บอกลาฝ้า​ ด้วย​ Tranexamic​ acid​

การใช้ยา​ Tranexamic​ acid​  ในการรักษา​ฝ้า​                tranexamic acid เป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาหรือป้องกันภาวะเลือดออก หรือโรค hemophilia ที่จะมีการผ่าตัดฟัน ซึ่งจะมีการใช้ในระยะสั้น โดยให้ขนาด 25 mg/kg ต่อครั้ง วันละ 3-4 ครั้ง orally 3-4 times/day เป็นเวลา 2-8 วัน อาการข้างเคียงจากยาได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย (>10%) นอกจากนั้นเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้น้อย เช่น ความดันโลหิตตก ตาเบลอ หรือเกิดลิ่มเลือดไปอุดกั้นที่ขาที่ปอด การใช้ tranexamic​ acid​ ในรูปแบบ​รับประทาน​     


การใช้ยาในการรับประทานรักษาฝ้านั้น

         เนื่องมาจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเม็ดสีเมลานิน จึงทำให้ฝ้าจางลงได้ ข้อบ่งใช้ดังกล่าวยังไม่ได้รับการรับรอง รวมถึงยังไม่มีรายงานความปลอดภัยของยาเมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน การใช้ยา Tranexamic เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อจะทำให้ผิวขาว  ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะได้ผลและทำให้คนใช้รู้สึกพึงพอใจกับผิวพรรณที่ขาวขึ้น จนกลายเป็นกระแสความนิยมที่บอกต่อกันปากต่อปาก  แต่ผู้ที่จะใช้ต้องไม่ลืมที่จะนึกถึงผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในการใช้ระยะยาว เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง หรือ ปอด ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้อาจเสียชีวิต  และนอกจากนี้การรับประทานยา Tranexamic เพื่อทำให้ผิวขาวก็ไม่สามารถใช้ได้กับคนทุกคน โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เคยมีประวัติเป็นโรค Thromboembolic  ภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคไต ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ให้นมบุตร และผู้สูงอายุ เพราะจะทำให้ระบบการทำงานของไตเกิดการทำงานที่ผิดปกติ อาจถึงขั้นไตวายจนเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรซื้อมาทานเอง ควรปรึกษาแพทย์เภสัชกรก่อนการใช้ยา 



การใช้ยา tranexamic acid ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง        การใช้ tranexamic acid แบบฉีดใต้ผิวหนังบริเวณใบหน้ารักษาฝ้าเป็นเวลา 3 เดือน พบว่ามีประสิทธิภาพ โดยร้อยละ 85 ของผู้ป่วยที่รักษามีสีผิวใบหน้าที่ดีขึ้น (การฉีด 1 ครั้งราคา ค่อนข้างสูง และต้อง ฉีด หลายครั้งติดต่อกัน)  ยา Tranexamic Acid ชนิดฉีด การใช้ยาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และต้องฉีดยาภายในสถานพยาบาลเท่านั้น 


การใช้ยา tranexamic  acid ในรูปแบบยาทา Tranexamic Acid ชนิดทามีกลไก  ลดการก่อตัวของเม็ดสี melanin จึงทำให้ผิวกระจ่างใส เหมาะสำหรับการใช้แก้ปัญหาฝ้า ฝ้าแดด มีงานวิจัยของ Bahareh Ebrahimi and Farahnaz Fatemi Naeini   ในหนังสือ J Res Med Sci. 2014 Aug; 19(8): 753–757.  วิจัยเรื่อง การใช้  tranexamic 3%  ในการรักษาฝ้า สรุปผลงานวิจัยนี้ ยา tranexamic ปริมาณ 3% สามารถทำให้ฝ้าจางลงภายใน12 สัปดาห์ และมีความปลอดภัยในการรักษา ฝ้า  เมื่อเทียบ กับการใช้ยา สเตอรอยด์  สำหรับ ตัวยา Tranexamic 3% ลดเลือนฝ้า นั้น สามารถหาซื้ิอได้ที่ร้านขายยา      การดูแลรักษาฝ้านั้น ควรต้องทำและปฏิบัติตนอย่าเป็นกิจวัตรเพื่อลดการเกิดฝ้า  เช่นควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอก่อนออกนอกบ้าน    

Discussion (11)

ให้ข้อมูลเพิ่มเติมละกันนะครับ การรับประทานยาชนิดนี้ ( ซึ่งจริงๆสร้างมาเพื่อข้อบ่งชี้ ลดภาวะเลือดออกเยอะในผู้ป่วยบางกลุ่ม ไม่ได้ใช้ห้ามเลือดกันทั่วไป คือในทางปฏิบัติยามันไม่ค่อยมีที่ใช้เท่าไร ผลลัพธ์ไม่ได้ดีอะไรในแง่ห้ามเลือด) ในขนาดที่การใช้ยานี้ลดฝ้า( ซึ่งก็เจอโดยบังเอิญในญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1979 ตามรายงานอันนี้ >> Nijo T (1979) Treatment of melasma with tranexamic acid. Clin Res 13: 3129-3131.) มีงานวิจัยตามมารองรับอยู่เยอะทีเดียวครับ มีถึงขั้นทำการวิเคราะห์งานวิจัยรวม (Meta-analysis) ขนาดที่ใช้ส่วนมากคือ 500 mg ต่อวัน(250 mg 1 เม็ดหลังอาหาร เช้า เย็น) ซึ่งเป็นขนาดเพียง 1/6 ของขนาดที่ใช้เพื่อห้ามเลือด ซึ่งก็สามารถลดฝ้า หรือรอยดำได้ผลทีเดียว โดยภาวะแทรกซ้อนจากการศึกษาหลายๆงานก็พบ น้อยมาก และไม่อันตรายจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล เช่นท้องเสีย ประจำเดือนออกน้อยในเพศหญิงวัยมีประจำเดือน จริงอยู่เป็นยาที่ใช้ในการห้ามเลือดออกแต่ขนาดที่ใช้นั้นสูงถึง 4,000 mg ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็ยังไม่เคยมีเคสที่ไหนที่กินยาตัวนี้แล้วเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันให้เห็นเลยครับ ในแง่ความปลอดภัยถือว่าปลอดภัยทีเดียว และเห็นผลลดรอยดำจากการลดการสร้างเม็ดสีเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ทานยานี้อีกด้วย ปล. แต่ว่าในผู้สูงอายุนี้ก็ต้องคิดดีๆเหมือนกันเพราะมีโรคประจำตัวมากมายเช่น เบาหวาน ความดันสูง มีโอกาสที่เส้นเลือดสมอง เส้นเลือดหัวใจจะตีบตันอยู่แล้ว การได้ยาตัวนี้ไปภาวะแทรกซ้อนจากยาอาจจะไม่เหมือนกับคนอายุน้อยก็ได้ Reference - DOI: 10.4172/2376-0427.1000228 - https://doi.org/10.1155/2018/1683414 - doi: 10.1097/DSS.0000000000001518.
เจอเคสที่ร้านขายยาเลยค่ะ เรียนมาว่าเป็นยาห้ามเลือดออกไรงี้ แล้วลูกค้ามาขอซื้อยานี้ไปกินแก้ฝ้า  ความรู้ใหม่มาก