หลังจากที่ Disney ประกาศการคัดเลือกนักแสดงสาวผู้รับบทเจ้าหญิง Jasmine เพื่อแสดงใน Aladdin ในรูปแบบ live action กระแสตอบรับจากชาวเน็ทกลับฟังดูไม่อบอุ่นเหมือนตอนที่ Emma Watson คว้าบท Belle เริ่มจากบทความโจมตีจากนักเขียนคอลัมน์ออนไลน์ และแฮชแทกบนsocial media ที่แสดงจุดยืนชัดๆว่า "นี่ไม่ใช่ Jasmine ที่ชั้นต้องการ" 

ชาวเน็ทหลายคนตั้งแง่กับ Jasmine เวอร์ชั่นคนในเรื่องเชื้อชาติของเธอ   twitter เต็มไปด้วยคำวิจารณ์ว่า ดูยังไงNaomi Scott  ก็ไม่ได้ดูใกล้เคียงกับเจ้าหญิงในดินแดนอาหรับ แม้เธอจะเป็นลูกครึ่งอังกฤษ- อินเดีย แต่เหมือนกับฝรั่งผิวขาวมากกว่า  ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นมาจนมีแม้กระทั่งคำแช่งชักให้หนังเจ๊งเพราะ Disney ไม่ยอมเลือกนางเอกสาวอาหรับมารับบทธิดาสุลต่าน

gulfnews.com   โจมตีว่า Jasmine  ดูขาวราวกับนม    แต่เราคิดว่านี่เป็นการจงใจพาดหัวให้เกินจริงเพื่อขายข่าว   milky white นั้นน่าจะเป็นคำบรรยายของ Elle Fanning  ไม่ใช่เจ้าหญิง Jasmine คนใหม่ที่มีโทนสีแทนชัดเจน  และถึงแม้ผิวเธอจะไม่ได้คล้ำมาก   แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากนางเอกอาหรับอีกหลายคนที่ไม่ได้มีสีผิวน้ำตาลเข้มแต่อย่างใด

ตัวอย่างคำวิจารณ์จากชาวเน็ทที่ไม่ happy กับ Jasmine คนใหม่

มีคนยิงแฮชแทก #NotMyJasmine  เกลื่อน internet  พร้อมกับเสียงเรียกร้องให้ cast บทเจ้าหญิงใหม่    แต่ Disney เดินหน้าการถ่ายทำเต็มที่จนหนังเปิดตัวฉายไปเพียงไม่กี่วันมานี้  


แม้รูปลักษณ์ของนางเอกจะไม่ถูกใจแฟน animation หลายคนจนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งในสังคมonline   แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาในการโกยรายได้ของ Aladdin   รายได้ล่าสุดลอยลำไปแล้วที่ $604.9 ล้าน  และพุ่งฉิวสู่เส้นทางความความสำเร็จในการสร้าง live action ของค่ายยักษ์ใหญ่นี้ตาม Beauty And The Beast  ไปเรียบร้อย 

ถูกโจทตีมากขนาดนี้ แต่ Naomi ก็ยังเก็บปากเงียบไม่ตอบโต้    Mena Massoud  พระเอกผู้รับบท Aladdinwfhรับหน้าที่ปกป้องเรื่องการ casting




"ดราม่าในโลก online มันน่าขำนะครับ คนตะวันออกกลางก็อยากจะให้ Aladdin เป็นเรื่องราวของตะวันออกกกลาง ส่วนคนอินเดียก็อยากให้เป็นเรื่องของอินเดีย "

"ความเป็นจริงก็คือ มันเป็นนินทาตั้งแต่ยุค 1800s และ Agrabah ก็เป็นนครที่ถูกสมมุติขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างตะวันออกกลาง อินเดียและเอเชีย และเนื้อเรื่องต้นฉบัยจริงๆ Aladdin มีเชื้อสายจีนนะครับ"


"สิ่งที่พวกเราต้องการนำเสนอคือภาพของวัฒนธรรมที่หลากหลายจากหลายสถานที่ในโลก"




Aladdin มีเชื้อจีน ??? มันคงจะเป็นเช่นนั้น เพราะในนิทานหนึ่งพันหนึ่งราตรี Aladdin เป็นบุตรชายของช่างเสื้อในอาณาจักรหนึ่งจีน และเจ้าหญิงก็อาจไม่ได้แต่งกายด้วยชุดโชว์ abs ที่ทำให้เรานึกถึงสาวนักเต้นระบำหน้าท้อง

ยังมีผู้คนมากมายในโลกนี้ที่ยังยึดติดว่าผู้หญิงที่สวยงามเย้ายวนนั้นจะต้องอยู่คู่กับสัดส่วนเว้าโค้ง  มักมีคำเปรียบเปรยว่า เรือนร่างที่ดึงดูดใจได้จริงจะต้องประกอบไปด้วยทรวงอกที่อวบอิ่ม เอวคอด สะโพกลมกลึง ขาเรียวสวย  แม้แต่ superhero หญิงที่ต้องแสดงด้านที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ก็ขาดคุณสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้

Wonder Woman คือ ตัวละครเชื้อสายเทพที่มาจากเผ่าหญิงสุด strong   ในcomic จะไม่ใช่สาวรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น  แต่เป็นสาวงามทรงพลังที่เปิดเผยส่วนเว้าโค้งด้วยชุดที่เปิดเผยไม่ต่างจากชุดว่ายน้ำ  เมื่อ  Lynda  Carter นางเอกสาวที่ขึ้นชื่อเรื่องอกอวบอิ่มได้กลายมาเป็น Wonder Woman ที่โด่งดังแห่งยุค 70s ก็ยิ่งทำให้แฟนๆมากมายยึดมั่นเรืองรุปลักษณ์ของ superhero สาวคนนี้ว่าเธอจะขาด curve ไปไม่ได้!

ท่าวิ่ง iconic ของ Wonder Woman ยุค 70sที่สร้างความฮือฮา

แต่เมื่อstudio ประกาศชื่อนักแสดงที่จะมารับบทhero สาวคนใหม่    internet ก็อื้ออึงด้วยความไม่ชอบใจ   เพราะนางเอกสาวเชื้อสายอิสราเอลคนนี้มีรูปร่างผอมสูงเหมือนนางแบบ และไม่ได้มีอวบอึ๋มร่องเบียดเหมือนกับ Wonder Woman เวอร์ชั่นคนเมื่อหลายสิบปีก่อน

Gal จากหลายปีก่อนจะดูผอมกว่าในปัจจุบันพอสมควรเลยค่ะ

แม้จะมีคนชี้ว่า  บรรดานักแสดงไม่ว่าชายหญิงจะต้องมีการเตรียมพร้อมให้มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับบทบาท   ไม่ว่าจะเป็นการลดหรือเพิ่มน้ำหนัด  ฟิตหุ่นจนกล้ามขึ้น  แม้กระทั่งเปลี่ยนหน้าด้วย special effect  การตัดสินว่าใครมีรูปลักษณ์ไม่เหมาะสมทันทีทันใดก่อนที่จะได้ชมบทบาทการแสดงจริงๆ นั้นทำให้เกิดความ "เงิบ" มาแล้วหลายครั้ง

สาวผอมสูง ไม่สามารถนำเสนอด้านที่แข็งแกร่งได้จริงหรือ ?

หลังจากที่มีกระแสต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็นบทความแจกแจงเหตุผลที่Gal ไม่ควรจะมารับบทฮีโร่สาวเผ่า Amazon และคำแนะนำว่าควรจะนำเอาบทใส่พานไปให้ ฺBeyonce ที่มีรูปร่าง curvy และกล้ามสวย ๆแทนที่จะเป็นสาวหุ่นนางแบบ         Gal เทรนจนเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นมาเกือบๆ 8 ก.ก.  ไม่ว่าจะเป็นเวทหรือศิลปะป้องกันตัวก็ใส่ไปเต็มที่  

เมื่อภาพโพมถูกปล่อยออกมา  เสียงวิจารณ์ในแง่ลบก็เริ่มเบาลงไปเรื่อยๆ 

 จากเดิมที่มีคนจำนวนมากออกมาโวยว่าเธอไม่เหมาะที่จะเป็น Wonder Woman อย่างแรง   แต่เมื่อหนังโกยรายได้ไป $821 ล้าน  สูงกว่าหนังsuperhero หลายเรื่องที่มีนักแสดงนำชายที่มีชื่อเสียงระดับ A list  บวกกับรีวิวดีๆจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป  ณ ตอนนี้ ถ้าพูดถึง Wonder Woman  ก็ต้องเป็นเธอคนนี้

ดราม่า casting อันนี้อาจจะสรุปง่ายๆ ตามประโยคสั้นๆที่ Gal ให้ความเห็นไว้

"ชั้นกำลังนำเสนอ Wonder Woman ในยุคใหม่ ถ้าเป็นเรื่องนม ใครมีเงินก็ซื้อเพิ่มได้ค่ะ"

หลายคนมีความเชื่อว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร Robert Pattinson ก็ไม่มีทางสลัดภาพของ vampire หนุ่มหล่อทรมานใจสาวๆจาก The Twilight Saga ได้ แม้ว่าเขาพยายามพิสูจน์ตัวเองจากการคว้าบทอันหลากหลายจากหนังอินดี้และสร้างความประหลาดใจให้กับสื่อที่เคยประเมิน หนัง Good Time เคยได้รับ standing ovation ยาวหลายนาที ศิลปินร่วมวงการและนักวิจารณ์ต่างชื่นชมพลังการแสดงของ Rob


แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามผลงานก็อาจจะคุ้นเคยแต่เพียงภาพvampire หน้าหล่อซีดเซียวจากหนังmainstream และไม่ได้จินตนาการภาพRob ในบทของ superhero ในหนังฟอร์มยักษ์


เมื่อ studio เปิดเผยว่า Rob คือพระเอกที่มาแทน Ben Affleck ในบทบาท Batman    ปฏิกิริยาจากแฟนๆจึงร้อนแรงระดับ controversy!

สำหรับเราแล้ว  surpriseแรกคือเรื่องที่เจ้าตัวคว้าบทหนังทุนสร้างสูงค่ะ    ที่ผ่านมาเจ้าตัวเล่นหนังนอกกระแสมาตลอด  ทั้งๆที่ช่วงโด่งดังเป็นปรากฏการณ์จาก Twilight ก็น่าจะมีโอกาสในการเล่นหนังดังสูงอยู่แล้ว  แต่ถ้าตัด Twilight ออกไป ผลงานหนังของ Rob นั้นแทบไม่มีเรื่องไหนที่มีทุนสร้างสูงเกินห้าสิบล้านเหรียญเลย    ทั้งๆที่พระเอกคนอื่นที่มีดีกรีความโด่งดังพอๆกันต่างก็ร่วมaudition เพื่อบทหนังฟอร์มยักษ์กันถ้วนหน้า       เรื่องที่เค้าก้าวเข้ามารับบทสุด iconic อย่าง Batman จึงเกินความคาดหมายจริงๆ     

แต่มีรึที่internetจะเบามือกับ casting ที่ไม่โดนใจ  meme  จิกกัดเพราะรับไม่ได้เรื่อง vampire กลายมาเป็นมนุษย์ค้างคาวก็ถูกสาดเกลื่อนสังคม online

แต่เรื่องนี้มีพลิกค่ะ  เพราะกระแสโจมตีที่ร้อนฉ่านั้นเรียกนักวิจารณ์ที่ติดตามผลงานของ Rob ลุกขึ้นมานำเสนอบทความอธิบายกันให้พรึ่บว่านี่อาจจะกลายเป็น casting ที่เหมาะเหม็งที่สุด  เพราะผลงานหนังอินดี้ที่ผ่านมาของพระเอกหนุ่มอังกฤษน่าจะการันตีฝีมือการแสดงในหนังsuperhero อันโด่งดังนี้ได้   สื่อหลายเจ้าส่งcontent ออกมาสอดคล้องกันว่า  ไม่ว่าจะเป็นพระเอกรายใด  แฟน Batman ก็ดูจะไม่ถูกใจทั้งนั้น   นับตั้งแต่ Michael Keaton  ที่มีกระแสต่อต้านรุนแรงขนาดที่มีแฟนมากกว่าห้าหมื่นรายส่งจดหมายไปที่ Warner Bros. เพราะรับ Batman  เวอร์ชันนี้ไม่ได้   แต่ในที่สุด  ถึงจะไม่ถูกใจทุกคน   Keaton ก็กลายเป็น Batman ที่โด่งดังขึ้นหิ้ง (พ่วงด้วยประโยค  I'm Batman)  

ชาวเน็ทอีกหลายคนก็ได้ย้ำเตือนว่า  ดราม่า casting เป็นเดจาวูมาเนิ่นนาน    จากตอนแรกที่มีคนออกตัวแรงว่ายี้นักแสดงที่ดูไม่เหมาะสม  แต่พอหนังประสบความสำเร็จขึ้นมา  เสียงวิจารณ์ก็เริ่มเงียบลง  จนมี casting นักแสดงคนใหม่มารับช่วงต่อบทเดิมก็ปั่นกระแสต่อต้านขึ้นมาอีก    ก่อนที่จะรีบฟันธงว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาด  เราน่าจะรอคอยจนกว่าจะได้ชมหนังก่อนมิใช่หรือ ?

แม้ Casino Royale  จะถูกสร้างมาแล้ว 13 ปี  แต่เรายังจำคำวิพากษ์วิจารณ์การ casting   Bond ในเวอร์ชั่นนี้ได้แม่น  แม้แต่ใน webboard ในประเทศไทยก็ยังมีความเห็นว่านี่คือ James Bond ที่ "ขี้เหร่"ที่สุด!

แม้ในตอนนั้นจะชาวเน็ทจะไม่ได้แฮชแทกบนสังคมออนไลน์เพื่อร่วมต่อต้าน  casting ที่ไม่ถูกใจ แต่ความโกรธเกรี้ยวของแฟนคลับถูกสาดกระจายผ่านกระทู้ต่างๆ ถึงขนาดมีการก่อตั้งเว็บcraignotbond.comและdanielcraigisnotbond.com 

craignotbond.com  ได้แถลงการณ์ด้วยความไม่พอใจต่อ casting บทที่พวกเค้าปลาบปลื้มว่า

"พวกเค้าเลือกพระเอกร่างเตี้ยผมบลอนด์ หน้าเยินราวกับนักมวยอาชีพ  ดูๆแล้วมีส่วนผสมระหว่างฆาตกร คนสติป่วง จิ๊กโก๋และแมงดารวมกันให้มารับบทสายลับรูปหล่อตัวสูงลีลานุ่มได้อย่างไรกัน

"การเลือก Daniel Craig คือผลลัพธ์ของการไม่รับฟังความเห็นของประชาชน มันชัดเจนมากว่าพวกเค้าไม่สนใจความรู้สึกของแฟน Bond เลย"
.

ในช่วงนั้น craignotbond.com รวบรวมสมาชิกได้เกินสองหมื่นคนและขู่จะboycottหนัง Casino Royale  แรงกดดันทั้งหมดไปตกอยู่ที่พระเอกหนุ่มวัย 37 ที่ถูกตราหน้าไว้ว่าดีไม่พอ แต่ผู้สร้างก็ยึดมั่นกับการตัดสินใจนี้โดยไม่หวั่นไหวไปกับคำขู่

ส่วนสื่อก็ใช่ย่อย  The New York Times   ได้วิจารณ์รุปลักษณ์ของ  James Bond คนใหม่ว่า ป็นพระเอกหน้าแป้นขาวซีด หูใหญ่กาง ไร้accent ของผู้ดีมีการศึกษาแบบ Oxbridge   

Craig เปิดใจถึงแรงกดดันในการรรับบท 007 ไว้ว่า

"ถ้าผมเริ่มไปอ่านข้อความในโลกออนไลน์ว่ามีคนพูดถึงผมยังไงบ้าง มันคงทำให้ผมบ้าบอไปเลย และมันน่าเศร้าที่ผมดันเข้าไปอ่านความเห็นเหล่านั้นซะแล้ว"


"พวกแฟนๆเกลียดผม พวกเค้าไม่คิดว่าผมเหมาะกับบทนี้ เห็นกันชัดเจนแจ่มแจ้ง พวกเค้าหลงไหลในตัวละครมากซึ่งมันก็สามารถทำความเข้าใจได้นะ แต่ผมก็หวังไว้เหมือนกันว่าพวกเขาจะสงวนท่าทีมีอคติเอาไว้บ้าง"

กระแสต่อต้านแรงมากมายขนาดที่เหล่าพระเอก 007 ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็ออกมาปกป้อง Bond คนที่ 6(ซึ่งตอนนั้นอายุแค่ 37) Pierce Brosnan ให้ความเห็นต่อ Craig ว่าเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ "มันอาจจะกระแสตอบรับที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าเขาจะเป็นฝ่ายที่หัวเราะทีหลังดังกว่า"



และก็ตามนั้นค่ะ

ผลลัพธ์คือ หนัง franchise ทั้ง 4 ภาคที่มี Craig รับบทเป็น James Bond ก็คือ การกวาดรายได้รวมกันเกิน 3.1 พันล้านเหรียญและเสียงวิจารณ์ชื่นชมอันล้นหลามถึงสายลับชื่อดังที่ดุดันเร้าใจ มีทั้งความเลือดเย็นและด้านมืดที่น่าค้นหา โดยที่เรื่องส่วนสูง 178 ซ.ม. หรือใบหน้าที่ดู "ไม่แพง" ดังที่ hater โจมตีไม่ได้มาเป็นอุปสรรคเลย แฟนๆ มากมายยอมรับ นี่คือ Bond ยุคใหม่ที่สมจริงมากกว่า และเสน่ห์ของป๋าCraig แรงขนาดที่แม้ว่าจะผจญการบาดเจ็บจากกายถ่ายบท action จนลั่นว่าจะไม่กลับมาเป็นสายลับสุดเท่อีกแล้ว แต่ studio ทุ่มข้อเสนอให้เขาถอนคำพูดแล้วมาเป็นBond ครั้งที่ 5


แต่ผ่านไป 13ปี พร้อมกับความสำเร็จถล่มทลาย craignotbond.com ก็ไม่ยอมรับ Craid Daniel ผู้กลายเป็นหนุ่มใหญ่วัย 51 และกำลังถ่ายทำหนัง 007 ภาคล่าสุดอยู่ดี

มาจนป่านนี้ เราไม่คิดว่าทั้งตัวพระเอกและผู้สร้างจะให้ความสนใจเรื่อง anti แล้วล่ะ เขาเคยเจ็บปวดกับเรื่องนี้ก็จริง แต่มันก็ผลักดันให้เขาพิสูจน์ตัวจนมาถึงระดับนี้ได้