SKINCARE ของอเมริกา ที่ซื้อกลับไทยทุกครั้ง ให้ผิวเด้ง ดูเด็ก ในวัย 44

เป็นครั้งแรกที่มารีวิว skincare ที่ใช้เอง เพราะช่วงหลังมีน้องๆ มาถามบ่อยว่าพี่ดูแลผิวยังไง หลายคนชมว่าดูเด็ก ผิวไม่ค่อยมีริ้วรอยตามวัย 44  พี่แนะนำได้ แต่ skincare ที่ใช้เป็นของอเมริกาที่บางครั้งหายาก เพราะเป็นแบรนด์เล็ก ในรัฐต่างๆ เช่น New York หรือ Illinois แต่ใช้จริงเพราะคุณภาพดีต่อผิวค่ะ…..ใช้ตั้งแต่ 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี ต้องบอกก่อนนะคะว่าพี่อยู่อเมริกามา 18 ปีแล้ว เลยใช้ของอเมริกาทุกตัว ดังนั้นเวลากลับไทยเราซื้อกลับไปไว้ที่ไทยด้วย เพราะเรารู้แล้วว่าถูกกับผิวเราและเหมาะกับอากาศที่ไทยด้วย เป็นคนลองและใช้ทั้งแบรนด์ถูกและแพง แต่บางครั้งใช้ของแพงก็แพ้ ดังนั้นอะไรดี ยิ่งถ้าไม่แพงด้วยก็ยิ่งไม่อยากเปลี่ยน….ที่มาโชว์วันนี้แค่เป็นตัวโปรด แต่จริงๆ ก็มีใช้ตัวอื่นบ้างสลับกันไป ค่อยมาแชร์ทีหลังนะคะ OK! มาเริ่มเลยค่ะ


ตัวแรกคือ Neutrogena Sunscreen Spray SPF 60+ ใช้มา 10 ปี+              ปกติจะซื้อตุนจากร้านค้าส่ง Costco เขาจะขายเป็นคู่ราคาพิเศษ ขนาด Value Size ขนาดโคตรใหญ่ ใช้โคตรคุ้ม 2 ขวด $15 แต่ก่อนใช้ SPF 100 แต่ไม่มีขายแล้วตั้งแต่ปี 2019 มีแต่ SPF60+  เป็นไอเท็มที่ต้องซื้อตุนตอนกลับไทย เอากลับไทยไม่ต่ำกว่า 10 ขวดทุกรอบ เพราะใช้ทั้งบ้าน อากาศเมืองไทยร้อนแสบ โดยเฉพาะเวลาขับรถ ดังนั้นต้องฉีดก่อนขับรถ ถ้างั้นผิวจะดำเหมือนอาบแดดได้ ผิวจะเป็นกละเป็นฝ้า การันตีว่ากันแดดจริงๆ และกันน้ำกันเหงื่อด้วย ฉีดแล้วอาจจะมันหน่อยแต่ก็ทนค่ะ ดีกว่าผิวเสีย กลิ่นหอมไม่แรงไม่มีกลิ่นแอลกอฮอลล์เหมือนหลายๆแบรนด์ที่อเมริกา 


ตัวที่ 2 คือ Purifect Facial Serum รุ่น Vitamin C ผสม Vitamin E นิดหน่อย ตัวนี้ใช้ทุกวันเช้า-เย็น มาเกือบ 1 ปี จะใช้เป็น serum ปรับผิวให้นุ่มและกระจ่างใส ทาก่อนลงกันแดดหน้า และใช้อีกรอบก่อนลง Night Cream ตัวนี้เป็นของ New York, USA ชอบตั้งแต่คืนแรกที่ใช้ ตื่นมาผิวหน้านุ่ม ใช้สักพัก 2-3 สัปดาห์จะเริ่มรู้สึกว่าหน้ากระจ่างใส และรอยกละฝ้าลดลง หน้าสว่างขึ้น และริ้วรอยลดลงแน่นอน….พี่ไม่เรียกว่า serum หน้าขาวนะคะ เพราะที่อเมริกาถือว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ไม่มีหรอกค่ะแบรนด์ทำให้หน้าขาว แต่จะเรียกว่าทำให้ Brightening คือ ผิวกระจ่าง สว่างขึ้นค่ะ  ชอบ serum ตัวนี้มากเพราะไม่แพ้ Natural 90% ใช้แล้วอุ่นใจว่าเหมาะกับผิวแพ้แบบพี่ ซื้อที่ $21 (รวมค่าส่ง) ใช้ได้ 2-3 เดือน 


ตัวที่ 3 คือ Murad Renewing Eye Cream ใช้นานกว่า 5 ปี อันนี้เหมาะวัยพี่มาก เพราะลดรอยตีนกาแน่นอน แนะนำใคร ทุกคนชอบหมด มีเปลี่ยนลองใช้หลายแบรนด์ใน Sephora แต่ไม่เห็นผล เลยต้องกลับมาใช้ตัวนี้ใหม่ ช่วยลดรอยคล้ำแพนด้าและรอยเหี่ยวย่นใต้ตาด้วย เหมาะกับพี่ที่นอนดึกและใช้สายตามาก ยิ่งวัย 44 ไม่ใช้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ แพงหน่อยเกือบ $90 แต่คุ้มมาก เพราะใช้ได้นานเกือบ 6 เดือน ซื้อเถอะค่ะ เพราะดวงตาสำคัญ


ตัวที่ 4 คือ กันแดดหน้า Dermisa Sunscreen Lotion SPF55 ใช้กันแดดแบรนด์นี้จาก Illinois ตัวนี้เกือบ 3 ปี แล้ว ใครมาอเมริกาต้องซื้อขนกลับไทยค่ะ ราคาประมาณ $17 (รวมค่าส่ง) ซื้อเยอะก็ฟรีค่าส่ง ปกติขนกลับไทยทีละ 10 หลอดขึ้นไป สำหรับใช้ทั้งครอบครัว และแจกเพื่อนๆ เพราะคุณภาพสินค้าดีกว่าแบรนด์ counter brands ….ใช้แล้วหน้าไม่มัน ไม่แสบหน้าเวลาเจอแดดไทย ทาแล้วไม่ขาวหรือเทาแม้คนผิวสีแทน เหงื่อไหลเข้าตาก็ไม่แสบ เพื่อนพี่เป็นช่างฝากซื้อเพื่อใช้ทาก่อนแต่งหน้าให้ลูกค้าในวันรับปริญญา เพราะไม่ไหลเยิ้ม เป็นไอเท็มที่ต้องมี เพื่อป้องกันกละฝ้าดีมากๆ


ตัวสุดท้าย คือ คลีนซิ่ง Purifect Micellar Cleansing Water รุ่น All-in-One จาก New York ตัวนี้ใช้มาเกือบ 3 ปี เช่นกัน ปกติจะใช้ Cleansing Oil, Cleansing Milk, หรือ Cleansing Cream ใช้เช็ดเครื่องสำอางบนหน้า แบรนด์ต่างๆ บน Sephora อย่างของ L Occitane และ Clinique …..พอมาเจอตัวนี้ เลิกใช้ทุกตัวที่เคยมีค่ะ ไม่ใช่ว่าแบรนด์เดิมที่ใช้ไม่ดีนะคะ แต่ Purifect Micellar ใช้ง่ายกว่า ขวดเดียวจบ ใช้ได้ทั้งหน้าและตา ลบเมคอัพกันน้ำได้ง่ายมาก เช็ดแล้วผิวไม่มันเหมือนแบรนด์ที่เคยใช้ ไม่ต้องใช้ cleanser ล้างซ้ำบ่อยๆ เพื่อให้ความมันออก จนหน้าเจ็บและแสบ พี่บอกเลยว่าใช้แล้วต้องร้อง WOW!!! ไมเซลล่าบางแบรนด์ใช้แล้วแสบหน้าและเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำไม่ออก ต้องถูแรงๆ เลยไม่ชอบเพราะกลัวผิวเหี่ยว …..พี่ใช้แล้วรู้เลยว่ารูขุมขนลดลงและสิวหายเร็วขึ้นด้วย พี่เป็นคนผิวแพ้ง่าย ดังนั้นรุ่นนี้ Oil & Fragrance Free จึงดีต่อผิวพี่สุด $20 (รวมค่าส่ง) ใช้นาน 4 เดือน คุ้มมาก


โอเค.... ทั้งหมดเป็น skincare ตัวโปรดของพี่ที่อเมริกา หาซื้อยากหน่อย แต่ถ้าใครมีเพื่อนที่อเมริกาและยอมถือกลับให้ พี่แนะนำเลยเพราะใช้เองมานาน แน่ๆคือ ผิวเหี่ยวช้าลงแน่ๆ ....แฟนรัก แฟนหลงค่ะ อิอิ