[ไตรภาคแบรนด์จากDeciem 3]:The Ordinary บำรุงผิวฟีลเหมือนผู้ชายซื่อๆมาจีบ

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับภาคสุดท้ายของพูดถึงแบรนด์จากร้าน Deciem กันนะคะ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกรัก น้องคนสุดท้องที่ดังที่สุดของร้านDeciem เลยนั้นก็คือ The Ordinary นั้นเองค่าาาาา

The Ordinary นั้นเป็นเครื่องสำอางทั้ง Skincare และ Make Up ที่โดดเด่นในเรื่องของการเอาสารActive Ingredient มาใช้ในบริมาณที่โดสใส่แบบจัดเต็มค่ะ คือส่วนผสมนู้นนั้นนี้ ออกฤทธิ์นั้นนู้น เค้าก็ใส่มาให้เป็น% แบบจัดเต็มที่คาดหวังในการเห็นผลค่ะ บวกกับราคาที่ไม่แพงมาก น่าจะเป็นคอนเซปของทางเจ้าของแบรนด์ที่เค้าอยากจะให้ทุกคนได้มีโอกาสได้การบำรุงผิวอย่างเต็มที่ค่ะ เลยทำให้The Ordinary ดังเป็นพลุแตก ตอบโจทย์สำหรับสาวกกคนชอบบำรุงผิวกันไปทั่วโลก แล้วก็ถือว่าเค้าทำให้เทรนด์การทำแพคเกจกิ้งแบบ Dropper ของแบรนด์อื่นๆ ออกมาตามกันให้เป็นแถวเลยค่ะ

ที่เราเปรียบเปรยThe Ordinary ว่าเหมือนเป็นผู้ชายๆซื่อๆทื่อๆนั้น ก็ถามคอนเซปของแบรนด์เค้าแหละ Skincare แต่ละตัวเค้าจะให้ส่วนผสมมาอย่างสองอย่าง แล้วมันก็จะให้ผลฟังค์ชั่นไม่เกินจุดประสงค์เดียวเช่น ให้ความชุ่มชื่นก็ให้ความชุ่มชื่น กระจ่างใสก็กะจ่างใส เพราะฉะนั้นถ้าใช้ร่วมๆกันหลายๆตัวก็จะเห็นผลดีมาก ครบตามปัญหาผิว แต่ก็ต้องระวังผู้ชายที่มาจีบเราหลายๆคนตีกันด้วยเหมือนกัน เพราะส่วนผสมบางตัวก็ไม่ถูกกันอีกค่ะ ก็ต้องคอยปรับคอยดูผลที่ผิวเรากันไป ความสนุกเลยอยู่ตรงที่การปรับใช้แต่ละตัวให้เข้ากับผิวเรานั้นเองจ้า

สำหรับแบรนดฺ์ The Ordinary ส่วนตัวเราได้ใช้ต่อเนื่องมาได้เกือบจะ2 ปีแล้วค่ะ ก็ถือว่าถ้าใช้ดีๆ ต่อเนื่อง เค้าก็เป็น Skincare ที่ทำให้ผิวหน้าดีขึ้น แก้ปัญหาผิวต่างๆได้ดีจริงๆค่ะ วันนี้เราขอมาแชร์และพูดถึงแต่ละตัวที่เราใช้มากันดีกว่า อาจจะไม่ครบเพราะเค้ามีเยอะแยะหลายตัวมากนะคะ อันไหนใช้ดีหน้าใส อันไหนหน้าแหกก็มีค่ะ

*เนื่องจากเราใช้มานานแล้ว ตัวรีวิวก็จะพูดถึงในแง่ของความรู้สึกของการใช้แต่ละตัว มากกว่าพูดถึงผลลัพธ์นะคะ

เริ่มที่แนว Moisture ให้ความชุ่มชื่นกันก่อนเลยละกันเนาะ

Natural Moisturizing Factors + HA
ครีมเนื้อเข้มข้นสีขาว มีส่วนประกอบของ NMF หรือสารที่อยู่บนผิวของเราค่ะ แล้วก็มี Hyaluronic Acid ด้วย NMF ก็คือเป็นสารที่เป็นองค์ประกอบของผิวชั้นนอกของเราช่วยปกป้องความชุ่มชื่นของผิวเราค่ะ ครีมตัวนี้เลยเปรียบเสมือนอาหารผิวที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นแล้วก็ผิวแข็งแรงนั้นเอง

คือทุกคนน่าเคยเป็นแบบฟีลขี้เกียจหาครีมทาครีมมากก ไม่อยากจะทาอะไรทั้งนั้นแต่ก็กลัวหน้าจะป่วยก็โบกๆตัวนี้ไปก็ได้ ครีมตัวนี้คือไม่เน้นขาว ไม่เน้นริ้วร้อยแต่จะเน้นเติมความชุ่มชื่นให้ผิวแค่นั้น เป็นครีมเบสิคให้ผิวแข๊งแรง พูดง่ายๆคือเป็นครีม "ทาๆไปเหอะ" หน้านุ่มแน่นแล้วก็ไม่ค่อยแดงเห่อเลยค่ะ ใช้กับตอนไปต่างประเทศอากาศหนาวแห้งก็ทาตัวนี้ช่วยได้นะคะ ไม่คุมมันแต่ไม่ทำให้หน้าเหนียวเลย เนียบสนิทแนบไปกับใบหน้า ใช้เช้าเย็นได้ วันไหนรีบๆก็ปาดๆตัวนี้แล้วก็ลงกันแดดต่อ ออกไปจากได้เลยย ถือว่าเป็น Simple is the best เลยค่ะ เหมาะพกเอาไว้เวลาไปค้างบ้านผู้ชายแต่ไม่อยากพกของไปให้หนัก ก็พกตัวนี้ได้

100% Plant-Derived Squalane

ถัดมากับออยล์ตัวนี้ Squalane ทุกคนน่าจะเคยผ่านหูมาบ้าง นางเป็นน้ำมันสารพัดประโยชน์ Squalane ของ The Ordinary เค้าว่ามาจากพืชนะคะ คือมันเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากหลายๆที่ หลายส่วน เป็นตัวให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวได้ดีมากๆทั้งทดแทนความชุ่มชื่นที่ขาดและป้องกันการระเหยของความชุ่มชื่นได้ผิวได้เช่นเดียวกันเด้อ จะเอามาทาหน้า ทาผิว หรือลูบผมก็ยังได้ค่ะ ถือว่าสารพัดประโยช์นมากๆกับเจ้า Squalane ตัวนี้

ออยล์ตัวนี้ถือว่าสารพัดประโยช์นสำหรับเราอีกเช่นกัน เนื้อมันใสไม่เหนียวเหนอะหนะมาก แต่ก็ยังเป็นฟีลออยล์อยู่นะคะ ทาๆไปก็จะซึมผิวได้ดี กลิ่นก็จะออกน้ำมันพืชแหละค่ะ แต่ก็ไม่น่าอยากถอยจมูกหนีอะไรก็ดมได้อยู่ ถ้าไม่อยากทาเพียวๆก็ผสมกันโทนเนอร์ซักหยดหรือจะผสมกับโลชั่นทาผิวในวันฟีลรู้สึกว่าผิวแห้งกรังก็ไม่ติด นางช่วยได้ค่ะ ส่วนตัวใช้แล้วสิวไม่ขึ้น แต่ช่วงที่มีสิวเราก็อย่าทาสิคะเนาะ ก็ไปใช้อย่างอื่นที่รักษาสิวก่อน ตัวนี้ก็ค่อยเอามาใช้เวลาต้องการเติมความชุ่มชื่นก็ว่ากันไป

Amino Acids + B5 

ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่ให้ความชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดีแถมเนื้อจะบางเบาเป็นออยล์เซรั่มค่ะ กรดอะมิโน 17% ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซมให้ผิวให้มีความชุุ่มชื่น ตัวเด็กที่มาคู่กันคือ panthenol ที่ใส่มา5% แหนะ คือหลักๆคือปลอบปะโลมโอ๋จ๋าผิวไม่ให้อักเสบหรือแพ้ค่ะ

ตัวนี้ถ้าช่วงไหนถ้าผิวอ่อนแอจะรู้สึกว่าทาไปแล้วหน้าจะร้อนๆวูบๆวาบๆไม่รู้เพราะนางไปทำปฎิกิริยาอะไรกับผิวหรือแต่ใช้ไปแล้วหน้าจะดีขึ้น หรือถ้าหน้าลองอะไรใหม่มาๆแล้วแหกหรือแพ้ก็จะกลับมาโปะตัวนี้ให้ช่วยไม่ให้แหกไปกว่าเดิมค่ะ

Marine Hyaluronics

ถือว่าเป็นตัวที่ให้ความชุ่มชื่นแล้วเนื้อบางเบาสุดแล้วละคะ เนื้อไหลใสเป็นสายน้ำสมชื่อ หยดๆแล้วเอาแป๊ะๆ เป็นน้ำตบได้เลย นางว่า Hyaluron ที่สกัดมาจากพวกแบคทีเรียดีๆจากทะเล คาดว่าเอาตีกับ Plankton ของอีกแบรนด์นึงละมั้งคะ ก็คือเป็นHya ที่มีความเบามากๆๆๆแต่ก็ยังให้ผลดีในเรื่องของความชุ่มชื่นกับผิวนั้นเองคะ

อย่างที่บอกว่าใช้ตัวนี้แทนน้ำตบหลังจากเช็ดโทนเนอร์เสร็จ ก็ตบๆตัวนี้เข้าไป เนื้อมันเบาซึมไว ก็สามารถเพิ่มเลเยอร์ต่อโดยการไปโบกอย่างอื่นต่อค่ะ ตัวนี้ไม่ได้ลดการอักเสบหรือปลอบปะโลมผิวได้เหมือนตัว Plankton ของแบรนด์อื่นนะคะ เค้าแค่ให้ความชุ่มชื่นฉ่ำๆอย่างเดียวเลยจ้า

หมดไปกับหมวดความชุ่มชื่น มาต่อหมวดผิวกระจ่างใสกันดีกว่า

Vitamin C Suspension 23%+ HA Spheres 2%

Vitamin C ทาหน้าแบบเข้มข้นตัวแรกของแบรนด์นี้นะคะ ใส่ Ascorbic Acid เพียวๆมเลย 23% เต็มเหนี่ยวไปเลยพี่เต็มที่ไปเลยที่เธอ จริงๆแล้วLine Vitamin C ของ The Ordinary นั้นมีมากมากหลายตอบโจทย์ของผิวเรานะคะ เลือกได้จะแบบผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ความเข้มจากน้อยไปจัดเต็มก็มีให้เลือกมากมายค่ะ หรือจะเลือกจากความชอบของเนื้อผลิตภัณฑ์ก็ได้ จะเป็นออย จะเป็นครีม จะเป็นซิลิโคนนางก็มีให้เลือก ส่วนตัวเลือกตัวนี้มะเพราะนางว่าเข้มข้นให้ผลสูงสุดละ เลยจัดมาค่ะ Vit C นั้นก็สารพัดประโยชน์กับผิวแหละคะ หน้ากระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยเรื่องลดริ้วรอยได้ด้วย ถือว่าถ้า% ถึงแล้วเข้ากับผิว นางก็ช่วยให้ผิวดีผิวเด้งมากมายค่ะ

อีหลอดนี้บอกเลยว่า ต้องหน้าหนาๆหรือใจถึงซะหน่อยในการใช้นะคะ เพราะนางทาแล้วคันยิบๆๆๆ ตลอดเลยค่ะ คาดว่านางคงจะเข้มข้นมากๆ ช่วงใช้แรกๆนี้บางทีทนความยิบๆไม่ไหว ลุกไปล้างออกก็มีค่ะ ทาไว้เป็นมาร์สพอ แล้วทาอีตัวนี้ก็ต้องหลบแดดกันสุดฤทธิ์ค่ะ ไม่งั้นหน้าจะรู้สึกแสบๆนะคะ หลังๆเลยเลือกไปใช้ตัวอื่นที่ความเข้มข้นหน่อยกว่าแทนค่ะ ตัวนี้เอาไว้ใช้แต้มเป็นพวกSpot ตามจุดรอยดำได้แทน ตัวนี้ทนใช้ช่วงแรกๆก็เห็นผลนะคะ ไม่ได้ขาวขึ้นแบบเปลี่ยนแป้ง แต่หน้าจะแน่นๆเนียนๆ พวกรอยสิวดำๆนี้ดีขึ้นมากๆค่ะ ผิวดูละเอียดขึ้นมากๆ คือมันดีแหละค่ะ Vit C แต่คงเลือกตัวอื่นที่เบากว่านี้จ้า

Alpha Arbutin 2% + HA 

ส่วนผสมตัวเด็ดที่คุ้นเคยกันอีกตัวกับ Alpha Arbutin ที่ช่วยเรื่องลดเม็ดสีโดยตรงโดยเค้าใส่maximum dose 2% ที่เป็นโดสแบบ Clinical formulaค่ะ แล้วก็ใส่HA มาให้กลัวว่าพอผิวขาวแล้วจะแห้งป่าวเลยใส่มาให้

ตัวนี้ถือว่าเป็นใช้ไม่ยุ่งยากลำไยเหมือนกับเจ้าVit C ค่ะ ทาได้เช้าเย็น คือมันไม่ได้เห็นผลเร็วอะไรมากนะคะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าหน้าขาวขึ้นมาได้ไม่หมองคล้ำ พวกจุดด่างดำก็ลดๆลงไปบ้าง คือหน้าดูสดใสไม่โทรมดีค่ะ ตัวนี้บางคนก็ว่าไม่เห็นผลนะคะ สิบเสียงไม่เหมือนกันเลยเทอ หรือว่ามันค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่รู้ บางคนก็ว่าช่วยได้ บางคนก็ยังคิดว่ามันยังไม่ขาวสาแก่ใจ ก็ใช้กับไปเรื่อยๆคะ ถือว่าเป็นตัวที่ทาๆไปเหอะได้อยู่จ้า

Ascorbic Acid 8% + Alpha Arbutin 2%
อะไหนลองซิ เอาส่วนผสมของไวเทนนิ่งเด่นสองตัวมารวมกัน ดูสิมันจะเวิร์คแมะ Vit C 8% มันก็คงเห็นผลเรื่องใส กับAlpha Arbutin 2% มันก็น่าจะขาวอยู่อะนะ เป็นเซรั่มแบบออยล์นะคะ ทาแล้วก็ร้อนวูบวาบแบบVit C เพียวๆเหมือนกันแต่ไม่เท่า
ยุ่งยากลำไยสำหรับเราเช่นกันค่ะ ตัวนี้เพราะต้องรอให้นางออกฤทธิ์กับผิวก่อนที่ลงตัวต่อไป

จริงๆกะเอามาใช้ตัวเดียวหรือเป็นตัวสุดท้ายในช่วงกลางคืนแหละ แต่มันยังไม่ฟีลเหนอะหนะอยู่บ้างนิดนึงเหมือนกันนะคะ ตัวนี้เห็นผลเรื่องสีผิวสม่ำเสมอเนียนไปทั่วใบหน้าดีค่ะ คือมันไม่แสบยิบๆเท่าVit C 23% โดยรวมแล้วมันก็ทำให้หน้าขาวๆใสๆวาวๆดีค่ะ ถือเป็นตัวที่ชอบที่สุดของWhitening ของ The Ordinary แหละ แม้มันจะให้ฟีลออยล์กับต้องซึม แต่ก็เห็นผลดีอยู่ค่า ทาตัวนี้ต้องโบกกันแดดเยอะๆด้วยนะคะ ไม่งั้นก็หน้าแหกน้า

มาต่อกันที่ตัวช่วยกันหน้าแก่หน้าเหี่ยวกันดีกว่า

Buffet

ตัวขายดีเทน้ำเทท่าของแบรนด์นี้เลยจ้า Buffet รวมทุกส่วนผสมPeptidesที่ช่วยลดเลือนนริ้วรอยทุกอย่างมายัดรวมอยู่ในขวดนี้สมชื่อค่ะ ทั้ง MatrixylTM 3000,Syn-ake,Argileline และอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย คือถ้าโบกตัวนี้เข้าไปก็เข้าใจได้ว่า ริ้วรอยฉันมันจะต้องดีขึ้นแน่ๆ เป็นเซรั่มกึ่งเจลค่ะ ทาแล้วก็ซึมไวดี จริงๆของ The Ordinary เค้าก็ทำเนื้อมาเหลวๆใสๆ ซึมง่ายหลายๆตัวนะคะ 

ใช่ค่ะ ใครใช้แบรนด์นี้ถือว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมีติดไว้ หรือใครที่เริ่มใช้แบรนด์นี้ก็ควรจะตำตัวนี้มาใช้ค่ะ เพราะมันช่วยให้หน้าเด้งดีจริงๆ สำหรับเราชีวิตนี้คงขาดเธอไม่ได้ พวกร่องน้ำหมากนี้ช่วยค่ะสำหรับเรา เวลาขยับหน้ามากๆใช้ตัวนี้มาเรื่อยๆ หน้าก็ไม่ค่อยยับ หน้าจะดูเต่งๆตึงดีชอบมากๆ  รู้สึกหน้ากระชับจริง แล้วก็ชุ่มชื่นด้วย ลูกรักๆค่ะจริงๆค่ะตัวนี้ ใช้เป็นตัวยืนพื้นเรื่องริ้วรอย

“Buffet” + Copper Peptides 1%

ตัวนี้คือ Buffet ปกติแต่นางยัด Copper Peptides มาให้อีก 1% ราคาก็แพงขึ้นมาอีกแต่ก็สอยมา Copper Peptide นางเคลมว่ามันจะไปช้วยพวกหลุมสิว แผลเป็นให้ดูดี ดูตื้นขึ้น ยิ่งถ้าใช้กับพวกผลัดเซลล์ผิวก็จะได้ผลดีขึ้นค่ะ แต่ด้วยตัวCopper Peptide ที่ใส่มาทำให้นางSensitive กับตัวอื่นไปอีกหลายๆตัว ก็รู้สึกยุ่งยากไปอีก

เรื่องหลุมสิวไม่แน่ใจเลยว่าช่วยมั้ย เพราะไม่ได้มีหลุมลึกอะไรมากนะคะ แต่ก็รู้สึกว่าได้ว่าผิวแน่นกระชับแบบใช้ตัว Buffet ปกติค่ะ ตัวนี้ก็ไม่ค่อยต่างกันมากถ้าจะเอาผลเรื่องกระชับริ้วรอยอะนะคะ ไม่มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ ใช้ buffer ปกติดีกว่าเด้อ

Argireline Solution 10%
เอาตัวนี้มาเสริมเรื่องริ้วรอยอีกขั้นนึง เพราะคิดว่า% มันน่าจะเข้มข้นกว่าค่ะ Argireline เค้าบอกว่าจะช่วยริ้วรอยที่มันเกิดขึ้นแล้ว ยับแล้วเช่นพวกร่องรอยน้ำหมาก ตีนก ขีดที่หน้าผาก คือนางจะเข้าไปช่วนให้พวกนี้มันลดลงได้ค่ะ

ตัวนี้เป็นเนื้อเหลวๆใสๆซึมไวเช่นเดียวกัน เอามาทาเน้นๆตามพวกร่องรอยตีนกาอะไรพวกนี้ ขวดเดียวยังไม่รู้สึกต้องใช้ต่อเนื่องแล้วจะรู้สึกได้ว่าร่องรอยมันตื่นขึ้นจริงๆ พวกรอยที่หน้าผากเราไม่ค่อยมีแล้วค่ะ แต่ร่องน้ำหมากก็ยังมีอยู่ เวลาทำหน้ายุ่นๆย่นๆก็ดีขึ้น ไม่ค่อยเป็นอาจุมม่าซักเท่าไหร่ ถือว่าดีเอาไว้ทาเน้นย้ำพวกรอยเส้นๆ ต่อจากลง buffet

ริ้วรอยหมดแล้วมาต่อกันที่หมวด Direct Acid เอาไว้ผลัดเซลล์ผิวหน้ากันค่ะ

AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution

มาร์สเลือดที่เค้าฮิตกัน ต่อให้ทางแบรนด์เองหรือ Influencer สาย Skincare ออกมาเตือนกันให้ปากเปื่อยปากแฉะว่า พวกเทออีนี้มันแรงมากๆนะคะ ใครผิวแพ้ง่ายมีสิทธิ์ผิวลอกผิวพังได้ ไม่มีใครฟังค่ะ สอยกันมาใช้ให้รู้ด้วยตัวเองกันว่ามันจะขนาดไหนกันเชียว ตัวนี้มีกรด AHA 30% ช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิว กับ BHA dose 2% ที่จะไปช่วยทะลุทะลวงชั้นรูขุมขนอีกทาง นางบอกว่าทาไว้ไม่เกิน10 นาทีแล้วไปล้างออกหรือใครที่ผิวบอบบางกว่านั้นก็ลดเวลาลงมาว่าไปกัน

ส่วนตัวทาไว้3 นาทีแล้วล้างออกแล้วค่ะสำหรับเรา กลัวไปแรงไป ตอนทาก็หน้าจะยิบๆแบบใช้Vit Cเข้มข้นเลย แต่จะรู้สึกเป็นแนวแสบๆวูบวาบมากกว่ายิบๆรำคาญแบบVit C นะคะ ส่วนตัวเราเอาไว้ฟอกผิว พวกรอยพับขาหนีบ ด้านหลังที่เป็นรอยสิวหรือเอาไว้ฟอกตูดเลยค่ะ ด้วยความที่คิดว่าใช้กับผิวตัวมันน่าจะทนได้ดีกว่าผิวหน้า ส่วนหน้าก็จะทาให้บางที่สุดค่ะ ทิ้งไว้ไม่นานแล้วรีบไปล้างออก ส่วนตัวว่าเออมันก็คือการผลัดเซลล์ผิวอะเทอ พอล้างออกก็รู้ได้ว่าผิวดูดีขึ้นมาบ้างเพราะพวกเซลล์ผิวเก่ามันออกไป เราว่าตัวนี้เอาไว้ฟอกผิวตัวอะเริ่ดกว่า พวกขาหนีบ รอบสิวที่หลังอะดีขึ้นมากๆเลยนะคะ โดยเฉพาะก้นที่แบบแห้งกรังๆ พอฟอกตัวนี้แล้วลงโลชั่นทับ ตายแล้วก้นนิ่มดูเป็นก้นเด็กขึ้นมานี้กะไร ส่วนผิวหน้าสำหรับเราเฉยๆค่ะ อาจจะเพราะไม่ได้ทาไว้นานด้วยรึป่าวก็ไม่รู้ สรุปว่ามันแรงจริงแต่เอามาประยุกต์ใช้กับผิวกายก็เวิร์ดนะเทอ

Salicylic Acid 2% Solution

ตัวนี้แยกออกมาเป็น BHA สำหรับช่วยเรื่องสิว ทะลวงรูขุมขนโดยเฉพาะ เนื่องจากมันคล้ายตัวดัวของPaula's choice สมัยก่อนที่ราคาก็สูงอยู่ เจอตัวนี้ถูกกว่าก็ไหนลองมาซิ่ ตัวนี้ใครคิดว่าจะเอามารักษาสิวก็ดูดีนะคะ เพราะว่าเป็นสิวหนักมากๆ หาหมอดีกว่า เพราะตัวนี้ไม่ใช้ยาเด้อ แล้วก็เค้าใส่มาdose 2% ซึงก็เข้มเข้นมากๆ ใครผิวแพ้ง่ายก็ต้องระวังในการใช้เช่นกันนะจ๊ะ

ตัวนี้อย่างที่บอกเอาไว้ทะลวงรูขุมขน เราทาที่จมูกที่มีสิวเสี่้ยนเยอะๆ กับรอบหน้าที่เป็นสิวเสี้ยนจุดดำๆ ก็ช่วยได้ค่ะ ใช่เวลาไม่นาน แต่ไม่ได้เห็นผลแบบสิวเสื้ยน สิวหายไปเลยนะคะ คือพวก Black Head อะไม่ค่อยมีขึ้นใหม่ หน้าจะดูโล่งสะอาดๆดีค่ะ พวกสิวอุดตันก็ไม่ค่อยกลับมาขึ้นด้วยค่ะ
 

Alpha Lipoic Acid 5%
ตัวนี้เป็นตัวที่เราชอบที่สุดในบรรดา Direct Acid ของ The Ordinary แล้วค่ะ อ่านสรรพคุณตอนแรกคือหยิบมาเลย เสียดายตัวนี้เหมือนเค้าไม่โชว์ในเวปเค้าแล้ว ไม่รู้ยังมีขายอีกมั้ย สำหรับเรามันดีมากๆ ขอเรียกว่าเป็นตัวฟอกผิวละกันคะ ใช้ได้ไม่บ่อย แค่2-3 ครั้งต่อวีคเนื้อเป็นน้ำๆ กลิ่นเคมีมาก ทาไปแล้วไม่ต้องทาตัวอื่นทับเลยเพราะเด๋วจะไปตีกัน เช้ามาค่อยล้างออกค่ะ

ที่ชอบตัวนี้เพราะรู้สึกได้ว่ามันปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้นจริง เวลาจับหน้าไปหน้าจะดูเรียบเนียนแล้วผิวมันจะดูใสๆสว่างๆขึ้น เรียบเนียนไปทั้งหน้าค่ะ คือเออรู้สึกว่าเรียกได้นะว่าเป็นทรีทเมนต์ทำให้หน้าขาวใสได้จริง มันปรับให้หน้าดูเรียบเนียน สีๆเท่ากันได้ค่ะ หน้าจะดูเด้งๆ โกลวๆ ดีค่ะ รอยแดงรอยดำก็ดูดีขึ้นด้วยนะเทอ

หมดไปแบ้วกับพวก Direct Acids มาดูพวกจิปาถะกันดีกว่าค่า
Niacinamide 10% + Zinc 1%

ยืนหนึ่ง ขายดีตลอดการกับเจ้าตัวนี้ค่ะ เป็นของสามัญประจำบ้างอีกอย่างที่มีติดไว้ตลอด อนนี้มีไซด์ใหญ่ให้ซื้อแล้วด้วย คุ้มไปอีก Niacinnamide วิตามินB3 สารพัดประโยชน์ที่นางช่วยผิวเยอะเหลือเกินทั้งเรื่องเป็น Whitening ได้ ช่วยเรื่องสิวได้ด้วย ก็คลอบจักรวาลแบบVit Cค่ะ แต่อย่าไปใช้ด้วยกันนะคะ นางไม่ถูกกันค่ะ นางมี Zinc มาให้ช่วยควบคุมความมันลดการเกิดสิวด้วยอีกอย่างค่ะ

ตัวนีก็ถือว่าเป็นลูกรักของเราค่ะ เป็น Serum ที่เอาไว้ "ทาๆไปเหอะ" ในตอนเช้าค่ะ เนื่องจากคิดว่านางคงช่วย Overall ผิวแหละ ซึ่งมันก็ดีค่ะ พวกรอยแดงๆตามหน้านี้นางก็ช่วยนะคะ ผิวดูดีขึ้น ติดตรงที่ว่าสูตรเนื้อนางมันแห้งมาก คือทาไปแล้วแห้งติดกับใบหน้าเลย ทำให้ลงอย่างอื่นต่อแล้วมันแปลกๆ คือจะต้องทานางเป็นตัวสุดท้าย ก่อนลงกันแดดค่ะ ไม่งั้นมันจะแห้งเป็นขุยๆ ชอบตัวนี้เพราะใข้แล้วผิวไม่ค่อยจะมีปัญหาค่ะ คือสิวก็ไม่ค่อยมา หน้าก็ไม่แห้งไม่มันดูมีน้ำนวลดี เรืองหน้าขาวไม่เห็นผลค่ะ สรุปคือนางทำให้ผิวดีแบบใช้ไปเรื่อยจ้า


Pycnogenol 5%

เป็น Line Anti 0xidanat ที่ราคาก็ถือว่าแพงอยู่ถ้าเทียบกับปริมาณและราคาตัวอื่นๆค่ะ เป็น Pcynogenol 5% ช่วยปกป้องผิว ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้มีสุขภาพดี ช่วยเรื่องความกระจ่างใส จุดด่างดำ ริ้วรอยได้ด้วย ตัวนี้เราเอาไว้เสริมกับเวลาใช้ Vitamin Cค่ะ รู้สึกว่ามันช่วยไปเสริมฤทธิ์กันให้ได้ผลไวขึ้น ตัวนี้จะเป็นน้ำเหลวๆสีส้มๆ ทาไปก็จะร้อนๆผ่าวเหมือนเวลาทาVit Cเลยค่ะ รู้สึกหน้ามันจะเด้งๆใสๆ ดูดีกว่าปกตินิดนึง เอาไว้ผสมกับขั้นตอนปกติก็ได้ค่ะ ใช้ 2-3 ครั้งพอต่อสับดาห์มันแพง ผิวจะดูสดใสและดูมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ

Caffeine Solution 5% + EGCG

ทาตาตัวเดียวที่ทำออกมาของแบรนด์นี้ค่ะ ใช้นิดเดียวเกลี่ยได่ทั่วจริงๆ คุ้มมากใช้ได้ชาติเศษ เอามาทาปากได้ด้วย เป็นคาเฟอีนและสารสกัดจากชาเขียว สามารถช่วยลดอาการบวมและความหมองคล้ำในบริเวณรอบดวงตาได้ดีมาก

ตัวนี้ทารอบดวงตาได้นะคะ แต่อย่าทาเยอะไม่งั้นนางไหลเข้าตาแล้ว แสบมากๆค่ะ ตอนทานี้ต้องกะปริมาณดีๆเพราะเนื้อนางเข้มข้นมากๆ สำหรับเราถือว่าดีมากใช้ช่วยเรื่องการลดบวมและกระชับผิวค่ะ ส่วนเรื่องแพนด้านั้นก็ไมได่ทำให้โทรมไปกว่าเดิมค่ะ รอบดวงตาก็ดูสดใสไปตามสภาพ ไม่ดูเหมือนรุมโทรมมาก็โอเคค่ะ คือมันสามารถงัดตาที่โทรมให้ดีขึ้นได้อยู่น้า
 

Multi-Peptide Serum for Hair Density

ดีใจมากๆตอนที่เห็นว่านางมีProducts สำหรับผม รีบสอยมาทันทีได้ไม่คิดอะไร ตัวนี้นางยัดส่วนผสมมาเยอะมากทั้ง Peptides ,คาเฟอีน แล้วก็ประโคมสารแปลกๆจากพีชมาอีกมากมาย โดยจะช่วยฟื้นผมให้ดูมีความหนาแน่นและมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ หยดๆไปตามแนวหนังศรีษะแล้วก็นวดๆๆให้มันซึมๆ

ตัวนี้ใช้มาเรื่อยๆหลายขวดแล้วค่ะ เนื่องจากเราเป็นคนผมบางและเส้นเล็กมากๆ พวกHair Serum ที่ขายมันมีเคลมๆกันอะ ตัวนี้มันดูมีอะไรชัดเจนดี เลยใช้แต่ตัวนี้มาตลอดค่ะ ส่วนตัวผมร่วงน้อยลง เวลาสางๆนางก็ไม่ค่อยหลุดติดมือ ผมมันจะดูฟูแบบแน่นๆ ไม่ลู้ปลิวอ่อนแอไปตามลมค่ะ หนังศรีษะไม่แห้งไม่มันกลับมาสมดุลปกติดี ระหว่างวันก็ไม่รู้สึกว่าคันอะไร ผมที่ขึ้นมาใหม่ไม่ได้หนาหรือเส้นใหญ่กว่าเดิมแต่รู้สึกว่าผมยาวเร็วแล้วก็แข็งแรงไม่ค่อยเปลาะร่วง ลูกผมไรผมดูหนาเข้มขึ้นดูไม่เหว้าแหว่งดีค่ะ

คิดว่าจะใช้ตัวนี้ไปตลอดค่ะ เพราะมันรู้สึกได้ผลที่สุดตั้งแต่ใช้Hair Serum มาแล้ว แนะนำที่ใครใช้มาหลายๆยี้ห้อแล้วไม่ค่อยพอใจแนะนำให้ลองตัวนี้ค่ะ ดีจริงๆนะ

Coverage Foundation
ปิดท้ายด้วยLine Colour ของนางค่ะ รองพื้นของแบรนด์นี้จะมีสองรุ่น คือรุ่นปกปิดบางเบา กับปกปิดแบบจัดเต็ม เราเลือกแบบจัดเต็มมาค่ะ เม็ดสีรองพื้นนางเข้มข้นจริง แล้วก็มีสีให้เลือกเยอะมากกกกๆทั้งโทนเหลือโทนชมพู ขาวหรือเข้มนางมีหมด นี้จัดมาสีเดียวลองแล้วออกเหลืองดีซ่านไปนิด อยากจะไปซื้อสีอื่นมาผสมเหมือนกันค่ะ
รุ่นนี้ปกปิดได้ดี ใช้ลงย้ำๆตามจุดเป็นคอนซีลเลอร์ได้ด้วยนะคะ เนื้อเค้าบางเบาลงเยอะก็ไม่หนักหน้าค่ะ มีกันแดดมาให้ spf15 ด้วย เป็น Every Day Foundation ได้ อยู่ทนทั้งวันถ้าใช้กับPrimer เนื้อแบบเบาๆเหมือนกัน ก็จะยิ่งติดแน่นทนนานขึ้นค่ะ
.....................................................................................................
จบแล้วนะคะสำหรับ The Ordinary ถือว่าเป็นของบำรุงผิวที่หลากหลายสูตร ใช้ร่วมกันแล้วเห็นผลดี ราคาจับต้องได้ค่ะ

อ่านรีวิว ภาค 1 https://www.jeban.com/topic/299017 
            ภาค 2 https://www.jeban.com/topic/299662 

Discussion (14)

ขอบคุณมากค่า
น่าลองค่าาา ?
งื้ออออ อยากลองทุกตัวเลยค่ะ เด็ดๆทั้งนั้น
น่าลองทุกตัวเลยค่ะ