Review : Find my iD กับ Clinique iD สกินแคร์ที่เลือกให้เหมาะกับผิวตัวเองได้!
shiki5620สวัสดีค่ะ สาวๆ ?? ป้าอบมาอีกแล้ว วันนี้ขอพักเรื่องการแต่งหน้าไว้ก่อน เราจะมาพูดเรื่องสกินแคร์กันนนนน ล่าสุดเมื่อประมาณต้นเดือน อบได้เป็น 1 ในสาวๆ Jeban ผู้โชคดี ได้ไปร่วมกิจกรรมกับทาง Clinique เพื่อต้นหาสกินแคร์สำหรับผิวอบที่สยามพาราก้อนมา ตอนนี้อบได้ลองใช้เจ้าสกินแคร์ที่ว่ามาร่วม 2 สัปดาห์ จะมาเล่าให้ฟังว่าผลลัพท์ที่ได้เป็นยังไง ดียังไง เหมาะกับใครกันจ้าาา
ก่อนอื่นเรามีรู้จักกันก่อนเนอะ สกินแคร์ที่อบได้เลือกและนำกลับมาที่บ้านเพื่อลองใช้นั้นมีชื่อเก๋ๆ ว่า clinique iD ซึ่งเป็นไอเทมที่ชูจุดเด่นที่ว่าเรา สามารถที่จะเลือกสูตรให้เข้ากับปัญหาผิวของตัวเราเอง ไม่ว่าคุณจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวอ่อนล้า เป็นสิว หรือแม้แต่แพ้ง่าย ก็รับประกันได้เลยว่าจะสามารถหาสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวเราได้อย่างแน่นอน! โดยทางแบรนด์ได้ทำการแบ่ง Base Moisturizer (3 สูตร) และ Booster (5 สูตร) แยกออกจากกัน รวมเป็น 15 สูตรให้เราได้เลือกซื้อ เราสามารถนำสูตรที่เหมาะกับผิวเราที่สุดมาประกอบร่าง แล้วใช้บำรุงผิวของเราได้เลย!
Base Moisturizer
- เนื้อโลชั่น : สำหรับผิวแห้ง/ผิวผสมค่อนข้างแห้ง ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแบบจริงจัง
- เนื้อออยคอนโทรล : สำหรับผิวมัน/ผิวผสมค่อนข้างมัน ที่ต้องการความชุ่มชื้น แต่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- เนื้อเจลลี่ : สำหรับผู้ที่ต้องการเนื้อมอยเจอไรเซอร์ที่บางเบามากๆ ซึมซาบไว ใช้ได้กับผิวทุกประเภท
- สีขาว Uneven Skin Tone : เพื่อผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
- สีเขียว Irritation : เพื่อผิวแพ้ง่าย ปลอบประโลมผิวให้กลับมาแข็งแรง
- สีฟ้า Pores & Uneven Texture : สำหรับดูแลรูขุมขน เพื่อให้ผิวแลดูเรียบเนียน
- สีส้ม Fatigue : เพื่อผิวอ่อนล้า ฟื้นฟูให้ผิวกลับมาดู**ตื่น อิ่มฟู ดูสดใส อีกครั้ง
- สีม่วง Lines & Wrinkles : เพื่อผิวมีริ้วรอย ไม่ตึงกระชับ ให้ดูอ่อนเยาว์
เมื่อเราใช้เครื่องวิเคราะห์ผิว วิเคราะห์ว่าผิวอย่างเรานั้นควรจะใช้ Clinique iD สูตรไหนแล้ว เราจะได้ Clinique iD Passport บันทึกผลการวิเคราะห์ผิวของเราเพื่อนำไปเลือกซื้อให้ถูกกับผิวนั่นเอง ผลการวิเคราะห์ออกมาพบว่าอบเหมาะกับ Booster สีส้ม ซึ่งช่วยเรื่องผิวอ่อนล้านั่นเอง แต่ด้วยความที่เรามีปัญหาเรื่องรูขุมขน เลยแอบขอว่าอยากลองสีฟ้า แต่สุดท้ายอบก็ไม่ได้หยิบสีฟ้ากลับมา เพราะอะไร? เพราะโดนป้ายยาไง 555+ แถมสาวๆ ในงานก็มีความสนใจเนื้อ Jelly กันมากเลย นี่ก็ไม่ทันคนอื่นไง เลยได้เนื้อ Oil-control Gel มา 555+
เอาละ มาเข้าเรื่องกัน อย่างที่ได้เกรินไว้แล้ว ว่าอบได้เลือกตัว Base Moisturizer เนื้อแบบ Oil-control gel (ชื่อเต็ม clinique iD™dramatically different oil control gel) และ Booster สีส้ม (ขื่อเต็ม clinique iD™ Active Cartridge Concentrate for Fatigue) มา เราก็มาประกอบร่างและทดลองใช้งานเค้ากัน การประกอบก็ง่ายๆ มีคำอธิบายข้างกล่อง และบนปลอกของตัวบูสเตอร์ด้วย แต่ขอเตือนนิดหนึ่งสำหรับสาวๆ ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ของ Clinique อยู่แล้ว แล้วอยากจะซื้อแค่บูสเตอร์มาใช้ร่วมกัน ใช้ไม่ได้เด้อออ เพราะแพคเกจเค้าไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ร่วมกันจ้าา เสียบลงไปแล้วปั๊มไม่ออกน้าา
มาพูดถึงส่วนผสมกัน
Base Moisturizer : clinique iD™ dramatically different oil control gel
Water, Dimethicone, Isododecane, Butylene Glycol, Bis-Peg-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Glycerin, Laminaria Saccharina Extract, Polygonum Cuspidatum Root Extract, Saccharomyces Lysate Extract, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Caffeine, Trehalose, Sodium Hyaluronate, Tocopheryl Acetate, Polysilicone-11, Silica, Propylene Glycol Dicaprate, Oleth-10, Lactobacillus Ferment, Laureth-23, Laureth-4, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/Vp Copolymer, Carbomer, Caprylyl Glycol, Hexylene Glycol, Tromethamine, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Yellow 5 (Ci 19140), Red 4 (Ci 14700), Yellow 6 (Ci 15985).- Laminaria Saccharina Extract : สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล ช่วยดูดน้ำ และเคลือบผิวได้ ให้ความชุ่มชื้น ปกป้องผิว และปลอบประโลผิวไปด้วยในตัว
- Polygonum Cuspidatum Root Extract : สารสกัดจากผักไผ่ญี่ปุ่น (Japanese knotweed ) เป็น antioxidant ชะลอความแก่ ปลอบประโลมและช่วยให้สีผิวกระจ่างใสขึ้น
- Saccharomyces Lysate Extract: สารสกัดจากยีสท์ ช่วยเพิ่มการซึมผ่านของ active ingredeint ลงบนผิว ปลอบประโลมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- Caffeine: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เป็น antioxidant และลดการอักเสบของผิว
- Trehalose: เป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งที่คล้ายกับ Natural Moisturizing Factor (NMF) บนผิวตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เคลือบเซลล์ผิวขั้นบนเพื่อปกป้องจากการถูกทำร้าย
- ให้ความชุ่มชื้นและ Antioxident อื่นๆ : Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract (สารสกัดจากแตงกวา), Hordeum Vulgare (Barley) Extract, Tocopheryl Acetate (วิตตามินอี), Sodium Hyaluronate (ไฮย่า), Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake (น้ำมันดอกทานตะวัน)
Booster : clinique iD™ Active Cartridge Concentrate for Fatigue
Water, Butylene Glycol, Glycolic Acid, Pentylene Glycol, Caffeine, Sodium RNA, Salicylic Acid, Glycerin, Adenosine Phosphate, Albizia Julibrissin Bark Extract, Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract, Stearamidopropyl Dimethylamine, Acetyl Carnitine HCL, Phospholipids, Lactobacillus Ferment, Caprylyl Glycol, Taurine, Hexylene Glycol, Sodium Hydroxide, Xanthan Gum, Stearic Acid, Disodium EDTA, Potassium Sorbate, Phenoxyethanol, Red 4 (Ci 14700), Yellow 5 (Ci 19140).- Glycolic Acid : ช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และทำให้ผิวกระจ่างใส
- Caffein : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เป็น antioxidant และลดการอักเสบของผิว
- Salicylic Acid : ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำความสะอาดรูขุมขน ลดการเกิดสิว
- Adenosine Phosphate : มีโครงสร้างคล้าย adenosine triphosphate (ATP) ซึ่งเป็นพลังงานของเซลล์ ช่วยสนับสนุนการให้พลังงานกับเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวแลดูตื่นและสดใส สดชื่นขึ้น
- Albizia Julibrissin Bark Extract : ช่วยเรื่องการหายใจของเซลล์ผิว เพิ่มพลังงานให้ผิว ลดการสะสมของพิกเม้นท์บนผิว ปองกันเซลล์ผิวจากการโดนทำร้าย
- Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract : เป็น antioxidant ชะลอความแก่ ปลอบประโลมและช่วยให้สีผิวกระจ่างใสขึ้น
- Taurine : กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ช้วยในเรื่องต่อต้านริ้วรอย และชะลอความแก่
นอกจากนั้นแพคเกจจิ้งเค้ายังดีไซน์มาให้ 1 ปั๊ม จะมีตัว Base Moisterizer ออกมา 90% และ Booster ออกมา 10% ด้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่ทาง Clinique คิดมาให้แล้วว่าเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง ปกติอบใช้ 1.5-2 ปั๊มนะ ถึงจะทั่วหน้าและลำคอ **ทาครีมอย่าลืมทาคอด้วยนะคะสาวๆ
ความรู้สึกระหว่างใช้ อบเป็นสาวผิวผสม 30+ รูขุมขนกว้าง ผิวค่อนข้างอ่อนล้า และไม่ตึงกระชับเท่าที่ควร มีรอยสิว รอยดำ และกระลึกที่โหนกแก้ม ในรีวิวนี้อบขออนุญาตพูดถึงเนื้อครีมเมื่อผสมกันแล้วนะคะ เพราะลองเนื้อเมื่อประกอบร่างกันแล้ว : เค้าเป็นเนื้อเจลลื่นๆ ให้สัมผัสที่เย็น สดชื่น และชุ่มชื้น มีกลิ่นบางๆ ที่อบก็บอกไม่ถูกว่าเหมือนอะไร แต่อบไล่ดูแล้วก็ไม่มีน้ำหอมในสูตรนะ เนื้อเค้าไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมไว และไม่รบกวนเมคอัพเวลาที่ทาตอนเช้า ส่วนตัวอบยังต้องใช้เค้าคู่กับมอยเจอไรเซอร์ตัวอื่นๆ อยู่ เพราะรู้สึกว่าบริเวณหน้าผาก ข้างแก้ม และคางยังแห้งอยู่ เมื่อใช้เค้าเดี่ยวๆ อาจจะเพาะอากาศด้วย เนื่องจากตอนนี้อากาศที่อุบลเย็นลง ฝนตกทั้งวันทั้งคืน เลยอาจจะทำให้เนื้อออยคอลโทรลอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับผิวแบบอบ คิดว่าคราวหน้าอาจจะต้องขยับไปที่เนื้อโลชั่นจ้า
ข้อสังเกต : ตอนที่ทาลงบนผิวครั้งแรก เค้าจะให้ความรู้สึกที่ตื่นๆ นิดหนึ่งที่ผิว... ไม่แน่ใจว่าควรจะอธิบายยังไงเป็นภาษาไทย แต่ภาษาอังกฤษคือประมาณ tingling เหมือนเวลาที่เรามีอาการชาแล้วเรายืดส่วนนั้นแล้วเรารู้สึกว่าเลือดวิ่งไปมาใต้ผิว งงมั้ย? มันไม่ใช่แสบ แต่ก็ไม่ใช่ถึงกับชา มันรู้สึกว่าผิวตื่นๆ 555+ คงต้องไปลองเองถึงจะรู้เนอะ แต่ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ไม่ดี แอบทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตามผิวไปด้วย แต่ถ้าวันไหนที่อบลงตัวนี้ตาม สกินแคร์พวก Peeling ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวหรือทำให้ผิวระคายเคืองหน่อยๆ เค้าจะแอบแสบๆ นะ ยุบยิบแต่ไม่ได้เบิร์นหรือแดง แค่รู้สึกมากกว่าปกติเท่านั้นจ้า เนื่องจากตัวเค้าเองก็มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกันนั่นเอง เพราะงั้นวันไหนที่ใช้สกินแคร์ที่เน้น Peeling หรือมีการสครับผิว อาจจะต้องงดน้อง Booter สีส้มไปในวันนั้นๆ น้า
ความรู้สึกระหว่างใช้ อบเป็นสาวผิวผสม 30+ รูขุมขนกว้าง ผิวค่อนข้างอ่อนล้า และไม่ตึงกระชับเท่าที่ควร มีรอยสิว รอยดำ และกระลึกที่โหนกแก้ม ในรีวิวนี้อบขออนุญาตพูดถึงเนื้อครีมเมื่อผสมกันแล้วนะคะ เพราะลองเนื้อเมื่อประกอบร่างกันแล้ว : เค้าเป็นเนื้อเจลลื่นๆ ให้สัมผัสที่เย็น สดชื่น และชุ่มชื้น มีกลิ่นบางๆ ที่อบก็บอกไม่ถูกว่าเหมือนอะไร แต่อบไล่ดูแล้วก็ไม่มีน้ำหอมในสูตรนะ เนื้อเค้าไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมไว และไม่รบกวนเมคอัพเวลาที่ทาตอนเช้า ส่วนตัวอบยังต้องใช้เค้าคู่กับมอยเจอไรเซอร์ตัวอื่นๆ อยู่ เพราะรู้สึกว่าบริเวณหน้าผาก ข้างแก้ม และคางยังแห้งอยู่ เมื่อใช้เค้าเดี่ยวๆ อาจจะเพาะอากาศด้วย เนื่องจากตอนนี้อากาศที่อุบลเย็นลง ฝนตกทั้งวันทั้งคืน เลยอาจจะทำให้เนื้อออยคอลโทรลอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับผิวแบบอบ คิดว่าคราวหน้าอาจจะต้องขยับไปที่เนื้อโลชั่นจ้า
ข้อสังเกต : ตอนที่ทาลงบนผิวครั้งแรก เค้าจะให้ความรู้สึกที่ตื่นๆ นิดหนึ่งที่ผิว... ไม่แน่ใจว่าควรจะอธิบายยังไงเป็นภาษาไทย แต่ภาษาอังกฤษคือประมาณ tingling เหมือนเวลาที่เรามีอาการชาแล้วเรายืดส่วนนั้นแล้วเรารู้สึกว่าเลือดวิ่งไปมาใต้ผิว งงมั้ย? มันไม่ใช่แสบ แต่ก็ไม่ใช่ถึงกับชา มันรู้สึกว่าผิวตื่นๆ 555+ คงต้องไปลองเองถึงจะรู้เนอะ แต่ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ไม่ดี แอบทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตามผิวไปด้วย แต่ถ้าวันไหนที่อบลงตัวนี้ตาม สกินแคร์พวก Peeling ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวหรือทำให้ผิวระคายเคืองหน่อยๆ เค้าจะแอบแสบๆ นะ ยุบยิบแต่ไม่ได้เบิร์นหรือแดง แค่รู้สึกมากกว่าปกติเท่านั้นจ้า เนื่องจากตัวเค้าเองก็มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกันนั่นเอง เพราะงั้นวันไหนที่ใช้สกินแคร์ที่เน้น Peeling หรือมีการสครับผิว อาจจะต้องงดน้อง Booter สีส้มไปในวันนั้นๆ น้า
เนื่องจากตัว Base Moisturizer เนื้อ Oil-control gel นั้นเค้าเคลมว่าสามารถให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 8 ชม. อบก็เลยทำการทดลองวัดค่าความชุ่มชื้นของผิว และ oil บนผิวลองดู เปรียบเทียบหลังล้างหน้า เช็ดให้แห้งและรอ 5 นาที หลังทา Clinique iD เดี๋ยวๆ โดนปล่อยให้ครีมซึมเข้าผิว 5 นาที และหลังผ่านไป 6 ชม ที่บริเวณต่างๆ ของใบหน้า เทียบกันจ้า **เครื่องมือเป็นเครื่องมือถูกๆ ไม่สามารถยึดเป็นผล 100% ได้นะคะ ทดลองวัดเพื่อประกอบการตัดสินใจของสาวๆ เท่านั้น
จะเห็นว่าหลังทา Cliquiue iD ผิวอบบริเวณหน้าแก้มมีความชุ่มชื้นและ oil เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ได้เพิ่มความชุ่มชื้นและ oil ให้กับบริเวณหน้าผากและคางอย่างมาก เนื่องจาก 2 บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่แห้งบนผิวอบนั่นเอง เมื่อเวลาผ่านไป 6 ชม. เค้ายังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและ oil บนผิวอบได้ดี ไม่มีความมันเพิ่มเติมระหว่างวัน อย่าลืมว่าอบทาแค่ตัว Clinique iD เดี่ยวๆ เลย ซึ่งเค้าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ตัวเดียวเดี่ยวๆ อยู่แล้ว สำหรับสาวๆ ที่ต้องการสกินแคร์ที่ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มอบว่าโอเคเลยน้า
จะเห็นว่าหลังทา Cliquiue iD ผิวอบบริเวณหน้าแก้มมีความชุ่มชื้นและ oil เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ได้เพิ่มความชุ่มชื้นและ oil ให้กับบริเวณหน้าผากและคางอย่างมาก เนื่องจาก 2 บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่แห้งบนผิวอบนั่นเอง เมื่อเวลาผ่านไป 6 ชม. เค้ายังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและ oil บนผิวอบได้ดี ไม่มีความมันเพิ่มเติมระหว่างวัน อย่าลืมว่าอบทาแค่ตัว Clinique iD เดี่ยวๆ เลย ซึ่งเค้าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ตัวเดียวเดี่ยวๆ อยู่แล้ว สำหรับสาวๆ ที่ต้องการสกินแคร์ที่ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มอบว่าโอเคเลยน้า
ผลลัพท์
เปรียบเทียบให้ดูหน้าแก้มทั้งสองข้างก่อนและหลังใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะเป็นบริเวณที่เห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดแล้วบนผิวอบ อย่างที่บอกอบเป็นคนรูขุมขนกว้าง ถ้านอนดึก อดนอน กินน้ำไม่พอความชุ่มชื้นไม่พอ รูขุมขนจะเบิกบานมาก หลังใช้ Clinique iD จะเห็นว่าเซลล์ผิวดูเต่งๆ ขึ้น รูขุมขนอาจจะไม่ได้หายไปเลย แต่รู้สึกว่าผิวฟู อิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนแลดูแคบลงด้วย ผิวดูเบลอๆ เหมือนมีฟิวเตอร์อีกชั้นบนผิวอยู่ 55+ โดยรวมคือผิวดูสุขภาพดีขึ้นนั่นเองจ้า
สรุป
Base Moisturizer Oil-cotrol gel : เหมาะกับคนผิวมัน/ผิวผสมค่อนไปทางมัน ช่วยควบคุมความมันและให้ความชุ่มชื้นได้ดี
Booster สีส้ม : เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม ลดความอ่อนล้าของผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
เมื่อใช้ร่วมกันถือว่าตอบโจทย์ของอบได้ดีเลยทีเดียว แต่อาจจะต้องเพิ่มความชุ่มชื่นให้มากขึ้นเพราะบริเวณผิวที่แห้งของอบ รู้สึกว่าเนื้อเบสตัวนี้ยังให้ความชุ่มชื้นไม่พอ อบอาจจะไปสอยเนื้อโลชั่น+บูสเตอร์สีม่วงที่ช่วยเรื่องริ้วรอยมาเพิ่ม อิอิ พออายุขึ้นเลข 3 แล้ว อะไรๆ มันก็เสื่อมไปตามวัยยย ...แต่ดูไปดูมาสีฟ้าที่ช่วยดูแลเรื่องรูขุมขน ผิวไม่เรียบเนียนก็น่าลองงง ฮรืออออ
คำแนะนำ
เนื่องจากมีส่วนผสมหลายส่วนที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว ผิวบอบบาง แพ้ง่ายควรเทสก่อนใช้นะคะ
เปรียบเทียบให้ดูหน้าแก้มทั้งสองข้างก่อนและหลังใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะเป็นบริเวณที่เห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดแล้วบนผิวอบ อย่างที่บอกอบเป็นคนรูขุมขนกว้าง ถ้านอนดึก อดนอน กินน้ำไม่พอความชุ่มชื้นไม่พอ รูขุมขนจะเบิกบานมาก หลังใช้ Clinique iD จะเห็นว่าเซลล์ผิวดูเต่งๆ ขึ้น รูขุมขนอาจจะไม่ได้หายไปเลย แต่รู้สึกว่าผิวฟู อิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนแลดูแคบลงด้วย ผิวดูเบลอๆ เหมือนมีฟิวเตอร์อีกชั้นบนผิวอยู่ 55+ โดยรวมคือผิวดูสุขภาพดีขึ้นนั่นเองจ้า
สรุป
Base Moisturizer Oil-cotrol gel : เหมาะกับคนผิวมัน/ผิวผสมค่อนไปทางมัน ช่วยควบคุมความมันและให้ความชุ่มชื้นได้ดี
Booster สีส้ม : เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม ลดความอ่อนล้าของผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
เมื่อใช้ร่วมกันถือว่าตอบโจทย์ของอบได้ดีเลยทีเดียว แต่อาจจะต้องเพิ่มความชุ่มชื่นให้มากขึ้นเพราะบริเวณผิวที่แห้งของอบ รู้สึกว่าเนื้อเบสตัวนี้ยังให้ความชุ่มชื้นไม่พอ อบอาจจะไปสอยเนื้อโลชั่น+บูสเตอร์สีม่วงที่ช่วยเรื่องริ้วรอยมาเพิ่ม อิอิ พออายุขึ้นเลข 3 แล้ว อะไรๆ มันก็เสื่อมไปตามวัยยย ...แต่ดูไปดูมาสีฟ้าที่ช่วยดูแลเรื่องรูขุมขน ผิวไม่เรียบเนียนก็น่าลองงง ฮรืออออ
คำแนะนำ
เนื่องจากมีส่วนผสมหลายส่วนที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว ผิวบอบบาง แพ้ง่ายควรเทสก่อนใช้นะคะ
ฝั่งนี้ทดลองไม่ใช้ไพรเมอร์ แต่ใช้แป้งช่วยควบคุมความมันเซ็ต แถมยังไปกินหมูกะทะอีก 55555+ ผ่านไป 6 ชม ผิวยังสวยอยู่ ฉ่ำนิดๆ แต่ไม่ถึงกับต้องซับมัน ผ่านไป 11 ชม รองพื้นเริ่มหลุด แต่ก็ไม่ได้แย่ ถือว่าทนใช้ได้ ที่ประทับใจคือไม่ตกรูขุมขนเลยแม่! หายากที่รองพื้นที่ให่ฟินิชฉ่ำๆ จะลงบนผิวอบโดยไม่ได้ใช้ไพเมอร์ช่วยแล้วไม่ตกรูขุมขน มีรอยแว่นนิดหนึ่งเพราะถอดคอนแทคเลนส์ใส่แว่น
ฝั่งนี้ใช้ไพร์เมอร์ช่วยเรื่องรูขุมขนและทำให้รองพื้นติดทน เซ็ตด้วยแป้ง Three ที่ไม่ได้ช่วยคุมมันเท่าไหร่ พบว่าผิวสวยไปยัน 11 ชม กว่าอีกด้าน (แน่ละ) ขนาดผ่านหมูกะทะมาแล้ว ยอมจ้าาา
สรุป
รองพื้น Cliniuqe even better refresh เป็นรองพื้นที่ให้ฟินิชที่ฉ่ำสวย และติดทนดีงาม อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลุยน้ำลุยไฟได้ แต่รอดจากการกินหมูกะทะและออกกำลังกายมาแล้ว ถ้าอบหา under tone ที่เหลืองกว่านี้จะดีมากๆ สำหรับผิวอบ ให้ 3 ผ่านไปเลยจ้าาาา
รองพื้น Cliniuqe even better refresh เป็นรองพื้นที่ให้ฟินิชที่ฉ่ำสวย และติดทนดีงาม อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลุยน้ำลุยไฟได้ แต่รอดจากการกินหมูกะทะและออกกำลังกายมาแล้ว ถ้าอบหา under tone ที่เหลืองกว่านี้จะดีมากๆ สำหรับผิวอบ ให้ 3 ผ่านไปเลยจ้าาาา
สุดท้ายขอบคุณ Jeban สำหรับกิจกรรมดีๆ และ Clinuiqe ที่มอบสกินแคร์ดีๆ มาให้อบและสาวๆ ทุกคนในงานได้ลองใช้กันนะคะ มีข้อแนะนำติชมใดๆ คอมเม้นทิ้งไว้ได้เลยจ้าา ขออภัยที่เขียนยาววววว มากอีกแล้ว 55+ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า XOXO
Discussion (20)