How Celeb End Their Feud

คนวงการบันเทิงมักทำให้ขาเผือกต้องมีงานเข้าไม่ได้หลับได้นอนอยู่บ่อยๆ  หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวบาดหมางของคนที่เคยดูสนิทสนมแล้วแตกคอจิกกัดกันออกสื่อ  พวกเราอาจเชื่อว่าคนดังที่ดูเป็นศัตรูคู่อาฆาตคงไม่มีวันคืนดีกันได้  แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว



มาติดตามเรื่องราวของเซเลบคู่อริที่ลงเอยกันด้วยสันติกันเลยค่ะ






Paris Hilton  -  Kim Kardashian




เห็นสองสาวแนบแน่นกันขนาดนี้ หลายคนอาจจะลืมไปว่าพวกเธอเขม่นกันมายาวนานหลายปี Kim อาจจะ play nice ไม่เคยจิกอีกฝ่ายแรงๆ แต่ Paris แทบไม่ปกปิดว่าเธอหมั่นไส้เพื่อนสาวทรงโตมากแค่ไหน






"ก้นแบบคิมเหรอคะ ไม่ไหวหรอกค่ะ ก้นเธอทำให้ชั้นนึกถึงคอทเทจชีสในถุงขยะใหญ่บึ้ม"


Paris ฟาดฟันใส่อย่างไม่ไว้หน้าเมื่อพิธีกรรายการวิทยุถามถึง Kim ที่กำลังสร้างชื่อเสียงโด่งดังโดยมี sex tape ปูทางเข้าวงการ ผู้คนเริ่มคุ้นหห้าคุ้นตาเธอในฐานะ "อดีตเพื่อนของ Paris ที่ถ่าย sex tape เหมือนกัน" ทำให้แม่ Kris เสนอแผนสัญญา reality show กับ E! News ได้สำเร็จ และในช่วงนั้นกระแสของ Paris ก็เริ่มผ่านความ peak ไปแล้ว ดูเหมือนว่าใครๆ ให้ความสนใจกับอดีตเพื่อนของเธอไปซะหมด  


ทั้งสองคนมาเปิดเผยทีหลังว่า Paris รู้ตัวว่าพูดจาข้ามเส้นและติดต่อเพื่อขอโทษ Kim โดยตรง

ในปี 2009 Kimได้ให้สัมภาษณ์กับ Howard Stern ว่า

"เราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ แต่มีเรื่องทำให้เราเลิกคุยกันไป เธอไปออกรายการวิทยุแล้วบอกว่าก้นของชั้นเต็มไปด้วยเซลลูไลท์หรืออะไรสักอย่างที่อยู่ในถุงขยะ จากนั้นเธอก็โทรหาชั้นแล้วขอโทษขอโพย อ้อ เธอว่าก้นชั้นเหมือนคอจเทจชีสค่ะ"


หลังจากนั้น Khloe ที่อยู่ในรายการด้วยก็ประกาศว่าค่าตัวออกงานของ Kim สูงกว่า Paris แล้วจ้า




"ชั้นปลื้มครอบครัวเธอมากนะคะ เธอเป็นคนที่เฉลียดฉลาด เธอเปิดหูเปิดตาให้ชั้นรู้หลายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ชั้นท่องเที่ยวข้ามน้ำข้ามทะเลไปกับเธอ ชั้นรู้สึกซาบซึ้งที่ได้เรียนรู้ทุกๆ อย่างจากเธอค่ะ" 


แม้จะถูกจิกกัดมาก่อน แต่ Kim ก็ยังพูดถึง Paris ในแง่ดี เมื่อสิบปีที่แล้วตอนที่เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ ไม่มีใครคาดมาก่อนว่าชื่อของ KimK จะกระหึ่มในโลกบันเทิงมาเนิ่นนาน เธอกลายเป็นคนดังที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ลบภาพ "นางบริวาร" ของ Paris Hilton ไปได้หมดสิ้น


ในปี 2011 Kim ก็ได้เผยสถานะความสัมพันธ์กับ Paris ว่า

"เราไม่คุยกันมาพักใหญ่แล้วค่ะ ชั้นพูดอยู่เสมอว่า เราจะมีคนที่เข้ามาในชีวิตด้วยเหตุผลบางอย่าง คนๆ นั้นอาจจะอยู่ยาวครบฤดูหรืออาจจะอยู่ชั่วชีวิต เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตชั้นมานานมาก และมันก็ถึงจุดที่เราต่างเติบโตและค่อยๆ ห่างกันออกไปเอง ชั้นมาค้นพบว่าเราไม่ได้มีความคล้ายคลึงกันอย่างที่เคยคิด แล้วเราก็ไม่เคยไปเจอกันอย่างบังเอิญที่ไหนอีกด้วย  พิลึกดีมั้ยล่ะคะ"





แม้ Paris จะไม่เอ่ยปากจิกกัด Kim อีก แต่เธอแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจนเมื่อพิธีกร talk show กระทุ้งถามว่า รู้สึกจิตตกรึเปล่าที่ Kim แย่งความสนใจจากเธอไปจนหมด เธอตอบอย่างบูดบึ้งว่า "ไม่เลยสักนิด" และหยุดให้สัมภาษณ์ไปเฉยๆ

อีกหนึ่งกรณีที่ทำให้ชาวเน็ทเชื่อว่า Paris มองอดีตเพื่อนเป็นคนที่เดินตามรอยเท้าตัวเองจนประสบความสำเร็จมาจากบทสัมภาษณ์นี้ค่ะ

"พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กและจะเป็นเพื่อนกันเสมอ มันทำให้ชั้นรู้สึกดีที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ ชั้นภูมิใจในตัวเธอและความสำเร็จของเธอค่ะ"


เมื่อก่อนนั้น ไม่ว่าจะช่างภาพหรือแฟนๆ ก็จะให้ความสนใจแต่ Paris วิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปข้ามหัว Kim ตลอด

มันจะมีช่วงความกดดันระหว่างสองสาวจริงๆ จากภาพนี้ ภาษาร่างกายที่เบี่ยงออกจากที่นั่งของ Nicky น้องสาวสุดที่รักของ Paris และไร้ภาพปฏิสัมพันธ์ใดๆ ตามประสาคนนั่ง front row ติดกันก็ทำให้เชื่อว่าทายาทโรงแรมดังเชิดใส่เพื่อนที่เคยซี้กันอย่างไม่แคร์สื่อ ในรายการ Reality ของ Paris และ  Nicole ก็ยังมีบทพูดว่า " We actually know a girl named Kim . She 's a ho "  (คำด่าผู้หญิงว่าร่านแรด)

Paris เคยกด like ให้กับคนสร้าง meme จิกกัดเพลง Famous ของ Kanye ที่อวดอ้างว่าเขาเป็นคนจุดประกายความโด่งดังของ Taylor Swift แต่ก็ถูกสวนกลับว่า เมียของ Ye นั่นแหละที่ถูก Paris ปั้นจนดัง (แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม)

แต่หลังจากนั้นหลายปี ครอบครัว Kardashian มิได้ fade ออกจากวงการเหมือนดารา reality show รายอื่นๆ แต่ยืดตำแหน่งคนดังทรงอิทธิพลในโลก internet อย่างเหนียวแน่น โดยที่ Kim ดูจะแม่ทัพนำชื่อเสียงเงินทองเข้ามาให้อาณาจักรของพวกเค้าแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ Paris ที่เคยเชิดใส่กลับเปลี่ยนทีท่ามาเป็นชื่นชม และกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง อาจจะไม่สนิทสนมมากเท่ากับ squad ของ Kim ที่คบหากันมายาวนานโดยที่ไม่แว้งกัดกันเอง แต่เธอก็ได้ร่วมงานโพรโมทแบรนด์ Yeezy - สามีสุดเลิฟของ Kim  (ด้วยการแต่งเป็นโคลนของ Kim!) และยังมาฉลองงานเลี้ยงคริสต์มาสด้วยกันอย่างอบอุ่น
 ไปคืนดีกันตั้งแต่เมื่อไร ก็ไม่ได้มี detail ระบุชัดเจน แต่ถ้าให้เราเดา มันอาจจะไม่ใช่การง้องอนอย่างเป็นทางการ แต่อาจจะเริ่มต้นด้วย project ของแบรนด์ Yeezy และ Paris ก็คงก้าวผ่านทิฐิที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งในอดีตได้แล้ว เธอจึงหวนกลับมาสานความสัมพันธ์กับเพื่อนสมัยเด็กอีกครั้ง Paris แสดงความเห็นต่อการเป็นซุปตาร์ระดับโลกของ Kim ว่า

"คนบางคนก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ เธอมีศักยภาพที่เลิศเลอและค่านิยมการทำงานที่เป๊ะสุดๆ เธอมีความเป็นดาวอย่างเต็มตัว เธองดงามทั้งภายนอกและข้างในจิตใจ"

หวานมากเลยเธอ! เปรียบเทียบกับเรื่องก้นเซลลูไลท์แล้วเหมือนเป็นคำพูดจากคนละคน



Taylor Swift  - Katy Perry



เพื่อนรักเพื่อนแค้นที่ทะเลาะจนกลายเป็นมหากาพย์ ทั้งด่ากันแบบไม่ระบุชื่ออกสื่อ และแต่งเพลงจิกกัดขายได้เป็นล้านๆ เรียกว่าได้ทั้งความสะใจได้ทั้งเงิน พวกเธอไม่ปล่อยให้ถูกมองว่าเป็นแค่เรื่องชะนีตีกัน แต่ฟาดฟันกันด้วยแผนการตลาดสมกับเป็นคนดนตรี  เป็นเผือกที่แซ่บจนหยุดไม่ได้!

ข่าวระหองระแหงของสองคนนี้มีมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใคร confirm จนเราแทบจะเชื่อว่ามันเป็นแค่การเสี้ยมข่าวจากสื่อให้ popstar ทรงอิทธิพลสองคนเกลียดขี้หน้ากัน แต่ Taylor ก็ทิ้งบอมบ์สัมภาษณ์ magazine ดังว่า มีศิลปินตีสองหน้าที่ทำท่าเหมือนกับเป็นเพื่อนที่ดีซะเต็มประดา แต่ก็แว้งกัดเธออย่างเจ็บแสบ นอกจากจะคอยถากถางทุกครั้งเมื่อได้เจอกันก็ยังวางพังคอนเสิร์ตของเธอด้วยการฉกแดนเซอร์ไปอีก


นั่นคือต้นกำเนิกของ  Bad Blood เป็นช่วงที่เราได้ยินคำว่า squad กันจนหูฉ่ำแฉะ   Tay ได้เปิดเผยต่อชาวโลกถึงกองกำลัง girl power ที่คอยส่งแรงสนับสนุนให้กับเธอ เปรียบแล้วเป็นการท้าทายฝ่าย "ยัยตัวร้าย" ที่ลอบแทงเธอข้างหลัง

แต่สำหรับทีม Katy หรือคนที่ไม่ค่อยจะปลื้ม Tay ก็ยืนยันว่า ฝั่ง Bad Blood Squad นั้นไม่ได้เป็นเหยื่ออย่างที่หลายคนคิด ดังที่ตัวแม่เสือ Katy Kat ได้เปรียบเปรยถึงคนบางคนไว้ว่า

"ระวังยัย Regina George สวมชุดแกะน้อยไว้ดีๆ เชียวนะ"

Katy อาจจะออกมากัดนิดหยิกหน่อยเป็นพอพิธี จนแฟนๆ คิดว่าเธอคงไม่ออกมาโต้ตอบอะไรแล้ว ปล่อยเวลานานเป็นปีก็ปล่อยเพลง Swish Swish (

เนื้อร้องนั้นฟังดูใกล้เคียงกับ " Swift B** แต่กว่าจะส่งเพลงนี้เพื่อโต้ตอบออกมาก็ตลาดวายหมดแล้วจ้า ขาเผือกจึงไม่อินกับความห้าวของ Katie เท่าไร

แม้จะส่งเพลงจิกกัดแบบไม่ไว้หน้าออกมา แต่ช่วงที่ Katy โพรโมทอัลบั้ม เธอกลับมีน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับประกาศว่า ถ้า Tay ยอมขอโทษก่อน เธอจะพิจารณาเรื่องคืนดี เธอเปิดใจกับ James Corden ว่า

"เธอเป็นคนเริ่มศึกนี้ก่อน และตอนนี้เธอต้องยุติมันด้วยตัวเอง ชั้นพยายามจะเคลียร์กับเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมคุยกันชั้นเองนี่นา


มันเป็นเรื่องของกรรมใดใครก่อ ตัวชั้นเองเชื่อว่าพวกผู้หญิงควรรวมพลังไว้ ไม่ใช่มาแบ่งแยกกันเอง ไม่จำเป็นต้องมากระแทกแดกดันกันแบบนี้ ถ้าผู้หญิงรวมใจเป็นหนึ่ง เราจะเยียวยาโลกใบนี้ได้"

ก่อนหน้านี้ Katy เคยเหน็บแนมอดีตเพื่อนแบบไม่ออกชื่อ แต่ก็ปิดปากเงียบเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งไว้นานข้ามปี เมื่อเธอเริ่มพูดถึง Tay แบบตรงไปตรงมา ฝั่งของทีม Tay จึงโจมตีว่าเธออยากจะใช้เรื่องศึกเจ้าหญิงเพลง pop มาสร้างกระแสกระตุ้นยอดขายอัลบั้ม


แต่กลายว่า ฝ่ายที่น่าจะขอโทษก่อนคือฝั่ง roar มิใช่ bad blood จากหลักฐานชัดเจนที่ Tay เปิดเผยทาง social media Katy ได้ยุติศึกยาวนานด้วยจดหมายขอโทษและกิ่งต้นมะกอกที่ดูจริงใจ แต่ที่จริงแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายง้อ สิ่งที่หลายคนชื่นชมคือการหันหน้ามาเคลียร์กันแบบผู้ใหญ่สมอายุ เพราะทั้งสองไม่ได้เป็นแกงค์ mean girl ใน high school เรื่องการจิกกัด ลอบกัด แบ่งฝักฝ่ายนั้นดูไม่เข้ากับศิลปินมืออาชีพที่ถูกยกเป็นแบบอย่างให้กับเด็กสาวรุ่นใหม่

แต่คิดดูอีกที ถ้าไร้ดราม่า bad blood  ไปซะ เม้า ออน เดอะ เว็บคงเงียบเหงาน่าดู!


ยิ่ง Tay ประกาศจุดยืนทางการเมืองเป็นครั้งแรกว่าเธอยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ Trump และขอให้ทุกคนร่วมออกเสียงเลือกตั้ง Katy ก็ให้สัมภาษณ์ชื่นชมว่า Tay ช่างเป็นแบบอย่างที่ดีงาม เราไม่คิดว่า Katy จะแสดงความจี๋จ๋ากลายเป็นหนึ่งใน squad เพื่อนสาวของTay แต่ดราม่าเพื่อนรักเพื่อนร้ายก็น่าจะจบลงแล้วจริงๆ

* (Katy รับงานพรีเซนเทอร์ให้กับที่ Hilary Clinton ในช่วงหาเสียงและทุ่มเทเต็มที่  เธอใจสลายเมื่อ Trump เอาชนะการเลือกตั้งได้)


Madonna  - Lady Gaga



เสือสาวสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด วงการบันเทิงก็ขาดดราม่าการปะทะระหว่างดิว่าสองรุ่นไปไม่ได้ สองคนนี้คงเรียกได้ว่ามวยถูกคู่ที่เดาทางไม่ออกจริงๆ

Timeline ของพวกเธอมันแปลกแต่จริง จิกกันแทบตาย แต่สักพักก็มีภาพแสนชื่นมื่นเหมือนที่ผ่านมาไม่เคยด่ากันมาก่อน 

สาเหตุที่เรียบง่ายของเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่ทีม Madge และทีม Gaga ปะทะกันมาหลายปี ก้าเลียนแบบเจ๊แม่หรือไม่ ??
ย้อนไปเมื่อแปดปีก่อน จากความโด่งดังอลังการของเพลง Born This Way ก็มีคนออกมาปรี๊ดว่านี่มันผลงานลอกเลียน Express Yourself ของเจ๊แม่นี่นา!

Gaga ได้ออกมาโต้ข้อกล่าวหาว่า


"ช่างกล้าเอาคำถามเหลวไหลแบบนี้มาถามกัน ชั้นขอจ้องมองเข้าไปในตาของคุณแล้วบอกให้เข้าใจว่าชั้นไม่ได้โง่มากพอที่จะเชื่อได้ว่าคุณคิดว่าชั้นขโมยทำนองเพลงมาจริงๆ ถ้าคุณเอาเพลงมาเปิดเปรียบเทียบกัน สิ่งที่ดูคล้ายคลึงก็มีแต่การเดินคอร์ดอันเดียวกันที่ในวงการเพลงdisco ใช้มานานกว่า 50 ปี การที่ชั้นเป็นศิลปินคนแรกในรอบ 25 ปี ที่นำมาทำเป็นเพลงฮิตติด Top 40 มันไม่ได้หมายความว่าชั้นเป็นพวกเลียนแบบหรอกนะ มันหมายความว่าชั้นโคตรฉลาดต่างหาก"






ตอนที่ถูกถามเรื่องความเห็นต่อเพลง Born This Way ที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนกับการลอกเลียนเพลง Express yourself ไปดัดแปลง เจ๊แม่ก็ตอบแบบสะบัดสะบิ้งว่า

"มันดูเป็นของก็อปที่คุณภาพด้อยลงนะคะ" 


และเมื่อพิธีกรรุกถามต่อว่า แล้วมันดีหรือไม่ดียังไง เจ๊ก็จิบชาทำหน้าร้ายๆ บอกไปว่า
"ดูเองแล้วจะรู้จ้ะ" 

แต่ในปี 2015 Madonna ก็ได้แบ่งรับแบ่งสู้ว่าไม่ได้เกลียดชัง Gaga เพราะกลัวว่าจะมาชิตำแหน่ง Queen Of Pop แต่อย่างใด

"ชั้นเคยวิจารณ์ Lady Gaga แค่เพียงครั้งเดียว จากเรื่องที่ชั้นคิดว่าเธอเลียนแบบเพลงหนึ่งของชั้นอย่างโจ่งแจ้ง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องว่าเธอจะมาแย่งมงกุฎของชั้นหรือเธอจะมาแทนที่ชั้น เธอมีแนวทางที่ตัวเองถนัดอยู่แล้ว ชั้นคิดว่าเธอเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์ แต่ชั้นเคยติดใจอยู่แค่เรื่องเดียวนั่นแหละ"



Madonna ยังเคยโพสท์ภาพตอนกำลังกระทบไหล่ Gaga เหมือนกับว่าพวกเค้าไม่มีความคลางแคลงใจต่อกันแล้ว


เมื่อถูกโจมตีว่าเลียนแบบ Madonna มายาวนานหลายปี ในที่สุด Lady Gaga ก็ได้ประกาศความคิดให้ผู้ชมได้เอนจอยดราม่าพร้อม popcorn ในมือกันต่อ

" Madonna กับชั้นมีความแตกต่างกันมาก ชั้นไม่คิดว่าควรเอาเรามาเปรียบเทียบกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าชั้นไม่นับถือเธอนะ เธอเป็นคนน่ารัก ประสบความสำเร็จอย่างอลังการเป็นถึง pop star ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ชั้นเล่นดนตรีได้หลายอย่าง ชั้นเขียนเพลงของตัวเอง ชั้นใช้เวลาในห้องอัดเสียงยาวนานหลายชั่วโมงในแต่ล่ะวัน ชั้นเป็นโพรดิวเซอร์ เป็นนักเขียนเพลง สิ่งที่ชั้นทำมันแตกต่างจากเธอค่ะ"


แม้ Gaga จะออกตัวไว้เบาๆ ว่าไม่ได้ดูหมิ่น Madonna แต่การสาธยายว่าเธอเป็นศิลปินผลิตงานเพลงได้ด้วยฝีมือตัวเองนั้นเป็นการข่มใส่เพื่อโต้กลับอย่างเจ็บแสบ   เพราะจากที่เธอยืนยันซ้ำๆ ว่าแตกต่างจากเจ๊แม่เพราะเล่นดนตรีได้หลายประเภท ไหนจะการแต่งเพลงและโพรดิวซ์  ก็คล้ายๆ กับจะบอกว่าอีกฝ่ายฝีมือไม่ถึงนั่นเอง
Gaga ดูผูกใจเจ็บที่ถูก Madonna จิกออกสื่อมิใช่น้อย เธอจึงพูดต่อหน้ากล้องในสารคดีของตัวเองที่ฉายทาง Netflix ว่า  

"ชั้นเป็นคน New York เชื้อสาย Italian ดังนั้น ถ้าชั้นมีปัญหากับใคร ชั้นจะเดินไปบอกตรงๆ ต่อหน้า เธอไม่กล้าจ้องตากันแล้วบอกว่าชั้นเป็นของก็อปด้อยคุณภาพ แต่กลับไปออกสื่อเพื่อจิกกัดว่าชั้นมันห่วยแตก มันให้ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่ผู้ชายฝากเพื่อนให้ส่งจดหมายมาให้"


แต่เธอก็ยืนยันว่ายังไงก็ปลื้มเจ๊แม่อยู่ดี


" ชั้นชื่นชมเธอเสมอ และชั้นก็ยังชื่นชมเธอ ไม่ว่าเจ้าตัวจะคิดยังไงกับตัวชั้น ชั้นอยากให้ Madonna ผลักชั้นกระแทกกำแพงแล้วจูบกันแล้วก็บอกว่าชั้นมันห่วยแตก"




เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่ Gaga เดินสายโพรโมทผลงานชิ้นโบแดงอย่าง A Star Is Born เธอสร้างความเกรียวกราวในสังคมชาวเน็ทด้วยคำพูดโดนใจที่รีไซเคิลใช้ในแทบทุกอีเวนท์ที่ไปปรากฏตัว

There can be 100 people in the room, and 99 don't believe in you, but you just need one to believe in you.


เข้าทาง Madonna เลยค่ะทีนี้ เห็น Gaga พูดไลน์นี้ซ้ำหลายครั้ง เจ๊แม่เลยอัพคลิปคำพูดของตัวเองเมื่อนานมาแล้วและฟังดูคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด

If there's 100 people in the room and 99 people said they liked it, I only remember the one person who didn't .



เนื้อหามันแตกต่างกันไปคนละทาง แต่คำว่าหนึ่ง 100 คนในห้อง และอีก 99 คน ... ทำให้หลายคนต้องเลิกคิ้ว เอ้านี่ Gaga ตั้งใจกวนรึเปล่า ?
แต่ล่าสุดก็สร้างความงุนงงกันอีก ดูจะจิกกัดกันอยู่เนืองๆ แต่พอมาเจอหน้ากันหลังจาก Lady Gaga คว้ารางวัล Oscar ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ เจ๊แม่ก็เข้ามาโพสท่าถ่ายรูปอย่างสนิทแนบชิด

มีช็อทจ้องหน้ากันแบบที่บอกไม่ถูกว่ามองด้วยความเสน่หาหรือมองแบบกินเลือดกินเนื้อ!

Discussion (6)

ในฐานะที่เป็นแฟนเพลงทั้ง Tay และ Katy แอบตามดราม่านี้อยู่ห่างๆ ฟังจากทั้งสองฝั่งแล้วเหมือนเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากเรื่องเล็กแล้วไม่ได้เคลียร์กัน เคยเจอเหมือนกันค่ะ ถึงกับเลิกคบเพื่อนไปเลย ตอนหลังเราก็มาคิดได้ว่าเราผิดเองที่วู่วามคิดมากไป ก็ไปขอโทษเพื่อน แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก คือขอโทษแล้วก็จบ
บางบทความกำลังสนุกเหมือนเรื่องจะยังไม่จบแต่ผู้เขียนตัดจบดื้อ ๆ ไม่มาเขียนต่อให้จบขึ้นเรื่องใหม่ซะอย่างนั้นมันรู้สึกไม่สุด บางครั้งก็รู้สึกขัดใจ
อ้าว จบแล้วเหรอ

ดราม่า Katy-Taylor นี่มันแซ่บตุบตับ จนเป็นตำนานได้เลยมั้ง ขนาด Calvin ยังจิกกัดแฟนเก่าตัวเองเรื่องนี้ไปดอก
แต่พอ Swish Swish เทียบกระแสอะไรเอ็มวีหลังๆของเทย์ไม่ได้ เห็นว่าเคที่ก็ค่อนข้างอยากจะสงบศึกนะ เลยลุ้นว่าตอนนี้คืนดีเหมือน Kim-Paris เขาได้ยัง