Clinique ID มีดียังไง? ให้เวลา 2 อาทิตย์ | Pangculalla

           สวัสดีค่า เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่แป้งจะมารีวิวของที่ได้จากงาน Jeban X Clinique และผลลัพธ์หลังใช้ 2 สัปดาห์ เดี๋ยวมาเริ่มตั้งแต่เปิดถุงกันเลยนะคะ
          ตามสไตล์ของ Jeban นะคะ ถ้าไปร่วมงานหรือส่องของขวัญมาจะต้องมีการ์ต งานนี้ก็มีการ์ดขอบคุณ พร้อมกับชวนร่วมกิจกรรมรีวิวเพื่อลุ้นรางวัลค่ะ แต่แป้งของลอกเลยว่าต่อให้ไปมีกิจกรรมยังไงแป้งก็จะมารีวิวน้า...
          อีกอันนึงก็จะเป็นพาสปอร์ทนะคะ ในนี้เจ้าหน้าที่ของ Clinique ก็ได้ติ๊กรายละเอียดของ Clinique ID หลังจากที่แป้งไปประเมินสภาพผิวเอาไว้ด้วยนะคะ
          มาดูของกันต่อเลยชิ้นแรกก็จะเป็นเทสเตอร์รองพื้นที่แป้งได้มาจากการร่วมกิจกรรมโพสต์รูปลงโซเชี่ยลในงาน Jeban X Clinique ค่ะ เป็นรุ่น Even Better Makeup SPF15 PA++ สี Ivory เบอร์ 61
          Swatch ดูแล้วก็รู้สึกว่าเข้มไปหน่อยนึงนะคะ แต่ว่าแป้งก็สามารถผสมสีเพิ่งเติมได้ เพราะว่าสีไม่ได้เข้มมากค่ะ แล้วตัวเนื้อของเขาก็ทำให้รู้สึกว่าน่าจะควบคุมความมันได้ดีด้วยนะคะ
          ชิ้นต่อไปก็จะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์สูตร Oil Control Gel นะคะ ได้สูตรนี้มาเพราะว่าแป้งเป็นคนผิวมันค่ะ
          และอีกชิ้นก็คือบูมเตอร์สูตรสีขาวนะคะ เพราะว่าแป้งเป็นคนที่มารอยสิวเยอะสูตรนี้ตอบโจทย์ค่ะ
          ให้ดูกันชัดๆ นะคะว่าที่หลอดบูสเตอร์จะที่ปลอกครอบอยู่ด้วย แล้วเดี๋ยวเราจะต้องถอดออกแล้วเอาหลอดบูสเตอร์ไปเสียบเข้าที่ขวดมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ค่ะ
          สำหรับคนที่ยังไม่เคยรู้จักกับเจ้า Clinique ID มาก่อนคนจะสงสัยกันนะคะว่าทำไม่เราถึงต้องมีการรวมร่างกันเกิดขึ้น มันเป็นเพราะว่า Clinique ID เป็นการนำผลิตภัณท์ตัวเดิมๆที่ทาง Clinique มีจำหน่ายอยู่แล้ว มาพัฒนาให้ล้ำขึ้น โดยที่เราสามารถ Customize ให้เป็นสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของเราได้เอง ซึ่งสามารถนำมามิกซ์กันได้ถึง 15 สูตร และนิยามของ Clinique ID ก็คือสวยสมบูรณ์ใน 3 Step ค่ะ

Step 1 การเลือกมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งเขามีให้เลือก 3 สูตรด้วยกันนะคะ
          สูตรที่ 1 Dramatically Different Moisturizing Lotion เหมาะกับผิวแห้งมาก - ผิวผสมค่อนข้างแห้ง เป็นเนื้อโลชั่นบางเบา ซึมง่าย ช่วยปรับสมดุลผิวและเสริมความแข็งแรงให้ผิวไปพร้อมๆ กัน สูตรให้ความชุ่มชื้นมากที่สุด
          สูตรที่ 2 Dramatically Different Moisturizing Oil-Control Gel เหมาะกับผิวผสมค่อนข้างมัน - มันมาก มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลปราศจากน้ำมัน บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ปรับสมดุลผิวที่มันได้พอดีสุดๆ พร้อมให้ความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงให้ผิว
          สูตรที่ 3 Dramatically Different Moisturizing Hydrating Jelly เหมาะกับผิวทุกประเภทที่ชอบความเบาสบาย เนื้อเจลใสบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวผิว ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวถึง 24 ชั่วโมง และนอกจากจะเสริมความแข็งแรงให้ผิวแล้วยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะอีกด้วย
Step 2 เลือกบูสเตอร์ อันนี้มีให้เลือก 5 สูตรค่ะ
          สูตรที่ 1 บูสเตอร์สีเขียว สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ช่วยปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง ให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่บอบบาง พร้อมลดรอยแดงและการระคายเคือง ซึ่งใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่ถ้าอยากจะใช้ Clinique ID ละก็...ดีใจด้วยนะคะ สามารถใช้ได้ค่า ซึ่งก็เชียร์สีเขียวเลยค่ะ เพราะว่ามีความอ่อนโยนที่สุด
          สูตรที่ 2 บูสเตอร์สีฟ้า สำหรับรูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียน ตัวนี้เขาจะไม่ได้ช่วยเรื่องการกระชับรูขุมขนนะคะ แต่ว่าเขาจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไปอย่างว่องไว พร้อมกับกระตุ้นสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งทำให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม และรูขุมขนกระชับค่ะ
          สูตรที่ 3 บูสเตอร์สีขาว สำหรับสีผิวดูไม่สม่ำเสมอ อยากลดรอยให้หน้าใส สูตรนี้เน้นดูแลสีผิวให้สม่ำเสมอ สว่างกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ รอยสิว รอยแผลเป็นต่างๆ โดยเฉพาะ ใครโดนแดดเยอะจนห น้าผากคล้ำก็ช่วยได้น้า...
          สูตรที่ 4 บูสเตอร์สีส้ม สำหรับผิวเหนื่อยล้า ขาดความเปล่งประกาย ไม่ว่าจะนอนน้อย ทำงานหนักจนผิวดูเหนื่อยและหมอง สูตรนี้จะช่วยกระตุ้นและคืนความเปล่งประกายให้ผิวดูสดใส มีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิมค่ะ
          สูตรที่ 5 บูสเตอร์สีม่วง เหมาะกับผิวมีริ้วรอย ริ้วใต้ตา ร่องแก้มเริ่มมา เสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ เติมเต็มริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้เปล่งปลั่งขึ้นมาอีกครั้ง
Step 3 เอาทั้ง 2 ชิ้นมารวมกันให้กลายเป็น Treatment Moisturizer ซึ่งขั้นตอนก็คือ...
          1 เปิดฝาขวดมอยซ์เจอร์ไรเซอร์
          2 ถอดปลอกบูสเตอร์ออก เห็นตรงก้นของบูสเตอร์มั้ยคะมีหลอดโผล่ออกมาด้วย ตรงนี้แหละค่ะที่จะช่วยดูดมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ขึ้นมา
          3 เสียบบูสเตอร์เข้าไปที่ขวดมอยซ์เจอร์เซอร์ แล้วก็หมุนเหมือนปิดค่า...
          เสร็จแล้วค่า ประกอบง่ายมากๆ เลย
          สังเกตุที่หัวปั๊มของเขาก็จะมีอยู่ 2 รูนะคะ ซึ่งความเจ๋งของเขามันอยู่ตรงที่ทุกครั้งที่เราปั๊มมอยซ์เจอร์ไรดซอร์จะออกมา 90% ส่วนบูสเตอร์จะออกมา 10% เป็นปริมาณ์ที่เขาคิดมาให้เราแล้วว่าเหมาะสมที่สุด และเวลาที่เขาหมด เขาก็จะหมดพร้อมกันด้วยนะคะ ไม่มีปัญหาเรื่องตัวใดตัวหนึ่งหมดก่อนค่ะ
          จากที่เห็นเนื้อตอนแรกที่ปั๊มออกมาคือดูเขาค่อนข้างจะเข้มข้นเลยนะคะ แต่ว่าพอเกลี่ยปุ๊บกลับกลายเป็นว่าเนื้อของเขาบางเบามาก ไม่มัน ไม่เหนอะ ซึมเข้าผิวไวมาก ทาแล้วให้ความรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นดีมากๆ เลยนะคะ และใครที่มีปัญหาเรื่องแพ้น้ำหอมก็สบายใจได้เลยนะคะ เพราะว่าเขาไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมค่ะ อ่อนโยนต่อผิวสุดๆ
          แค่ลองเทสที่มือมันจะไปรู้อะไร ต้องลองทาหน้าจริงๆ เลย ตอนที่ทางครั้งแรกนะคะ รู้สึกเย็นสดชื่นมาก เนื้อเจลซึมทราบไว ไม่มัน ไม่เหนอะ พอทาเสร็จแล้วจะรู้สึกอุ่นๆ เย็นๆ สบายหน้ามากๆ เลยค่ะ
          ทานอนคืนแรกตื่นมาปุ๊บตกใจเลยจ้า... หน้าก็ยังมีความมันอยู่นะคะ แต่ว่ามันน้อยมากๆ เลยค่ะ ปกติตื่นมานี่หน้าเงาวิ้งแบบเอาไปทอดไข่ได้เลยอ่า ปลื้ม!!!
          ไหนๆ ก็ไหนๆ ละรองทดสอบทารองพื้นที่หน้าด้วยเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปเลยว่าทาลงบนหน้าจริงๆ แล้วสีจะเข้มกว่าผิวแป้งมากแค่่ไหน แล้วก็เดี๋ยวจะลง Clinique ID ก่อนด้วยจะได้รู้ว่า 2 ตัวนี้เขาจะสามัคคีกันรึป่าว ?
          ด้วยความที่แป้งกลัวว่าสีจะเข้มเกินไปนะคะ แป้งก็เลยทดสอบกับช่วงกรอบหน้าค่ะ เพราะถ้าเข้มเกินจะได้ใช้เป็นเฉดดิ่งไปเลย
          พอเกลี่ยที่หน้าจริงๆ แล้วรู้สึกว่าสีไม่เข้มมากเท่าตอนที่ Swatch ที่แขนแฮะ ทาทั้งหน้าเลยละดักว่า
          จากการที่ทา Clinique ID พร้อมกับรองพื้นทำให้รู้สึกว่าเขาเข้ากันได้ดีมากๆ เลยนะคะ เกลี่ยงรองพื้นง่าย รองพื้นติดหน้าดีมากๆ และตัวรองพื้นทาออกมาแล้วให้ความรู้สึกที่บางเบามากๆ แต่ว่าก็ให้ความปกปิดได้โอเคอยู่นะคะ มีแค่จุดที่เป็นหัวสิวใหญ่ๆ เท่านั้นที่เขาไม่สามารถปิดได้ แต่ก็ช่วยลดความเด่นลงไปได้อยู่น้า...
          สำหรับเรื่องกรคุมมันของตัวมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ Dramatically Different Moisturizing Oil-Control Gel มีวันนึงที่แป้งจะไปหาหมอเรือ่งฮอร์โมนแล้วกะว่าจะให้หมอดูสิวด้วยแป้งก็เลยหน้าสดนะคะ ที่หน้าจะมีแค่ Clinique ID แล้วก็แป้งฝุ่นเท่านั้น โดนที่วันนั้นทำงานบ้านหนักมาก เหงื่อออกเยอะสุดๆ แต่หน้าแทบไม่มันเลยค่า เริสมากๆ
          และหลังจากที่แป้งทดลองใช้ Clinique ID ได้ 2 สัปดาห์นะคะ แป้งก็รู้สึกว่าเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเลยค่ะ ทั้งในเรื่องของความชุ่มชื่น การควบคุมความมัน แล้วก็เรื่องรอยสิวเลยนะคะ เพราะว่าตอนนี้แป้งรู้สึกว่าผิวหน้าของแป้งอิ่มฟูขึ้น ผิวไม่แห้งไม่ขาดน้ำ แล้วก็หน้ามันน้อยลงมากๆ ทั้งเวลาตื่นนอน แล้วก็ช่วงกลางวันเลยค่ะ และส่วนเรื่องรอยแดงจากสิวก็ลดลงไปแยยเห็นได้ชัดเลยนะคะ
          แต่ถึงแม้ว่าแป้งใช้ Clinique ID แค่ตัวเดียวแล้วเห็นผลได้แบบนี้ ยังไงเจ้า Clinique ก็ยังเป็นแค่ Treatment Moisturier นะคะ เขาจะเน้นเรื่องความชุ่มชื่นและการปรับสมดุลผิวเป็นหลัก ส่วนปัญหาผิวอื่นๆ ยังไงเราก็ยังต้องง้อเซรั่มกันอยู่น้า... ไม่แนะนำให้ใช้ Clinique ID เดี่ยวๆ นะคะ ถ้าใครมีครีม เซรั่ม หรือน้ำคบตัวโปรดอยู่แล้ว เอา Clinique ID ไปใช้เป็น Frist Care แล้วตามด้วยผลิตภัณท์ตัวโปรดของเราจะเป็นอะไรที่เริสที่สุดเลยค่ะ
          เพิ่มเติมอีกนิดนึงในเรื่องของรองพื้นนะคะ เพราะวหลังจากที่แป้งได้ทดรองใช้อย่างจริงจังแล้วรู้สึกว่าชอบมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าทาออกมาแล้วให้ความรู้สึกที่บางเบามากๆ แต่ให้การปกปิดได้ถึงระกลาง แล้วก็คุมมันได้ดีและติดแน่นทนนานมากๆ เลย
          ปกติเวลาออกไปข้างนอกแป้งจะต้องใส่แว่นกันแดดตลอด ซึ่งก็มักจะมีปัญหาเรื่องรองพื้นหลุดหรือเป็นครายรอยแว่น แต่สำหรับตัวนี้คือเป็นน้อยมาก แล้วก็สามารถเอานิ้วตบๆ เกลี่ยๆ กลับคืนได้ และระหว่างวันก็แทบไม่ต้องซับหน้าเลย มีซับแค่ช่วงเย็น 1 ครั้งเท่านั้น เว้นว่าวันนั้นเราไปลุยแดดหนักมากจริงๆ ถึงต้องซับบ่อยกว่านั้น เพราะว่าเหงื่อมันไหล 555+ ใครจะไปตามลองไปเทสสีดูก่อนน้า... เพราะเขามีหลายเฉดให้เลือกมากๆ ค่ะ

          สำหรับวันนี้แป้งก็มาแชร์ความฟินของการทดลองใช้ Clinique ID และ รองพื้นรุ่น Even Better Makeup SPF 15/PA++ ของ Clinique เพียงแค่นี้นะคะ ถ้าชอบการรีวิวแบบนี้อย่าลืมช่วยกด Like แล้วมา Comment คุยกันด้วยน้า...
          และถ้าใครไม่มั่นใจว่าผิวของตัวเองเป็นแบบไหน มีปัญหาอะไรยังไงบ้าง ลองเข้าไปประเมินสภาพผิวหน้าที่เคาน์เตอร์ของคลีนิคกันได้เลยนะคะ เขามีบริการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าให้ฟรีค่ะ เราจะได้เลือกสกินแคร์ได้เหมาะกับผิวเรามากที่สุด ตอนไปวิเคราะห์แนะนำว่าแต่งหน้าแค่เบาๆ ก็พอนะคะ เพื่อความแม่นยำ หรือถ้าหน้าสดไปได้ก็จะยิ่งดีเลยค่ะ

ใช้แล้วหน้ามันน้อยลง ตากที่ตื่นมาหน้าทอดไข่ได้ เหลือแค่มันนิดๆ และผิวก็ยังมีความชุ่มชื่นและยืดหยุ่นดี รอยแดงจากสิวก็จางและหายไป

5.0
อ่านรีวิวเพิ่ม กดเลย

ปกปิดได้ระดับกลาง คุมมันได้ดี ติดทน ไม่เป็นคราบ

4.0
อ่านรีวิวเพิ่ม กดเลย

Discussion (17)

เลิศ​มากค่า