“JUV สกินแคร์ราคาน่ารักจาก All About You ที่คุณภาพจัดเต็ม!”

JUV Superfruit skincare
สกินแคร์ไทยที่ได้ลองใช้แล้วก็แอบชอบอยู่นะ
บอกก่อนว่า JUV เป็นแบรนด์ที่เบลเพิ่งเคยได้ลองใช้ครั้งแรกนะคะ ก่อนพูดถึงProduct
เบลขอพูดถึงความหมาย ของแบรนด์นี้สักนิดนึงนะคะ JUV มีความหมายที่สื่อถึง ความอ่อนเยาว์
ความสดชื่น และดูกระปรี้กระเปร่า
Superfruit ก็หมายถึง สุดยอดผลไม้ที่มีความเด่นใยด้านการต้านอนุมูลอิสระ โดนส่วนประกอบคือ สาร โพลีฟีนอล ที่จะหาได้จาก เปลือก เนื้อ เมล็ด ของผลไม้เท่านั้นค่ะ
:
หลังจากเราทำความรู้จักแบบคร่าวๆแล้วคราวนี้เรามาพูดถึงผลิตภัณฑ์ตัวแรกกันค่ะ
- Serum Brightening Vit C -
เบลเคยลงไปก่อนหน้านี้ว่าจะลองใช้ Vit C ตัวนี้มีหลายคนที่รอรีวิวและถามกันมาพอสมควรว่า ตัวนี้ดีมั้ย มีความเปลี่ยนแปลงของผิวมากน้อยยังไง ผิวจะแพ้มั้ย ระคายเคืองมั้ย?
-โอเคค่ะก่อนอื่นเบลขอพูดถึงส่วนผสมของ Vit C ตัวนี้ก่อนนะคะ เบลว่าส่วนผสมในVit C ขวดนี้มีความน่าสนใจและทำให้เบลรู้สึกอยากลองใช้
?-มาเริ่มที่ตัว Vitamin C ก่อนเลย Vit C ตัวที่เขาใส่มาในขวดนี้คือ Ascorbyl Tetraisopkalmitate ชื่อยาวมากค่ะแต่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเจ้า
Vit C ตัวนี้เป็น Vit C ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเสถียรกว่า Vit C ทั่วๆไป และยังมีประสิทธิภาพซึมเข้าผิวได้ลึกมากกว่า แถมเป็นตัวช่วยได้ดีในเรื่องต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่พอแค่นั้นค่ะเพราะ Vit C ขวดนี้ยังมีส่วนผสมที่สำคัญและจำเป็นกับผิวเราอีกหลายอย่างเลย เช่น -Vitamin E และ Ferulic Acid(สารนี้ควรใช้ร่วมกับ Vitamin CและE เพราะจะให้ผลได้ดีมากในด้านที่จะช่วยปกป้องอันตรายผิวจากแสงแดด)
ช่วยในเรื่องทำให้ผิวดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ปกป้องผิวไม่ให้โดนทำร้าย และเขายังใส่ส่วนประกอบที่สำคัญกับผิวคือช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวอย่าง Argan Oil / Pentavitin / Hyaluronic Acid และตัวสุดท้ายที่ผิวคนเป็นสิวบ่อยอย่างเราต้องการคือ Wellcap Garcine(สารสกัดจากเปลือกมังคุดมีคุณสมบัติ Anti Acne) ตัวช่วยยับยั้งแบคทีเรียตัวการที่ก่อให้เกิดสิว
:
จุดที่เบลชอบสุดของ Vit C ตัวนี้คือเขาบอกว่าปราศจากสารอันตรายอะไรบ้าง
ช่วยทำให้เรามั่นใจที่จะลองได้มากขึ้น
มี 10 ชนิดดังนี้
-Silicone Free
-Mineral Oil Free
-Paraben Free
-Fragrance Free
-Alcohol Free
-Preservative Free
-Colorants Free
-Sulphate Free
-PEG Free
-Harsh Chemical Free
*และถ้าใครที่ยังไม่มั่นใจยังไม่ชัวร์กลัวว่าจะแพ้แต่ยังอยากใช้ Vit C ตัวนี้ เบลแนะนำให้ไปลองเทสเนื้อ Serum ตัวนี้ดูก่อนว่าจะมีอาการแพ้หรือระคายเคืองมั้ย สามารถไปลองได้ที่ร้าน All About You เลยนะคะ*
*Vit C ตัวนี้อาจจะถูกกับผิวเบลแต่เบลไม่สามารถการันตีได้ว่าทุกคนจะสามารถใช้ได้โดยไม่แพ้นะคะ ส่วนตัวเบลหลังจากได้ลองคิดว่าเป็น Vit C ตัวนึงที่อ่อนโยนสำหรับผิวเบลพอสมควรเลย*
✔มาสรุปผลที่เบลใช้ Vit C ตัวนี้กันนะคะ
-หลังจากเบลได้ลองใช้ JUV Serum Brightening Vit C รู้ได้อย่างนึงหลังเบลลองใช้คือ Vit C ตัวนี้อ่อนโยนกับผิวเบลพอสมควรเลยไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองเลย
*ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้กล่าวว่าจะดีกับผิวทุกคนนะคะ* และยังซึมลงผิวได้เร็วมากไม่ต้องรอนานเลย ส่วนกลิ่นเขาจะเป็นส้มบางๆเบาๆค่ะ

-เบลเคยลองใช้ครั้งนึงแบบไม่ลง Moiturizer ตามหลังก็รู้สึกว่าผิวไม่ได้แห้งอะไรขนาดเบลเป็นคนผิวมันแต่ขาดน้ำ จริงๆแล้วมองว่าไม่ใช่วิธีที่ควรทำเป็นระยะยาวเพราะต่อให้ไม่ใช่ Vit C ผิวก็ยังต้องการความชุ่มชื่นมาหล่อเลี้ยงอยู่ดีเพื่อทำให้ผิวไม่เสียสมดุล -มาต่อในเรื่องของความกระจ่างใส ส่วนตัวแล้วเบลคิดว่า Vit C ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอผลลัพธ์นานเป็นสัปดาห์ อาจจะเห็นผลชัดในวันที่สอง แต่Vit C ตัวนี้เห็นผลได้ชัดเจนคือวันที่ 3 สำหรับเบลสังเกตได้จากรอยสิวที่เบลมือซนไปแกะจนแดงนั้นแหละและรอยสิวเก่าก็จางลงในประมาณนึง ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าช่วยให้รูขุมขนกระชับเบลยังไม่เห็นผลเรื่องนั้นอาจจะเพราะยังใช้ไม่นานพอ ถ้าให้เทียบในราคาปริมาณและคุณภาพเบลมองว่าเป็น Vit C ตัวนึงที่น่าลอง
-และอีกสิ่งนึงที่เราชอบสุดเพราะช่วยลดขั้นตอนสกินแคร์เบลลงได้ 1 ขั้นตอน คือ Vit C ขวดนี้เขามี Anti Pollution ที่ช่วยต่อต้านและปกป้องผิวจากมลภาวะได้ด้วยซึ่งถือว่าทั้งจำเป็นและสำคัญนะคะจริงๆ มลภาวะนอกบ้านถ้าเราไม่ปกป้องผิวเราก่อนออกไป พอเจอสิ่งต่างๆผิวก็จะพังได้แบบง่ายๆเลยเบลเคยเป็นมาแล้วไม่เอาอีกเลย เพราะฟื้นฟูนานค่ะ
เรามาต่อกันที่กันแดดอีกตัวนึงจากJUV เช่นกันค่ะ งานปกป้องผิวจากแดดและมลภาวะ คือทุกคนห้ามลืมที่จะทาเด็ดขาดเลยค่ะ!! ยิ่งถ้าออกจากบ้านยิ่งต้องทาเลย ไม่งั้นผิวพังได้ง่ายๆเลย เบลเผชิญแบบนั้นมาแล้วเชื่อเถอะว่ามานั่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูนานมากๆเลยค่ะ!  
- JUV Superfruit Skincare Water Gel Protection SPF50 PA+++
: กันแดดตัวนี้แน่นอนว่ามีส่วนผสมจาก Superfruit อยู่ค่ะ มั่นใจได้ว่าช่วยผิวในเรื่อง Antioxidant ได้แน่นอน ซึ่งอย่างที่เคยบอกว่า Superfruit เป็นสารสกัดจากธรรมชาติมีความปลอดภัยกับผิว และ Superfruit ก็ประกอบไปด้วย
1.Organic Goji Berry
2. Kiwi
3. Carrot Extract
:
กันแดดตัวนี้เขารวบรวม 2 เทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน คือ Physical & Chemical Sunscreen เพื่อประสิทธิภาพของกันแดดที่ดีมากกว่าเดิมค่ะ
- Physical Suncreen คือการปกป้องผิวโดนการทำงานแบบสะท้อนพลังงานแสง หรือ กระจ่ายรังสี UV ได้แก่ Zinc oxide และ Titanium dioxide จึงทำให้สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB เลยค่ะ - Chemical Sunscreen คือการทำงานโดยการดูดซับแสง UV เอาไว้ในเนื้อกันแดด ดูดซับรังสี UVA UVB : ส่วนคุณสมบัติเด่นๆของกันแดดตัวนี้ คือปกป้องผิวได้สูงสุด 5 เท่า
1. UVA / UVB - ปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
2. UVB - ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ
3. Visible light - ปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า
4. IR - ปกป้องผิวจากคลื่นความร้อน
5. Pollution - ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ
จากความรู้สึกที่เบลได้ลองใช้กันแดดตัวนี้
-อย่างแรกที่สัมผัสได้คือเนื้อเกลี่ยง่าย ไม่หนึบผิวรู้สึกสบายผิว
☝?แต่เบลแนะนำให้รีบเกลี่ยนะคะเพราะเนื้อเขาซึมไวพอสมควรเลย และถ้าเกลี่ยไม่ดีจะเป็นคราบได้นะคะ หลังจากทาไปสักพักนึงจะรู้สึกว่าเหมือนผิวมีฟิล์มบางๆเคลือบผิวอยู่ ซึ่งไม่ใช่ไม่ดีนะคะ แต่ตัวแผ่นฟิล์มสำหรับเบลเปรียบเหมือนตัวช่วยกรองหรือดักสิ่งต่างๆที่จะซึมเข้ามาสู้ผิวเรา ทำให้ผิวเราได้รับมลภาวะต่างๆน้อยลงในความคิดเบลนะคะ ความเป็นฟิล์มของเขาทำให้รู้สึกเหมือนเป็น
ไพรเมอร์ไปด้วยในตัวเท่าที่เบลสังเกตคือเขาช่วยพรางรูขุมขนหน้าแก้มไปได้นิดนึงด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบฟีลที่มีฟิล์มเคลือบผิวเบลก็อยากให้ข้ามไปเพราะอาจจะรำคาญหรือรู้สึกไม่สบายผิวนะคะแล้วแต่คนนะ และมีอีกอย่างนึงที่เห็นได้ชัดจากเนื้อกันแดดตัวนี้คือ พอทาไปแล้วเขาจะทำให้ผิวหน้าดูขาวสว่างขึ้นนิดนึงด้วยค่ะแต่ยังดูเป็นธรรมชาตินะคะ
?แนะนำว่าถ้าใครที่อยากลองเนื้อกันแดดว่าฟีลนี้เราจะชอบมั้ยเบลแนะนำให้ ไปลองได้ที่ร้าน All About You นะคะ เพราะมีพนักงานคอยให้คำปรึกษาด้วยค่ะ เผื่อมีตรงไหนที่เราอยากรู้ก็ถามได้เลย?

Discussion (20)

น่าสนใจค่าาา ?
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ นีนอยากลองกันแดดมากๆ เลยค่ะ ถ้ามีโอกาสก็คิดว่าจะซื้อมาลองเหมือนกัน
ต้องไปสอยมาใช้บ้างแล้ว