ชวนมา TALK ชวนมาแชร์ประสบการณ์โดน "BULLY"

สวัสดีค่ะสาวๆ Jeban วันนี้มีความแอบเบื่อ และแอบเซ็ง เนื่องด้วยคำว่า BULLY
ไม่ได้ซีเรียสน้าาาาา แต่มันก็แค่แบบ เฮ้ย ชั้นเกิดมาไม่สวยมีจุดบกพร่อง แล้วมันยังไงหรอ?? เลยอยากจะมาชวนเพื่อนๆ ชาว Jeban มาแชร์ มาระบายประสบการณ์การถูก BULLY ถูกวิจารณ์กันค่ะ

ต้นเรื่องของกระทู้นี้คือ วันนี้เพื่อที่ทำงานคนหนึ่งพูดขึ้นมา กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง สมมติว่า เอ กับ บีแล้วกัน
เอ : บี เห็นเค้าใช้ครีมแพงๆ กันทำไมต้องใช้ของแพงด้วยวะ ใช้ครีมซอง 49 บาทก็ได้ หน้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
บี : ดูหน้าไอ้......ดิ (เค้าเอง) มันใช้แต่ของแพงๆ หน้ามันดีป้ะล่ะ แกเอาหน้ามาดูดิ๊
จบประโยค เค้าก็ขำกัน สนุก

จริงอยู่ที่ผิวหน้าเราไม่ได้ดี เพราะเราไม่ใช่คนผิวดีมาตั้งแต่แรก เราคือคนที่ผิวมีปัญหา แล้วค่อยๆ แก้ไขมาเรื่อยๆ ทั้งผิด และถูก ลองมาเยอะ จนตอนนี้เริ่มเจอทางที่ใช่ปัญหาผิวที่มีอยู่ดีขึ้น และไม่เกิดปัญหาผิวซ้ำ หรือปัญหาอื่นตามมา บอกตรงๆ ว่าตอนที่ได้ยิน คือไม่ขำอ่ะ ไม่ได้รู้สึกโกรธด้วยนะ แต่แค่แบบ.. ไม่เข้าใจว่าการที่เราไม่ได้เกิดมาแล้วสวยตามแบบที่คุณมองว่าสวยนั่นแปลว่าคุณมีสิทธิ์วิจารณ์เราหรอ?
เราเคยใช้ตั้งแต่เอาหอมแดง หอมแดงที่เอาไว้กินนั่นแหละเอามาทาหน้า เพราะเจอใน Google ว่าช่วยลดสิวได้ สมุนไพร ครีมซองอะไรที่ว่าดีลองมาหมด drugstore แบรนด์ไทยต่างๆ ที่ว่าดีเอาหมด ไอ้ที่คุณบอกว่า 49 บาทก็ใช้ได้เหมือนกันหน้าไม่เห็นเป็นไรเลย นั่นคือคุณใช้แล้วไม่แพ้ไงมันเลยดี แต่เราอ่ะ เราใช้ไม่ได้ เราแพ้เว่ย คุณไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ากว่าเราจะดูแลตัวเองมาได้ขนาดนี้ เราต้องใช้ความอดทนขนาดไหน

อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตที่เราโดนวิจารณ์หรอกค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ เริ่มจำความได้เลยดีกว่า เราเป็นเด็กตัวดำอ่ะ ย้ำค่ะว่าดำ ดำมากกกก 555555 เราก็จะโดนเรื่องสีผิวมาตลอดจนปัจจุบันนี้ก็ยังโดน เด็กๆ นี่โดนจนคิดแต่จะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองขาว แต่พอโตขึ้นมองโลกเปลี่ยนไป ความคิดเปลี่ยนไป ไม่เคยเอาคำคนอื่นมาใส่ใจอีกเลยค่ะ

ตอนนี้เรารักผิวสีแทนของเรามากกกกก ส่วนเรื่องผิวหน้าก็ยังบำรุง ดูแล รักษาไปทีละ STEP ทีละปัญหา ตอนนี้เราพอใจกับตัวเองมาก แต่ก็ยังไม่สุด ก็ต้องดูแลตัวเองกันต่อไป แล้ววันที่ชั้นสวยจบครบทุกอย่าง อย่ามาขอเคล็ดลับ อย่ามาถามนะว่าใช้อะไร เชิด!!!

บ่นมาซะยาว ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ รักคุณค่าในความเป็นตัวเองให้มากๆ แล้วคำวิจารณ์แย่ๆ จะทำอะไรเราไม่ได้เลย คำใดที่ติเพื่อก่อก็เอามาคิดและพลักดันตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนคำที่ติๆๆๆๆ ไม่เสริมสร้างประโยชน์ใดๆ ก็อย่าให้ค่ากับมันค่ะ

เป็นกำลังใจให้กับคนที่โดน BULLY โดนวิจารณ์ที่กำลังต่อสู้กับมันอยู่ให้ผ่านไปได้นะคะ

Discussion (17)

ไม่รู้เรียกอะไรนะเพิ่งมาได้ยินคำว่า bullies ตอนเรียนประถม5-6นะเราจะตัวสูงกว่าเพื่อนคนอื่นมากๆยืนเข้าแถวก็ต้องอยู่หลังสุดเเต่จะมีเพื่อนผูชายบางคนนะจะชอบเรียกเราว่า"อี่โย่งๆ"ดูปากมันมันก็ทำให้รู้สึกอายคนอื่นเราก็จะขาดความมั่นใจนะเราก็มานั่งคิดว่าอะไรเราสูงแล้วมันผิดตรงไหนเรื่องมันนานมาละผ่านมานานละเราก็ไม่คิดอะไรแล้วละแต่ถ้าเป็นสมัยนี้ยิ่งสูงยิ่งดี
สมัยเด็กประมาณประถม 6 ค่ะ เรียนโรงเรียนคริสต์ ตอนนั้นตัดผมสั้นค่ะ ยาวประมาณหู  ตัวเราเป็นคนผมหนามาก ผมเส้นใหญ่ด้วย มีสปริงดี ยิ่งเวลาวิ่ง ผมจะฟู เด้งๆ โดนตั้งฉายาว่าเมดูซ่า หัวฟู ตัวดำ หน้าดุ แซวเยอะมาก โชคดีที่เป็นคนจิตแข็ง ไม่สนใจใครอยู่แล้ว ก็เลยผ่านไป ใครจะเรียกก็ช่าง ไม่แคร์ค่ะ 

แต่เคยมีเรื่องกับคนที่ตั้งฉายานี้อยู่ครั้งหนึ่ง จำสาระที่ทะเลาะไม่ได้แล้วค่ะแต่จำได้ว่าเค้าจะพาไป
'ลงแขก'  เจอคำนี้ไป เราสู้กลับ ทะเลาะเป็นเรื่อง  ไม่รู้ผู้ใหญ่ คุณครูไปคุยกันทีหลังหรือเปล่า แต่ตั้งแต่นั้น เค้าก็ไม่กล้ายุ่งกับเราเลย  

จริงๆก็มีหลายเรืองค่ะ เด็กๆเป็นเด็กเหงือกดำ ปากคล้ำ บุหรี่ก็ไม่เคยสูบ สมัยนั้นไม่รู้ว่าทำไมมันดำได้ โดนญาติๆแซวมากๆแซวตลอด โมโหจนเลิกโมโห   ปัจจุบันพอโตแล้ว เลยรู้ว่าที่เหงือกดำ ปากคล้ำเป็นเพราะแพ้ยาสีฟันค่ะ สมัยเด็กๆ ใช้ยี่ห้อดาร์ลีตามที่บ้าน พอเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น เออแฮะ  สีมันจางไปเอง
ไม่รู้ว่าจะเรียก bullies รึเปล่า ก็จะมีโดนแซวเรื่องปากหนาบ้าง ผิวคล้ำก็จะบอกว่าอีดำบ้าง (เพราะเพื่อนขาวสุด ถึงขั้นขาวมาก) ตั้งแต่ตอนนั้นไม่รู้สึกอยากขาว ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่รู้สึกว่าอยากจะปากบาง ไม่รู้สึกอะไรเลยและไม่เคยสนใจจะด่าใครกลับด้วย มองเป็นเรื่องตลก ถ้ามันทำให้ยูมีความสุข ถ้าสุขในแบบนั้นก็ทำเลย เพราะความสุขของฉันคือการเป็นตัวของตัวเอง ตอนเด็กๆน่าจะรู้สึกประมาณนี้ เลยไม่แน่ใจว่ามันเป็น bully รึเปล่า ยิ่งตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ก็จะทำอะไรแต่ที่ทำให้ตัวเองสบายใจและไม่เดือดร้อนใครเท่านั้น ไม่ค่อยใส่ใจคำพูดอะไรใครเลย ก็เลยอยากจะบอกใครซักคนที่กำลังโดน bully จากใครใดๆก็แล้วแต่ว่า มันอาจจะอยู่ที่วิธีคิดว่าเราคิดอย่างไรมากกว่า don’t take shit มันก็ไม่เคยจะทำร้ายเราได้เลย อันไหนที่จริงก็ปรับเอา แต่ถ้าว่าเราดำ แต่เราก็ไม่ได้ทำให้ใครทั้งหลายเดือดร้อน ก็ดำต่อไปเถอะค่ะถ้าเราพอใจ ดำแล้วยังไง ทำงานเก่งนะเว้ย ผมบางแล้วยังไงมั่นใจว่ะ ทำตัวเองให้มีความสุขในทุกวันกับสิ่งที่เราเป็น และเป็นมันอย่างดีขึ้นดีกว่า ถ้าปล่อยวางจากตรงนั้นได้ ไหมว่า วันๆเราอาจจะเอาเวลาไปพัฒนาตัวเองได้เพิ่มมากขึ้นอีกเยอะทีเดียว
ประสบการณ์ของเราเนี่ยะ ก็ไม่เชิง bully หรอกนะ น่าจะเป็นการโดนแกล้งมากกว่า แต่ต้องย้อนเวลากลับไปนานมาก เพราะตอนนั้นเป็นช่วงตอนม.1 ซึ่งเราจะต้องย้ายจากโรงเรียนตอนประถมที่เป็นโรงเรียนสห มาเรียนที่โรงเรียนมัธยมหญิงล้วน โดยที่เราก็เข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ ที่มาจากโรงเรียนเดียวกันในห้องนั้น แล้วก็มีเพื่อนจากโรงเรียนอื่นบ้าง ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีอะไร จนวันนึง เราจำได้เลยว่าคาบนั้นเป็นวิชาคณิตศาสตร์ แต่เราดันหลับในห้อง (ซึ่งไม่ดีเลย 555) แต่พอเราตื่นขึ้นมา เพื่อนทุกคนในกลุ่มเรา ไม่คุยกับเราเลย เราก็งงมากว่าเพราะอะไร ตอนแรกเราก็พยายามคุยกับเพื่อน แต่พอผ่านไป 2-3 วันแล้วที่ไม่ว่ายังไงเพื่อนก็ไม่คุยกับเรา ซึ่งเราเสียใจมากนะ แต่เราก็คิดได้ว่าถ้าเค้าไม่อยากคุยกับเรา เราก็จะไม่ยื้อหรือบังคับใครให้คบกับเรา เราเลยไปคุยกับเพื่อนคนอื่นแทน ซึ่งเค้าก็ต้อนรับเรา แล้วคุยกับเราดี ตอนนั้นเราก็เลยย้ายที่นั่งไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น จนมีวันนึงมีรุ่นพี่คนนึงเดินมาหาเราที่ห้อง แล้วก็ด่าเรา แล้วก็ท้าเราตบ คือเราก็งงเข้าไปใหญ่ เพราะเราไม่เคยรู้จักพี่คนนั้นเลย ตอนนั้นเรากลุ้มใจมาก เพื่อนก็เลิกคุย รุ่นพี่ก็มาท้าตบอีก เราเลยไปบอกพี่สาวเราที่อยู่โรงเรียนอื่น พี่เราเลยมาคุยกับรุ่นพี่คนนั้น สรุปแล้วได้เรื่องว่าเพื่อนที่มาจากคนละโรงเรียนที่มาเข้ากลุ่มเราที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน นางไปบอกเพื่อนทุกคนในกลุ่มว่าเราเอาเพื่อนคนนี้ไปนินทาลับหลัง ไปด่าว่าเพื่อนคนนี้เป็นลูกเมียน้อย แล้วก็ไปฟ้องรุ่นพี่ที่มาท้าตบเราด้วย ไปบอกว่าเราว่านางอีก ซึ่งสาบานเลยว่าเราไม่เคยพูดแบบนั้นเลย เราโดนเพื่อนเลิกคบและโดนรุ่นพี่ท้าตบก็เพราะนางไปโกหกคนอื่น พอเรารู้เรื่องทั้งหมด เราบอกตรงๆ ว่าเราโกรธมาก โกรธทั้งนางและเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเราด้วย คือเราคบกันมาตั้งนาน พวกเค้ากลับไม่ถามเราเลยซักคำ แต่เลือกที่จะเชื่อนาง สุดท้ายเราก็คิดได้ว่าเราไม่เคยไปยุ่งกับคนพวกนี้อีก ถึงจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่เราก็ไม่ยุ่งด้วยแล้ว เพราะคนพวกนี้เค้าไม่ใช่คนที่เราควรจะให้ความสำคัญด้วยเลย
โดน Bully ตั้งแต่สมัย ม.ต้น โดนแกล้งสารพัดค่ะ ไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหน เปิดเทอมวันแรก คนที่ไม่รู้จักเราก็จ้องแต่จะด่าทอและทำร้ายร่างกาย แต่ก็เอาตัวรอดมาได้จนถึงตอนโต และนั่นก็ทำให้เราเป็นคนสตรองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พออายุมากขึ้น ก็เริ่มไม่แคร์กับสิ่งเหล่านี้ เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราทุกคน เราทำดีกับคนที่ดีกับเรา และอยู่ห่างๆคนเหล่านั้น    

สิ่งที่กระทบจิตใจอีกเรื่องคือ เรื่องน้ำหนัก เราน้ำหนักเพิ่มขึ้นมา 20 กิโล ถูกรุ่นน้องผู้ชายพูดแซะว่า เสียทรง ใช่ เราเจ็บ แต่ความที่เราโตขึ้น เราเลือกที่จะพูดกะบเค้าตรงๆว่าเราไม่โอเค ตั้งแต่นั้นมา ใครจะทักไรเรา เราสวนกลับอย่างมีเหตุผลได้หมด สักวันเราจะกลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมนะ สู้ๆ