Trend ใหม่ของ Influencers : ปลอม race ตัวเองก็ได้เหรอ ?

.

ไม่กี่วันมานี้ โลกออนไลน์ก็ได้ร้อนแรงขึ้นมาจากการเปิดเผยเรื่องราวของสาวในภาพ 

หากมองแค่ภาพ คุณคงเชื่อได้ง่ายๆ ว่า Emma Halberg Influencer สาวจากสวีเดนนั้นมีเชื้อสายแอฟริกัน เธอดูไม่ได้แตกต่างจากนางแบบผิวดำบน Instagram ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม light skin อันเป็นคำเรียกของผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกันที่อาจจะเป็นลูกครึ่งหรือไม่ใช่ก็ได้แต่โทนสีผิวไม่ได้ dark จัด หรือเรียกได้ว่า darker than white but lighter than black (Beyonce, Rihanna, Jordyn Woods ...)

เสื้อผ้าหน้าผม  ทุกอย่างที่เธอนำเสนอทำให้ผู้ติดตามมองเธอในฐานะนางแบบลูกครึ่งผิวดำหรือไม่ก็สาวละติน่าที่มีเชื้อสายผิวดำ
ไฮไลท์หนังปลาทู สะโพกเว้าโค้งอัดแน่นกางเกง  มองผ่านๆ เธอก็คือหนึ่งในนางแบบ insta ที่แจ้งเกิดกันมากมายหลังจากที่มี The Kylie Effect
ถ้าถามเรา หลังจากได้เห็นภาพพวกนี้แล้วก็คงต้องตอบว่า นี่คงเป็นสาวลูกครึ่ง
ผิวดำที่ลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัวเลียนแบบ Kylie Jenner โพสเหมือนกัน ปรือตา ปากเจ่อ โชว์ curves ดังที่เราได้เห็นเกลื่อน instagram ใครสวยเข้าตาชาวเน็ทก็ได้ followers เยอะ มีงานตามมาเป็นพรวน
ทุกลุคของเธอบน instagram จะต้องมีกลอสสีโกโก้เขียนขอบปากสีเข้มอันเป็นลุคที่นิยมกันในสาวๆ ผิวดำ ด้วยลักษณะทางกายภาพของพวกเธอที่มีริมฝีปากสีเข้ม เมื่อพวกเธอใช้เทคนิคทาปากเช่นนี้จึงดูสวยเจิดโดดเด่นขึ้นไปอีก เฉดสีผิวของ Emma นั้นดูเข้มกว่าหลายคนที่มีเชื้อสายแอฟริกันซะด้วยซ้ำ เรียกได้ว่า ถ้าในชีวิตจริง คุณไปเจอเธอในสวีเดน  ก็คงไม่คาดคิดหรอกว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นฝรั่ง100%  และ "ความโดดเด่น" ที่เจ้าตัวนำเสนอก็ทำให้ได้งานพรีเซนเตอร์และรีวิวสินค้าตามสไตล์ influencer มีแฟนๆ ติดตามชื่นชมความงามคมเข้ม  
"ว้าว เธอใช้อะไรบำรุงผิว"
"ผิวสีมอคค่าของเธอช่างสมบูรณ์แบบ"
"เธอเป็นลูกครึ่งใช่มั้ย"

เธอตอบคำถามเหล่านี้ว่า  "ชั้นแค่ผิวแทนง่ายมากเท่านั้นจ้ะ"




จนกระทั่งมีคนมาเปิดเผยว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นสาวสวีดิชที่ไม่มีเชื้อสายแอฟริกันแม้แต่น้อย Twietter ก็ลุกพรึ่บ สื่อหลายเจ้าเจาะสกู๊ปกันอย่างเผ็ดมันและพยายามต่อสายตรงถึงเจ้าตัวถึงที่มาที่ไปทันที

Emma ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐาน blackfishing และ black face จนต้องออกมาแก้ต่าง แล้ว blackfishing มันคืออะไรกัน ทำไมมีปลามาเกี่ยวข้อง! อดใจรออีกนิด เราจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่า เพราะอะไร black community จึงรับเรื่องทำนองนี้ไม่ได้


Blackfishing คืออะไร
มันเป็นการเล่นคำจาก Catfishing  ที่หมายถึงการปลอมแปลงตัวตนเพื่อหาประโยชน์จากโลก social media แต่ Blackfishing จะพุ่งไปถึงคน race อื่น (โดยคนขาวคอเคเชียน) ที่สร้างตัวตนจากรูปลักษณ์ของผู้มีเชื้อสายแอฟริกันผิวดำ อาหรับหรือฮิสแปนิกที่มีโทนสีผิวเข้มและรูปลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อเพิ่มยอดผู้ติดตามและสร้างรายได้ให้กับตัวเอง และผู้คนจำนวนหนึ่งก็ถือว่านี่คือพฤติกรรมที่เข้าข่าย blackface อันเป็นสิ่งที่สากลถือว่าเป็นการเหยียดผิวในรูปแบบหนึ่ง  

*ใน Holland จะยังมีการแต่ง blackface อันเป็นตัวละคร black Pete เพื่อเฉลิมฉลองคริสต์มาส แต่ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวต่อต้านขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่โลก Internet โจมตี Emma ว่าเธอใช้รูปลักษณ์ของลูกครึ่งผิวดำด้วยเทคนิคการแต่งหน้า fake tan การศัลยกรรมฉีดปาก มุมกล้องและตกแต่งภาพเพื่อสร้างความโด่งดังให้กับตัวเอง สื่อดังทั้งหลายก็นำเสนอภาพของเธอให้ทั่วโลกได้รับรู้ เธอบอกว่าได้รับข้อความเกลียดชังมากมายรวมถึงคำแช่งชักให้ไปตายซะ นังคนผิวขาวเลียนแบบคนดำ!

Emma ที่ต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านได้เปิดใจกับสื่อว่า เธอไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่ได้พยายามเลียนแบบคนดำอย่างที่ถูกกล่าวหา และแจกแจงสาเหตุของรูปลักษณ์ดังนี้


- เป็นคนผิวแทนง่ายมาก ช่วง summer ก็ผิวเข้มขึ้นมาหลายเฉด ในภาพเธอไม่ได้ใช้ fake tan แต่อย่างใด summer ใน sweden อาจจะสั้น แต่ก็ได้ใช้เวลาพักผ่อนในต่างประเทศที่มีแสงแดดจึงมีผิวสีเข้ม พร้อมกับโชว์ภาพคนในครอบครัวที่มีผิวแทนในช่วง summer เช่นกัน
ส่วนเรื่องผมหนาหยิกฟูนั้น เธอยืนยันว่าเป็นผมหยิกธรรมชาติ เธอจะจัดแต่งทรงผมโดยการถักผมก่อนนอน
แต่ดูเหมือนว่ายังมีคนอีกมากที่ไม่ยอมรับเหตุผลของเธอ และย้ำชัดเจนว่า ภาพบน Instagram ของ Emma จงใจจะนำเสนอลุคของผู้หญิงเชื้อสายแอฟริกันผิวดำ ไม่ใช่สาวผิวขาวอาบแดดจนแทน Emma จึงแย้งว่า เธอมีปัญหาผิวพรรณจากเมื่อก่อนที่มีสิวอย่างหนัก และใช้การลอกผิวมาช่วย แต่กลับทำให้ผิวหน้าขาวกว่าตัว เธอจำเป็นต้องแต่งหน้าให้มีสีเข้มให้ดูเท่ากับกับผิวกาย จนทำให้มีลุคอย่างที่เห็น


แต่ชาวเน็ทก็ไล่บี้ต่อแบบไม่ลดราวาศอก ในเมื่อ Sweden ไม่ได้มี summer ยาวนานอยู่ชั่วนาตาปี แต่เธอกลับโชว์ภาพผิวเข้มได้ตลอด ผิวกายที่บอกว่าสีเข้มกว่าหน้าก็ไม่ได้เข้มขนาดนั้น เสียงสะท้อนกลับจึงไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิม แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้ติดตามของเธอก็พุ่งสูงขึ้น และมันยิ่งทำให้ black community ต้องตัดพ้อกับสังคม


แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ ? บางคนอาจจะนึกสงสัย

ถ้าเราปลาบปลื้มในวัฒนธรรมอื่น การเลียนแบบไม่ใช่สิ่งที่ธรรมดาสามัญหรอกเหรอ เหมือนกับวัยรุ่นสมัยนี้ที่คลั่งไคล้ K-Pop ก็แต่งเนื้อแต่งตัวไม่ต่างจากไอดอลเกาหลีก็ไม่เห็นผิดตรงไหน


ที่มาที่ไปอยู่ต่อจากนี้ค่ะ...


เราลองคิดกลับกันแบบง่ายๆ จากดราม่าตะเกียบ 1 คู่ที่ Dolce&Gabbana นำมาขุดหลุมฝังตัวเองจากการขยายธุรกิจที่จีน หลายคนออกปากว่า "เหยียดตรงไหน ดูแล้วธรรมดาจะตายไป" แต่เราไม่ใช่คนจีนที่ต้องเผชิญกับ stigma ในสังคมชาวโลก หากคุณเป็นคนเอเชียนผิวเหลืองที่ก้าวออกนอกประเทศไปใช้ชีวิตโลกตะวันตกก็อาจจะเข้าใจสถานการณ์เหยียดหยามทางเชื้อชาติขึ้นมา คุณอาจจะไม่ใช่คนจีนด้วยซ้ำ แต่อาจจะเจอคนเหยียดผิวบนรถไฟไล่ให้กลับแผ่นดินใหญ่ไปซะ เด็กทะโมนบางคนเดินเฉียดคุณพร้อมกับทำท่าพูดชิ้งฉ่องเลียนแบบสำเนียงจีน คุณอาจจะเป็นคนรักหมาสุดชีวิต แต่กลับมีคนตะวันตกเหมารวมว่าคุณเป็นพวกกินหมา เมื่อหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบข้าวกินก็อาจจะพบกับสายตาเย้ยหยันว่าคุณเป็นพวกล้าหลังที่แม้แต่ส้อมกับมีดก็ใช้ไม่เป็น ชาวเอเชียนในตะวันตกอาจจะไม่ได้พบกับอะไรแบบนี้กันไปหมด แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ออกมาเปิดใจระบายกับความกดดันเช่นนี้



เรื่อง blackfishing ก็เช่นกัน

ในขณะที่คนเชื้อสายแอฟริกันผิวดำจำนวนมากมายต้องเจอกับอคติหลายรูปแบบที่พวกเราได้ยินกันมานับครั้งไม่ถ้วนจาก viral ในโลก online ดังเช่น


- ถูกbully เรื่องรูปลักษณ์ ทั้งริมฝีปากหนา ผมหยิกฟู บั้นท้ายเว้าโค้ง เหยียดผิวดำคล้ำว่าสกปรกเหมือนดิน ไม่ได้อาบน้ำ หนักกว่านั้นก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับสัตว์หน้าขน

- ทรงผมอาจกลายเป็นข้อจำกัดในการเลือกเส้นทางสายอาชีพ ทรงผมหลากหลายสไตล์แอฟริกันผิวดำนั้นถูกตั้งแง่ว่าดูรกรุงรัง สกปรก ไม่เป็นมืออาชีพ

นี่คือตัวอย่างเพียงไม่กี่อันเท่านั้น ดังที่ทราบกันว่า scale ที่ใหญ่กว่านี้ยังมีอีกเยอะ

เมื่อสาวยุโรปผิวขาวลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวในแบบเดียวกันเป๊ะกลับได้รับคำยกย่องว่างดงามไร้ที่ติจนสามารถนำไปเป็นช่องทางทำมาหากินได้สบายๆ ในขณะที่คนเชื้อสายแอฟริกันต้องพบกับความยากลำบากเพราะถูกอคติคอยกีดกัน พวกเขาไม่สามารถสวิทช์เปลี่ยน race ไปมาตามความสะดวก อย่าว่าแต่ใช้จุดเด่นแบบคนดำเพื่อสร้างความโด่งดังเลย แม้แต่จะเดินไปช็อปในร้านเสื้อผ้า high street โดยไม่มีพนักงานผิวขาวคอยเดินตามจับผิดเพราะคิดว่าจะมาลักขโมยก็ยังทำไม่ค่อยได้
เทรนด์ blackfishing จึงเหมือนกับเป็นการตบหน้า black community ที่แม้แต่นักข่าวผิวขาวก็ได้ร่วมเรียกร้องให้ยุติเทรนด์นี้ไปซะ



 เราเคยพูดในกระทู้ก่อนๆ ไปแล้วว่า ปัญหาการฉกฉวยทางวัฒนธรรมนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความแตกต่างทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมอาจทำให้เกิดการล่วงเกินกันจากความไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อเพื่อนร่วมโลกได้ตักเตือนว่านี่คือการหยิบยื่นความเจ็บปวดให้กับพวกเขา เราจะยิ่งตอกย้ำบาดแผลให้เกิดความเจ็บแค้นมากขึ้นไปอยู่หรอกหรือ ?
ที่เราบอกว่าเป็นเทรนด์ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คนเดียว
Mika Francis  youtuber สาวที่ผู้ติดตามของเธอจำนวนหนึ่งเคยเชื่อว่าเธอเป็นลูกครึ่งผิวดำ บ้างก็ว่าเธอมีส่วนผสมระหว่าง Kylie  Jenner และ Blac Chyna แต่เมื่อย้อนไปชมวีดีโอเมื่อไม่กี่ปีก่อนก็จะพบว่าเธอมีผิวขาวจั๊วะ



หรือจะเป็น Jaiah Fern ที่ดูเหมือนกันกับ Nicki Minaj ราวกับพี่น้องท้องเดียวกัน

แต่นี่คือตัวจริงของเธอที่ไม่ได้รีทัชและแต่งหน้าเปลี่ยนสีผิว
แน่นอนว่า internet ไม่ได้ nice กับเธอนัก พวกเค้าสาดข้อกล่าวหา black face ใส่เธอทันที
เธอตอบโต้ว่า ไม่ใช่ black face นะ ดูสิ เฉดของรองพื้นก็ยังเหมือนเดิม ก็แค่การแต่งหน้าแต่งตา คนอื่นเอาไปฮือฮากันเอง เธอไม่ได้พยายามเป็น Nicki สักหน่อย


จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


ในส่วนที่ยืนยันว่าใช้รองพื้นเฉดเดิมตลอด ...
เมื่อลองส่องผ่าน filter คุณก็จะพบความเป็นคอเคเชียนที่ซ่อนอยู่ ในภาพหมู่นั้น เธอจะ edit เฉพาะตัวเองจนดูเหมือนหุ่น ในขณะคนอื่นยังดูปกติ



คนที่โป๊ะเรื่องปลอม race เป็นเอเชียนก็มีนะจ๊ะ  
 scarebrat   ที่หัวร้อนใส่ชาวเน็ททันทีเมื่อถูกถามเหตุผลที่รีทัชตาให้เหมือนสาวเอเชียนว่า "จะทำไม  มันแค่มุมกล้อง  อยากจะได้ภาพกล้องสวยๆมันผิดตรงไหน"
เจ้าตัวพยายามเฉไฉต่อคำกล่าวหาด้วยการโชว์ภาพที่ตัวเองดูเป็นคนตะวันออกอย่างแนบเนียน
 เธอคนนี้ก็ได้พยายามนำเสนอวีดีโอพิสูจน์ว่ามีตาแบบเอเชียนจริงๆ แต่เป็นภาพเงยหน้าเลิกคิ้วสูงเพื่อไม่ให้ตาสองชั้นที่เป็นลักษณะคอเคเชียนโผล่ออกมา 
หลังจากที่มีชาวเน็ท (โดยเฉพาะชาวเอเชียน)เข้าไปจิกกัดและส่งต่อภาพของเธอไปที่เว็บต่างๆ scarebrat ก็ตั้ง instagram ที่มีผู้ติดตามนับหมื่นเป็น private  ซะเลย

Discussion (15)

เรื่องนี้สนุกดีค่ะ คนเราก็ทำไปได้ อาจจะเพราะยูทูเบอร์มีเยอะ เลยต้องหาจุดขายแปลกๆ ให้ตัวเองมั้งคะ
เรื่องพวกนี้นี่ละเอียดอ่อนมากจริงๆ เราว่าพอๆกับต่างชาติเอาเศียรพระหรือหัวโขนไปเป็นเครื่องประดับ หรือเราๆ เอาพวกเครื่องประดับหัวของชนเผ่าอินเดียนแดงไปใส่เล่นเลย 
ไม่เคยเข้าใจเรื่อง blackface จนมาอ่านกระทู้นี้ค่ะ ขอบคุณที่ให้ความรู้นะคะ ส่วนตัวเป็นหัวดำไปอยู่ท่ามกลางคนขาวมาบ้าง ยังไม่เคยเจอเหยียด แต่ก็แอบมีช่วงแรกๆ เหมือนกันที่แอบๆ ได้ยินคนพูดถึง thai girl บลาๆ แต่อบไม่สนใจ สบัดบ๊อปใส่ เพราะคนเหล่านั้นก็ได้แค่พูด ไม่ได้ซื้อข้าวให้กิน 5555
แฟนเราก็เคยเจอเหยียดที่รัสเซียหาว่าเป็นคนจีนน่ารังเกลียดไล่ให้กลับบ้าน บางคนนี่ก็เหยียดจริงจังมาก สำหรับคนที่ล้อเลียนแต่งตามนี่ก็เล่นใหญ่ไป