💛 รีวิว Clarins Plant Gold แบบจัดเต็ม 💛
donut10317รีวิว Clarins Plant Gold แบบจัดเต็ม
- จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
- วิเคราะห์ส่วนผสมแบบละเอียดยิบ
- ต่างกับ Double Serum ยังไง
- ใช้ขั้นตอนไหน / เวลาไหน
เติมอาหารให้ผิวอิ่ม และเพิ่มความ Well-being ไปอีกขั้น เพื่อให้ผิวสวยทั้งภายนอกและอารมณ์ดีจากภายใน
มากกว่านั้นคือ ใครที่ชอบใช้ Facial Oil อยู่แล้ว ได้ลอง Clarins Plant Gold ขวดนี้ จะต้องถูกใจแน่นอน
.
สำหรับอากาศแบบบ้านเรา บางทีอยากเราจะใช้ Facial Oil เดี่ยวๆ ก็รู้สึกว่าอากาศร้อนชื้นเกินไป ไม่สบายผิวเลยใช่ไหมคะ ?
Product ตัวนึงที่โดนัทรู้สึกว่าน่าสนใจและน่าจะเหมาะกับคนที่อยากลองเริ่มต้นกับ Oil
ก็คือ Clarins Plant Gold Oil-Emulsion
สกินแคร์ตัวใหม่จาก Clarins ที่เพิ่งออกมาเมื่อต้นปีนี้เอง เค้าได้มีการรวม Facial Oil เอาไว้กับเนื้อ Emulsion ในขวดเดียว
เพราะ Emulsion จะช่วยเสริมการเกลี่ย การซึมของ Facial Oil และทำให้ซึมลงผิวได้ดีขึ้น สบายผิวขึ้น
ขอเกริ่นกันสักนิดว่า ช่วงที่ Clarins Plant Gold เปิดตัว มีคนถามกันมาเยอะมากว่า โดนัทได้ลองหรือยัง
เพราะทุกคนรัก Double Serum กันมากอยู่แล้ว และตื่นเต้น เตรียมตัวจะลอง Plant Gold กันแบบสุดๆ
ดังนั้น หลังจากที่ผ่านการใช้มาสักพัก วันนี้โดนัทมาแล้วค่า และจะมารีวิว Clarins Plant Gold แบบละเอียดยิบ สำหรับใครที่กำลังเล็งอยู่นะคะ
ปกติ Clarins เป็นแบรนด์โปรด ที่เวลาไม่ว่าจะได้ลองใช้สกินแคร์ หรือเมคอัพ ก็ทำให้ติดใจได้ตลอด
และในความรู้สึกของโดนัท Clarins เป็นแบรนด์ที่ ผสมส่วนประกอบที่ประสิทธิภาพที่ดีมากๆ เข้ากับความรื่นรมย์ในการบำรุงผิวไปในเวลาเดียวกัน เหมือนเค้าเอาใจใส่ทั้งสวยภายในและภายนอกไปพร้อมๆกัน
.
ซึ่งจริงๆแล้ว Clarins เค้ามีสกินแคร์หลายหมวดเลย
และ Plant Gold นี้ จัดอยู่ในหมวดที่ชื่อว่า Aromaphytocare เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มที่มีชื่อเสียงมายาวนานทั่วโลก และเป็นกลุ่มขายดีอีกกลุ่มเลยของ Clarins
สกินแคร์หมวดนี้จะเน้นการใช้ประโยชน์จากสารสกัดจากพืชต่างๆ เข้ากับศาสตร์ Aromatherapy ที่จะเป็นการใช้น้ำมันหอมระเหย เพื่อการบำรุงและ ประโยชน์ด้าน Well-being ของร่างกาย
เพราะน้ำมันหอมระเหยมีประโยชน์มากต่อร่างกาย เพราะเมื่อสูดดมแล้วสามารถกระตุ้นที่สมอง เพื่อควบคุมการหลั่งสารเคมีที่ทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น
มีการศึกษามากมายว่า....
สามารถช่วยร่างกายเราในด้านต่างๆ เช่น ความรู้สึกผ่อนคลาย , บรรเทาความเครียด ความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้า, ช่วยให้นอนหลับสบาย, ช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น
น้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดจะมีผลกับอารมณ์เราแตกต่างกันไป และความสามารถต่างๆนี้ กลิ่นหอมจากน้ำหอมสังเคราะห์ทำไม่ได้เหมือนน้ำมันหอมระเหยด้วยค่ะ
ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ใครใส่ใจเรื่องการดูแล Body & mind น่าจะชอบ เพราะผลิตภัณฑ์หมวดนี้เน้นความเป็นธรรมชาติ ใช้ Aromatherapy หรือศาสตร์กลิ่นบำบัด เพื่อดูแลตัวเองให้มีสุขภาพองค์รวมสมดุลขึ้น
ในสปา Clarins ก็ได้ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Aromaphytocare เช่นกัน
และได้ใช้กลุ่มส่วนประกอบของ Plant Gold ในการทำสปาทรีทเม้นท์ Ultra-Relaxing Aroma Facial Treatment ที่นอกจากจะเน้นบำรุงผิวจัดเต็มหลายขั้นตอนแล้ว ยังเน้นผ่อนคลายทั้งร่างกาย หลับสบาย วางมือถือ เข้าสู่กระบวนการ Digital Detox ได้อีก
โดนัทได้ไปลองมาเรียบร้อยค่ะ ^^ พอออกมาจากสปาคือสดชื่น อารมณ์ดี ผิวเด้งอิ่มน้ำต่ออีกหลายวัน ติดใจมากจริงๆ อยากให้ทุกคนไปลองค่ะ
ทาง Clarins บอกด้วยว่า
เราสามารถเข้าสู่ Ritual แบบสปาทรีทเม้นท์ได้ที่บ้าน จากการใช้ Clarins Plant Gold
ซึ่งเปรียบเหมือนย่อสปามาไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเราเอง
และโดนัทเรียนวิธีใช้แบบ home spa treatment จากคลาแรงส์มาด้วย ถ้ามีโอกาสจะมาแชร์วิธีใช้ให้ดูเพิ่มนะคะ
ต่อไปเรามาดูส่วนผสมของ Clarins Plant Gold กันดีกว่าค่ะ
ก่อนอื่นเราจะเห็นขวด Clarins Plant Gold แยกออกมาเป็น 2 Chambers ค่ะ
- ฝั่งบรรจุ Emulsion
- อีกฝั่งบรรจุ Blue Orchid Facial Oil
สงสัยมั้ยคะ ว่าทำไมต้องเป็น Blue Orchid Facial Oil
จริงๆ Clarins มี Facial Oil 3 ชนิดค่ะ แต่ Blue Orchid Oil ของ Clarins
เป็น Facial Oil ที่โด่งดังมานานมาก เค้าเหมือนเป็น Oil พื้นฐาน ที่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผิวเราเริ่มแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ขอให้นึกถึง Blue Orchid Oil ไว้ก่อน
โดยมีข้อมูลว่า Blue Orchid Oil เป็น Facial Oil ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว สามารถกอบกู้ผิวแห้งขาดน้ำ และขาดความสมดุล
ซึ่งส่วนประกอบเต็มใน Blue Orchid Oil จะมีดังนี้
Corylus Avellana (Hazel) Seed Oil, Pogostemon Cablin Oil, Aniba Rosaeodora (Rosewood) Wood Oil, Fragrance, Dendrobium Phalaenopsis Flower Extract, Linalool, Limonene, Geraniol, Benzyl Benzoate, Coumarin, Eugenol
ซึ่งจากข้อมูลในฉลาก ส่วนประกอบออกฤทธิ์สำคัญๆ ใน Blue Orchid คือ
Hazel Seed Oil ซึ่งมี Palmitoleic acid หรือ Omega 7
ที่มีการศึกษาว่ามีประโยชน์ในด้านการปรับลดจุดด่างดำ, เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว, ช่วยในด้านการสมานแผล และลดอาการอักเสบของผิว
ซึ่งความเด่นของ Blue Orchid Oil คือการมีสารสกัดที่ชื่อ
Dendrobium Phalaenopsis Flower Extract ซึ่งเป็นสารสกัดจากดอกกล้วยไม้
ที่พบข้อมูลจากทางผู้ผลิตว่าช่วยแก้ปัญหาผิว Dehydrate หรือผิวขาดน้ำ
และยังมี Phenolic Compound สูงจึงมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ และปรับให้ผิวกระจ่างใสได้อีกด้วย
ในด้านของกลิ่นหอมบำบัดหรือ Aromatherapy มีน้ำมัน 2 ชนิดที่มีกลิ่นหอมนั่นคือ
Rosewood Oil ที่มีฤทธิ์ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล ทำให้ mood เราสงบลง และมั่นใจมากขึ้น
และ อีกชนิดคือ Patchouli Oil ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ลดความเครียดและวิตกกังวล
สำหรับอีก Chamber คือ Emulsion
เพื่อออกแบบมาเพื่อการเกลี่ยกระจายบนผิวที่ลื่นสบาย พาให้ Oil และสารสกัดต่างๆซึมซาบได้ดี
ซึ่งดีมากๆ เพราะทำให้คนที่ชอบใช้ Oil แต่กลัวจะเหนอะหนะ สามารถใช้ Plant Gold ได้แบบสบายผิว และซึมสู่ผิวได้ดีขึ้นค่ะ
ในส่วนประกอบด้าน Emulsion ก็ยังมี oil และ Active Ingredients ดีๆอีกมากมาย คือ
Macadamia Oil หรือน้ำมันจากเมล็ดแมคคาเดเมีย ที่มี palmitoleic acid และมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ แอนตี้ออกซิแดนท์ และช่วยส่งเสริมการสมานแผล
Sweet Almond Oil ให้ความนุ่มชุ่มชื้นแก่ผิว ลดอาการแห้งคัน มีฤทธิ์ดีมากในการดูแลแผลเป็น และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
Grapeseed Oil มีส่วนประกอบของ linoleic acid, vitamin E และสารกลุ่ม phenolic ที่มีฤทธิ์ตั้งแต่ซ่อมแซมผิว, ลดอาการอักเสบของผิว และแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ Potent มาก
Sunflower Seed Oil มีการศึกษาด้านการเสริมสร้าง Skin Barrier ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรง
และมีสารสกัดจาก Wintergreen ที่ปรับให้ผิวกระจ่างใส ผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ
สารสกัดจาก Blue Orchid ที่เป็นสารสกัดเด่นในสกินแคร์ชิ้นนี้เลย โดยมีข้อมูลว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่ขาดน้ำ
สารสกัดจาก Rosemary ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากการโดน UV ทำร้าย และมีฤทธิ์ Anti-aging
โดย List ส่วนประกอบทั้งหมดคือ
Corylus Avellana (Hazel) Seed Oil*, Coco-Caprylate, Macadamia Integrifolia Seed Oil, Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Oil, Propanediol, Polyglyceryl-6-Stearate, Vitis Vinifera (Grape) Seed Oil, Glyceryl Stearate SE, Pogostemon Cablin (Patchouli) Oil*, Levulinic Acid, Xanthum Gum, Chondrus Crispus (Carrageenan), Gaultheria Procumbens (Wintergreen) Leaf Extract, P-Anisic Acid, Sodium Hydroxide, Tocopherol*, Polyglyceryl-6 Behenate, Linalool*, Parfum/Fragrance, Glycerin, Sodium Levulinate, Limonene*, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil*, Phytic Acid, Rosemarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Extract, Eugenol*, Coumarin*, Vanda Coerulea (Blue Orchid) Extract*.
สรุปส่วนประกอบ
จากส่วนประกอบทั้งหมด Clarins Plant Gold นี้มีส่วนประกอบที่ส่งเสริมผิวในด้าน
- การเติมน้ำให้ผิว และเติมกรดไขมันดี ทำให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน และยืดหยุ่นดีขึ้น
- ริ้วรอยดูจางลง ผิวดูกระชับขึ้น
- เคลือบซีลปิดผิวไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกจากผิวจากส่วนประกอบของ Oil
- มีกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ชะลอความชราของผิว และปรับให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- ที่สำคัญที่สุดคือ Detox อารมณ์ ส่งเสริมด้านการผ่อนคลายความอ่อนล้า และความเครียด
มาดู Texture กันค่ะ
ทั้ง 2 Chambers จะถูกแยกจากกัน และจะผสมกันก็ต่อเมื่อเรากดปั๊ม
โดยทั้ง 2 phases จะถูกกำหนดให้ออกมาพอดีกัน ดังนั้นต้องกดให้เต็มกดนะคะ
ซึ่ง Texture ของ Oil มีบอดี้กลางๆ และ Emulsion ก็ค่อนไปทาง Rich
เวลาเราผสมๆกันแล้วจะเข้ากันได้ดี กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ทาแล้วจะรู้สึกถึงความเข้มข้นของ Texture ก่อน พอนวดๆลงบนผิวจะรู้สึกว่าเนื้อเซรั่มค่อยๆซึมลงสู่ผิว
และมีส่วนหนึ่งที่ปกคลุมบางๆบนผิว ส่วนนี้เราจะเห็นได้ว่าผิวดู Glow
ต่างกับ Double Serum ยังไง ใช้แทนกันได้ไหม?
ใช้แทนเพื่อประสิทธิภาพเดียวกันไม่ได้ค่ะ เพราะส่วนประกอบไม่เหมือนกับ Double Serum เลย Double Serum คือเซรั่มที่มีคุณสมบัติหลักคือเรื่องแอนตี้ออกซิแดนท์ ลดริ้วรอย ฟื้นบำรุงผิวให้อิ่มฟูดูอ่อนเยาว์ แต่ Plant Gold มีคุณสมบัติเหมือนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ Oil บำรุงให้ความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ จุดเด่นคือการบำรุงจากน้ำมันสกัดจากพืชร่วมกับศาสตร์อโรมาช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
ใช้ขั้นตอนไหน? ก่อนหรือหลัง Double Serum?
ให้มอง Plant Gold เหมือนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ตัวนึงเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะใช้หลังขึ้นตอนของเซรั่มเสมอ
แต่ถ้าเป็น Blue Orchid Oil คลาแรงส์เค้าแนะนำให้ใช้ก่อน Double Serum นะ ซึ่งเค้ามีวิธีใช้ที่พิเศษนิดนึงที่โดนัทก็เพิ่งจะรู้ นั่นก็คือ เค้าให้ผสม Face Oil กับ Toning Lotion แล้วทาลงบนผิวก่อน พอซึมแล้วค่อยทา Double Serum ลงบนผิวตาม
ใช้เช้าหรือก่อนนอน?
คำตอบคือ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอนค่ะ ในคนที่มีผิวแห้ง หากต้องการบำรุงผิวด้วย Oil ในตอนเช้า ก็สามารถเลือกใช้ Plant Gold ได้ ผิวจะดูฉ่ำสวยกำลังดีด้วยค่ะ แต่ถ้าต้องการใช้ Oil ในตอนกลางคืน อาจเลือกเป็น Blue Orchid Oil เพื่อให้ได้เนื้อ Oil ที่ฉ่ำขึ้น
สรุป
โดนัทคิดว่า Clarins Plant Gold Oil-Emulsion เหมาะที่จะมีเพื่อเสริมในสกินแคร์รูทีน ของวัยที่เริ่มมีความเครียด ต้องการผ่อนคลายง่ายๆ โดยการใช้สกินแคร์ที่บ้าน
และสำหรับคนที่ผิวแห้งเติมน้ำให้ผิวเท่าไหร่ ผิวก็ไม่ชุ่มชื้นเพียงพอ ไม่อิ่มฟูเพียงพอสักที
เสริม Plant Gold Oil-Emulsion ลงไปจะช่วยได้ดีมาก
นอกจากนั้นคนที่ชอบใช้ Facial Oil จะรู้สึกรักเลย เพราะทั้งใช้ง่ายขึ้นกว่า Oil ล้วนๆ ได้ความรู้สึกตอนใช้ที่ดีขึ้น และได้ผ่อนคลายจาก Aromatherapy ด้วย
โดยโดนัทเองใช้อาทิตย์ละ 2 วัน เพื่อปรนนิบัติตัวเอง ก็รู้สึกแฮปปี้แล้วค่ะ
NOTE
ในสูตรมีน้ำหอม(จากธรรมชาติ) และ มีน้ำมันหอมระเหย
ราคา
Plant Gold Emulsion ขนาด 35 ml ราคา 3,250 บาท
จัดได้ที่ Counter Clarins ทุกสาขาค่ะ
Discussion (17)