mini guide แต่งหน้ารับปริญญา+ รีวิวสีคอนแทคเลยส์ที่เคยใส่
Alejandra274สวัสดีจ๊าหายหัวไปเป็นพักๆ ชักคิดถึงจีบันเลยกลับมาหาอะไรทำที่เป็นประโยชน์ เข้ากะเทศกาลม่วนซื่น เอ้ย...ชื่นมื่นกับบรรยากาศการรับปริญญาช่วงนี้ พอดีไปขอเพื่อนมาเป็นแบบฝึกฝีมือก่อนแต่งจริง และถ่ายรูปไว้ประจาน (ฮ่าๆ) ขอเริ่มด้วยเหยื่อรายแรก
เพื่อนเวียร์ของเฮา เพิ่งส่างจากไข้หวัดใหญ่ได้ไม่ถึงหนึ่งวันแต่สปิริตแรงสูง เมื่อเพื่อนสาวขอไป เวียร์จึงจัดมาาา ด้วยสภาพที่ตายจริงๆ
เป็นเหยื่อที่ได้ลองของคนแรก เพราะเพิ่งไปสอยรองพื้นคัพเวอมาร์คที่เค้าว่ากันว่าเนียนและเด้งอยู่ได้ทั้งวัน ทั้งแบบน้ำและแบบครีม ไปๆมาๆเลยได้แป้งฝุ่นแบบผสมอณูมุกมาด้วยเวลาเจอแสงหน้าจะได้ผ่องๆ ราคารองพื้นและแป้งนี่ พอๆกะ LM เลยอ่ะ
การแต่งหน้าผู้ชาย เน้นให้ดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่แต่ง แต่เล่นกับแสง-เงา มิติของใบหน้าแทน เพื่อเวลาถ่ายรูปจะได้ออกมาสวยๆ ไม่เน้นหน้าขาว เน้นหน้าคมๆ จะดีกว่า ถ้าผิวขาวก็ทารองพื้นให้เฉดสีเข้มกว่าสีผิวจริงสัก 1-2 เฉด
- ผิวหน้า ทำการเตรียมผิวเหมือนผู้หญิงทุกประการที่สำคัญคือกันแดดก่อนรองพื้นต้องเป็นแบบกันน้ำและกันเหงื่อได้ทุกสถานการณ์ และต้องไม่ทำให้หน้ามัน ลงรองพื้นเท่าที่จำเป็น กลบรอยดำใต้ตาด้วยคอนซีลเลอร์อย่างเบาบาง เฉดดิ้งกรอบหน้า ข้างแก้มและข้างจมูก และไฮไลต์อีกทีตรงสันจมูก หน้าผากและคาง จากนั้นเราก็ปัดแป้งฝุ่นให้ทั่วหน้า และตบด้วยแป้งอัดแข็งอีกทีเพื่อความเนียนและคงทนของเครื่องสำอางค์ที่จะต้องอยู่กะหนังหน้าเราไปทั้งวัน ตบทั่วหน้าพอให้เนียน อย่าไปพอกแป้งเด็ดขาด เพราะถาพอกมากไป หน้าจะมีรอยแตกลายงา หรือเมื่อเหงื่อออก แป้งจะลอกเป็นคราบออกมา เวลาหน้ามันระหว่างวันควรซับหน้าก่อนแล้วค่อยเติมแป้งอีกที
- คิ้ว เอาที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นปัดเล็กน้อย เพราะเพื่อนเวียร์ของเฮาคิ้วสั้น อิชั้นเลยเขียนคิ้วต่อให้ยาวขึ้นมาอีกนิด และลูบวาสลีนจัดแต่งทรงคิ้วให้อยู่ตัวอีกครั้งนึง
- ตา เราเขียนขอบตาด้วยสีน้ำตาลจากตรงหางตาเข้ามาประมาณ 2 ใน 3 ของรูปตา แล้วเอาคอตอตนบัดเกลียให้ขอบมันฟุ้งๆ ปัดทับด้วยอายชาโดว์สีน้ำตาลอย่างเบาบาง จากนั้นก็ไม่ดัดขนตาแต่ปัดมาสคาร่าเลย เราปัดสีดำให้ครั้งเดียวพอ จะได้ไม่ดูเป็นแต๋วจ๋า
- แก้ม ลองบรอนเซอร์นิดหน่อย ปัดจากด้านข้างเข้ามา
- ปาก แตะลิปสติกสีธรรมชาติ แล้วใช้นิ้วแตะๆสีไปตามริมฝีปาก จะได้ลุคแมทๆแบบธรรมชาติ แล้วตามด้วยวาสลีน จึงได้สภาพหลังแต่งออกมาเยี่ยงนี้แล.......
แสงธรรมชาติตอน 5 โมงเย็นไม่ค่อยงามเท่าไหร่แต่ก็พอเห็นภาพได้ว่าออกมาเป็นธรรมชาติ หน้าเนียนขึ้นและไม่หมอง
ลองถ่ายแบบเปิดแฟลชดูบ้าง เพื่อนเวียร์เลยขอแอ๊บสักแช๊ะ
ตามติดมาด้วย เหยื่อรายที่สอง หุหุ น้องเพิ่งอยู่ ม.6 ก็จับมาซ้อมแต่งหนารับปริญญาซะงั้น แต่น้องก็ใจดีมาเป็นเหยื่อให้พี่เฉือนคิ้วออกให้ แต่ไม่กล้าเอาออกเยอะเกินเพราะน้องยังต้องไปโรงเรียนกัวอาจารย์และผองเพื่อนจะเขม่นเอาได้
น้องขวัญ สภาพผิวมีสิวอุดตันประปรายและรอยหลุมสิวข้างแก้มค่อนข้างเยอะ แก้มและหน้าผากแดง ไอ้เราก็โยนเบสเขียวทิ้งไปแล้ว เลยจัดการเอาอายชาโดว์สีเขียวมาผสมเบสแล้วจัดการลดความแดงของใบหน้า เห็นมะว่าการแต่งหน้ามันสนุก และไม่มีกฏตายตัว ยิ่งแต่งบ่อยๆและหัดกะหลายๆหน้าเราก็จะได้เทคนิคใหม่ๆ ที่เราคิดขึ้นมาเองว่าเหมาะที่จะใช้มากกว่า
เตรียมผิวหน้า ทาคิ้วตามปกติ สีตาเราเน้นโทนธรรมชาติ น้ำตาลทอง อมชมพู แอบใส่ขนตาปลอมแบบธรรมชาติให้น้องโด้ยตาจะได้หวานขึ้น เพราะขนตาน้องมันสั้นและไม่ยาว
แก้ม ปัดด้วยสีพีช และทาปากชมพู แล้วทาทับอีกทีด้วยกลอสใส สุดท้ายน้องของเราเลยดูพริ้งได้อย่างนี้ และดูแก่สมจริง(เหมือนคนที่จะรับปริญญา ฮ่าๆ)
เหยื่อคนที่สามจ้างมันก็ไม่มา ฮ่าๆ ก็เลย.....แต่งหน้าตัวเองก็ได้(หว่ะ) สภาพผิวไม่มีปัญหาอะไร กระ 4-5 จุด และรอยคล้ำใต้ตาที่เกินเยียวยา เนื่องจากเป็นภูมิแพ้และนอนดึก เลยทำใจยอมรับน้องแพนด้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่..... ไม่เสมอไปหรอก! ในเมื่อพระเจ้าประทานคอนซีลเลอร์มาให้แล้ว น้องแพนด้าจึงมีโอกาสน้อยลงที่จะโผล่มาเสนอหน้าให้ประชาชีได้ทักทาย
เราแต่งหน้าสีแบบน้องขวัญ แป๊ะๆ แต่ติดขนตาปลอมเฉพาะตรงหาง เพราะอยากให้ตาดูหวานซึ้งขึ้นแต่ดูเป็นธรรมชาติกลืนไปกะขนตาจริง
ลองเปลี่ยนสีปากเป็นสีอมส้มก็สวยเข้ากับชุดครุยดีจัง
หวังว่ารุ่นน้องสาวๆ หนุ่มๆ คงจะได้ไอเดียเผื่อไปลองหัดแต่งหน้ารับปริญญากันเองนะคะ แล้วก็ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกๆคนด้วยจ๊าาาา
PS. น้องรหัสอิชั้นที่จะรับปีนี้ หลังไมค์ผ่านอีเมลล์มาด่วนเพราะไม่มีเบอร์ติดต่อ เผื่อนู๋จะซุ่มดูอยู่แถวนี้
Contact lens ถือว่าเป็นสินค้าสิ้นเปลือง และเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับดวงตา แต่เราก็ไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้หน้าเราดูต่างออกไปจากเดิมแล้วทำไมเราหรือจะพลาด........ หลังจากที่ลองใส่มาเกือบทุกสี แต่ที่ถ่ายรูปเก็บไว้ก็มีไม่กี่สี ก็สรุปได้ว่า
สำหรับสาวผิวแทนนั้น ให้ใส่คอนแท็คสีอ่อน จะดีที่สุด ดวงตาจะน่ามองมีประกายสดใสขึ้น และทำให้หน้าดูผ่องขึ้นด้วยนะ
สำหรับสาวผิวขาวคงไม่มีปัญหาเรื่องสี แต่คนที่อยากจะลองใส่แต่ไม่กล้าใส่สีแรงๆ ก็อาจจะเริ่มต้นด้วยโทนสี น้ำตาล,ฮาเซล,หรือ สีน้ำตาล หรืออาจจะเล่นพวกบิ๊กอาย ตัดขอบดำแบบเกาหลี แต่โดยส่วนตัว เราไม่ค่อยชอบบิ๊กอาย แต่ชอบเล่นสีตามากกว่าเพราะจะได้ลองแต่งสีตาแบบใหม่ๆดู
เริ่มด้วยภาพจากเวบแคมที่ขุดมาได้ ถ่ายไว้ 3 ปีเห็นจะได้ ในรูปใส่สีเทาคะ เป็นคอนแท็คเลนส์ราย 2 เดือน ของ color tones เครือเดียวกันกับ maxim
color tones : สี hazel
color tones : สี Aqua (ฟ้าอมเขียว)
Big eye : Maxim- Gray
Big eye : Maxim- Blue เคยเอาไปแล้วแต่รวมๆมาให้ดูอีกรอบ
color tones : สีโปรดของเรา คือ Green รู้สึกว่าจะใส่ Green กะ light blue ขึ้น
เลนส์สี รายเดือนของ freshkon สีม่วง อู้ว สีแปลกและสวยดี เลยลองใช้พิกเมนต์ ที่ได้มาใหม่ แต่งม่วงฟ้า ดูซะ
สีม่วงอันเดิมแต่เปลี่ยนการแต่งสีตาแบบบาง กรีดอายไลน์เนอร์แล้วเอาอายชาโดว์ทาเฉพาะตรงหางตาให้ดูฟุ้งๆ ลุคหากินของเราที่เข้าได้กับทุกสีตา คนที่ใช้ลุคนี้เป็นประจำอีกคนก็คือ แองเจลิน่า โจลี (แอบชอบชีอยู่ เลยขอก๊อบลุคตาเซะซี่มาใช้บ้างหง่ะ อย่าว่ากันเลยนะโจลี่ หุหุ)
สิ่งที่สำคัญสำหรับการใส่คอนแทคเลนส์ก็คือการรักษาความสะอาด เราจะได้มีตาคู่สวยอยู่คู่กับเราไปนานๆ นะคะ
การเลือกสีอายชาโดว์ ให้เข้ากับสีตาให้ใช้หลักการทฤษฎีสี เข้ามาช่วย
อย่างเช่น ถ้าเรา ตาสีเขียว แล้วใส่เสื้อเขยว จะทำให้สีตาเราเขียวขึ้น คือ สีเด่นขึ้นนั่นเอง ส่วนสีอายชาโดว์ที่ทำให้สีเขียวโดดเด่นขึ้นมาก็คือสีน้ำตาลคะ โอย พิมนานเริ่มเมื่อยไหล่ไปตามสังขาร เอาไว้เจอกันใน how to ขอให้ทุกคนโชคดี สวยๆ รวยๆ รับปีใหม่ และเป็นกำลังใจให้พี่แป้งจี่ เพื่อนของเราหายป่วยไวไวด้วยเนาะ
ถึงพี่แป้ง หายไวไวนะพี่เดี๋ยวจะสวยไม่ทันเพื่อน เดี๋ยวแหม่มจะทำ how to เผื่อตอนที่พี่ไม่สบายนะจ๊ะ
Discussion (74)
สีคอนเทค สวยๆๆทั้งนั้น เลยค๊ะ