• BEAUTYLISH LUCKY BAG 2020 • สั่งเองจากอเมริกา ไม่ง้อร้านพรี | คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม มาดูกัน!
Thisisawesome4316สวัสดีค่าา สวัสดีสาวๆจีบันทุกคนนะคะ ❤️ วันนี้เราจะมาแนะนำการเสียทรัพย์อย่างนึงที่เรารอมาตลอดทั้งปี 2019 นั่นก็คือ BEAUTYLISH LUCKY BAG 2020 นั่นเอง ที่ต้องรอทั้งปีเนี่ย เป็นเพราะว่า Beautylish (เค้าเป็นเว็บไซต์ beauty retailer เจ้านึงในอเมริกาค่ะ) เค้าจะวางขาย lucky bag ในวัน boxing day หรือหลังวันคริสต์มาสของแต่ละปี เป็นของพรีออเดอร์เนอะ รอนานนิดนึง รอเกือบๆเดือนกว่าเค้าจะส่งให้ รอมาทั้งปีแล้ว รออีกเดือนนึงไม่เป็นไรร้อก 555
หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่า lucky bag คืออะไร มันก็คือกล่องสุ่มนั่นแหละจ้า เราจ่ายเงินซื้อกล่องราคาเท่านี้ แต่มูลค่าของที่ได้กลับมาในราคาที่มากกว่า
แต่ละปีเค้าจะมี theme ออกมาทำเป็นลวดลายของกระดาษห่อของขวัญนะคะ ลายน่ารักทุกปีเลย ปี 2020 นี้เป็น theme นกกระเรียน แสดงถึงความอายุยืน และความโชคดีค่ะ
ปีนี้เค้าทำออกมาทั้งหมด 4 แบบนะคะ
⭐1. Original Lucky Bag ราคา 75 USD สำหรับของในถุง มูลค่าของที่ได้จะมากกว่่า 150 USD ค่าส่ง 10 USD ส่งทั่วโลกค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าไม่ส่งประเทศไหนบ้าง ที่แน่ใจคือไม่ส่งมาประเทศไทยของเราค่า
⭐2. Lucky Bag XL ราคา 150 USD ของที่ได้ก็จะราคามากกว่า 300+ USD ค่าส่ง 15 USD แบบนี้ขายเฉพาะในอเมริกาค่ะ
⭐3. Get One, Give One ก็คือ original lucky bag นั่นแหละค่ะ แต่เค้าจะให้เรากล่องนึง อีกกล่องนึงเค้าจะบริจาคให้กับเด็กๆ วัยรุ่น คนอื่นค่ะ แบบนี้ไม่เสียค่าส่งนะคะ และเลือกได้เฉพาะในอเมริกาเท่านั้นค่ะ
⭐4. Jeffree Star Cosmetics Lucky Bag แบบนี้ก็ราคา 75 USD ค่ะ แต่เป็นเฉพาะของแบรนด์ JSC เท่านั้นค่ะ ค่าส่งก็ 10 USD
ทุกๆ Lucky bag มีบวก tax เพิิ่มนะคะใครอยู่รัฐที่ tax free ก็โชคดีไป จ่ายแค่ค่าของค่ะ แต่โชคร้ายของสาวไทย เพราะว่าเค้าไม่ส่งมาประเทศไทยค่า ส่วนสาวๆคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ไทย แต่อยู่ Canada, Australia, New Zealand, UK, Germany & France ค่าส่ง 15 USD นอกเหนือจากนั้นก็ ค่าส่ง 20 USD
จริงๆแล้วเว็บไซค์เค้าส่งของมาประเทศไทยนะคะ มีแค่ Lucky bag เนี่ยแหละที่ไม่ส่ง เห้อ... ?
เอาละมาเข้าขั้นตอนการที่เราจะได้มาซึ่งน้องคนนี้กัน เราก็เข้าไปสมัครที่เว็บไซต์ของเค้า เพื่อลงทะเบียนใน waitlist ถ้าเค้าเปิดขาย เค้าจะได้ส่งอีเมล์มาบอกว่า เธอๆ เราจะขายแล้ว เตรียมตัวดีๆนะจ๊ะ เค้าเปิดขายสองรอบด้วยกัน
รอบแรก early access เปิดขายก่อน รอบธรรมดา 1 ชม.
น้องคนที่ทุกคนอยากได้ และเฝ้ารอกดสั่งซื้อมากที่สุดก็คือ คุณน้อง Lucky bag XL ค่ะ เพราะหมดไวมากกกกกกกก มากที่สุดเลย แบบว่าขายหมดภายใน 2 นาที ปีนี้เป็นปีแรกที่เรากดสั่ง และแน่่นอนต้องจัดเต็ม จัดหนักอยู่แล้ว สุดท้ายเราก็ได้น้องไซส์ XL มาครอบครอง ตอนกดได้นี่มือสั่นเลยค่ะ 555 คืือ 2 นาทีหมดแล้วจริงๆ ไวเว่อร์
ทีนี้เราเนี่ยอยู่ไทยแลนด์ ผู้ซึ่งโชคร้ายไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะสั่ง น้อง lucky bag เราก็ต้องขวนขวายหาวิธีสั่งมาให้ได้ค่ะ เรื่องแค่นี้จะไม่มีทางเป็นปัญหาในการช้อปของเรา!! ทางเลือกเราพอมีอยู่บ้าง ทางแรกร้านพรีต่างๆ บอกเลยว่าไม่ใช่ตัวเลือกของเรา เพราะว่าเรากลัวเค้ากดไม่ทันค่ะ ฮาาาา เราเลยเลือกใช้บริการ mail forwarding เจ้าหนึ่งชื่อ Planetexpress เพราะเคยเห็นรีวิวแว้บๆ 555 แต่เรตติ้งตามเว็บไซต์ต่างๆก็โอเค จริงๆมีหลายเจ้าแหละ เชิญเลือกได้ตามสะดวกเลยจ้าแม่
บริษัทของคนไทยก็มีนะคะ แต่เราไม่ได้ใช้ อาจจะตอบคำถามข้อนี้ให้ไม่ได้ ?
ขั้นตอนการสั่งซื้อ & การสร้างที่อยู่ในอเมริกา
1. สมัครเป็นสมาชิกของ Planetexpress ค่าสมัคร 5 USD แค่เราเก็บเงินนี้ไว้ใช้ได้นะคะ จากนั้้นเค้าจะให้ที่อยู่ในอเมริกา ที่มีเลขประจำตัวของเรามา
2. ไปซื้อของ ใส่ที่อยู่ในอเมริกาของเรา แล้วรออีเมล์จาก planetexpress ว่า ยูๆ ของยูมาถึงแล้วน้า พร้อมกับได้รูปถ่ายกล่องพัสดุ 2 รูปถ้วน
3. พอพัสดุเรามาส่งที่โกดังเค้าแล้ว เค้าจะส่ง email มาบอกเราอีกทีค่ะ
ไอ้เราก็อยากรู้เนอะ ว่าเราจะได้ของอะไรบ้าง บวกกับอาจจะเป็นของอันตราย หรือเป็นของต้องห้าม เช่นพวกสเปรย์ เราก็เลยต้องให้เค้าเปิดดูก่อน จะได้ไม่มีปัญหาตอนส่งของ บวกกับเราอยากรู้ด้วยแหละ ว่าเราได้ของอะไรบ้าง เค้าก็จะมีให้เลือกแพคเกจรูปถ่ายของในกล่องให้ มีให้เลือก 3 แบบ คือ
1. ไม่รับจ้า แค่สองรูปก็พอแล้ว
2. พรีออเดอร์ ราคาจะถูกกว่า 3 รูป 1 USD 10 รูป 2 USD
3. กดหลังพัสดุมาถึง 3 รูป 2 USD 10 รูป 5 USD
4. พอเราเห็นของข้างในปุ๊บความกลัวมาปั๊บ กลัวพาเลทของคุณป้าชาล็อตต์แตกมากค่ะ แล้วของชิ้นอื่นๆที่ได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียหาย เราก็ต้องส่ง special request ไปให้เค้าค่ะ ว่าเนี่ยๆ ชั้นกลัวของแตก ช่วยห่อเพิ่มให้ชั้นหน่อยนะ แล้วก็แชมพูที่ได้อะ ช่วยเอาใส่ซิปล็อคให้หน่อย กลัวมันหกจ้า แล้วก็เก็บกระดาษห่อไว้ให้ด้วยนะ อยากได้ แล้วก็แพคให้ใหม่ แพคลงกล่องที่เล็กกว่าเดิมนะจ้ะ พอเค้าได้รับรีเควสปุ๊บ ส่งอีเมล์มาบอกแล้วละ ว่า รู้แหล่วจ้าาา รอแป๊บเด้อ เดี๋ยวทำให้ สักพักนึงเค้าก็ส่งอีเมล์ พร้อมกับรูปอีกสองรูป คือรูปที่เค้าแพคให้ใหม่ กับกล่องพัสดุที่พร้อมส่งของเรา
ตรงนี้เราแอบเซ็ง ขอให้เค้าเก็บกระดาษห่อไว้ แต่เค้าไม่ได้เก็บให้ ?
5. ใกล้จะถึงความจริงแล้วทุกคนนน การที่เราจะส่งของใดๆเนี่ย มันต้องมี declaration label แปะหน้ากล่องให้พี่ๆ ศุลกากร เค้ารู้ว่ามีอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ อะไรยังไง เราต้องเข้าไปกรอกเองนะ ถ้าไม่กรอกเองละใครจะกรอกให้ละ โธ่ เช่น ของในกล่องคือ Beauty products ราคา 100 USD ไม่มีแบตเตอรี่ลิเธียมใดๆจ้า ประมาณนี้ค่ะ ไม่ยากๆ
(ขั้นตอนนี้ กรอกตอนไหนก็ได้ค่ะ พอได้ของมาจะกรอกไว้เลยก็ได้)
6. กรอกข้อมูลเสร็จแล้ว เราก็กด mail out มีcourier ให้เลือก หลายเจ้า เช่น FedEx DHL Aramex USPS เราเลือก USPS ราคาแพงกว่า FedEx, DHL นิดหน่อย แต่คิดว่าโอกาสโดนภาษีน่าจะน้อยกว่า?
7. กดส่งโลดค่า แต่ๆ อย่าลืมเติมเงินในเว็บไซต์เค้าให้พอกับค่าบริการทุกอย่างนะ เค้าเก็บทีเดียวนะคะ ไม่งั้นเค้าจะไม่ส่งของให้เรานะคะ ต่อจากนี้เราเข้าไปเช็ค tracking number ของได้จากหน้า sent packages ค่ะ
8. รอของอยู่บ้านสวยๆจ้า ถ้ามีใบเขียวจาก ปณ.ก็ไปเสียภาษีตามระเบียบจ๊ะ
เราได้ใบเขียววันเดียวกับวันที่ของมาถึงประเทศไทยนะคะ
ไปเสียภาษีที่ ปณ ก็ไม่ยากน้า เค้าจะบอกว่าต้องไป ปณ ไหน ไปถึงยื่นใบเขียว พร้อมบัตรประชาชน แล้วจ่ายเงินเท่าที่เค้าประเมินมา + ค่าบริการอีก 20บาท
✨
ถ้าอยากรู้ว่าพัสดุเราเข้ามาในประเทศไทยแล้วต้องเสียภาษีเท่าไหร่ อยู่ที่ขั้นตอนไหนแล้ว สามารถไปเช็คได้ที่เว็บไซต์ของกรมศุลกากรนะคะ
ย้ำว่า บริการนี้จะใช้ได้กับพัสดุที่ส่งเข้ามาถึงไทยแล้วเท่านั้นนะคะ
มาดูของที่เราได้ดีกว่า
ทาด้าาาาาา....... ✨
Discussion (16)