เปิดประสบการณ์ครั้งแรกกับ AESOP พอลองแล้วรักเลย!

วันนี้เบลอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ ที่เบลได้มีโอกาสไป Workshop กับทาง AESOP
แบรนด์ Skincare ที่ครองใจสาวไทยที่รักในความสวยความงามชอบความธรรมชาติ Organic Relax ผ่อนคลายสบายๆ
สาขาที่เบลได้ไป Workshop คือสาขา ZEN Central World โทนในการแต่งร้านเป็นสีโทนเบจทั้งหมดให้ความรู้สึกสบาย
ตา ดูอบอุ่น และมี Sink ที่เป็น สีทอง เห็นแล้วรู้สึกว่าเข้ากันกับโทนสีของร้านดีมาก เขาบอกว่าสาขานี้ใช้เบสในการแต่งร้านที่ให้อารมณ์เหมือนVilla รีสอร์ท
และโทนสีเบจเป็นสีที่ต่างชาติหรือเจ้าของแบรนด์มองว่าเป็นสีที่มีกลิ่นอายความเป็นประเทศไทยอยู่เลยเลือกใช้สีเบจนั้นเอง
และสิ่งที่หลายๆคนอาจไม่รู้เหมือนตอนแรกที่เบลก็ไม่รู้555
?คือ ร้าน Aesop หรือเคาเตอร์ Aesop ทุกสาขาทั่วโลกจะมีโคมไฟ 1ชิ้น ตั้งอยู่ภายในร้าน หรือหน้าร้าน (แล้วแต่ว่าจะเป็นร้านหรือเคาเตอร์นะคะ) โคมไฟจะเป็นจุดที่บอกได้ว่าร้านAesop เปิดหรือปิดร้านอยู่ให้ดูจากโคมไฟค่ะ และโคมไฟที่ทาง Aesop ใช้ไม่ใช้ว่าจะหาซื้อได้ทั่วไปเพราะเขาสั่งทำพิเศษมีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
พอหลังจากที่เบลได้ฟังStory ของแบรนด์ Aesop
ยิ่งทำให้หลงเสน่ห์เข้าไปกันใหญ่เลยเพราะรายละเอียดคือคิดมาแล้วทุกขั้นตอนตั้งแต่ตัว Product จนถึง Built in ferniture

??และอีก1สิ่งที่ประทับใจและคิดว่าถ้าใครที่เคยเข้าเคาเตอร์ Aesop ต้องประทับใจและชอบเหมือนกันคือ พอเราเดินเขาไปพนักงานจะมีการเขามาเสิร์ฟชาร้อนให้เราด้วยค่ะ ซึ้งเป็นชาสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพดื่มแล้วจะรู้สึกโล่งเย็นสบายและจะได้กลิ่นChamomile ด้วย
(?ชาChamomileเบลชอบชงดื่มก่อนนอนในเวลาที่นอนยากนอนไม่หลับ
ชาตัวนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าและหลับสบายมากเลยค่ะ)

?ต่อไปจะมาบอกว่าจากการที่ไปWorkshop
เบลเจอตัวให้ที่เด็ดน่าสนใจบ้าง
นี้เราก็ต้องพึ่งตัวช่วยอย่างสกินแคร์แน่นอนอยู่แล้ว

?ตอนWorkshop เบลได้ลองผลิตภัณฑ์หลายๆตัวที่เหมาะกับผิวของเบล สภาพผิวเบลคือผิวมัน แต่ขาดน้ำ อุดตันง่าย รูขุมขนกว้าง มีรอยแผลเป็นจากสิว แต่โดยปกติเบลใช้ตัว Parsley Seed Anti-Oxidant Serum อยู่แล้วและชอบเพราะตรงที่ทำให้ผิวหน้าเเข็งแรง ดูอิ่มฟู ปรับสมดุลผิวได้ดีมาก แล้วตื่นมาหน้าไม่ค่อยโทรมเท่าไร
พนักงานเข้ามาแนะนำสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวหน้าให้แบบเอาใจใส่และละเอียดมากและจะคอยถามตลอดว่ากังวลเรื่องไหนเป็นพิเศษคะ?
เราก็ตอบไปเขาก็แนะนำบอกส่วนผสมของแต่ละผลิตภัณฑ์ และเขาจะไม่แนะนำอะไรที่ไม่จำเป็นและไม่ยัดเยียดให้ลูกค้าซื้อด้วยค่ะดีตรงนี้แหละ??

??‍♀️ผลิตภัณฑ์ที่พนักงานแนะนำสำหรับผิว
แบบเบลจะมี 7 ตัว
*ใช้สลับกันได้ทั้งเช้า-เย็นเลยนะคะ*


-?In Two Minds Facial Cleanser (??)
"ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน เหมาะกันคนผิวมัน ผิวผสม แพ้ง่าย เนื้อเจลใสมีกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ฟองไม่เยอะ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง)

-?In Two Minds Facial Toner (??) "เคลียร์ผิวและรูขุมขนให้สะอาดพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป เหมาะกับ ผิวมัน ผิวผสม แพ้ง่าย ไม่ทำให้ผิวแห้ง ไม่มีแฮลกอฮอล์ไม่แสบผิว มีกลิ่นสมุนไพรช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายดีค่ะ
-?Parsley Seed Anti-Oxidant Serum (??) "เซรั่มลูกรักที่วกกลับมาตายรังบ่อยมาก จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ปรับสมดุลผิว ทำให้ผิวอิ่มฟู ช่วยให้ผิวไม่โทรม รูขุมขนกระชับขึ้นเล็กน้อย เป็นเซรั่มที่ทุกสภาพผิวต้องการจริงๆค่ะ
-?Blue Chamomile Facial Hydraing Masque (??)
"มาร์คตัวนี้เราสอยมาเพราะชอบจริงๆหลังจากได้ลองเล่นตอน Workshop ใช้แบบ2วันครั้ง คือชอบความรู้สึกที่พอทาไปหน้ามันเย็นแล้วชุ่มชื่นแบบทันทีเลยอารมณ์เหมือนโดนน้ำสาดหน้าเวลาเล่นสงกรานต์อารมณ์นั้นเลย ไม่เคยเห็นมาร์คตัวให้ให้สัมผัสและความรู้สึกแบบนี้มาก่อนพูดจริงๆเลย ถ้ามาร์คไปแบบต่อเนื่องจะเห็นว่าผิวเราชุ่มชื่นขึ้นอิ่มขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่ที่ชอบคือแต่งหน้าง่ายขึ้นเยอะ ปกติแต่งหน้าเจอปัญหาหน้าลอกตามจุดที่เป็นสิวพังเลยสิค่ะ (เบลแนะนำว่าควรใช้ต่อเนื่องแล้วจะเห็นผลชัดเจนค่ะ)
??‍?น้อง Blue Chamomile เขามีสารสกัดสำคัญอยู่ 2 ชนิดคือ
1.Sodium Carrrageenan (สาหร่ายทะเลสีแดง)
ช่วยในการเติมน้ำให้ผิวแบบเร่งด่วนและรวดเร็ว โดยการดึงความชื่นในอากาศเข้าสู่ชั้นผิวของเราได้คือตกใจในความสามารถของน้องบลู และน้องยังรักษาความชุ่มชื่นให้อยู่ในผิวหน้าพร้อมทำงานร่วมไปกับวิตามินB5
2.Blue Chamomile (ดอกคาโมมายสีฟ้า)
สารสกัดจากดอกคาโมมายสีฟ้า เป็นที่สุดของสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษามากมายหลายอย่างเลย แต่มีคุณสมบัติที่เด่นที่สุด ที่ทาง Aesop ตั้งใจนำมาออกแบบมาร์คน้องบลูตัวนี้ คือการปลอบประโลมผิว ปรับสมดุลในชั้นผิว สมานผิวช่วยลดการอักเสบของผิวที่เจอแดดแรงหรือมลภาวะไปพร้อมๆกับการเติมน้ำให้ผิว
??‍♀️จะบอกว่ามาร์คน้องบลูใช้งานได้2แบบเลยนะคะ
1.Masque แบบปกติ คือหลังจากเราล้างหน้าเช็ดผิวให้แห้ง กดมาร์คน้องบลูออกมา5-6ปั๊ม ทาทั่วทั้งหน้าแล้วมาร์คทิ้งไว้ 30นาที จากนั้นใช้สำสีชุบ
โทรเนอร์แล้วเช็ดออก วิธีนี้เบลชอบใช้ตอนเช้าก่อนแต่งหน้า หรือ เวลาที่รู้สึกผิวห่อเหี่ยวไม่สดชื่นค่ะ
2.Sleeping Masque แต่สูตรนี้จะชอบมากกว่าเพร่ะรู้สึกว่าสุดดีค่ะ เอาน้องBlue Chamomile ผสมกับ B & C Facial Balancing Gel 
ในอัตราส่วน 3:1 ตามรูปที่เบลถ่ายไว้เลยค่ะ ผสมกันแล้วจะเห็นความต่างของผิวชัดมากคือมันจะเติมความชุ่มชื่นให้ผิวนุ่มฟู แล้วริ้วรอยเล็กจะดูตื้นขึ้นด้วย พูดเฉยๆอาจหาว่าเกินจริงเบลมีภาพเปรียบเทียบให้ดูค่ะ ที่มือข้างขวาผิวปกติไม่ได้ทาอะไรเลย แต่ด้านซ้ายคือหลังมาร์คคู่ น้อง Blue Chamomile ผสมกับ B&C ทิ้งไว้30นาทีจะเห็นงานผิวที่ดูอิ่มฟูขึ้นเลยค่ะ 
ใช้ได้ทุกสภาพผิวผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้สบายๆเลยแนะนำค่ะ??"


-?In Two Minds Facial Hydrator (?) "ตัวนี้เป็นตัวที่ให้ความชุ่มชื่นเติมน้ำให้ผิว เหมาะกับคนที่มีผิวมัน และผิวผสม ใช้ในตอนเช้าค่ะ"
-?Fabulous Face Oil (??)
"ออยบำรุงผิวที่คนผิวมันแพ้ง่ายใช้ได้โดยไม่อุดตันจ้า จะใช้ผสมกับ Blue Camomile ก็ได้เพื่อบำรุงผิวให้ถึงขั้นสุดแบบผิวอิ่มฟูสุดๆไปเลยจ้า"

-?B&C Facial Balancing Gel (?)
"ตัวนี้เราเห็นตอนแรกคือทำไมเนื้อเหนียวจังซึ่งส่วนผสมหลักของเขาคือน้ำผึ้งจ้า
พอได้ลองใช้เท่านั้นแหละมองข้ามความเหนียวไปเลยเป็นอีกตัวที่ซื้อหลังจาก Blue Chamomile เพราะตอนลองที่งานworkshop คือหลงในผิวที่ลองมาก คือมันเติมร่องที่เป็นร่องริ้วรอยได้ไวมากทำให้ผิวดูแน่นดูชุ่มชื่นฟูได้ในเวลาแปปเดียวและผิวกระจ่างใสขึ้นด้วยจ้า?

?และมีอีก1ผลิตภัณฑ์ที่เบลสนใจ
คือ Primrose Facial Cleansing Masque
เป็นมาร์คที่ช่วยเคลียร์สิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวหน้าและรูขุมขน เหมาะกับคนที่ผิวมันผิวผสม แพ้ง่ายอย่างเบลก็ใช้ได้เนื้อเขาจะเบาๆเกลี่ยง่ายสบายหน้า มาร์คทิ้งไว้แค่ 15นาทีแล้วล้างออก หน้าจะรู้สึกCleanมากแล้วไม่แห้งตึงด้วยกลิ่นก็หอมอ่อนๆ คือจะไปจัดขนาดจริงมาถูกใจจริงมาร์คตัวนี้
??และสำหรับคนที่ผิวแห้งก็มีนะคะมาร์คเคลียร์ผิว
คือตัว Parsley Seed Cleansing Masque เหมาะกับคนที่ผิวแห้งขาดน้ำแพ้ง่ายใช้ได้เช่นกันจ้า?

???จุดเด่นในเรื่องความเอาใจใส่
คือสมมติว่าตัวเรายังไม่มั่นใจว่าผิวเราจะถูกกับสกินแคร์ของเขาจริงรึเปล่า
อย่างเบลก็คิดว่าบางตัวที่พนักงานแนะนำมาเราจะชอบมั้ย เราก็สามารถขอTester ของผลิตภัณฑ์ตัวนั้นๆกับพนักงานได้เลยเขาจะจัดให้เราแบบเต็มใจให้จริงๆ หรืออยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นนอกเหนือจากนั้นก็สามารถขอเทสเตอร์ได้เช่นกัน
เขาไม่หวงของเลยจริงๆ ใครชอบเรื่องรายละเอียดความใส่ใจจริงๆเบลแนะนำสกินแคร์แบรนด์ Aesop นะคะ ไม่ดีไม่กล้าบอกต่อนะ
พนักงานจะเป็นที่ปรึกษาให้ได้ดีมากๆ
ไม่ขายตรงแน่นอนรับประกันแนะนำจากใจ
ดีมากๆถามอะไรตอบหมดไม่กั๊กเลยจริงๆ ค่ะ
เรื่องราวของแบรนด์AESOP บอกเลยว่าน่าสนใจมากทุกอย่างคือความCreative มีStoriesในตัวของเขาเอง ติดใจในเสน่ห์แบบนี้ที่สุดค่ะ???

ภาพบรรยากาศภายในร้าน AESOP สาขา ZEN @centralworld นะคะ

Discussion (1)