:+:Review:+: My Skincare Routine...รีวิวสกินแคร์ที่ใช้บำรุงผิวในทุกๆวัน
KanKan204สวัสดีคืนวันศุกร์ค่ะ วันนี้เรากลับมาพร้อมกับกระทู้รีวิวสกินแคร์ที่เราใช้ในช่วงนี้นะคะ
จริงๆเขียนร่างไว้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้วแต่ไม่เสร็จซักที กระทู้ยาวมากกกก
เพื่อไม่ให้รุงรังไปมากกว่านี้เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!
ทาด๊าาาา และนี่คือโฉมหน้าของพี่ๆน้องๆที่คอยปรนนิบัติผิวของเราในช่วงนี้ค่ะ
❤REVIEW TIME❤
*หมายเหตุ* ขอออกตัวอีกซักนิดว่าเราในฐานะผู้ใช้ปถุชนคนนึงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านส่วนผสม เราไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้นๆได้ (ต่อให้เปิดตำราเราก็ไม่คิดว่าเราจะวิเคราะห์ได้ถูก5555) ยกเว้นสารบางตัวที่เข้าใจได้ง่ายก็จะมีเขียนข้อควรระวังไว้นิดนึงค่ะ เอาเป็นว่าอ่านความคิดเห็นเราไปขำๆพร้อมดูรูปประกอบไปเพลินๆละกันน้า ถ้าชอบก็ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจนะคะ (นี่ซื้อสกินแคร์หรือซื้อหุ้น5555)
*หมายเหตุ2* เราผิวแห้งค่ะ
ขออนุญาตเรียงลำดับการีวิวตามขั้นตอนการใช้ก่อน-หลังนะคะ
❤Step 1 : ผิวสวยใสไร้สิวเริ่มต้นที่การล้างหน้า❤
ลืมไปได้ยังไงเนี่ย..ก่อนจะลงสกินแคร์เราก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนสิเนอะ การเลือกใช้เคลนเซอร์ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน บางคนใช้ออยล์แล้วดี อย่างเราเนี่ยเคยใช้ออยล์ยี่ห้อนึงล้างหน้าแล้วสิวขึ้นตรึมเลย กว่าจะรู้ตัวก็สิวผุดไปหลายเม็ดแล้ว
❤︎Step1.1 ล้างเครื่องสำอางออกด้วย Smith Basi Clear One step deep cleaning (150ml./ 590 THB)❤︎
ออกตัวก่อนเลยว่าเราเป็นติ่งหมอโอ๊ค พี่โอปอล์ และน้องอยิมอยัมมากๆ พอเห็นหมอโอ๊คออกผลิตภัณฑ์ใหม่เราก็ไม่รอช้าที่จะซื้อมาลอง หลังจากที่ได้ลองใช้แล้วก็ประทับใจมากจนตุนไว้หลายขวดเลย <3
PRODUCE DETAILS
*ข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของแบรนด์*
"SMITH BASI CLEAR คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวในขั้นตอนเดียว
คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตาสูตรน้ำมันกึ่งเจล เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ทำความสะอาดผิวหน้าและเครื่องสำอางกันน้ำได้อย่างล้ำลึกอ่อนโยน มอบผิวสะอาดใส ชุ่มชื้น โดยไม่ต้องใช้สำลี
คุณสมบัติสำคัญ
ล้างเครื่องสำอางแม้ชนิดกันน้ำได้อย่างสะอาดหมดจด
ใช้ง่ายโดยไม่ต้องใช้สำลี
ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และสารกันเสียพาราเบน
ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย"
MY THOUGHT
เนื้อ : สำหรับเรา เราว่ามันไม่ใช่น้ำมัน แล้วมันก็ไม่ใช่เจล แต่มันก็ไม่ได้เหลวเป๋วเป็นน้ำขนาดนั้นอธิบายยากกก เปิดเจอคำอธิบายในเว็บเค้าก็อ๋อเลย มันคือออยล์กึ่งเจลนี่เอง
กลิ่น : ไม่ใส่น้ำหอม และแทบจะไม่มีกลิ่นเลย
ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด: ตอนแรกเรากลัวว่าจะล้างเครื่องสำอางได้ออกหมดจดจริงมั้ย เราเลยลองล้างด้วยตัวนี้รอบนึงก่อน จากนั้นลองใช้ cleansing water แบรนด์อื่นเช็ดดู ปรากฏว่าไม่มีคราบรองพื้นสีเนื้อๆติดออกมาเลย หลังจากนั้นก็ไม่วิตกจริตละว่าจะไม่สะอาด แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าหนาๆหน่อย เราก็จะล้างสองรอบเพื่อความมั่นใจ และผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถล้างอายแชโดว์กับมาสคาร่ากันน้ำออกได้แบบเกลี้ยงเลย ส่วนลิปสติกถ้าตัวไหนติดทนมากๆก็ล้างไม่ค่อยออกนะคะ
ผล : ตั้งแต่ใช้มาแทบไม่มีสิวเลย รู้สึกผิวหน้าสะอาด ไม่ทำให้หน้าแห้งด้วย ตอนนี้ใช้ไป 3 ขวดแล้วและมีตุนไว้อีกหลายขวดเลย ตอนที่เขาจัดโปร 1 แถม 1
สิ่งที่ประทับใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือ
มันสามารถใช้ได้แม้ผิวหน้าเราเปียก มันเลยง่ายที่เราจะล้างซ้ำสองรอบ ปกติถ้าเป็นพวกออยล์ แล้วถ้าเราอยากล้างซ้ำอีกรอบเราต้องเช็ดหน้าให้แห้งดีก่อน ไม่งั้นมันจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมทันที ความรู้สึกเรา เราว่าการที่มันเปลี่ยนเป็นน้ำนมทันทีทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลดลง ซึ่งเคลนซิ่งหมอโอ๊คไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะต่อให้หน้าเปียกแต่เราลงผลิตภัณฑ์ซ้ำ เนื้อผลิตภัณฑ์เค้าจะไม่เปลี่ยนเป็นน้ำนม ทำให้สามารถนวดต่อไปได้เรื่อยๆ พร้อมแล้วก็ล้างออก จากนั้นมันจะเป็นน้ำนมตอนที่เราล้างออกแล้วมันหลุดจากหน้าเราลงไปในอ่างล่างหน้าแทน อีกอันที่ประทับใจคือมันสามารถล้างอายแชโดว์และมาสคาร่าได้หมดเกลี้ยงเลย คำว่า One step deep cleansing ของเค้าจึงไม่ได้กล่าวเกินจริงในความรู้สึกเรา
?
❤︎Step 1.2 หลังจากล้างเครื่องสำอางออกเรียบร้อยแล้ว เราทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้งด้วย Smith Soft Jelly wash (100ml. / 350 THB)❤︎
หลอดแรกซื้อราคาเต็ม หลอดที่ 2 และ 3 ซื้อตอนโปรชิ้นที่สอง 1 บาท ของวัตสันค่ะ ฮี่ๆ ดีใจ ได้ของดีในราคาถูกลง
PRODUCT DETAILS
"เจลทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวที่แพ้และระคายเคืองง่าย ไม่ทำให้แห้งตึงหลังล้างหน้า ปราศจาก SLS/SLES (เสิร์ชมา มันคือสารลดแรงตึงผิวที่มักใส่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แต่ก็มีข้อเสียคืออาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ค่ะ) น้ำหอม, แอลกอฮอล์, สารกันเสีย และ ซิลิโคน"
My Thought
ก่อนอื่นเราอเมซิ่งกับนวัตกรรมฝาปิดที่ซ่อนอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ค่ะ ตอนแรกที่เราเปิดใช้ เราเห็นเหมือนแผ่นอะไรใสๆปิดอยู่ที่รูหลอด ตอนแรกเราก็นึกว่าผลิตภัณฑ์มันแห้งเป็นแผ่น เราเลยลองบีบดู ที่ไหนได้ มันเป็นแผ่นใสๆปิดกั้นระหว่างตัวผลิตภัณฑ์ไว้ ทำให้มันไม่โดนน้ำหรือลมนั่นเอง เอาใจไปก่อนเลยหนึ่งดวง
เนื้อ : เป็นเนื้อเจลใสๆไม่เหลวไม่ข้นกำลังดี
สี : สีใสๆเลย ส่วนตัวชอบอะไรสีใสๆอยู่แล้ว เอาไปอีกดวง
กลิ่น : แม้ว่าเค้าจะบอกว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่ใส่น้ำหอม ตอนแรกก็คิดว่าคงเหมือนตัวเคลนซิ่งแหละ ปรากฏว่าเจลตัวนี้มีกลิ่นจ้า ตอนแรกไม่รู้หรอกว่ากลิ่นอะไร รู้แค่ว่ากลิ่นมันออกแนวอโรม่าๆ ผ่อนคลายดี พอมาอ่านฉลากก็เจอว่าเขาใส่ Lavender Oil ในผลิตภัณฑ์ด้วย
ฟอง : ตอนแรกก็คิดว่าตัวนี้ต้องไม่มีฟองแน่ๆเลย คล้ายๆสมูธอี หรือ เซตาฟิล หรือพอลล่าชอยส์งี้ ปรากฏว่ามีฟองจ้าา แอบผิดคาดไปนิดนึงเหมือนกัน แล้วคือฟองเยอะมากด้วยน้า
ผล : รู้สึกสะอาดดีนะคะ หน้าไม่ตึง ไม่เอี๊ยดอ๊าด ล้างเสร็จหน้าก็ไม่แห้งด้วย สำหรับเราเราชอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง
หมดแล้วซื้อต่อมั้ย? : ตอนนี้ยังเหลืออีก 2 หลอด แต่คิดว่าถ้าใช้หมดแล้วอาจจะหันกลับไปซบสมูธอี เพราะเริ่มคิดถึงการล้างหน้าแบบไม่มีฟองแล้วค่ะ
?
STEP 2 : เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุง
หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้วเราเลือกใช้ Fresh Rose Deep Hydration Facial Treatment (250 ml./1,760 THB)หรือโทนเนอร์กลีบกุหลาบ สำหรับการปรับสภาพผิวหน้าเพื่อให้สะอาดและชุ่มชื่้นพร้อมรับการบำรุงค่ะ
ตัวนี้เราเห็นคนรีวิวกันเยอะมาก บวกกับชอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำใสๆและมีอะไรอยู่ข้างใน มันดูน่ารักดี สุดท้ายเลยได้โอกาสซื้อมาลองใช้
PRODUCT DETAILS
" โรส ดีพ ไฮเดรชั่น เฟเชียล โทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มพร้อมกระชับรูขุมขุน เผยผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ มีสุขภาพดี ผสานคุณค่าจากกลีบกุหลาบแท้บริสุทธิ์ ทำให้โทนเนอร์สูตรอ่อนโยนขวดนี้สามารถทำความสะอาดผิวที่เผชิญกับมลพิษได้ในระดับอนุภาค และช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิว พร้อมกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้อ่อนนุ่ม มอบผลลัพธ์สู่ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน อวบอิ่ม เปล่งประกาย เหมาะสำหรับใช้เป็นขั้นตอนแรกในขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อความชุ่มชื้น "
MY THOUGHT
กลิ่น : หอมมมกุหลาบบบบ~ แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้ว
เนื้อ : ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำเหลวๆเหมือนโทนเนอร์ยี่ห้ออื่นๆ บางครั้งที่หยดผลิตภัณฑ์ออกมาอาจมีกลีบกุหลาบเล็กๆติดออกมาด้วย
ความชุ่มชื้น : เราคิดว่าเป็นโทนเนอร์ที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นจริงๆค่ะ ปกติโทนเนอร์ที่เคยใช้ทาไม่นานก็จะแห้งไป แต่ตัวนี้เราลองทาเดี่ยวๆโดยไม่ได้ใช้อะไรตาม ปรากฎว่าหน้ายังมีความชุ่มชื้นอยู่
เคล็ดลับยืดเวลาให้โทนเนอร์หลักพันของเราหมดช้าลง!
เราใช้ขวดนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมาถึงตอนนี้ก็ 4 เดือนแล้ว ปรากฏว่ายังเหลือตั้งครึ่งขวด จริงๆแล้วเรามีตัวช่วยดีนี่เอง นั่นก็คือสำลีนั่นเอง! เราค้นพบสำลีตัวนี้ครั้งแรกที่ร้านซูรูฮะ เห็นเค้ามีป้ายเขียนว่าประหยัดโทนเนอร์ได้ นี่ก็เลยลองซื้อมาใช้ดู 1 กล่องมีทั้งหมด 40คู่ 80 แผ่น และมีรอยปรุแบ่งครึ่งได้อีก เราใช้แค่ครั้งละแผ่นเท่านั้น ตอนแรกที่ใช้เรากะไม่ถูก หยดหลงมาเท่าเดิมผลที่ได้คือ โทนเนอร์ไหลย้อยลงมาหมดเลย 55555 มันมากเกินไป สำหรับสำลีตัวนี้เพียงแค่หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีไม่กี่หยด สำลีก็ชุ่มมากๆแล้ว คอนเฟิร์มเลยว่าประหยัดโทนเนอร์ได้ดีจริงๆ
สำหรับราคาของตัวนี้คือ 100 นิดๆ มีเพื่อนเคยบอกว่าสำลีอะไรทำไมแพงจัง ไม่ซื้อหรอก แต่สำหรับนี่คิดว่าเสียเงินซื้อสำลีหลักร้อยยังดีกว่าซื้อโทนเนอร์หลักพันนะ 5555
?
♥︎Step 3 ผิวพร้อมสำหรับการบำรุงแล้ว ♥︎
ขั้นตอนแรกเราเลือกใช้ SKII Facial Treatment หรือ น้ำป้าเจี๊ยบในตำนาน สำหรับการปรนนิบัติผิวค่ะ ตอนเราเด็กๆชอบอ่านกระทู้ในโต๊ะเครื่องแป้งมาก สมัยนั้น SKII เป็นอะไรที่ฮิตมากกก จำได้ว่าเรียกกันว่าน้ำป้าเจี๊ยบ (ตอนนั้นคุณเจี๊ยบ โสภิตนภาเป็นพรีเซ็นเตอร์) ล่ำลือกันมานานว่าใช้แล้วใส ตอนนั้นยังเด็กๆคิดว่าไม่มีปัญญาซื้อแน่นอน มันแพง
จนกระทั่งมาอยู่มหาลัย ช่วงใกล้เรียนจบเพื่อนเอามาให้ลองใช้ เพราะเพื่อนมีสกินแคร์เยอะใช้ไม่ทัน ถือเป็นบุญของเราที่ได้ลองน้ำป้าเจี๊ยบในตำนาน จำได้ว่าช่วงนั้นใสจริงงง พอใช้หมดก็ไม่ได้ใช้ต่อ หันไปใช้ยี่ห้ออื่นไม่ได้ซื้ออีกก็รู้สึกว่าหน้าไม่ใสเท่าตอนที่ใช้ SKII หลังจากนั้นก็ขาดไม่ได้อีกเลย....ขวดนี้เป็นขวดที่ 2 ที่ซื้อเองแล้วค่า > _ <
PRODUCT DETAILS
" Facial Treatment Essence ประกอบด้วยพิเทร่า™ เข้มข้นกว่า 90% และส่วนประกอบชีวภาพทางธรรมชาติที่จำเป็น อุดมไปด้วยอนุภาคอาหารผิวกว่า 50 ชนิด ซึ่งรวมถึงคุณค่าจากวิตามิน กรดอะมิโน แร่ธาตุ กรดอินทรีย์ และอีกมากมาย โดยพิเทร่า™ จะช่วยปรับสภาพให้ผิวทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ และบำรุงผิวด้วยปัจจัยเพื่อความชุ่มชื้นตามธรรมชาติเพื่อมอบผิวดูสุขภาพดี และกระจ่างใสยิ่งขึ้น"
MY THOUGHT
เนื้อ : เนื้อเหลวเหมือนน้ำ คล้ายๆโทนเนอร์
สี : ใสๆ
กลิ่น : ก่อนหน้านี้เคยอ่านรีวิวว่ากลิ่นของเอสเคทูนี่เหม็นเกินบรรยาย แต่พอได้ใช้จริงก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เหม็นแรงขนาดนั้น มันออกแนวกลิ่นยีสต์ๆ หมักๆ ตุ่ยๆ แต่ไม่นานกลิ่นก็หายไป เทียบกับ Biotherm เราว่าอันนั้นกลิ่นแรงและติดกว่าทั้งๆที่ใส่น้ำหอมด้วยนะ
ความชุ่มชื้น : สำหรับเราที่เป็นคนผิวแห้งใช้แค่ SKII ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเราชุ่มชื้นได้ค่ะ ทาไปซักพักผลิตภัณฑ์จะซึมลงผิว ผิวจะเริ่มแห้งละต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่นๆเพิ่มด้วย แต่สำหรับคนผิวมันอาจจะพอไหวอยู่นะ
ผล : เรารู้สึกว่าใช้แล้วหน้ากระจ่างใส มันไม่ได้ขาวขึ้นนะ แต่มันดูใสขึ้น นี่ึคิดว่ายังไงก็ยังไม่เปลี่ยนใจ จะใช้ตัวนี้เป็นตัวยืนพื้นไปเรื่อยๆเลยค่ะ
Step 3.1 เนื้อผลิตภัณฑ์เริ่มเข้มข้นขึ้นมาหน่อยแล้วค่ะ เราเลือกใช้ KIEHL's Clearly Corrective Dark Spot Solution (30 ml./ 1940 THB) สำหรับลดจุดด่างดำค่ะ
เราตัดสินใจซื้อตัวนี้เนื่องจากตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนแล้วเห็นเพื่อนใช้ กลับมาเจอรีวิวของคุณเตยในเพจ ทาได้ก็ได้ ทาไม่ได้ก็โยนทิ้งไป เค้ารีวิวว่ามันช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าได้ภายใน 2 สัปดาห์ก็เห็นผลแล้ว เนื่องจากเราเองก็มีรอยดำจากสิว และมีฝ้าจางๆตรงแก้มทั้งสองข้าง อ่านปุ๊บก็ไม่รอช้าค่ะ รีบหามาลองใช้เลย เราซื้อมาจากร้านในไอจีเลยได้ราคาถูกกว่าในเคาน์เตอร์ค่ะ
PRODUCT DETAILS
" เซรั่มปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ช่วยให้ผิวสว่างสดใสเป็นประกาย เห็นผลเร็วภายใน 2 สัปดาห์ โดย 55% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบ มีจุดด่างดำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายใน 4 สัปดาห์พบว่า 69% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบมีจุดด่างดำลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 73% มีรอยแผลเป็นจากสิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายใน 8 สัปดาห์ 87% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบทางคลินิกมีสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น และเผยผิวกระจ่างใส ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่ๆ และป้องกันการเปลี่ยนสีของเม็ดสีผิวเมื่อใช้เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง ปราศจากซิลิโคน ปราศจากสารกันเสีย ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสี ปราศจากเทคโนโลยีกระจายแสง (Optical Diffuser) "
MY THOUGHT
เนื้อ : ไม่เหลวเป็นน้ำแล้วจ้า แต่ก็ยังข้นไม่เท่าเจล
สี : ใสๆกิ๊งเลย
กลิ่น : มีกลิ่นหอมนิดๆ เหมือนกลิ่นน้ำหอมผู้ชายเลยอะ แต่เค้าเคลมว่าไม่ได้ใส่น้ำหอม น่าจะเป็นกลิ่นจากอะไรซักอย่าง
ผล : สำหรับเราที่ใช้มาครบ 1 เดือนแล้ว เรารู้สึกว่ารอยสิวและ รอยฝ้าที่ข้างแก้มดูจางลง แต่ยังไม่หายไปทั้งหมด ถือว่าเป็นไปตามที่เขาเคลมไว้นะคะ (ดีใจที่ทุกอย่างที่ซื้อมามันเห็นผลหมดเลย ขอบคุณผิวที่ไม่ดื้อด้านนะ) หากใช้ครบ 8 สัปดาห์ หรือหมดขวดแล้วจะมารีวิวอีกครั้งนึงนะคะ
รูปนี้เป็นภาพเปรียบเทียบระหว่างก่อนใช้ ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 1 แต่เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ช่วงวันที่ 24 สิงหาคมนะคะ ด้านขวาเป็นรูปที่ใช้มาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว พวกจุดด่างดำเราว่าจางลงแล้ว แต่ฝ้ายังมีอยู่ รูปเปรียบเทียบยังไม่ค่อยดี หากใช้ครบแปดสัปดาห์แล้วจะมาอัพเดทกันอีกทีนะคะ
?
♥︎Step 4 :กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์♥︎
มาถึงขั้นตอนเกือบสุดท้ายของการบำรุงผิวกันแล้วค่ะ เราใช้ Curel Intensive Moisture Cream ลงปิดท้ายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ
เราซื้อตัวนี้ตามพี่แนน nnpimmook ค่ะ พี่เขาเป็นคนที่ผิวดีมากๆดูเด็กสุดๆ อะไรว่าดี น้องก็เลยซื้อตามพี่เขาตลอดเลย
PRODUCT DETAILS
*ข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของแบรนด์*
" คิวเรล อินเทนซีฟ มอยส์เจอร์ แคร์ อินเทนซีฟ มอยส์เจอร์ ครีม ครีมบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเนื้อครีมเข้มข้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นพิเศษ แต่สัมผัสบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างง่ายดาย ไม่รู้สึกหนักผิว เนื้อครีมเติมเต็มเซราไมด์ พร้อมกระตุ้นให้ผิวสร้างเซราไมด์ตามธรรมชาติ ผิวนุ่มชุ่มชื้นจากภายใน ลดการระคายเคืองจากผิวแห้งลอกเป็นขุย
สูตร pH-balanced
ปราศจากน้ำหอม
ปราศจากสี
ปราศจากแอลกอฮอลล์
สูตร Hypoallergenic
ผ่านการทดสอบกับผู้มีผิวแพ้ง่าย ภายใต้การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง"
Discussion (4)