ถ่ายทอดประสบการณ์ "รักษาสิว" แบบต่อเนื่อง
fonkan4176 สวัสดีจ้า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ Jeban.com
คำแนะนำ : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน+รับชมภาพ เนื่องด้วยเป็นการรักษาส่วนบุคคล ข้อมูลที่นำมาเล่าให้ฟังจึงอาจเหมาะสมสำหรับบางท่านเท่านั้น แต่ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป เพราะสภาพผิวหนังและสาเหตุการเป็นสิวย่อมต่างกัน ดังนั้นข้อมูลที่นำเสนอนี้จึงเหมาะกับผู้อ่านด้านความรู้เกี่ยวกับการรักษา มากกว่าที่จะมุ่งให้ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ไม่ได้มุ่งชักชวนให้ไปรักษายังคลินิคที่ จขกท. ทำการรักษาอยู่ แต่อยากให้ผู้อ่านสามารถรักษาและดูแลตัวเองในส่วนที่พอจะทำได้เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง
ข้อมูลส่วนตัว
- ช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นไม่เป็นสิว มาเป็นสิวช่วงอายุหลัง 24-25 ปีเรื่อยมา
- ไม่ชอบกินผักผลไม้ แต่ชอบกินน้ำผัก น้ำผลไม้
- ดื่มแอลกฮอลล์ และอยู่ในสถานที่มีควันบุหรี่ (เกือบบ่อย)
- ชอบทานน้ำอัดลม ชอบช๊อคโกแลต ชอบไอศกรีม (แต่ไม่ชอบกินของหวานแบบที่มีน้ำเชื่อม ขนมของไทยหวานๆ)
- ชอบกดสิวเอง สำหรับสิวที่อุดตันเป็นหัวเด่นชัด
- แต่งหน้าน้อย เพราะทำงานอยู่บ้านไม่ต้องจำเป็นต้องแต่งหน้าเพื่อพบปะใคร นอกเสียจากส่งฮาวทูประจำเดือนกับแต่งหน้าเพื่อไปทำธุระในกทม.หรือไปงาน
- แพ้ไวเทนนิ่ง ตั้งแต่หยุดการรักษาสิวไปช่วงกลางปี
- ไม่ได้กินยาคุมเพราะกินทีไรฝ้าจะขึ้นเร็วมาก
- ไม่ต้องการทำ IPL เพราะว่าต้องการ SAVE เรื่องค่าใช้จ่าย อีกทั้งกลัวว่ามันจะกลับมาเป็นอีก เท่ากับเสียเงินไปแต่ไม่เกิดประโยชน์
- การรักษาครั้งใหม่นี้ จะให้เวลาในการรักษาค่อนข้างสูง โดยตั้งใจรักษาแบบจริงจัง คือ 1 เดือน เพียรหาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไม่มีขาด
สาเหตุที่ไปรักษาเนื่องจากรำคาญการเป็นสิวของตัวเองอย่างถึงที่สุด มีปัญหาของสิวอุดตันข้างแก้ม ข้างกราม และปัจจัยหลักๆ คือ แฟนจะคอยบ่นแต่เรื่องใบหน้าของเราว่ามันไม่ใสเหมือนก่อนจนทำให้เสียความรู้สึกพาลทะเลาะกัน ดังนั้นจึงควรรีบแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังก่อนที่อะไรๆ จะแย่ไปกว่านี้
เริ่มต้นการรักษาวันที่ 24 ตุลาคม 2551
จากการวิเคราะห์ของคุณหมอพบว่า ฝนเป็นสิวอุดตันค่อนข้างเยอะ ยิ่งมองผ่านเลนส์กระจกที่นำมาส่องเพื่อขยายดูจะเห็นชัดมาก หากต้องการหายเร็วทันใจต้องทำการเลเซอร์ด่วนเพื่อเป็นการเปิดผิวบริเวณที่เป็นสิว และค่อยกดสิวที่ฝั่งอยู่ออกมาทีหลัง ขั้นตอนนี้ต้องใช้ Laser CO2 (แบบที่ยิงไฝ ยิงขี้แมลงวัน) เข้าช่วย โดยก่อนการยิงเลเซอร์จะต้องทายาชาให้ทั่วบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ 30-45 นาที จากนั้นคุณหมอก็เข้ามายิงเลเซอร์ ขั้นตอนนี้กลิ่นการเผาไหม้บนใบหน้าแรงมากๆ เหมือนกลิ่นไม้ตียุงเลย เหม็นไหม้สุด เจ็บด้วย ยิ่งตรงที่ยาชาไม่ได้ทาทั่วถึง แสบมากมาย
จากการรักษาครั้งนี้และการรักษาต่อเนื่องในวันถัดไป ผิวหนังควรต้องได้รับการบำรุงและจำเป็นต้องพักผ่อนเยอะๆ งดการรบกวนผิวหน้า หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงระยะแรกๆ ทากันแดดมากๆ งดแอลกอลฮอลล์กับเลี่ยงควันบุหรี่
ฝนรักษาโดยได้ STEP การใช้ยาทามีดังนี้
(ภาพที่เห็นขอสงวนตัวยาของทางคลินิค เพราะไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ไปรักษา แต่ได้หาตัวยาที่มีสรรพคุณใกล้เคียงกันมาแนะนำดังภาพ ซึ่งก็ใช้ทุกตัวจริงเหมือนกัน)
หมอสั่งให้ใช้ BP 5% ทาทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก (ขึ้นอยู่กับปัญหาสภาพผิวของแต่ละท่านด้วย) และล้างออกด้วยเจลล้างหน้า
จากนั้นทา CM 1% ไม่ได้ใช้ของคลินิค เพราะถามคุณหมอ (นพ.วัชรินทร์ สถิตธรรมนิตย์) มาแล้วว่าไม่มี CM ที่ไหนจะให้เกินจากนี้ หากคนไข้สะดวกซื้อตามร้านยาก็ได้ไม่มีปัญหา ฝนจึงเลือกซื้อจากร้านยา เพราะ CM ของทางคลินิกหมดไปนานแล้ว ซึ่งลักษณะ CM ตัวนี้เป็นเจลใส ไม่มีกลิ่น และไม่แสบด้วยเมื่อโดนสิวที่กำลังอักเสบ มีส่วนประกอบ Clindamycin phosphate สมมูลย์กับ Clindamycin 1 กรัม (รายละเอียดจากฉลากยา) ส่วนข้อบ่งใช้ตัวยา ใช้สำหรับรักษาสิวเรื้อรัง เช่น สิวหัวดำ ตุ่มเล็กๆ มีลักษณะกลมและแข็ง ตุ่มหรือหนอง
ต่อด้วยตัวบำรุงเจลว่านหางจระเข้ เพราะว่าฝนขอคุณหมอว่าต้องการใช้ตัวนี้ระหว่างการรักษา โดยชอบเป็นการส่วนตัวรู้สึกว่าทาแล้วไม่ทำให้เหนียวหน้าดี คุณหมอก็บอกว่า “ใช้ได้”
กระบวนการทาตัวบำรุงต่อไปคือ การเก็บจุดรอยดำ (ซึ่งจะใช้หลังแผลเลเซอร์แห้งและหลุดลอกหมดแล้ว) มีเพื่อนบอกว่าครีมแต้มรอยดำของ DR.SOMCHAI ดี เลยได้ซื้อมาลองใช้แต้มเฉพาะรอยดำ และตามด้วยครีมบำรุงผิว (จริงๆ ฝนใช้ของทางคลินิค) แต่ว่าสรรพคุณจะคล้ายกับ Smooth E Gold ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส จากนั้นตามด้วยกันแดด (ซึ่งฝนใช้ของทางคลินิคอีกเช่นกัน) ที่มีค่าป้องกันแสงแดด SPF ค่อนข้างสูง
ตามด้วยแป้งฝุ่นเด็กธรรมดา ฝนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนิวบอร์น เพราะสรรพคุณมันบอกว่าช่วยลดอาการระคายเคือง ดังนั้นจึงพยายามเลี่ยงแป้งที่มีน้ำหอมและส่วนผสมของกลิตเตอร์ทุกชนิด
ส่วนยาที่ใช้รับประทานมีดังนี้ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะกินยาทุกชนิด)
ช่วง 20 วันแรกจะทาน อาม๊อคซี่ 2 เม็ด (คุณหมอสั่ง) เช้า (2) - เย็น (2)
และฝนก็เลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ พริมโรส 1000 mg + ซิงค์ 75 mg ทุกวันควบคู่ไปด้วย
มาช่วง 10 วันหลัง จะลดอาม๊อคซี่ลง 1 เม็ดและเพิ่มด๊อกซี่ 1 เม็ดแทน และทานอาหารเสริมเหมือนปกติ
จากภาพด้านล่าง คือ จำนวนยา 1 ชุด ที่กินหลังอาหาร 1 มื้อ เช้ากับเย็น
อ้างอิงคำพูดคุณหมอวัชรินทร์ สถิตธรรมนิตย์ เรื่องการทานยา
(ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะกินยาทุกชนิด)
ฝนเคยถามคุณหมอว่า “อาม๊อคซี่กับด๊อกซี่ต่างกันอย่างไร?” คุณหมอตอบว่า การกินยาอาม๊อคซี่จะต่างกับด๊อกซี่ตรงที่ว่า .. อาม๊อคซี่จะแก้เชื้อ เหมาะกับสภาพผิวที่ทำเลเซอร์และเป็นสิวชนิดหัวหนอง แต่ด๊อกซี่เหมาะกับสิวประเภทอักเสบ การจ่ายยาของแพทย์ทำตามความเหมาะสมของคนไข้ในแต่ละราย สำหรับอาหารเสริมเช่น พริมโรส กับ ซิงค์ ไม่ได้มีงานวิจัยของแพทย์บอกว่าลดการอักเสบได้ดี แต่สามารถช่วยได้นิดหน่อย ถามว่าจะทานควบคู่ได้ไหม.. ก็ตอบว่าทานได้ครับ” สุดท้ายคุณหมอทิ้งประโยคไว้ให้คิดว่า “เมื่อ 3 เดือนที่แล้วทำอะไรกับใบหน้าไปบ้างครับ ลักษณะแบบนี้น่าจะเกิดจากการแพ้ มีภาวะสะสม!! สิวไม่สามารถเป็นได้ภายในวันเดียว และการนอนดึกไม่ได้ทำให้สิวขึ้นแต่มันทำให้สิวที่มีอยู่อักเสบและหายช้าเท่านั้นเอง” เพื่อนๆ ก็ลองไปถามตัวเองดูนะจ๊ะ ฝนเองก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ว่าสิวตัวเองเกิดจากอะไร และที่สำคัญฝนจะดื่มนมเปรี้ยวทุกวัน วันละ 1-2 ขวด เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่ายที่ดี
ชมสภาพผิวหน้าช่วงระหว่าง 1 เดือน (ความจริงถ่ายรูปทุกวันแต่ขอตัดมาลงแบบข้ามวันเพื่อให้เห็นผลได้ง่าย)
มาวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 เริ่มการจิ้มกรด TCA เพื่อเอาสิวที่เสี่ยงต่อการอุดตันออกมา จะเห็นได้ว่าหลายจุดมาก บางคนไม่ชอบการจิ้มกรดเพราะหน้าจะเป็นสะเก็ดดำๆ แกะก็ไม่ได้ ต้องปล่อยมันทิ้งไว้ 4-5 วัน แต่ฝนชอบ (ก่อนการจิ้มกรดคุณหมอจะถามความสมัครใจก่อน)
เช้าวันรุ่งขึ้น หน้าตกสะเก็ดดังภาพด้านล่าง
ต่อมาคือช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 และในวันใกล้ๆ กับที่ประจำเดือนจะมา ฮอร์โมนนรกก็ทำพิษอีกครั้ง ชมภาพด้านล่าง
ต่อมาคือช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 และในวันใกล้ๆ กับที่ประจำเดือนจะมา ฮอร์โมนนรกก็ทำพิษอีกครั้ง ชมภาพด้านล่าง
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 สิวยุบลงบริเวณแก้ม
ภาพปัจจุบันวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551
(มีรอยสะเก็ดที่ไปจิ้มกรด TCA เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ตกสะเก็ดเกือบหลุด)
UPDATE ผิวหน้าล่าสุด
ตอนนี้ผิวหน้าดีขึ้นมาก สิวตุ่มไตใต้ผิวหนังแทบไม่เหลือแล้ว เหลือแต่รอย
วิธีการที่ใช้ผ่านมา 1 เดือน
คุณหมอ คอยแนะนำการรักษาและทำทรีทเมนต์เพื่อบำรุงผิว
เทคนิคทางการแพทย์มีแค่เลเซอร์ CO2 กับจิ้มกรด TCA
สำหรับตัวเอง หมั่นปฏิบัติตามคำแนะนำ ทั้งทายา กินยา เลี่ยงแอลกอลฮอล์ทุกชนิด ไม่กินน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีโซดา (เพราะเคยอ่านเจอในเวปรักษาสิว) ไม่ทานของหวาน ยกเว้นไอศกรีม เลี่ยงการแต่งหน้า ถึงจะแต่งหน้าก็ล้างหน้าให้สะอาดที่สุด ระหว่างเป็นสิวฝนจะไม่แกะ ไม่เกาสิวเลยยยย และพยายามไม่เครียด ปล่อยวางเรื่องการรักษาสิว ไม่คาดหวังมาก
ผลตอบลัพธ์ อยู่ในระดับที่พอใจ แม้จะเหลือรอยดำ แต่ตุ่มไตใต้ผิวหมดลงแล้ว ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น เป็นเพราะเราดูแลผิวไม่ขาด ให้เวลาและใส่ใจมันมากๆ โดยแต่ละอาทิตย์ทำทรีทเมนต์บำรุงหน้าเพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง 1-2 ครั้ง
ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคล ดังนั้นถ้าถามว่าทำอย่างไรให้สิวหาย? คำตอบคือ
1. ต้องรู้ว่าคุณเป็นสิวประเภทไหน ( ควรให้หมอผิวหนังวิเคราะห์ หากเป็นเยอะจนสิ้นหวัง)
2. รักษาตามอาการ ถ้าไม่อยากถูกเลี้ยงไข้ ควรมีภูมิคุ้มกันตนเองด้วย “ คุณควรถามในเรื่องที่เราอยากรู้ และไม่ต้องเกรงใจหมอ ถามไปเลยว่าจะใช้ยาตัวไหนได้บ้างที่มีคุณลักษณะคล้ายตัวยาที่คลินิคจ่าย แต่เราจะไปหาซื้อเองข้างนอกเพื่อลดค่าใช้จ่าย” หากหมอคิดจะเลี้ยงก็คงบอกว่ายาของเราดีที่สุด!! เคยมีเพื่อนที่ทำอยู่คลินิคผิวหน้าบอกว่า “ความจริงแล้วสรรพคุณยาที่หมอจ่ายให้มันก็เหมือนซื้อจากร้านยามาใช้เอง เพราะหมอของร้านเรายังไปซื้อมาเติมใส่ตลับเองเลย”
3. ควรบำรุงผิวด้วยการทำทรีทเมนต์สัปดาห์ละครั้ง อย่างน้อยก็เป็นการชำระสิ่งสกปรกและขับผิวให้ใสขึ้น อันนี้ถามหมอมาแล้ว ไม่ได้กล่าวอ้างเอง
4. ควรล้าง คสอ.ให้สะอาดหลังจากการแต่งหน้า
5. กินอาหารที่มีประโยชน์ งดแอลกอลฮอล์ บุหรี่
6. การรักษารอยสิวจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และมากกว่า 1 เดือนอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากสิวหายก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจในการเก็บรอยดำอย่างต่อเนื่องอีกที
ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งหน้าสำหรับผิวหน้าที่เป็นสิว (ฝน) : เคยปรึกษาหมอผิวหนัง (นพ.วัชรินทร์ สถิตธรรมนิตย์) เรื่องการเลือกใช้ คสอ. ซึ่งผิวอย่างฝนควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทเนื้อครีม ให้ใช้เป็นประเภทฝุ่นแทน ดังนั้นจะเห็นว่าฝนเลือกใช้บรัชเป็นฝุ่นเกือบทั้งนั้น และไม่ใช้ทินต์แต่งแต้มสีแก้ม (กลัวอุดตัน) ส่วนเซ็ตรองพื้นที่เลือกใช้ BOBBI BROWN ก็ผ่านการปรึกษาคุณหมอมาแล้วแทบทั้งสิ้น ทำให้ POINT MAKE UP มักจะเน้นประเภทฝุ่นด้วยเช่นกัน
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ในการรักษาสิวกับเพื่อนๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อย
(อ้างอิงรายชื่อคุณหมอเพราะกล่าวอ้างข้อมูลตามความเป็นจริง แต่ไม่ขออ้างอิงสถานที่รักษาสิว เพราะไม่ได้มาโฆษณาให้จ้า ขอไม่ตอบนะจ๊ะ ไม่ได้อยากใจร้าย แต่มันเป็นมารยาทของเวปไซด์ เราจำเป็นต้องทำตามกฎ )
ข้อมูลเสริม (ล่าสุด) เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการทราบข้อมูล TCA & Co2 ว่ามันคืออะไร ?
TCA PEEL เป็นวิธีที่ใช้กันมาหลายปีในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า, จุดด่างดำ, ฝ้ากระ, รอยแตกลายจากการตั้งครรภ์ และปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดกับผิวตื้น เช่นผิวที่ถูกแสงแดดทำลาย (รวมถึงผิวระยะก่อนเป็นมะเร็ง) สิว, รอยแผลจากสิว, ตกกระ, ริ้วรอยบาง ๆ และรอยตีนกา และแผลตื้น ๆ วิธีการนี้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการทำให้ผิวคืนสภาพได้อย่างง่ายและได้ผลดี
เมื่อทาน้ำยาลงไปที่ผิว จะทำให้เซลล์ผิวชั้นบนสุดแห้งและลอกออกในหลายวันต่อมา เมื่อผิวเก่าลอกออกไปแล้ว ชั้นผิวใหม่ก็จะขึ้นมาแทนที่ เป็นผิวที่เนียนเรียบและสีผิวสม่ำเสมอ ระยะเวลาการทำทรีทเม้นต์นี้ประมาณ 15-30 นาที ระหว่างนั้นจะรู้สึกเหมือนผิวไหม้น้อย ๆ จนแทบไม่รู้สึก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดจากการทำทรีทเม้นต์ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรจะต้องทำต่อเนื่องทุก 3-6 เดือน หลังการทำทรีทเม้นต์แล้วควรล้างหน้าวันละสองครั้งด้วยสบู่อ่อน ๆ แล้วตามด้วยครีมบำรุงผิวทุกครั้ง ผิวหน้าอาจแดงบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วันผิวจะคล้ำขึ้น ผิวจะแตก เป็นแผ่นๆ แล้วก็ลอกออก โดยปกติแล้วกระบวนการลอกสะเก็ดจะใช้เวลาประมาณ 4-7 วัน และจะไม่มีแผล หรือการตกสะเก็ดใด ๆ เกิดขึ้น เมื่อผิวเก่าหลุดออกไปแล้วผิวใหม่ก็จะขึ้นมาเป็นสีแดงเรื่อ ๆ เมื่อกระบวนการลอกเสร็จสิ้นลงก็เริ่มแต่งหน้าได้ตามปกติ ออกไปทำงานได้ปกติแต่อาจยังไม่มั่นใจในสภาพของตัวเองนัก ผู้เข้ารับการทำทรีทเม้นต์นี้ปกติจะเข้าสังคมได้ตามปกติภายใน 7 วัน ที่สำคัญคือจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นประจำทุกวันติดต่อกันในระยะ 2 สัปดาห์แรก แล้วผิวใหม่ที่ขึ้นมาเป็นสีแดงก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป
การดูแลผิวหลังทำทรีทเม้นต์
หลังทำทรีทเม้นต์แล้ว ผิวที่ขึ้นใหม่จะยังอ่อนแอและไวต่อแสงแดดอยู่ในช่วง 6-8 สัปดาห์ ดังนั้นในช่วงนี้จึงควรป้องกันผิวโดยใช้ครีมกันแดด, หมวก และหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด
CO2 Laser คือ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เลเซอร์ เป็นเลเซอร์ชนิดหนึ่ง ที่มีความยาว 10,600 นาโนเมตร ซึ่งคาร์บอนไดอ็อกไซด์เลเซอร์เป็นสิ่งที่ใช้กันมานานแล้ว โดยจะใช้ในลักษณะของการกำจัดขี้แมลงวัน ดังนั้นจึงได้นำมาศึกษาวิจัยและนำมาใช้ในการรักษาสิว สำหรับในการศึกษาวิจัยนั้น เริ่มแรกเราได้กลับไปดูงานวิจัยเก่าๆ แล้วยังไม่พบว่ามีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จึงได้ทำการศึกษากับผู้ป่วย ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยต้องการพิสูจน์และศึกษาอย่างจริงจัง ในการศึกษาทดลองนั้นก็จะมีทั้งกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้เลเซอร์ร่วมกับการทานยา และทายาไปด้วย โดยใช้เลเซอร์เป็นตัวเสริมเพื่อที่จะดูว่าได้ผลดีจริงหรือไม่ จึงได้ทำการแบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. รักษาด้วยวิธีทานยา ทายา และใช้เลเซอร์ในการรักษาด้วย
2. รักษาด้วยการทานยาและทายา โดยไม่ใช้เลเซอร์ในการรักษา
หลังจากนั้นก็จะนับเม็ดสิวและดูว่าหลังจากการรักษาแล้วจำนวนเม็ดสิวนั้นลดมากกว่ากันจริงหรือไม่ และเอามาเข้าสถิติดูว่ามีนัยสำคัญทางสถิติหรือไม่ ผลที่ได้รับก็พบว่ากลุ่มที่ใช้เลเซอร์ในการรักษาด้วยนั้นได้ผลดีกว่าการรักษาด้วยการทานยาและทายาเพียงอย่างเดียว สังเกตได้จากการดูเม็ดสิวที่อักเสบ และไม่อักเสบลดลงได้ดี เมื่อใช้เลเซอร์ควบคู่ไปกับการรักษาทั้ง 2 แบบ
ดังนั้น การรักษาด้วย CO2 Laser ร่วมกับการรักษาหลักนั้นได้ผลดีกับผู้ป่วยอย่างแน่นอน ในเรื่องของผลข้างเคียงของการรักษานั้น ก็จะเป็นในเรื่องของความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่พอทนได้ในขณะรักษาเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามการรักษาชนิดนี้ยังไปช่วยในการลดแผลเป็นที่เกิดจากสิวด้วย เพราะหากให้เกิดการอักเสบนานๆ เข้าก็อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นได้ การรักษาด้วยเลเซอร์ก็เหมือนกับเป็นการได้ระบายเอาหนองหรือสิ่งสกปรกออกมาหมด ทำให้การอักเสบจบแค่นั้น โอกาสที่จะเป็นแผลเป็นก็น้อยลง ดังนั้น ผลที่ได้ก็จะเป็นในเรื่องของการทำให้สิวได้หายเร็วขึ้น ลดอัตราเสี่ยงการเกิดแผลเป็น , ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบระยะยาว , ลดการกินยาเป็นเวลานาน , ลดผลข้างเคียงการกินยา เช่น เกิดการดื้อยา เป็นต้น ทั้งนี้แพทย์จะต้องดูความต้องการ และความคาดหวังของผู้ป่วยด้วยว่าต้องการที่จะรักษาแบบใด หากต้องการได้ผลเร็ว การรักษาด้วยเลเซอร์ก็จะได้ผลดีและเร็วอย่างที่ผู้ป่วยต้องการ
อ้างอิง : เรียบเรียงและแปลโดย Acnethai.com&เวปแพทย์ผิวหนังที่ไปทำการรักษา (ไม่ข้อระบุแต่เอาข้อมูลมาให้อ่านจ้า)
Discussion (176)
ใช้ banzac เเล้วสิวอักเสบขึ้น สิวหนองด้วย ตอนเเรกเป็นเเค่สิวอุดตัน อยากเเค่ให้หายเป็นสิวอุดตันเเต่มันมาอักเสบอย่างงีเพราะอะไรช่วยหน่อยครับ
พี่อดทนได้แบบสุดยอดมากเลยครับบบ
คือ...ผมเปนสิวที่แก้มอยากเดียวอะครับ เป็นสิวอักเสบซะด้วยย ที่เป็นอยู่ตอนนี้และส่วนมากครับ ผมก็ลองไปหาหมอก็แล้ว กินยาก็แล้ว ทาbp ก็แล้ว ใช่ ครินด้าเอ็มก็ด้วย มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะครับ (ใช้แบบหลายเดือนมากเลยอ่ะครับ) เหมือนกะหน้าจะแพ้ง่ายอะไรแบบนี้ครับ พอจะแนะนำอะไรผมมั้ยครับพี่ อยากหายแบบพี่มั่งจัง เป็นปลื้มมม ^^
ขอขอบคุณข้อมูลพี่ฝนมากนะค่ะ มีกำลังใจสู้สิวต่อไป ^^
อ่านข้อความข้างบนแล้วจริงทุกอย่างเลยค่ะ
- ไม่เคยเป็นสิวมากก่อน เริ่มเป็นสิวอักเสบแดง ต้นปีที่แล้ว จนปัจจุบันแต่กำลังจะหายแล้วค่ะ
- ทนกับการรักษาสิวธรรมชาติด้วยตัวเองมา 1 ปีกว่า
- แฟนเริ่มบ่น ทะเลาะกัน และไล่ให้ไปหาหมอ
- สำคัญที่สุด คืออย่าหาวิธีรักษาเอง เพราะมันจะทำให้เราเสียเวลาเปล่าควรปรึกษาหมอ แต่ไม่ใช่สถาบันเสริมความงามนะค่ะ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ไม่ใช่คิดเอาเองว่าน่าจะเป็นเพราะอันนั้นอันนี้ (ส่วนตัวแล้วชอบคิดเอาเองตลอด จึงทำให้เสียเวลามาเป็นปี)
สุดท้ายขอขอบคุณข้อมูลคุณฝนมากนะค่ะ
จขกท. คิ้วสวยมากๆ แอบอิจฉา