สื่อสิ่งพิมพ์คงไม่Disruptionในเร็ววันนี้หรอกนะ

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เขียนกระทู้มานานมาก สำหรับกระทู้นี้ จะมาเล่าถึงการอ่านหนังสือ(ที่เป็นเล่ม)ให้ฟัง
คือเราชอบอ่านหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเริ่มต้นจากหนังสือการ์ตูน พอช่วงม.ปลาย เริ่มอิ่มตัวกับหนังสือการ์ตูนแล้ว เลยไปซื้อหนังสือภาพจิกกัดสังคม หนังสือให้ข้อคิด จนตอนนี้ก็ซื้อหนังสือนิยายแปล(ส่วนใหญ่มาจากฝั่งญี่ปุ่น)และหนังสือประวัติศาสตร์ต่างประเทศ
ใครๆก็บอกว่าสื่อสิ่งพิมพ์กำลังจะตายเพราะโลกดิจิตอล แต่เราว่า มันไม่ตายง่ายๆหรอกนะ ตราบใดที่มีคนรักการอ่านอยู่ ดังนั้น ใครมีลูกมีหลานอยู่ หัดให้พวกเขาอ่านหนังสือโดยเริ่มจากช่วงเด็กเล็กกับหนังสือนิทานสักเล่มสิ
ถือเป็นกระทู้บอกเล่า ท่ามกลางโลกดิจิตอลยังมีความรู้ในหน้ากระดาษเสมอ ขอลาไปก่อนค่ะ Bye.

Discussion (5)

ชอบอ่านเป็นเล่มเหมือนกันค่ะ
ชอบอ่านจากหนังสือเหมือนกันค่า
เราก็ชอบอ่านจากหนังสือมากกว่าค่ะ บางทีอ่านจากหน้าจอมากปวดตา
ชอบอ่านหนังสือจากกระดาษมากกว่าเหมือนกันค่ะ  อ่านจากหน้าจอยังไงก็ไม่ชิน
อืมม มาเสริมเรื่องนี้ค่ะ เพราะเรารักการอ่านแต่เด็ก(ปะป๊าทิ้งคิสไว้ในร้านหนังสือ และอนุญาตให้ซื้อได้ครั้งละเล่ม) เสริมไปด้วยคุณแฟนเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวกับการพิมพ์ คือ....ขอคอนเฟริมว่า business disruption เกิดอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ยุคพี่หมู อุ๊คบี(e book) มาเป็นสิบปีแล้วค่ะ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป แต่ decline หัวจมดิ่ง หลายๆหัวหนังสือหายไปจากแผง หลายๆบริษัทที่เป็นลูกค้าของแฟนเรา ปิดตัวไปเยอะมาก ปรับตัวได้ดีและรอดก็เยอะ คือถ้าเป็นหนังสือเฉพาะกิจอาจจะไม่หายไป(เช่น หนังสือเด็ก ซึ่งสำคัญมากต่อพัฒนาการเรียนรู้เด็ก และดีกว่าดิจิตอล ทั้งแง่ mentally, physically ในเทศกาลหนังสือเด็กถึงได้ยังคึกคักอยู่บ้าง ยอดตก แต่ไม่หายไปแน่ๆ เพราะเป็น treatment ในแง่การศึกษา) ก็แชร์ข้อมูลกันและกันนะคะว่าจริงๆมันกระทบค่ะ ใครตัวใหญ่ในวงการนี้ เค้าหนี diversify ไปด้านอื่น align ไปด้วยกันนานแล้ว เพราะมันรอดยาก ทั้งแง่สิ่งพิมพ์อุตสาหกรรม ในกลุ่มอื่นๆ กลุ่มหมึกทุกอย่างกระทบไปด้วยหมดค่ะทั้ง SCM