รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เซรั่มไฮยาลูรอน จากแบรนด์ Hylamide สูตรสีชมพู Low molecular HA Multi-depth rehydration booster

สวัสดีค่ะ

สำหรับ Content นี้ มี่จะมารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่มไฮยาของแบรนด์ Hylamide สูตรสีชมพู ที่มีชื่อว่า Low molecular HA Multi-depth rehydration booster ค่ะ

แบรนด์ Hyalmide เป็นแบรนด์ในเครือของ Deciem ที่เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง/เวชสำอางชื่อดังหลายๆแบรนด์เช่น Chemistry, The ordinary, NIOD เป็นต้นค่ะ

โดยสำหรับตัวแบรนด์ Hylamide นั้นเน้นไปที่เรื่องความชุ่มชื้นโดยการใช้พวก Hyaluron เป็นหลักค่ะ

หน้าตาเป็นประมาณนี้นะคะ

เนื้อเซรั่มค่อนข้างเป็นแบบเจลใส ค่อนข้างหนึบค่ะ ไม่มีน้ำหอมเลยจะมีกลิ่นของวัตถุดิบอยู่จางๆ
ส่วนตัวคิดว่าเกลี่ยได้ค่อนข้างยาก และรู้สึกหนึบๆนิดหน่อย แต่ถ้าเราตบๆเบาๆ ไปสักพัก ความหนึบก็จะหายไป เหลือแต่ความรู้สึกนุ่มและสบายผิว
สำหรับจุดเด่นของเซรั่มนี้ตามที่แบรนด์เคลม มีด้วยกัน 5 อย่างนะคะ
  1. Very low-molecular HA เป็น Hya ขนาดเล็กที่เคลมว่าดูดซึมลงผิวได้ดีกว่า Hya ปกติ
  2. Hya ที่ผ่านการหมัก เคลมเรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นที่บนผิว
  3. Hydrolyzed HA เป็น Hya ที่เคลมว่าดูแลความชุมชื้นที่ด้านบนของผิวชั้นนอก
  4. Hya precursor เป็นสารตั้งต้นของการสังเคราะห์ Hya ตามธรรมชาติของผิว
  5. Plant HA เป็นสารกลุ่ม Polysaccharide ที่ได้จากมะขาม มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นเช่นกัน
 
ราคาที่เมืองนอกก็ไม่ได้แพงมากอยู่ที่ 17 USD ตีเป็นเลขกลมๆก็ประมาณ 500 บาท/30 ml

สำหรับตัวนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ
 
ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ
ในภาพรวมส่วนผสมของตัวนี้เป็นเซรั่มที่มาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน รวมทั้งไม่มีน้ำหอมค่ะ

สำหรับสารบำรุงวันนี้มี่แยกมาเป็น 4 สี นะคะ

  • สีเขียว เป็นกลุ่มของ Hya ซึ่งมีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ Sodium hyaluronate crosspolymer อันนี้เป็น Hya ตัวใหญ่มาก มีความหนึบ เคลือบปกป้องให้ความชุ่มชื้นอยู่ด้านบนผิว Hydrolyzed sodium hyaluronate เป็น Hya ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดเล็กลง จะลงไปที่ด้านบนๆของผิวชั้นนอก ส่วน Sodium hyaluronate เป็น Hya รูปแบบปกติ เคลือบปกป้องให้ความชุ่มชื้นอยู่ด้านนอกผิวเช่นกันค่ะ
 
  • สีม่วง เป็นกลุ่มของสารสกัด และสารบำรุงที่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่
    • Gum จากมะขาม ตัวนี้มีประโยชน์ทั้งเป็นตัวเพิ่มความหนืดให้แก่เนื้อเซรั่ม และให้ความชุ่มชื้นไปพร้อมๆกันค่ะ นอกจากนี้จะให้สัมผัสที่นุ่ม และเรียบเนียน (Smooth)
    • สารสกัดจากเห็ดหูหนูขาว (Tremella fuciformis extract) ประกอบด้วย Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน
    • Ahnfeltia concinna extract เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ที่มีกลุ่มของพวก Polysaccharide ที่มีประโยชน์ในด้านการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน
 
  • สีฟ้า สูตรผสมระหว่าง Aqua (and) Hydrolyzed Yeast Extract (and) Polyglucuronic Acid อาจจะหมายถึงวัตถุดิบ Glycokine Factor STM ของบริษัท Croda ซึ่งมีเคลมว่า ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติไปกระตุ้น Keratinocyte (เซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้า) ให้ผลิต Hyaluronic acid ออกมาตามธรรมชาติ เพื่อช่วยดักจับน้ำให้ผิว และยังเสริมการผลิต Laminin-5 ซึ่ง laminin-5 เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชั้น Basement membrane ที่เป็นตัวกั้นแบ่งระหว่างชั้นหนังกำพร้า กับชั้นหนังแท้ (Dermis) ให้คงรูปอยู่ได้ ไม่ยุบตัวลงมาเป็นริ้วรอย และยังช่วยในเรื่องการการทำงานประสานกันระหว่าง Epidermis/Dermis ด้วย (อ้างอิงเรื่อง Laminin-5 J Dermatol Sci. 2000;24 Suppl 1:S51-9.) จึงมีประโยชน์ในเชิง Anti-aging นอกจากนี้ผลในระดับหลอดทดลองพบว่าสารบำรุงชุดนี้ยังเสริมการทำงานของ Fibroblast ทำให้มีการสร้างพวกเส้นใย Elastin ออกมา ทำให้ผิวเรามีความยืดหยุ่นขึ้น โดยทางบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบในอาสาสมัครพบว่าเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Glycokine Factor STM อยู่ มีริ้วรอยลดลง 46% ในเวลาเพียง 1 เดือน (TDS Glycokine Factor STM, Croda)
 
  • สีน้ำตาล เป็นสารให้ความชุ่มชื้น อย่าง Glycerin ที่เป็นตัวทำละลายที่ดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กับ Betaine ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine ตัวหลังนี้ช่วยปรับสัมผัสเนื้อให้เบาลงได้ด้วยค่ะ
 
มาให้คะแนนดีกว่าค่ะ
  1. สารบำรุง เรียกได้ว่า เน้นไปที่สารในกลุ่ม Polysaccharide ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากธรรมชาติ หรือผ่านเทคโนโลยีทางชีวภาพ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิว มีประโยชน์ให้ผิวนุ่ม เรียบเนียน และมีประโยชน์ในเชิงการลดเลือนริ้วรอย พอผิวเราชุ่มน้ำ ผิวเราก็จะเต่งตึงขึ้น เหมือนลูกโป่งที่ใส่น้ำไว้ พวกริ้วรอยตื้นๆมันก็จะโดนอำพรางไป คือ ถ้าวัดกันเฉพาะด้านเติมน้ำ คงให้ไปแล้ว 5 คะแนนเต็ม แต่ถ้าวัดแบบรวมๆ ขอให้ 3 ฟลาสก์ เพราะเด่นไปในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำอย่างเดียว
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวเลยไม่มีจุดให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่มีผิวผสม/แห้ง ยังคิดว่าเซรั่มตัวนี้ค่อนข้างเหนอะหนะและหนักผิวอยู่สักหน่อย ถ้าทาชั้นแรกเลยหลังลงโทนเนอร์ อาจจะต้องทิ้งช่วงห่างนิดหน่อย ระหว่างรอซึม ก็นวดเบาๆ กดเบาๆ ตบเบาๆ สักพัก ก็จะเริ่มซึม สามารถลงสกินแคร์ตัวอื่นได้ค่ะ หรือจะเอาลงท้ายสุด ทิ้งช่วงจากสกินแคร์สุดท้ายอีกนิด หรือจะเบลนด์ผสมกับครีมก่อนลงผิว ก็ทำให้ได้สัมผัสที่ดีขึ้น ส่วนตัวค่อนข้างชอบนะคะ และคิดว่า ผิวชุ่มชื้น นุ่มนวล และเด้งขึ้นอยู่ในระดับหนึ่ง ให้ไป 5 ฟลาสก์เลย
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวลาไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ
 
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Discussion (10)

น่าลองมากเลยค่ะ
ละเอียดดีมากเลยค่ะ ข้อมูลแน่นมาก
ขอบคุณนะคะ ละเอียดมากเลย
ขอบคุณที่ชอบค่ะ