผลเป็นได้ดีตลอดวัน ห้ามทาบนแผลที่ยังไม่แห้งเช่นกัน
- ในบรรดาเจลว่านหางจระเข้สำหรับทาแผลหรือใบหน้า เรายกให้ตัวนี้อันดับหนึ่งค่ะ ทาได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
- ใช้เมื่อเกิดอาการระคายเคืองจากตัวยาลดรอยแผลเป็น ทาบางๆ พยายามอย่าถูมาก ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง บำรุงผิวด้วยค่ะ
มหากาพย์กู้หน้าพังได้เสร็จสิ้นแล้ว~
วิชาที่ได้ถ่ายทอดไป ใครลองใช้ได้ผลยังไงมาแบ่งปันกันด้วยน้า~ สำหรับใครที่มีข้อติชม เราเปิดรับเสมอค่ะ
***ตอนต่อไป จะเป็นเครื่องสำอางที่เราใช้แล้วหน้าไม่พัง สำหรับหน้ามัน แพ้ง่าย และมีรอยจุดด่างดำ รอติดตามกันด้วยนะคะ ^_^
เจอกันครั้งหน้าค่ะ ;)))
Discussion (4)